สวัสดีค่ะ กระทู้นี้ถูกเขียนขึ้นเพื่อเล่าถึงประสบการณ์และแนวทางการรักษาโรคซึมเศร้าโดยเจ้าของกระทู้ที่เป็นผู้ป่วยโรคซึมเศร้าและรักษามามากกว่า 2 ปี และเป็นกำลังใจให้กับผู้ที่รู้สึกว่าชีวิตย่ำแย่ กำลังเศร้า หรือผู้ป่วยโรคซึมเศร้าด้วยกันเอง ☺ เอาล่ะมาอ่านกันเลยดีกว่าค่ะ
หลายคนสงสัยว่าการที่เรานั้นเป็นโรคซึมเศร้า มันต้องเศร้าระดับไหน ความเครียดมันจะเครียดขนาดไหน ทุกคนต่างก็มีความเครียดและความเศร้า ทำไมเรื่องแค่นี้เราถึงทนไม่ได้ ก่อนอื่นเราต้องแยก ความเศร้า และโรคซึมเศร้าออกจากกัน การที่คนๆนึงเป็นโรคซึมเศร้าไม่ได้หมายความว่า จะเป็นคนไม่สู้กับอะไรเลย เขาอาจจะสู้มามากกว่าที่คนอื่นคิดก็ได้ โรคซึมเศร้าเกิดจากสารเคมีในสมองอย่าง เซโรทินิน นอเอพิเนฟรินลดต่ำลง ทำให้ความเศร้าส่งผลกับกิจวัตรประจำวันมากกว่าปกติ และส่งผลในผู้ป่วยบางรายให้คิดลบกับตัวเองและส่งผลให้ฆ่าตัวตายในเวลาต่อมา
ส่วนตัวมีอาการซึมเศร้ามาตลอด ถึงแม้ภายนอกจะดูเป็นคนยิ้มแย้ม ร่าเริง กล้าแสดงออก แต่ภายใต้หน้ากากเหล่านั้น เหมือนเราร้องไห้แบบไม่มีน้ำตาดีๆนี่เอง เราทนอยู่กับความเจ็บปวดมาตั้งแต่จำความได้ เราอยู่ภายใต้สังคมของคนในบ้านที่มีแต่คนเก่ง ทำให้เรารู้สึกว่าเราต้องเรียนเก่ง เป็นที่หนึ่งตลอด หลังจากเราผิดพลาดครั้งแรก เรารู้สึกถึงสภาวะความเครียด และกดดันตัวเองมากๆ เราจำได้ว่าวันนั้นเรานอนซึมทั้งวัน ข้าวปลาแทบจะไม่แตะ เพียงเพราะเกรดตกลงมา 0.02 เลยไม่ได้ที่ 1
ความเศร้าของเราส่วนใหญ่มักเป็นเรื่องซ้ำๆเดิมๆ เช่น การโหยหาความรักที่มากไป การคาดหวังกับเกรดของตัวเอง การกดดันตัวเองในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ รวมถึงการเห็นภาพหลอนและได้ยินเสียงอะไรแปลกๆ
ความเศร้าส่งผลอะไรกับเราบ้าง ? ส่งผลให้เราเป็นคนคิดมาก น้อยใจกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง มองโลกในแง่ลบ ด้านพฤติกรรมก็จะมีนอนตลอดเวลา ไม่มีแรงจะลุกไปทำอะไร นอนมองเพดานแล้วรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจมอยู่ในน้ำเชื่อม ทุกอย่างมันดูหนืดๆไปหมด บางครั้งเราก็ต้องทำร้ายตัวเองเพื่อที่จะหนีความเศร้าไปเจอความเจ็บปวด เราเลือกทีจะยอมเจ็บมากกว่าเศร้านะจริงๆ เราเคยอัดยาที่มีฤทธิ์ทำให้นอนหลับไปเกินขนาดเพียงเพราะ เราไม่อยากอยู่กับความเศร้าในโลกความจริง เรายอมที่จะฝันร้ายดีกว่า
ความเศร้าส่งผลให้เราไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่กับคนอื่นได้ในหลายครั้ง เราต้องดรอปเรียน 1 ปี เพื่อกลับมาอยู่กับตัวเอง รักษาตัว กินยา หาหมอทุก 2 อาทิตย์ ที่แย่ไปกว่านั้นคือการต้องทิ้งความฝันในการเป็นนักเรียนในโรงเรียนที่อยากเรียนมาตลอด เพราะ เราไม่เข้มแข็งพอที่จะอยู่ที่นั่นได้ เราเคยคิดจะกระโดดลงมาจากหอ เพียงเพราะสอบพรีแคลไม่ได้ เรียนลอกการิทึมไม่เข้าใจ ความรู้สึกตอนนั้นมันแย่มาก เหมือนเรียน 144 คนมีเราไม่เข้าใจคนเดียว เราเป็นคนโง่อยู่คนเดียว
ทุกคนพยายามบอกว่าให้เราลุกขึ้นสู้กับความเศร้าที่มีอยู่ โดยการไม่ต้องคิดอะไร ปล่อยวาง แต่เราอยากจะบอกทุกคนว่า ถ้าเราทำได้ เราคงไม่ทรมานจนเป็นบ้าขนาดนี้หรอก เราก็พยายามเข้มแข็งแล้ว แต่มันทำให้ผ่านไปง่ายๆเหมือนคนอื่นไม่ได้ เรามันห่วยที่เอาคำพูดลบๆของทุกคนมาคิด เราไม่ได้อยากให้ใครมาสงสาร เพราะตัวเรายังไม่สงสารตัวเองเลย ทุกวันนี้ก็สมน้ำหน้าตัวเองอยู่ว่าที่เป็นแบบนี้ก็ทำให้มันเป็นเอง เราคงไม่ได้เกิดมาเพื่อที่จะเป็นของใครแล้วล่ะมั้ง ถึงรักษาใครในชีวิตไม่ได้เลยแม้แต่ตัวเอง...
ฉันและโรคซึมเศร้า
หลายคนสงสัยว่าการที่เรานั้นเป็นโรคซึมเศร้า มันต้องเศร้าระดับไหน ความเครียดมันจะเครียดขนาดไหน ทุกคนต่างก็มีความเครียดและความเศร้า ทำไมเรื่องแค่นี้เราถึงทนไม่ได้ ก่อนอื่นเราต้องแยก ความเศร้า และโรคซึมเศร้าออกจากกัน การที่คนๆนึงเป็นโรคซึมเศร้าไม่ได้หมายความว่า จะเป็นคนไม่สู้กับอะไรเลย เขาอาจจะสู้มามากกว่าที่คนอื่นคิดก็ได้ โรคซึมเศร้าเกิดจากสารเคมีในสมองอย่าง เซโรทินิน นอเอพิเนฟรินลดต่ำลง ทำให้ความเศร้าส่งผลกับกิจวัตรประจำวันมากกว่าปกติ และส่งผลในผู้ป่วยบางรายให้คิดลบกับตัวเองและส่งผลให้ฆ่าตัวตายในเวลาต่อมา
ส่วนตัวมีอาการซึมเศร้ามาตลอด ถึงแม้ภายนอกจะดูเป็นคนยิ้มแย้ม ร่าเริง กล้าแสดงออก แต่ภายใต้หน้ากากเหล่านั้น เหมือนเราร้องไห้แบบไม่มีน้ำตาดีๆนี่เอง เราทนอยู่กับความเจ็บปวดมาตั้งแต่จำความได้ เราอยู่ภายใต้สังคมของคนในบ้านที่มีแต่คนเก่ง ทำให้เรารู้สึกว่าเราต้องเรียนเก่ง เป็นที่หนึ่งตลอด หลังจากเราผิดพลาดครั้งแรก เรารู้สึกถึงสภาวะความเครียด และกดดันตัวเองมากๆ เราจำได้ว่าวันนั้นเรานอนซึมทั้งวัน ข้าวปลาแทบจะไม่แตะ เพียงเพราะเกรดตกลงมา 0.02 เลยไม่ได้ที่ 1
ความเศร้าของเราส่วนใหญ่มักเป็นเรื่องซ้ำๆเดิมๆ เช่น การโหยหาความรักที่มากไป การคาดหวังกับเกรดของตัวเอง การกดดันตัวเองในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ รวมถึงการเห็นภาพหลอนและได้ยินเสียงอะไรแปลกๆ
ความเศร้าส่งผลอะไรกับเราบ้าง ? ส่งผลให้เราเป็นคนคิดมาก น้อยใจกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง มองโลกในแง่ลบ ด้านพฤติกรรมก็จะมีนอนตลอดเวลา ไม่มีแรงจะลุกไปทำอะไร นอนมองเพดานแล้วรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจมอยู่ในน้ำเชื่อม ทุกอย่างมันดูหนืดๆไปหมด บางครั้งเราก็ต้องทำร้ายตัวเองเพื่อที่จะหนีความเศร้าไปเจอความเจ็บปวด เราเลือกทีจะยอมเจ็บมากกว่าเศร้านะจริงๆ เราเคยอัดยาที่มีฤทธิ์ทำให้นอนหลับไปเกินขนาดเพียงเพราะ เราไม่อยากอยู่กับความเศร้าในโลกความจริง เรายอมที่จะฝันร้ายดีกว่า
ความเศร้าส่งผลให้เราไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่กับคนอื่นได้ในหลายครั้ง เราต้องดรอปเรียน 1 ปี เพื่อกลับมาอยู่กับตัวเอง รักษาตัว กินยา หาหมอทุก 2 อาทิตย์ ที่แย่ไปกว่านั้นคือการต้องทิ้งความฝันในการเป็นนักเรียนในโรงเรียนที่อยากเรียนมาตลอด เพราะ เราไม่เข้มแข็งพอที่จะอยู่ที่นั่นได้ เราเคยคิดจะกระโดดลงมาจากหอ เพียงเพราะสอบพรีแคลไม่ได้ เรียนลอกการิทึมไม่เข้าใจ ความรู้สึกตอนนั้นมันแย่มาก เหมือนเรียน 144 คนมีเราไม่เข้าใจคนเดียว เราเป็นคนโง่อยู่คนเดียว
ทุกคนพยายามบอกว่าให้เราลุกขึ้นสู้กับความเศร้าที่มีอยู่ โดยการไม่ต้องคิดอะไร ปล่อยวาง แต่เราอยากจะบอกทุกคนว่า ถ้าเราทำได้ เราคงไม่ทรมานจนเป็นบ้าขนาดนี้หรอก เราก็พยายามเข้มแข็งแล้ว แต่มันทำให้ผ่านไปง่ายๆเหมือนคนอื่นไม่ได้ เรามันห่วยที่เอาคำพูดลบๆของทุกคนมาคิด เราไม่ได้อยากให้ใครมาสงสาร เพราะตัวเรายังไม่สงสารตัวเองเลย ทุกวันนี้ก็สมน้ำหน้าตัวเองอยู่ว่าที่เป็นแบบนี้ก็ทำให้มันเป็นเอง เราคงไม่ได้เกิดมาเพื่อที่จะเป็นของใครแล้วล่ะมั้ง ถึงรักษาใครในชีวิตไม่ได้เลยแม้แต่ตัวเอง...