18 เดือนกับโรคซึมเศร้า

บันทึก18เดือน กับ โรคซึมเศร้า
                ผ่านมาแล้วหลายเดือน เราดีขึ้นมาก หลายๆอย่างในชีวิตเริ่มเปลี่ยนไปตามกาลเวลา อุปนิสัย ความคิด ที่เปลี่ยนไป ทำให้เรารู้ว่าเราเข้มแข็งมากขึ้นแค่ไหน แน่นอนเราอยากหาย หมอบอกว่าอาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อย แต่ไม่เป็นไร เราเชื่อว่าเราหายแน่นอน โรคทางจิตเวช ในความคิดของเรา ไม่ใช่เรื่องน่าอายเสมอไป หมอบอกว่า ไม่แปลก ที่คนเราจะไปหาหมอ ก็เหมือนการหาหมอเวลาป่วย เป็นไข้หวัดนั่นแหละ เราป่วยทางกาย กินยา รักษา ก็หาย แต่เราแค่ป่วยทางใจ กินยา รักษาตามอาการก็สามารถหายได้เช่นกัน การหาหมอจิตเวชไม่ใช่เรื่องแปลก เราไม่ได้บ้า เราแค่ป่วยในทางจิตใจเท่านั้นเอง
เดือนที่1-5
                ที่เพิ่งรู้ตัวว่าเป็นโรคซึมเศร้า มาจากการที่เราเริ่มทำร้ายตัวเองจากความเครียดต่างๆในตอนนั้น เราโชคดี ที่มีแม่ที่เปิดกว้างอยู่บ้าง และค่อนข้างใส่ใจและดูแลเราอยู่ไม่เคยห่าง ตัดสินใจพาเราไปหาหมอจิตเวช ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง หมอวินิจฉัยออกมาว่าเราเป็นโรคซึมเศร้า ช็อกพูดไม่ออกเลย ณ ตอนนั้น ทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนไป มันค่อยๆเปลี่ยนแปลง ไปเรื่อยๆ แต่เมื่อเรารู้ ว่าหมอที่เราพบ อาจจะไม่ตรงกับนิสัย เรียกว่าอะไรนะ คลิ้ก กับเราสักเท่าไหร่ เลยย้ายไปโรงพยาบาลอีกแห่ง เป็นโรงพยาบาลเอกชน เราได้รับการต้อนรับอย่างดี เหมือนไปหาหมอเวลาเป็นหวัดเลย ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดในตอนแรก เราทำแบบสอบถามจิตวิทยา มีคำถามมากมายหลากหลายให้ตอบ รวมถึงมีแบบสอบถามวาดรูปด้วยแหละ ตอนนั้นก็ไม่ค่อยรู้หรอกว่าวาดทำไม แต่ รู้สึกว่าโรงพยาบาลนี้ใส่ใจจริงๆ ถ้าใครไม่สบาย เราอยากแนะนำโรงพยาบาลที่เราหาอยู่ตอนนี้มากๆเลยแหละ
 
เดือนที่6-10
                ผ่านช่วงหนักหนาในชีวิตมาพอสมควร อยากบอกว่าตอนนี้เราเรียนอยู่ คงมีแค่ไม่กี่เรื่องให้เครียดหรอกเนอะ ในความคิดของหลายๆคน เราผ่านการทำร้ายร่างกาย หลากหลายทางมามากอยู่พอสมควร มีตัวกระตุ้นที่หลากหลายที่เราได้รู้จัก ความรู้สึกต่างๆที่ไหลออกมา มันทำให้เหมือนเราเสพติดมันเวลาทำร้ายตัวเอง บางคน อาจมีอาการชอบเห็นเลือด เห็นความเจ็บปวดของตัวเองเหมือนเรา ***เรามีวิธีใหม่มาแนะนำเพื่อนๆด้วยแหละ นั่นคือการ ใส่สีผสมอาหารสีแดงในน้ำแข็ง แล้วกำเอาไว้ในมือจนชา แทนที่จะทำให้ตัวเองเลือดออก นี่เป็นทางออกที่ดีเลยแหละ ที่เราทำแล้วรู้สึกว่าเวิร์ค****
ในช่วงเดือนนี้ เราผ่านอะไรมาค่อนข้างมากเหมือนกัน แต่ไม่ลงดีเทลละกันเนอะ แต่มันทำให้เราโตขึ้น และอยากที่จะหายจากโรคนี้ให้แร็วที่สุด เราเริ่มหยุดทำร้ายตัวเองและตั้งใจหาสิ่งใหม่ๆทำให้ตัวเองสดชื่น แทนการนั่งร้องไห้ นอนอืด คนเดียวในห้องนอน
หลายๆคนอาจมีอาหารเบื่ออาหาร ไม่อยากออกจากบ้าน บ้างถ้าเป็นโรคนี้
 
เดือนที่ 11-18
                ช่วงวิกฤตหมดไปแล้ว เรามีปัญหาอย่างเดียวที่ยังแก้ไม่หาย คือ ฝันร้าย คงแปลกใจสิ ฝันร้ายมันจะเป็นปัญหาใหญ่อะไรละ แต่สำหรับเรา เราเหมือนไม่ได้พักผ่อน ฝันร้าย ทำให้เรานอนไม่พอ เหนื่อยตอนตื่น ความดันต่ำ จากการพักผ่อนน้อย ทำให้เป็นลมได้ง่าย ตอนนี้หมอกำลังปรับยาให้เรา เพื่อการนอนหลับที่ดีขึ้น
                เป็นกำลังใจให้เราด้วยนะ เราจะหายแล้ว ใครที่เป็นอยู่ มันหายได้จริงๆ อยากให้เพื่อนๆรู้สึกว่าอยากหายจากโรคนี้ไปพร้อมๆกับเรา อยากให้ข้อความที่เราเขียนวันนี้เป็นกำลังใจ ให้ทุกคนสู้ไปด้วยกันนะ
 
ใครอยากให้เราพูดถึงโรงพยาบาล หรือ therapy ในทางต่างๆที่เราเคยทำ หรือ เรื่องยา  ถามได้นะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่