สวัสดีทุกคน : ) , วันนี้จะมาเล่าประสบการณ์การตะลุยเกาะคิวชู ประเทศญี่ปุ่นให้ฟัง แต่ก่อนอื่นเลย ขอออกตัวก่อนว่า รอบนี้ไม่ได้เตรียมตัวไปเท่าไหร่ มีความมั่วอยู่อยู่เยอะมาก แถมหลงไปอีก แต่จะพยายามแนะนำจากที่มั่วและหลงให้ฟังนะ 555555 , เราไปตอน 29/12/2016 - 6/1/2018 (9วัน) ก็เป็นช่วงฤดูหนาวอากาศคือเย็นๆอ่ะ ประมาณแบบ 1- 10 องศา แล้วแต่วัน คือเดินไม่เหนื่อยสบายๆ อากาศไม่หนาวเท่าพวก โตเกียว หรือ โอซาก้า เนื่องจากตัวเกาะคิวชูอยู่ทางตอนใต้ของญี่ปุ่นเนอะ
รอบนี้เราบินโดยสารการบิน China eastern airlines ไปต่อเครื่องที่ shanghai ก็แบบโอเคเลยอ่ะ เมื่อเทียบกับราคา เดินเล่นอยู่สนามบิน shanghai ขำๆ 2-3 ชม. ซึ่งเอาจริงกว่าจะผ่าน ตม. หาที่นั่ง ซื้อของแปปๆเครื่องก็ออกละ 5555 , ก็เผื่อใครงบน้อยหน่อยลองพิจารณาสายการบินนี้ดูละกัน อ่อลืมบอกราคาประมาณ 15xxx บาท ไป-กลับ รวมอาหารและน้ำหนักกระเป๋า 30+ kg
ก่อนอื่นเลยต้องมาทำความรู้จักภูมิภาคคิวชูคร่าวๆเนอะ จะได้รู้ว่าเราต้องการไปเที่ยวที่ไหนบ้างจะได้ซื้อ JR PASS ได้ตรงตามต้องการ ก็คือ JR PASS ของ kyushu จะแบ่งเป็น 3 แบบคือ Northern area pass , South area pass และ All kyushu area pass โดย Northern area pass จะครอบคลุมจังหวัด/เมืองเหล่านี้ Shimonoseki / Mojikō / Kokura / Hakata / Yufuin / Beppu / Oita / Kumamoto / Aso / Misumi / Saga / Nagasaki / Huis Ten Bosch / Sasebo ในขณะที่ South area pass จะครอบคลุม Kumamoto / Misumi / Hitoyoshi / Kirishima-onsen / Kirishima-jingū / Kagoshima / Ibusuki / Nishi-Ōyama / Miyazaki / Obi / Nangō / Nobeoka โดย pass ทั้ง 3 แบบจะมีแบบ 3 วัน กับ 5 วันก็ราคาตามรูปด้านล่างเลยจ้า
ปล. อันนี้เป็นเว็บไว้ดูข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับ pass >>
http://www.jrkyushu.co.jp/english/railpass/railpass.html
เราซื้อแบบ Northern kyushu area pass แบบ 5 วัน 10,000 yen เป็นอะไรที่คุ้มค่ามากๆอ่ะ คือยังไงก็ควรซื้อ 555 ไม่รู้จะพูดยังไง มันคุ้มมากๆจริง โดยแพลนที่วางไว้ที่จะไปเที่ยวโดยใช้ JR pass มี 5 เมือง คือ 1. Kumamoto 2. Yufuin 3. Beppu 4. Saga 5. Nagasaki ส่วนวันที่เหลือเราเที่ยวในเมือง Fukuoka กับ Dazaifu
ก็แพลนคร่าวๆก็ตามนี้เลยจ้า (เราไป 9 วัน)
Day 1 : BKK - Shanghai / Shanghai -Fukuoka บินทั้งวัน
Day 2 : Dazaifu เช้า - Fukuoka บ่าย
Day 3 : Kumamoto
Day 4 : Beppu
Day 5 : Yufuin
Day 6 : Saga
Day 7 : Nagasaki
Day 8 : Fukuoka ( Hakata - Tenjin - Canal city) >> Shopping
Day 9 : Fukuoka เช้าบ่าย , ตอนเย็นบินกลับ BKK
ว่าด้วยเรื่องที่พัก : เราพัก airbnb บริเวณรอบๆ Hakata station ซึ่งประเด็นแรกคือ ก่อนจองที่พักก็คิดว่าจะนอนแถวไหนดี ระหว่าง Hakata กับ Tenjin ซึ่งจบลงที่เรานอน Hakata เพราะ เวลาที่จะไปเที่ยวเมืองอื่นๆ ต้องมาขึ้นที่สถานีนี้ ไม่ว่าจะเป็น JR , Shinkansen ก็ต้องมาขึ้นที่นี่ ส่วน Tenjin เป็นอารมณ์สยามบ้านเราเป็นแหล่ง shopping แต่ถามว่า hakata มีมั้ย ? มีเหมือนกันจ่ะ เดินให้ขาลากไปเลย ห้างเยอะมากติดกับสถานีเลย
ว่าด้วยเรื่องออกจากสนามบิน : เครื่องเราจะลงที่ อาคาร International ซึ่งเดินออกมาให้นั่ง shuttle bus ไปยัง อาคาร Domestic ซึ่งที่นี่จะมี Subways ให้เราต่อไปยังตัวเมือง โดยจาก airport ไป hakata ใช้เวลาประมาณ 6 นาที หรือ อีกกรณีคือ ออกจาก อาคาร International แล้วขึ้น bus อีกแบบนึงคือ สามารถนั่งยาวไปยัง hakata station ได้เลย ใช้เวลาประมาณ 30 นาที (แต่คนรอเยอะ) ซึ่งก็ให้ดูที่ป้ายเอาว่า bus สายนี้ไปไหนถ้าจำไม่ผิดนะ ป้ายเบอร์ 1 ไป Hakata station ส่วน ป้ายเบอร์ 2 ไป อาคาร Domestic
_____________________________________________________________________________________________
DAY 1 : Dazaifu
โดยการเดินทางใน Fukuoka และ Dazaifu นั้น ถ้าแบบว่าวันนึงไปหลายที่ ก็คือแนะนำให้ซื้อ FUKUOKA ONE DAY PASS ซึ่งจะมี 2 แบบคือ
- ใบสีแดง Fukuoka City (เฉพาะในตัวเมือง) ผู้ใหญ่ 820 เยน, เด็ก 410 เยน ไม่ครอบคลุมรถไฟไป-กลับ Dazaifu
- ใบสีฟ้า Fukuoka City and Dazaifu (ขึ้นรถไฟและรถบัสได้ทุกชนิด) ผู้ใหญ่ 1,340 เยน, เด็ก 670 เยน
ซึ่งวันนี่เราจะไป Dazaifu เราก็เลือกซื้อ Pass ใบสีฟ้า หลังจากซื้อแล้วก็จะได้ใบแบบนี้มา ให้เราขูดเอง ขูดดีๆเด้อ เดี๋ยวผิดวัน โดยการเดินทางไป Dazaifu การเดินทางไปจากสถานี Hakata นั่ง Subway ไปลงสถานี Tenjin ออกจากสถานี Tenjin เดินไปเข้าสถานี Nishitetsu – Fukuoka ระยะทางประมาณ 220 เมตร (google maps เลยจ้า) ขึ้นรถไฟ Nishitetsu Tenjin-Omuta Line ไปลงสถานี Nishitetsu – Fusukachi (ควรขึ้นขบวน Express หรือ Limited Express) เปลี่ยนขบวนเป็น Nishitetsu Dazaifu Line for DAZAIFU ไปลงสถานี Dazaifu ค่ารถไฟรวม 400 yen/ขา อันนี้คือตาม Hyperdia ซึ่งตอนขาไป เราขึ้นขบวนไรไม่รู้มันไม่ต้องเปลี่ยนขบวนอ่ะนั่งยาวเลย 555555 แต่ขากลับต้องมาเปลี่ยนขบวนที่ สถานี Nishitetsu – Fusukachi ตามที่บอกตอนแรก ซึ่งเป้าหมายของการมา Dazaifu คือ Dazaifu Tenmangu Shrine เวลาเปิด-ปิด: ส่วนหลักของศาลเจ้า - 6:00 - 19:00 โดยมาถึงสถานีก็เดินออกมาเลี้ยวขวา แล้วเดินตรงไปเรื่อยๆจ้า ก็เจอละหาไม่ยากๆ เพราะคนจะเยอะ และมีของขายตลอดทาง โดยที่นี่มีของขึ้นชื่อคือ โมจิปิ้ง มั้ง ไม่รู้จะเรียกยังไงคือมีขายเยอะมาก อร่อยดีแบบกรอบนอก ข้างในนุ่ม 120 เยนต่อชิ้น (ลืมถ่ายรูปไม่คิดว่าจะอร่อยในตอนแรก 5555)
ซึ่งเราลงจอดกินร้านนี้เป็นร้านที่แบบขาย soft-cream กับ strawberry อร่อยดีฉ่ำๆ มีขนมอยู่หลายอย่าง คือเอาจริงกินหลายอย่างอ่ะ แต่ลืมถ่าย 555
ซึ่งที่นี่มี Starbucks สาขาDazaifu Tenmangu ตั้งอยู่โดยมีความพิเศษตรงที่ Starbucks แห่งนี้ถูกออกแบบให้มีลักษณะพิเศษโดยหน้าร้านจะใช้ไม้กว่า 2,000 ท่อนมาวางขัดกันในแนวแทยงมุม คือสวยเลยอ่ะ อย่าลืมมาถ่ายรูปๆ ส่วนเมนูข้างในก็เหมือนสาขาอื่นทั่วไป
จากหน้าร้านแนวไม้ที่ค่อยๆแคบลงจะทำให้เราอยากเดินเข้าร้าน พอเข้าไปแล้วมองลึกเข้าไป แนวไม้ตามเพดานและกำแพงก็จะทำให้ดูเหมือนทางเดินมันยาวไปเรื่อยๆน่าค้นหา (ต้องดูภาพประกอบหน่อยนะคะ) ด้านในสุดของร้านจะมีที่โล่งให้ออกไปนั่งเล่นได้นิดหน่อย แต่ถ้านั่งอยู่ในตัวร้านเราว่าการใช้ไม้เยอะๆมาขัดกันเป็นใยแมงมุมมันให้ความรู้สึกอบอุ่นเพราะเหมือนเราถูกโอบล้อมไว้ด้วยธรรมชาติ เป็นร้านที่นั่งได้เพลิน อบอุ่น กระตุ้นอารมณ์สุนทรีย์มากค่ะ ใครที่ชอบนั่งร้านที่ออกแบบเก๋ๆแบบมีไอเดียน่าจะชอบร้านนี้นะคะ
เดินมาเรื่อยๆจะเจอแถวรูปปั้นวัว ก็คือถึงตรงเขตศาลเจ้าละ คือคนรอลูบเยอะมาก ซึ่งข้างในก็มีอีกหลายตัวแต่ตัวนี้คงแบบศักดิ์สิทธิไรงี้มั้ง (ลืมถ่ายรูป) เดี๋ยววันอื่นๆจะดีกว่านี้จ้า ขอโทษที 555 คือวันแรกมึนๆงงๆไปเยอะ พอเจอวัวก็ให้เลี้ยวซ้ายแล้วก็เดินตรงไปเรื่อยๆ เดี๋ยวจะเจอตัวศาลเจ้า
ก่อนเข้าตัวศาลเจ้าก็จะมีบ่อน้ำให้ล้างมือหรือบางคนก็ดื่ม (อันนี้คือไม่รู้จริงๆว่าสรุปให้ทำไร)
หลังจากล้างมือกันเสร็จเราก็จะเดินเข้าศาลเจ้ากัน
ก็คือในตัวศาลเจ้าจะมีแบบให้เสี่ยงเซียมซีด้วยชอบมาก 555 ก็หยอดไป 100 เยน ละเราก็หยิบมาซองนึงปรากฏจ้าเป็นภาษาญี่ปุ่นหมด อ่านไม่ออกจบเลยจ้า 5555 เดินไปเดินมาๆ ก็แบบเจอตู้ที่มีภาษาอังกฤษแต่จะอยู่ที่ราคา 200 เยน รอบๆศาลเจ้าก็มีขายเครื่องรางด้วยซึ่งไม่มีภาษาอังกฤษให้ดูความหมายจ้า ก็เลยไม่ได้ซื้อ , อ่อแล้วก็มีแผ่นป้ายให้เขียนขอพรด้วยแหละ
อ่ะมาดูบรรยากาศภายในศาลเจ้าละกัน มีบ่อปลามีปลาคาร์ฟด้วยสวยดี (ปล.คนที่ชอบปลาคาร์ฟรอติดตามใน kumamoto อันนั้นคือที่ปลาคาร์ฟดีมาก)
หลังจากนั้นก็เดินออกมาข้างหลังศาลเจ้าสำรวจนิดหน่อย
หลังจากเดินจนพอละก็กลับจ้า ไปยังเป้าหมายของเราคือ Hakata เพื่อไปหาอะไรกิน แล้วก็ซื้อ JR PASS โดย บริเวณที่จำหน่าย JR PASS จะอยู่ตรงข้ามร้านครัวซอง ชื่อดัง il FORNO del MIGNON ที่คนต่อแถวรอซื้ออะไรนักหนา ขายดีทั้งวันจริงๆ !!! ไม่รู้ชิ้นเท่าไหร่อ่ะ คือซื้อไป 5-6 ชิ้นแบบไม่เกิน 300 เยนมั้ง คืองงราคามากคิดว่าแพง ข้างนอกกรอบ ข้างในนิ่ม แต่ประเด็นคือที่คนรอต่อคิวซื้อ เพื่อรอแค่รส chocolate รสเดียว อร่อยดีถ้าไปก็ควรลองกินดูววววว
*อ่อลืมบอก Fukuoka one day pass ซื้อได้ที่ Tourist information ตามสถานีๆ , มีปัญหาไรถามที่นี่ได้หมดเลย แล้วก็พวก reserved seat กับตอนซื้อ JR pass มันจะมี form ให้เรากรอกก็กรอกๆไป มีพนักงานคอยช่วย (คือช่วยเยอะมากจริงๆ ทั้งดูเวลารถที่เราจะจอง เนื่องจากเราไปช่วงปีใหม่แบบรถเต็มเยอะมากต้องไปลุ้น non-reserved seat เอาว่ามีที่นั่งมั้ย ซึ่งพนักงานคือพยายามช่วยดูเวลาให้สุด จนแบบสุดท้ายเรา reserved seat ได้ทุกเมืองที่เราไปกราบจริงๆ)
_____________________________________________________________________________________________
เผื่อใครชอบรูปที่ถ่ายไปติดตามได้ที่ IG : PONDISME , รูปทั้งหมดถ่ายโดย iphone6s plus
[CR] [CR] Lost in Kyushu - ตะลุยเกาะคิวชู บุกบ้านแดนคุมะมง
สวัสดีทุกคน : ) , วันนี้จะมาเล่าประสบการณ์การตะลุยเกาะคิวชู ประเทศญี่ปุ่นให้ฟัง แต่ก่อนอื่นเลย ขอออกตัวก่อนว่า รอบนี้ไม่ได้เตรียมตัวไปเท่าไหร่ มีความมั่วอยู่อยู่เยอะมาก แถมหลงไปอีก แต่จะพยายามแนะนำจากที่มั่วและหลงให้ฟังนะ 555555 , เราไปตอน 29/12/2016 - 6/1/2018 (9วัน) ก็เป็นช่วงฤดูหนาวอากาศคือเย็นๆอ่ะ ประมาณแบบ 1- 10 องศา แล้วแต่วัน คือเดินไม่เหนื่อยสบายๆ อากาศไม่หนาวเท่าพวก โตเกียว หรือ โอซาก้า เนื่องจากตัวเกาะคิวชูอยู่ทางตอนใต้ของญี่ปุ่นเนอะ
รอบนี้เราบินโดยสารการบิน China eastern airlines ไปต่อเครื่องที่ shanghai ก็แบบโอเคเลยอ่ะ เมื่อเทียบกับราคา เดินเล่นอยู่สนามบิน shanghai ขำๆ 2-3 ชม. ซึ่งเอาจริงกว่าจะผ่าน ตม. หาที่นั่ง ซื้อของแปปๆเครื่องก็ออกละ 5555 , ก็เผื่อใครงบน้อยหน่อยลองพิจารณาสายการบินนี้ดูละกัน อ่อลืมบอกราคาประมาณ 15xxx บาท ไป-กลับ รวมอาหารและน้ำหนักกระเป๋า 30+ kg
ก่อนอื่นเลยต้องมาทำความรู้จักภูมิภาคคิวชูคร่าวๆเนอะ จะได้รู้ว่าเราต้องการไปเที่ยวที่ไหนบ้างจะได้ซื้อ JR PASS ได้ตรงตามต้องการ ก็คือ JR PASS ของ kyushu จะแบ่งเป็น 3 แบบคือ Northern area pass , South area pass และ All kyushu area pass โดย Northern area pass จะครอบคลุมจังหวัด/เมืองเหล่านี้ Shimonoseki / Mojikō / Kokura / Hakata / Yufuin / Beppu / Oita / Kumamoto / Aso / Misumi / Saga / Nagasaki / Huis Ten Bosch / Sasebo ในขณะที่ South area pass จะครอบคลุม Kumamoto / Misumi / Hitoyoshi / Kirishima-onsen / Kirishima-jingū / Kagoshima / Ibusuki / Nishi-Ōyama / Miyazaki / Obi / Nangō / Nobeoka โดย pass ทั้ง 3 แบบจะมีแบบ 3 วัน กับ 5 วันก็ราคาตามรูปด้านล่างเลยจ้า
ปล. อันนี้เป็นเว็บไว้ดูข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับ pass >> http://www.jrkyushu.co.jp/english/railpass/railpass.html
เราซื้อแบบ Northern kyushu area pass แบบ 5 วัน 10,000 yen เป็นอะไรที่คุ้มค่ามากๆอ่ะ คือยังไงก็ควรซื้อ 555 ไม่รู้จะพูดยังไง มันคุ้มมากๆจริง โดยแพลนที่วางไว้ที่จะไปเที่ยวโดยใช้ JR pass มี 5 เมือง คือ 1. Kumamoto 2. Yufuin 3. Beppu 4. Saga 5. Nagasaki ส่วนวันที่เหลือเราเที่ยวในเมือง Fukuoka กับ Dazaifu
ก็แพลนคร่าวๆก็ตามนี้เลยจ้า (เราไป 9 วัน)
Day 1 : BKK - Shanghai / Shanghai -Fukuoka บินทั้งวัน
Day 2 : Dazaifu เช้า - Fukuoka บ่าย
Day 3 : Kumamoto
Day 4 : Beppu
Day 5 : Yufuin
Day 6 : Saga
Day 7 : Nagasaki
Day 8 : Fukuoka ( Hakata - Tenjin - Canal city) >> Shopping
Day 9 : Fukuoka เช้าบ่าย , ตอนเย็นบินกลับ BKK
ว่าด้วยเรื่องที่พัก : เราพัก airbnb บริเวณรอบๆ Hakata station ซึ่งประเด็นแรกคือ ก่อนจองที่พักก็คิดว่าจะนอนแถวไหนดี ระหว่าง Hakata กับ Tenjin ซึ่งจบลงที่เรานอน Hakata เพราะ เวลาที่จะไปเที่ยวเมืองอื่นๆ ต้องมาขึ้นที่สถานีนี้ ไม่ว่าจะเป็น JR , Shinkansen ก็ต้องมาขึ้นที่นี่ ส่วน Tenjin เป็นอารมณ์สยามบ้านเราเป็นแหล่ง shopping แต่ถามว่า hakata มีมั้ย ? มีเหมือนกันจ่ะ เดินให้ขาลากไปเลย ห้างเยอะมากติดกับสถานีเลย
ว่าด้วยเรื่องออกจากสนามบิน : เครื่องเราจะลงที่ อาคาร International ซึ่งเดินออกมาให้นั่ง shuttle bus ไปยัง อาคาร Domestic ซึ่งที่นี่จะมี Subways ให้เราต่อไปยังตัวเมือง โดยจาก airport ไป hakata ใช้เวลาประมาณ 6 นาที หรือ อีกกรณีคือ ออกจาก อาคาร International แล้วขึ้น bus อีกแบบนึงคือ สามารถนั่งยาวไปยัง hakata station ได้เลย ใช้เวลาประมาณ 30 นาที (แต่คนรอเยอะ) ซึ่งก็ให้ดูที่ป้ายเอาว่า bus สายนี้ไปไหนถ้าจำไม่ผิดนะ ป้ายเบอร์ 1 ไป Hakata station ส่วน ป้ายเบอร์ 2 ไป อาคาร Domestic
_____________________________________________________________________________________________
DAY 1 : Dazaifu
โดยการเดินทางใน Fukuoka และ Dazaifu นั้น ถ้าแบบว่าวันนึงไปหลายที่ ก็คือแนะนำให้ซื้อ FUKUOKA ONE DAY PASS ซึ่งจะมี 2 แบบคือ
- ใบสีแดง Fukuoka City (เฉพาะในตัวเมือง) ผู้ใหญ่ 820 เยน, เด็ก 410 เยน ไม่ครอบคลุมรถไฟไป-กลับ Dazaifu
- ใบสีฟ้า Fukuoka City and Dazaifu (ขึ้นรถไฟและรถบัสได้ทุกชนิด) ผู้ใหญ่ 1,340 เยน, เด็ก 670 เยน
ซึ่งวันนี่เราจะไป Dazaifu เราก็เลือกซื้อ Pass ใบสีฟ้า หลังจากซื้อแล้วก็จะได้ใบแบบนี้มา ให้เราขูดเอง ขูดดีๆเด้อ เดี๋ยวผิดวัน โดยการเดินทางไป Dazaifu การเดินทางไปจากสถานี Hakata นั่ง Subway ไปลงสถานี Tenjin ออกจากสถานี Tenjin เดินไปเข้าสถานี Nishitetsu – Fukuoka ระยะทางประมาณ 220 เมตร (google maps เลยจ้า) ขึ้นรถไฟ Nishitetsu Tenjin-Omuta Line ไปลงสถานี Nishitetsu – Fusukachi (ควรขึ้นขบวน Express หรือ Limited Express) เปลี่ยนขบวนเป็น Nishitetsu Dazaifu Line for DAZAIFU ไปลงสถานี Dazaifu ค่ารถไฟรวม 400 yen/ขา อันนี้คือตาม Hyperdia ซึ่งตอนขาไป เราขึ้นขบวนไรไม่รู้มันไม่ต้องเปลี่ยนขบวนอ่ะนั่งยาวเลย 555555 แต่ขากลับต้องมาเปลี่ยนขบวนที่ สถานี Nishitetsu – Fusukachi ตามที่บอกตอนแรก ซึ่งเป้าหมายของการมา Dazaifu คือ Dazaifu Tenmangu Shrine เวลาเปิด-ปิด: ส่วนหลักของศาลเจ้า - 6:00 - 19:00 โดยมาถึงสถานีก็เดินออกมาเลี้ยวขวา แล้วเดินตรงไปเรื่อยๆจ้า ก็เจอละหาไม่ยากๆ เพราะคนจะเยอะ และมีของขายตลอดทาง โดยที่นี่มีของขึ้นชื่อคือ โมจิปิ้ง มั้ง ไม่รู้จะเรียกยังไงคือมีขายเยอะมาก อร่อยดีแบบกรอบนอก ข้างในนุ่ม 120 เยนต่อชิ้น (ลืมถ่ายรูปไม่คิดว่าจะอร่อยในตอนแรก 5555)
ซึ่งเราลงจอดกินร้านนี้เป็นร้านที่แบบขาย soft-cream กับ strawberry อร่อยดีฉ่ำๆ มีขนมอยู่หลายอย่าง คือเอาจริงกินหลายอย่างอ่ะ แต่ลืมถ่าย 555
ซึ่งที่นี่มี Starbucks สาขาDazaifu Tenmangu ตั้งอยู่โดยมีความพิเศษตรงที่ Starbucks แห่งนี้ถูกออกแบบให้มีลักษณะพิเศษโดยหน้าร้านจะใช้ไม้กว่า 2,000 ท่อนมาวางขัดกันในแนวแทยงมุม คือสวยเลยอ่ะ อย่าลืมมาถ่ายรูปๆ ส่วนเมนูข้างในก็เหมือนสาขาอื่นทั่วไป
จากหน้าร้านแนวไม้ที่ค่อยๆแคบลงจะทำให้เราอยากเดินเข้าร้าน พอเข้าไปแล้วมองลึกเข้าไป แนวไม้ตามเพดานและกำแพงก็จะทำให้ดูเหมือนทางเดินมันยาวไปเรื่อยๆน่าค้นหา (ต้องดูภาพประกอบหน่อยนะคะ) ด้านในสุดของร้านจะมีที่โล่งให้ออกไปนั่งเล่นได้นิดหน่อย แต่ถ้านั่งอยู่ในตัวร้านเราว่าการใช้ไม้เยอะๆมาขัดกันเป็นใยแมงมุมมันให้ความรู้สึกอบอุ่นเพราะเหมือนเราถูกโอบล้อมไว้ด้วยธรรมชาติ เป็นร้านที่นั่งได้เพลิน อบอุ่น กระตุ้นอารมณ์สุนทรีย์มากค่ะ ใครที่ชอบนั่งร้านที่ออกแบบเก๋ๆแบบมีไอเดียน่าจะชอบร้านนี้นะคะ
เดินมาเรื่อยๆจะเจอแถวรูปปั้นวัว ก็คือถึงตรงเขตศาลเจ้าละ คือคนรอลูบเยอะมาก ซึ่งข้างในก็มีอีกหลายตัวแต่ตัวนี้คงแบบศักดิ์สิทธิไรงี้มั้ง (ลืมถ่ายรูป) เดี๋ยววันอื่นๆจะดีกว่านี้จ้า ขอโทษที 555 คือวันแรกมึนๆงงๆไปเยอะ พอเจอวัวก็ให้เลี้ยวซ้ายแล้วก็เดินตรงไปเรื่อยๆ เดี๋ยวจะเจอตัวศาลเจ้า
ก่อนเข้าตัวศาลเจ้าก็จะมีบ่อน้ำให้ล้างมือหรือบางคนก็ดื่ม (อันนี้คือไม่รู้จริงๆว่าสรุปให้ทำไร)
หลังจากล้างมือกันเสร็จเราก็จะเดินเข้าศาลเจ้ากัน
ก็คือในตัวศาลเจ้าจะมีแบบให้เสี่ยงเซียมซีด้วยชอบมาก 555 ก็หยอดไป 100 เยน ละเราก็หยิบมาซองนึงปรากฏจ้าเป็นภาษาญี่ปุ่นหมด อ่านไม่ออกจบเลยจ้า 5555 เดินไปเดินมาๆ ก็แบบเจอตู้ที่มีภาษาอังกฤษแต่จะอยู่ที่ราคา 200 เยน รอบๆศาลเจ้าก็มีขายเครื่องรางด้วยซึ่งไม่มีภาษาอังกฤษให้ดูความหมายจ้า ก็เลยไม่ได้ซื้อ , อ่อแล้วก็มีแผ่นป้ายให้เขียนขอพรด้วยแหละ
อ่ะมาดูบรรยากาศภายในศาลเจ้าละกัน มีบ่อปลามีปลาคาร์ฟด้วยสวยดี (ปล.คนที่ชอบปลาคาร์ฟรอติดตามใน kumamoto อันนั้นคือที่ปลาคาร์ฟดีมาก)
หลังจากนั้นก็เดินออกมาข้างหลังศาลเจ้าสำรวจนิดหน่อย
หลังจากเดินจนพอละก็กลับจ้า ไปยังเป้าหมายของเราคือ Hakata เพื่อไปหาอะไรกิน แล้วก็ซื้อ JR PASS โดย บริเวณที่จำหน่าย JR PASS จะอยู่ตรงข้ามร้านครัวซอง ชื่อดัง il FORNO del MIGNON ที่คนต่อแถวรอซื้ออะไรนักหนา ขายดีทั้งวันจริงๆ !!! ไม่รู้ชิ้นเท่าไหร่อ่ะ คือซื้อไป 5-6 ชิ้นแบบไม่เกิน 300 เยนมั้ง คืองงราคามากคิดว่าแพง ข้างนอกกรอบ ข้างในนิ่ม แต่ประเด็นคือที่คนรอต่อคิวซื้อ เพื่อรอแค่รส chocolate รสเดียว อร่อยดีถ้าไปก็ควรลองกินดูววววว
*อ่อลืมบอก Fukuoka one day pass ซื้อได้ที่ Tourist information ตามสถานีๆ , มีปัญหาไรถามที่นี่ได้หมดเลย แล้วก็พวก reserved seat กับตอนซื้อ JR pass มันจะมี form ให้เรากรอกก็กรอกๆไป มีพนักงานคอยช่วย (คือช่วยเยอะมากจริงๆ ทั้งดูเวลารถที่เราจะจอง เนื่องจากเราไปช่วงปีใหม่แบบรถเต็มเยอะมากต้องไปลุ้น non-reserved seat เอาว่ามีที่นั่งมั้ย ซึ่งพนักงานคือพยายามช่วยดูเวลาให้สุด จนแบบสุดท้ายเรา reserved seat ได้ทุกเมืองที่เราไปกราบจริงๆ)
_____________________________________________________________________________________________
เผื่อใครชอบรูปที่ถ่ายไปติดตามได้ที่ IG : PONDISME , รูปทั้งหมดถ่ายโดย iphone6s plus
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น