#141 $$$$$ โต๊ะน้ำชาแฟนโรงพยาบาล ฿฿฿฿฿ JAN. 10 2018
ขอเชิญเพื่อนๆนักลงทุนและผู้ที่สนใจการลงทุนหุ้นในกลุ่มโรงพยาบาลมาสนทนาแลกเปลี่ยนทรรศนะ แบ่งปันข้อมูลที่เป็นประโยชน์ และเล่าประสบการณ์การลงทุนสู่กันฟังครับ
สถานการณ์ทั่วไป :
วานนี้ หุ้นไทย ปิดบวก 0.13 % (ปิดที่ 1795.21 จุด)
นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิกว่าสามร้อยล้านบาท และเปิดสถานะ short
ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพย.อยู่ที่ระดับ 116.83 จุดขยายตัวกว่า 4.23%y-y
รฟท.ลงนามสัญญาจ้างโครงการรถไฟทางคู่ระยะเร่งด่วน 5 เส้น ระยะทางรวม 702 กม. มูลค่ากว่า 6.9 หมื่นล้านบาท โดยจะเริ่มก่อสร้าง 1Q18 และคาดจะแล้วเสร็จในปี 2022
กระทรวงคมนาคมเตรียมเสนอโครงการรถไฟความเร็วสุงไทย-ญี่ปุ่น ช่วงกทม.-พิษณุโลก ต้นปี 2018
นายกฯ รับข้อเสนอเอกชน ร่วมพัฒนาภาคเหนือ ทั้งสนามบินเชียงใหม่แห่งที่สองและเร่งแผนทํารถไฟความเร็วสูง กรุงเทพ-เชียงใหม่ ถือเป็น Sentiment บวกต่อตลาด
ปัจจัยบวกภายใน ได้แก่ EU ฟื้นความสัมพันธ์กับไทย พิจารณารื้อฟื้นเจรจา FTAกับไทย เนื่องมาจากความชัดเจนเรื่องการเลือกตั้ง
รัฐบาลเตรียมหนุนการท่องเที่ยวจังหวัดรองโดย ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจร ที่ จ.สุโขทัย มีมติเห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในเมืองรอง 55 จังหวัด มีระยะเวลาดำเนินโครงการตั้งแต่ 1 ม.ค. ถึง31 ธ.ค.61 โดยสามารถนำค่าใช้จากการท่องเที่ยวในเมืองรองมาคิดเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อลดหย่อนภาษีได้ตามจริง
รัฐบาลขยายเวลามาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการรายใหม่ (New Start up) ออกไปอีก 1 ปี เนื่องจากยังมีจำนวนผู้ประกอบการใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายจำนวนน้อยเกินไป
ครม.เห็นชอบมาตรการพิเศษเพื่อขับเคลื่อน SME สู่ยุค 4.0 วงเงิน 2.45 แสนลบ.
รมช.คมนาคมเร่งประมูลท่าเรือแหลมฉบังเฟส3ในปี 2018 เพื่อรองรับ
EEC ตั้งเป้าให้ท่าเรือแหลมฉบังเป็นท่าเทียบเรือที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 2 รองจากสิงคโปร์ได้ซึ่งคาดจะช่วยกระตุ้นเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติได้
ธนาคารโลก หรือ เวิลด์แบงก์ ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2561 สู่ระดับ 3.1% จากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 2.8% พร้อมระบุว่า เศรษฐกิจทั่วโลกมีแนวโน้มฟื้นตัวเป็นวงกว้าง โดยได้ปัจจัยหนุนจากการค้าและการลงทุนที่ปรับตัวดีขึ้น
สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 3 ปีในวันนี้ โดยได้แรงหนุนจากการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และจากการคาดการณ์ที่ว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐจะลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 8 ติดต่อกัน
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีน ซึ่งมาร์กิตจัดทำร่วมกับไฉซิน อยู่ที่ระดับ 51.5 ในเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้นจากระดับ 50.8 ในเดือนพ.ย. โดยได้รับปัจจัยหนุนจากยอดคำสั่งซื้อใหม่
นายมัทเทียส มาชนิก รมช.เศรษฐกิจของเยอรมนี กล่าวว่า รัฐบาลคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจเยอรมนีมีการขยายตัว 2.2% ในปี 2560 ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ในเดือนต.ค.ปีที่แล้ว
ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจยูโรโซนเดือนธค.เพิ่มขึ้นสู่ระดับ116 จุด สูงสุดในรอบ 17 ปี
ประธาน FED สาขาแอตแลนตากล่าวว่า FED ควรขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้งหรือน้อยกว่า
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของเยอรมนี เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 63.3 ในเดือนธ.ค. ซึ่งทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากระดับ 62.5 ในเดือนพ.ย. ดัชนียังคงอยู่เหนือกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่า กิจกรรมในภาคการผลิตของเยอรมนียังคงมีการขยายตัว
ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 55.1 ในเดือนธ.ค. จากระดับ 53.9 ในเดือนพ.ย.
ดัชนี PMI ที่อยู่เหนือระดับ 50 บ่งชี้ว่า ภาคการผลิตของสหรัฐยังคงมีการขยายตัว
มาร์กิตระบุว่า ดัชนี PMI เดือนธ.ค. ปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2558 ซึ่งสะท้อนการปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งในภาคการผลิตสหรัฐ ขณะที่ผลผลิตและคำสั่งซื้อใหม่ปรับตัวสูงขึ้น อุปสงค์ของลูกค้าก็สูงขึ้น ขณะที่การจ้างงานพุ่งขึ้นในอัตราเร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2557
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านของสหรัฐฯ เดือน ธ.ค.ปรับขึ้นสู่ 74 สูงสุดในรอบ 18ปี
IMF คาดว่าเศรษฐกิจ EU ปี 2560-2564 จะขยายตัวต่อเนื่องเฉลี่ย 2% ต่อปี สูงขึ้นจาก 1.2% ต่อปี ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (ปี 2555-2559) สถานการณ์ดังกล่าวจึงนับเป็นโอกาสดีต่อธุรกิจไทยที่มีความสัมพันธ์กับ EU ในหลายมิติ ทั้งด้านการส่งออก การลงทุน และการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการส่งออกที่จะได้อานิสงส์ทั้งจากบรรยากาศการค้าที่สดใสและกำลังซื้อของ EU ที่ฟื้นตัว รวมถึงความเชื่อมั่นของ EU ต่อประเทศไทยที่เพิ่มขึ้นก่อให้เกิดการเชื่อมโยงห่วงโซ่การผลิตระหว่างกัน อีกทั้งคาดว่าจะทำให้การเจรจาแก้ปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (IUU) คลี่คลายได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ หากไทยสามารถเจรจา FTA กับ EU ได้ในอนาคตก็จะส่งผลดีต่อภาคส่งออกไทยในระยะถัดไป
EXIM BANK คาดว่าการส่งออกไทยไป EU ปี 2561 จะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 25,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 5% ภายใต้ปัจจัยแวดล้อมทางเศรษฐกิจดังเช่นปัจจุบัน
วานนี้
ตลาดหุ้นจีน SHANGHAI +0.16% ตลาดหุ้นอินเดีย NIFTY +0.13%
ตลาดหุ้นอเมริกา DJIA +0.41% S&P 500 +0.13% NASDAQ +0.09%
US $ Index+0.16% = 92.23 S&P500 VIX +5.88% = 10.08
ตลาดหุ้นเยอรมัน DAX +0.13% GOLD = 1311.90 USD/Ounce
JPM Global Healthcare +0.41% = 279.70 (+1.86% จากต้นปี )
หุ้นในกลุ่มร.พ :
(ราคาปิดล่าสุด)
AHC 22.7
BCH 15.3
BDMS 21
BH 192
CHG 2.1
CMR 3.50
EKH 5.35
KDH 96.5
LPH 7.3
M-CHAI 213
NTV 53.75
RAM 2,930
RJH 25
RPH 4.76
SKR 49.75
SVH 420
THG 30.25
TNH 37
VIBHA 2.56
VIH 8.15
WPH 2.96
(การลงทุนมีความเสี่ยง ข้อมูลที่สนทนาแลกเปลี่ยนทรรศนะกันไม่ถือว่าเป็นการชี้นำ ควรศึกษาให้รอบคอบก่อนตัดสินใจโดยใช้วิจารณญาณของตนเองอย่างละเอียดถี่ถ้วน )
* ตามพ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ใหม่พ.ศ.2559 การคาดการณ์หรือวิเคราะห์ผลการดำเนินงานหรือราคาหุ้น ต้องอยู่บนพื้นฐานข้อมูลที่ถูกต้อง ไม่บิดเบือนข้อมูลอันจะส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นและการตัดสินใจลงทุน
*ข่าวแนวทางแก้ไขปัญหาอัตราค่ายาและค่ารักษาพยาบาลเป็นสิ่งที่ดี ที่จะช่วยให้เกิดความยุติธรรมกับผู้บริโภคและช่วยให้การบริหารจัดการของ ร.พ.เป็นระบบระเบียบ มีธรรมภิบาลและจริยธรรมเพิ่มสูงขึ้น จะส่งผลดีต่อทั้งผู้ใช้บริการและต่อร.พ.เอง ทำให้สามารถอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืนได้ในระยะยาว
*Link เพลงในยูทูป เป็นไปเพื่อความบันเทิง เพื่อเผยแพร่ยกย่องในเกียรติคุณและคุณภาพของเพลง มิได้เป็นไปเพื่อธุรกิจการค้าหรือผลประโยชน์อื่นแต่อย่างใดทั้งสิ้น
* โต๊ะน้ำชาฯไม่ได้มีจุดประสงค์ให้ราคาค่ารักษาพยาบาลและราคาหุ้นแพงเกินจริง มากขึ้นไปอีกเรื่อยๆ แต่มุ่งส่งเสริมให้มีการแลกเปลี่ยนข่าวสารประสบการณ์ลงทุน เพื่อให้นักลงทุนรายย่อยมีการลงทุนที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ซื้อและขายถูกจังหวะ ท่ามกลางสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
$$$$$ โต๊ะน้ำชาแฟนโรงพยาบาล ฿฿฿฿฿ JAN. 10 2018
ขอเชิญเพื่อนๆนักลงทุนและผู้ที่สนใจการลงทุนหุ้นในกลุ่มโรงพยาบาลมาสนทนาแลกเปลี่ยนทรรศนะ แบ่งปันข้อมูลที่เป็นประโยชน์ และเล่าประสบการณ์การลงทุนสู่กันฟังครับ
สถานการณ์ทั่วไป :
วานนี้ หุ้นไทย ปิดบวก 0.13 % (ปิดที่ 1795.21 จุด)
นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิกว่าสามร้อยล้านบาท และเปิดสถานะ short
ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพย.อยู่ที่ระดับ 116.83 จุดขยายตัวกว่า 4.23%y-y
รฟท.ลงนามสัญญาจ้างโครงการรถไฟทางคู่ระยะเร่งด่วน 5 เส้น ระยะทางรวม 702 กม. มูลค่ากว่า 6.9 หมื่นล้านบาท โดยจะเริ่มก่อสร้าง 1Q18 และคาดจะแล้วเสร็จในปี 2022
กระทรวงคมนาคมเตรียมเสนอโครงการรถไฟความเร็วสุงไทย-ญี่ปุ่น ช่วงกทม.-พิษณุโลก ต้นปี 2018
นายกฯ รับข้อเสนอเอกชน ร่วมพัฒนาภาคเหนือ ทั้งสนามบินเชียงใหม่แห่งที่สองและเร่งแผนทํารถไฟความเร็วสูง กรุงเทพ-เชียงใหม่ ถือเป็น Sentiment บวกต่อตลาด
ปัจจัยบวกภายใน ได้แก่ EU ฟื้นความสัมพันธ์กับไทย พิจารณารื้อฟื้นเจรจา FTAกับไทย เนื่องมาจากความชัดเจนเรื่องการเลือกตั้ง
รัฐบาลเตรียมหนุนการท่องเที่ยวจังหวัดรองโดย ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจร ที่ จ.สุโขทัย มีมติเห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในเมืองรอง 55 จังหวัด มีระยะเวลาดำเนินโครงการตั้งแต่ 1 ม.ค. ถึง31 ธ.ค.61 โดยสามารถนำค่าใช้จากการท่องเที่ยวในเมืองรองมาคิดเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อลดหย่อนภาษีได้ตามจริง
รัฐบาลขยายเวลามาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการรายใหม่ (New Start up) ออกไปอีก 1 ปี เนื่องจากยังมีจำนวนผู้ประกอบการใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายจำนวนน้อยเกินไป
ครม.เห็นชอบมาตรการพิเศษเพื่อขับเคลื่อน SME สู่ยุค 4.0 วงเงิน 2.45 แสนลบ.
รมช.คมนาคมเร่งประมูลท่าเรือแหลมฉบังเฟส3ในปี 2018 เพื่อรองรับ
EEC ตั้งเป้าให้ท่าเรือแหลมฉบังเป็นท่าเทียบเรือที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 2 รองจากสิงคโปร์ได้ซึ่งคาดจะช่วยกระตุ้นเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติได้
ธนาคารโลก หรือ เวิลด์แบงก์ ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2561 สู่ระดับ 3.1% จากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 2.8% พร้อมระบุว่า เศรษฐกิจทั่วโลกมีแนวโน้มฟื้นตัวเป็นวงกว้าง โดยได้ปัจจัยหนุนจากการค้าและการลงทุนที่ปรับตัวดีขึ้น
สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 3 ปีในวันนี้ โดยได้แรงหนุนจากการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และจากการคาดการณ์ที่ว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐจะลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 8 ติดต่อกัน
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีน ซึ่งมาร์กิตจัดทำร่วมกับไฉซิน อยู่ที่ระดับ 51.5 ในเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้นจากระดับ 50.8 ในเดือนพ.ย. โดยได้รับปัจจัยหนุนจากยอดคำสั่งซื้อใหม่
นายมัทเทียส มาชนิก รมช.เศรษฐกิจของเยอรมนี กล่าวว่า รัฐบาลคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจเยอรมนีมีการขยายตัว 2.2% ในปี 2560 ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ในเดือนต.ค.ปีที่แล้ว
ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจยูโรโซนเดือนธค.เพิ่มขึ้นสู่ระดับ116 จุด สูงสุดในรอบ 17 ปี
ประธาน FED สาขาแอตแลนตากล่าวว่า FED ควรขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้งหรือน้อยกว่า
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของเยอรมนี เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 63.3 ในเดือนธ.ค. ซึ่งทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากระดับ 62.5 ในเดือนพ.ย. ดัชนียังคงอยู่เหนือกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่า กิจกรรมในภาคการผลิตของเยอรมนียังคงมีการขยายตัว
ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 55.1 ในเดือนธ.ค. จากระดับ 53.9 ในเดือนพ.ย.
ดัชนี PMI ที่อยู่เหนือระดับ 50 บ่งชี้ว่า ภาคการผลิตของสหรัฐยังคงมีการขยายตัว
มาร์กิตระบุว่า ดัชนี PMI เดือนธ.ค. ปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2558 ซึ่งสะท้อนการปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งในภาคการผลิตสหรัฐ ขณะที่ผลผลิตและคำสั่งซื้อใหม่ปรับตัวสูงขึ้น อุปสงค์ของลูกค้าก็สูงขึ้น ขณะที่การจ้างงานพุ่งขึ้นในอัตราเร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2557
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านของสหรัฐฯ เดือน ธ.ค.ปรับขึ้นสู่ 74 สูงสุดในรอบ 18ปี
IMF คาดว่าเศรษฐกิจ EU ปี 2560-2564 จะขยายตัวต่อเนื่องเฉลี่ย 2% ต่อปี สูงขึ้นจาก 1.2% ต่อปี ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (ปี 2555-2559) สถานการณ์ดังกล่าวจึงนับเป็นโอกาสดีต่อธุรกิจไทยที่มีความสัมพันธ์กับ EU ในหลายมิติ ทั้งด้านการส่งออก การลงทุน และการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการส่งออกที่จะได้อานิสงส์ทั้งจากบรรยากาศการค้าที่สดใสและกำลังซื้อของ EU ที่ฟื้นตัว รวมถึงความเชื่อมั่นของ EU ต่อประเทศไทยที่เพิ่มขึ้นก่อให้เกิดการเชื่อมโยงห่วงโซ่การผลิตระหว่างกัน อีกทั้งคาดว่าจะทำให้การเจรจาแก้ปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (IUU) คลี่คลายได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ หากไทยสามารถเจรจา FTA กับ EU ได้ในอนาคตก็จะส่งผลดีต่อภาคส่งออกไทยในระยะถัดไป
EXIM BANK คาดว่าการส่งออกไทยไป EU ปี 2561 จะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 25,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 5% ภายใต้ปัจจัยแวดล้อมทางเศรษฐกิจดังเช่นปัจจุบัน
วานนี้
ตลาดหุ้นจีน SHANGHAI +0.16% ตลาดหุ้นอินเดีย NIFTY +0.13%
ตลาดหุ้นอเมริกา DJIA +0.41% S&P 500 +0.13% NASDAQ +0.09%
US $ Index+0.16% = 92.23 S&P500 VIX +5.88% = 10.08
ตลาดหุ้นเยอรมัน DAX +0.13% GOLD = 1311.90 USD/Ounce
JPM Global Healthcare +0.41% = 279.70 (+1.86% จากต้นปี )
หุ้นในกลุ่มร.พ :
(ราคาปิดล่าสุด)
AHC 22.7
BCH 15.3
BDMS 21
BH 192
CHG 2.1
CMR 3.50
EKH 5.35
KDH 96.5
LPH 7.3
M-CHAI 213
NTV 53.75
RAM 2,930
RJH 25
RPH 4.76
SKR 49.75
SVH 420
THG 30.25
TNH 37
VIBHA 2.56
VIH 8.15
WPH 2.96
(การลงทุนมีความเสี่ยง ข้อมูลที่สนทนาแลกเปลี่ยนทรรศนะกันไม่ถือว่าเป็นการชี้นำ ควรศึกษาให้รอบคอบก่อนตัดสินใจโดยใช้วิจารณญาณของตนเองอย่างละเอียดถี่ถ้วน )
* ตามพ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ใหม่พ.ศ.2559 การคาดการณ์หรือวิเคราะห์ผลการดำเนินงานหรือราคาหุ้น ต้องอยู่บนพื้นฐานข้อมูลที่ถูกต้อง ไม่บิดเบือนข้อมูลอันจะส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นและการตัดสินใจลงทุน
*ข่าวแนวทางแก้ไขปัญหาอัตราค่ายาและค่ารักษาพยาบาลเป็นสิ่งที่ดี ที่จะช่วยให้เกิดความยุติธรรมกับผู้บริโภคและช่วยให้การบริหารจัดการของ ร.พ.เป็นระบบระเบียบ มีธรรมภิบาลและจริยธรรมเพิ่มสูงขึ้น จะส่งผลดีต่อทั้งผู้ใช้บริการและต่อร.พ.เอง ทำให้สามารถอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืนได้ในระยะยาว
*Link เพลงในยูทูป เป็นไปเพื่อความบันเทิง เพื่อเผยแพร่ยกย่องในเกียรติคุณและคุณภาพของเพลง มิได้เป็นไปเพื่อธุรกิจการค้าหรือผลประโยชน์อื่นแต่อย่างใดทั้งสิ้น
* โต๊ะน้ำชาฯไม่ได้มีจุดประสงค์ให้ราคาค่ารักษาพยาบาลและราคาหุ้นแพงเกินจริง มากขึ้นไปอีกเรื่อยๆ แต่มุ่งส่งเสริมให้มีการแลกเปลี่ยนข่าวสารประสบการณ์ลงทุน เพื่อให้นักลงทุนรายย่อยมีการลงทุนที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ซื้อและขายถูกจังหวะ ท่ามกลางสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา