สวัสดีค่ะ เริ่มต้นศักราชใหม่มา ด้วยเรื่องเงินๆ ทองๆ ก่อนเลยค่ะ ตอนเจอเคสแรกกะว่าจะช่างมัน แต่เจอภายในเดือนเดียว 2 ครั้งติดกัน ไม่ไหวค่ะ เริ่มอยากบอกให้คนอื่นระวังบ้าง...ขนาดเราระวังดีแล้วยังพลาดเลยค่ะ เล่าเลยนะคะ
เคสแรก เป็นซุปเปอร์มาร์เกตในห้างดังชื่อ T ในเซนทรัลชลบุรี วันนั้นเราซื้อของรวมๆ ประมาณ 3,xxx ฿ ส่วนใหญ่เป็นพวกครีมบำรุงผิวหน้า ที่เชลติดป้ายไว้ มีตัวที่ลดราคาและไม่ลดราคา ส่วนครีมที่เราใช้นั้นลดราคา (ใช้ยี่ห้อนี้ประจำ ดูป้ายจะรู้ว่าตัวไหนเป็นตัวไหนเลยค่ะ ) โดยครีมราคาเต็ม 790฿ ป้าย Hot sale อยู่ที่ 690฿ และเราก็ซื้อไอเทมอื่นๆ อีก แต่จะรู้ว่าอันไหนราคาเหลือกี่บาทอยู่แล้ว เพราะจะดูราคาตลอด พอไปจ่ายเงิน จ่ายแบบรูดบัตร แคชเชียร์ยังไม่ส่งบิลราคามา เราขอดูบิลเพื่อจะเชคราคาก่อน พอแคชเชียร์ส่งบิลมา เราเห็นว่าราคาไม่ตรงกับป้ายที่ติด ก็แจ้งนางไป...นางบอกว่า ให้เซนสลิปก่อน เราก็เซนให้ไป..นางเดินไปดูที่เชล เราก็ตามเดินไปดูเพื่อจะไปแจ้งว่าตรงไหน แต่กลับถูกบอกดังนี้...
พนง. : สินค้านี้ ต้องป้ายนี้นะคะ (นางเอาป้าย hot sale ที่ติดว่า 690ออก ) มันคนละบาร์โค๊ดกัน
เรา : อาว ก็ติดราคานี้ ยังงี้แปลว่าติดราคาผิดรึป่าวคะ แล้วยังไงเพราะสินค้าก็ชื่อเดียวกัน..
พนง. : ก็มันต้องใช้ราคาตามบาร์โค้ดอะคะ แล้วพี่เซนรึยัง‼️ (เห้ยถามแบบนี้ได้ไงก็หล่อนบอกให้เซนก่อนมั้ย)
เรา: แล้วยังไงคะ
พนง. : เด่วหนูถามหัวหน้าให้
——นางก็เดินไป แล้วกลับมาที่เครื่อง------------
พนง.ทำหน้าเหวี่ยงและไม่พอใจ ขอของที่ใส่ถุงแล้วคืนทั้งหมด ด้วยกิริยาที่เราเหลืออดมาก แล้วบอกเราว่า
พนง. : “ถ้าลูกค้าจะเอาราคาตามป้ายก็ต้องคิดใหม่ทั้งหมด .... “ ประโยคนี้นวินปรี๊ดดดดด เลยค่ะ ขึ้นตรงนั้นเลย
เรา : น้องใช้คำพูดแบบนี้ได้ยังไง มันเป็นความผิดพี่หรอ ที่ราคาไม่ตรง คือก็ไม่ควรมาพูดแบบนี้รึป่าว
พนง. : ก็ไม่ใช่ความผิดหนูเหมือนกัน หนูเป็นแคชเชียร์ (อาวว
เถียงแบบนี้)
เรา : พี่ก็ไม่ได้ว่าความผิดน้องนะ ที่ป้ายราคาผิด แต่น้องเป็นแคชเชียร์ก็ไม่ควรมาพูดแบบนี้รึป่าว ... งั้นก็ไปเรียกคนติดป้ายมาสิ คือผิดก็ไม่ได้ว่าไง แต่มาใช้คำแบบนี้มันไม่โอเคมั้ย.....
จากนั้น พนง.ก็คิดเงินและให้เซน โดยไม่พูดไม่จา ไม่มีขอบคุณหรือขอโทษใดๆ
จบเคสนี้ไปด้วยการไปคอมเพลนเรื่องการให้บริการของแคชเชียร์กับผู้จัดการ...คาดหวังว่า จะมีใจบริการมากกว่านี้ ......
สุดท้ายกลับมาบ้านนั้น ยังตรวจเจอครีมทาผิวที่เกินราคาป้ายที่ดูมาอีก...น่าเศร้าใจมากค่ะ
เคสที่ 2 เจอที่ร้านขายเครื่องสำอาง W สาขาโลตัสพลัสมอลอมตะนนคร โดยเราไปซื้ออาหารเสริมที่กินประจำ....ราคาป้ายติดไว้ 249฿ พอคิดเงินคิดออกมา 299฿ เราแจ้งแคชเชียร์เหมือนเดิม พนง.ก็ไปตรวจสอบที่ป้ายเหมือนเดิม ปรากฏว่าผิดจริงๆ น้องคนแรก ทำอะไรไม่ได้ เรียกซุปมาช่วย(รู้เพราะดูที่ใบเสร็จ) แล้วก็ขอปรึกษาหัวหน้าอีกทีโดยการโทรคุย
ส่วนเราก็ถามว่า มันผิดได้ยังไงในเมื่อราคานี้ก็ยังไม่หมดอายุ น้องบอกว่า เป็นอย่างนี้ประจำ!!! คือราคาจากสนญ.ใหญ่ มาแต่ใบราคาติดป้ายสินค้าปริ๊นออกมาอีกแบบ เจอลูกค้าด่าประจำ เราก็อาวว..นึกในใจแปลว่าเป็นบ่อยมากใครไม่ดูที่แย่เลยนะ...ซุปคนเดิมกลับมา บอกว่า ให้คิดตามราคาป้ายที่ติดให้ลูกค้า เนื่องจากว่ามันผิดที่เรา ยอมโดนหักคะแนนสาขา(เข้าใจว่ามีการประเมินภายใน) ยอมรับเลยค่ะว่ารู้สึกพอใจกับการแก้ปัญหาของพนักงานคนนี้มาก อย่าางน้อยน้องเค้าก็รู้สึกถึงความพึงพอใจลูกค้าเป็นหลัก เรื่องก็จบลงและก็ชมน้องไปถึงการบริการที่ดีเยี่ยม... ชมอีกที่จากในค่ะ
แต่สิ่งที่ไม่จบคือ จะมีอีกมั้ยที่เราเผลอไม่ดูตรวจสอบราคาให้ดี หรือมีอีกหลายคนมั้ยที่ไม่ค่อยดู เพราะแค่เราคนเดียวที่เจอก็เกิน 100 บาทแล้ว...เริ่มไม่แน่ใจว่ามันคือความผิดพลาดหรือเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภคทางอ้อมกันแน่คะ????? .....และสิ่งที่เกิดขึ้น หากเราเจอแล้วพนง.ช่วยแก้ปัญหาได้มันก็ดี แต่มีน้อยมั้ยคะที่จะแก้ให้ได้ หรือไม่ ลูกค้าบางคนก็ด่าพนง.ไปก่อนแล้ว บางทีการเจอราคาไม่ตรงป้ายมันเสียความรู้สึกน่ะค่ะ เงินน่ะมีจ่ายค่ะ แต่ขอจ่ายแบบเต็มใจจ่ายดีกว่าจะมาเอาเปรียบกัน เด่วนี้จะซื้อของที่ไหน ต้องเชคทุกอย่าง รักษาสิทธิ์ตัวเองค่ะ เพราะสุดท้ายจะเรียกร้องจากใครก็คงยากจริงๆ ....
ฝากกันเอาไว้นะคะ ....แหะๆ เรื่องเล่า ยาวววไปทีเดียว...
<<เตือน>>สินค้าไม่ตรงป้ายราคา เป็นสิ่งที่ผู้บริโภคควรตรวจสอบเอง...
เคสแรก เป็นซุปเปอร์มาร์เกตในห้างดังชื่อ T ในเซนทรัลชลบุรี วันนั้นเราซื้อของรวมๆ ประมาณ 3,xxx ฿ ส่วนใหญ่เป็นพวกครีมบำรุงผิวหน้า ที่เชลติดป้ายไว้ มีตัวที่ลดราคาและไม่ลดราคา ส่วนครีมที่เราใช้นั้นลดราคา (ใช้ยี่ห้อนี้ประจำ ดูป้ายจะรู้ว่าตัวไหนเป็นตัวไหนเลยค่ะ ) โดยครีมราคาเต็ม 790฿ ป้าย Hot sale อยู่ที่ 690฿ และเราก็ซื้อไอเทมอื่นๆ อีก แต่จะรู้ว่าอันไหนราคาเหลือกี่บาทอยู่แล้ว เพราะจะดูราคาตลอด พอไปจ่ายเงิน จ่ายแบบรูดบัตร แคชเชียร์ยังไม่ส่งบิลราคามา เราขอดูบิลเพื่อจะเชคราคาก่อน พอแคชเชียร์ส่งบิลมา เราเห็นว่าราคาไม่ตรงกับป้ายที่ติด ก็แจ้งนางไป...นางบอกว่า ให้เซนสลิปก่อน เราก็เซนให้ไป..นางเดินไปดูที่เชล เราก็ตามเดินไปดูเพื่อจะไปแจ้งว่าตรงไหน แต่กลับถูกบอกดังนี้...
พนง. : สินค้านี้ ต้องป้ายนี้นะคะ (นางเอาป้าย hot sale ที่ติดว่า 690ออก ) มันคนละบาร์โค๊ดกัน
เรา : อาว ก็ติดราคานี้ ยังงี้แปลว่าติดราคาผิดรึป่าวคะ แล้วยังไงเพราะสินค้าก็ชื่อเดียวกัน..
พนง. : ก็มันต้องใช้ราคาตามบาร์โค้ดอะคะ แล้วพี่เซนรึยัง‼️ (เห้ยถามแบบนี้ได้ไงก็หล่อนบอกให้เซนก่อนมั้ย)
เรา: แล้วยังไงคะ
พนง. : เด่วหนูถามหัวหน้าให้
——นางก็เดินไป แล้วกลับมาที่เครื่อง------------
พนง.ทำหน้าเหวี่ยงและไม่พอใจ ขอของที่ใส่ถุงแล้วคืนทั้งหมด ด้วยกิริยาที่เราเหลืออดมาก แล้วบอกเราว่า
พนง. : “ถ้าลูกค้าจะเอาราคาตามป้ายก็ต้องคิดใหม่ทั้งหมด .... “ ประโยคนี้นวินปรี๊ดดดดด เลยค่ะ ขึ้นตรงนั้นเลย
เรา : น้องใช้คำพูดแบบนี้ได้ยังไง มันเป็นความผิดพี่หรอ ที่ราคาไม่ตรง คือก็ไม่ควรมาพูดแบบนี้รึป่าว
พนง. : ก็ไม่ใช่ความผิดหนูเหมือนกัน หนูเป็นแคชเชียร์ (อาวว เถียงแบบนี้)
เรา : พี่ก็ไม่ได้ว่าความผิดน้องนะ ที่ป้ายราคาผิด แต่น้องเป็นแคชเชียร์ก็ไม่ควรมาพูดแบบนี้รึป่าว ... งั้นก็ไปเรียกคนติดป้ายมาสิ คือผิดก็ไม่ได้ว่าไง แต่มาใช้คำแบบนี้มันไม่โอเคมั้ย.....
จากนั้น พนง.ก็คิดเงินและให้เซน โดยไม่พูดไม่จา ไม่มีขอบคุณหรือขอโทษใดๆ
จบเคสนี้ไปด้วยการไปคอมเพลนเรื่องการให้บริการของแคชเชียร์กับผู้จัดการ...คาดหวังว่า จะมีใจบริการมากกว่านี้ ......
สุดท้ายกลับมาบ้านนั้น ยังตรวจเจอครีมทาผิวที่เกินราคาป้ายที่ดูมาอีก...น่าเศร้าใจมากค่ะ
เคสที่ 2 เจอที่ร้านขายเครื่องสำอาง W สาขาโลตัสพลัสมอลอมตะนนคร โดยเราไปซื้ออาหารเสริมที่กินประจำ....ราคาป้ายติดไว้ 249฿ พอคิดเงินคิดออกมา 299฿ เราแจ้งแคชเชียร์เหมือนเดิม พนง.ก็ไปตรวจสอบที่ป้ายเหมือนเดิม ปรากฏว่าผิดจริงๆ น้องคนแรก ทำอะไรไม่ได้ เรียกซุปมาช่วย(รู้เพราะดูที่ใบเสร็จ) แล้วก็ขอปรึกษาหัวหน้าอีกทีโดยการโทรคุย
ส่วนเราก็ถามว่า มันผิดได้ยังไงในเมื่อราคานี้ก็ยังไม่หมดอายุ น้องบอกว่า เป็นอย่างนี้ประจำ!!! คือราคาจากสนญ.ใหญ่ มาแต่ใบราคาติดป้ายสินค้าปริ๊นออกมาอีกแบบ เจอลูกค้าด่าประจำ เราก็อาวว..นึกในใจแปลว่าเป็นบ่อยมากใครไม่ดูที่แย่เลยนะ...ซุปคนเดิมกลับมา บอกว่า ให้คิดตามราคาป้ายที่ติดให้ลูกค้า เนื่องจากว่ามันผิดที่เรา ยอมโดนหักคะแนนสาขา(เข้าใจว่ามีการประเมินภายใน) ยอมรับเลยค่ะว่ารู้สึกพอใจกับการแก้ปัญหาของพนักงานคนนี้มาก อย่าางน้อยน้องเค้าก็รู้สึกถึงความพึงพอใจลูกค้าเป็นหลัก เรื่องก็จบลงและก็ชมน้องไปถึงการบริการที่ดีเยี่ยม... ชมอีกที่จากในค่ะ
แต่สิ่งที่ไม่จบคือ จะมีอีกมั้ยที่เราเผลอไม่ดูตรวจสอบราคาให้ดี หรือมีอีกหลายคนมั้ยที่ไม่ค่อยดู เพราะแค่เราคนเดียวที่เจอก็เกิน 100 บาทแล้ว...เริ่มไม่แน่ใจว่ามันคือความผิดพลาดหรือเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภคทางอ้อมกันแน่คะ????? .....และสิ่งที่เกิดขึ้น หากเราเจอแล้วพนง.ช่วยแก้ปัญหาได้มันก็ดี แต่มีน้อยมั้ยคะที่จะแก้ให้ได้ หรือไม่ ลูกค้าบางคนก็ด่าพนง.ไปก่อนแล้ว บางทีการเจอราคาไม่ตรงป้ายมันเสียความรู้สึกน่ะค่ะ เงินน่ะมีจ่ายค่ะ แต่ขอจ่ายแบบเต็มใจจ่ายดีกว่าจะมาเอาเปรียบกัน เด่วนี้จะซื้อของที่ไหน ต้องเชคทุกอย่าง รักษาสิทธิ์ตัวเองค่ะ เพราะสุดท้ายจะเรียกร้องจากใครก็คงยากจริงๆ ....
ฝากกันเอาไว้นะคะ ....แหะๆ เรื่องเล่า ยาวววไปทีเดียว...