Blade Runner 2049 จัดว่าเป็นหนังภาคต่ออันยอดเยี่ยมเรื่องหนึ่ง หนังมีองค์ประกอบด้านเนื้อหาและปรัชญาน่าสนใจแอบแฝงไม่แพ้ต้นฉบับภาคแรก แต่รายได้ทั่วโลกราว 258 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ถ้าเทียบกับทุนสร้าง 150 ล้านเหรียญฯ ถือว่าเข้าเนื้อพอสมควร
สาเหตุที่ภาพยนตร์ Blade Runner 2049 ไม่ประสบความสำเร็จด้านรายได้เท่าที่ควรเป็นไปได้หลายอย่าง เช่น
- ความยาวหนัง 2 ชั่วโมง 43 นาทีทำให้ปั่นรอบฉายได้น้อย
- ดำเนินเรื่องเนิบนาบชวนหลับ
- จินตนาการโลกอนาคตอันเสื่อมโทรม+มนุษย์เทียมไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่ในยุคปัจจุบัน
- หนังออกฉายทิ้งช่วงห่างภาคแรกนานกว่า 35 ปี จนปลุกกระแสไม่ขึ้น
ไม่ว่าอย่างไรภาพยนตร์ภาคต่อเรื่องนี้ก็คือหนังภาคต่อที่ดี, เต็มเปี่ยมด้วยสเน่ห์เฉพาะตัวเหมือนภาคแรก และหากใครรับชมแล้วยังคาใจ ไม่เข้าใจเรื่องราวบางอย่างในหนัง บทความนี้อาจมีคำตอบให้คุณครับ
*** สปอยทั้ง Blade Runner ภาคแรกและ 2049 ใครไม่เคยดูภาคใดภาคหนึ่งหรือทั้งสองภาค+ไม่อยากโดนสปอยอย่าเพิ่งเลื่อนลงไปอ่าน ***
1) ทำไมวอลเลซรู้เรื่องลูกเรเชลไวเหลือเกิน?
ตอนพระเอกเค(K) ไปหาข้อมูลเกี่ยวกับเรเชลที่ตึกเก่าของบริษัทไทเรลล์(ปัจจุบันเป็นของวอลเลซ) ตอนแรกเคคุยกับเจ้าหน้าที่คนหนึ่งอยู่ สักพักเรพพลิแคนท์(มนุษย์เทียม)คนสนิทของวอลเลซ "เลิฟ-Luv" ซึ่งกำลังเจรจาธุรกิจกับลูกค้าบริษัทก็ยกเลิกการสนทนากลางคัน หันมาติดต่อเคแทน
ข้อมูลของเรเชลมีความสำคัญสูง+ถูกตั้งสถานะให้เกิดการแจ้งเตือนทันทีที่มีใครมาหาข้อมูล และไม่ว่าข้อมูลเรเชลที่เก็บไว้ตั้งแต่สมัยไทเรลล์เหลือมากน้อยแค่ไหน เลิฟไม่ได้บอกเคไปทั้งหมดแน่นอน
ข้อสนับสนุนเพิ่มเติมคือ ในเบลดรันเนอร์ภาคแรกเรเชลมีความทรงจำหลานสาวของไทเรลล์ แปลว่าไทเรลล์เห็นเธอสำคัญกว่าเรพพลิแคนท์อื่น แถมวอลเลซเปิดเผยเพิ่มเติมเกี่ยวกับ
ที่มาของชื่อ "เรเชล" ระหว่างสนทนากับเดคคาร์ดว่า
"และพระเป็นเจ้า....ก็จดจำเรเชลได้ ทำเธอตั้งท้อง และเปิดครรภ์ของเธอออก"
ประโยคนี้มาจากคัมภีร์ไบเบิ้ลกล่าวถึง ภรรยาเจค็อบนาม "เรเชล" ผู้เป็นหมัน ตั้งครรภ์ด้วยความช่วยเหลือจากพระผู้เป็นเจ้า
สื่อว่าไทเรลล์สร้างเรเชลเพื่อให้เธอ "ตั้งท้อง" ตั้งแต่แรก
2) วอลเลซฆ่าเรพพลิแคนท์ผู้หญิงทำไม?
วอลเลซเห็นตัวเองเป็น"พระเจ้า" ของเหล่าเรพพลิแคนท์ที่เขาสร้าง เขามองพวกมนุษย์เทียมเหมือนลูก และเรียกลูกๆ ว่า "นางฟ้า" สื่อเรื่องนางฟ้าต้อง
ทำทุกอย่างตามประสงค์พระเจ้า เขาประสงค์สร้างมนุษย์เทียมที่มีลูกเองได้ เพื่อเพิ่มจำนวนไว้ใช้แรงงานเยอะๆ เมื่อมีแรงงานมากพอ แม้โลกเสื่อมโทรมแต่การที่ความรุ่งเรืองของอารยธรรมมนุษย์จะมาถึงคงไม่ไกลเกินเอื้อม
พอตรวจสอบดูว่าเรพพลิแคนท์ผู้หญิงตัวล่าสุดที่สร้างไม่สามารถตั้งครรภ์ อีกทั้งรู้ข้อมูลเกี่ยวกับลูกเรเชลแล้ว นางฟ้าผู้มิอาจทำตามประสงค์พระเจ้า ย่อมไร้ประโยชน์.....
3) จอย(Joi) รักเคจริงหรือเปล่า?
เรพพลิแคนท์สร้างขึ้นจากเทคโนโลยีชีวภาพ มีรหัสพันธุกรรม(ดีเอ็นเอ-DNA)มีเลือดเนื้อเหมือนมนุษย์ เรียกว่าใกล้เคียงความเป็นมนุษย์มากกว่าหุ่นยนตร์หลายขุม สามารถมีความรักได้แน่ ขณะที่จอยนั้นสร้างจากโปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้
การตั้งชื่อมนุษย์ให้เคว่า "โจ" หรือพยายามมีตัวตนจนไปเรียกเรพพลิแคนท์สาวมาฉายภาพคลุมทับแล้วสานสัมพันธ์กับเค อาจดูเป็นการกระทำของสิ่งมีจิตใจ
ทว่าชื่อโจก็แค่ชื่อผู้ชายฝรั่งมาตรฐาน-เหมือนหาชื่อมาเรียกไปงั้นๆ ส่วนการพยายามมีตัวตนก็มองได้ว่าเป็นเพียงการสนองความต้องการเคอยู่ดี
ดังนั้นคำถามนี้คงไม่สามารถฟันธงตอบให้ชัดเจน เพราะไม่ทราบว่าปัญญาประดิษฐ์ในโลกเบลดรันเนอร์ก้าวหน้าถึงระดับไหน
4) ตกลงดีเอ็นเอสองชุดที่เหมือนกันนั่นคืออะไร?
เด็กสองคนไม่มีทางดีเอ็นเอเหมือนกันเป๊ะ นั่นคือดีเอ็นเอ 1 ชุดนี้เป็นของ
เด็กคนเดียว แค่เอาข้อมูลดีเอ็นเอของ
เด็กผู้ชาย (มนุษย์แท้ๆ) ใส่ในฐานข้อมูล ให้ตามสืบไปสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเพื่อพบทางตันเท่านั้น
เริ่มจากส่งทั้งเด็กผู้หญิง(ลูกเรเชล) กับเด็กผู้ชาย ไปสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเดียวกัน
-> ใส่ข้อมูลดีเอ็นเอเด็กชาย
-> คัดลอกดีเอ็นเอเด็กชายทับข้อมูลเด็กหญิง
-> เอาเฉพาะเด็กหญิงออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
-> ทำลายบันทึกเด็กทั้งสอง ณ สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าทิ้ง
เด็กชายถ้ายังไม่ตายอาจหาตัวเจอ แต่
ไม่มีทางหาเด็กหญิงเจอจากข้อมูลดีเอ็นเอแน่นอน
5) เครู้ได้ไงว่านักสร้างความทรงจำคือลูกสาวเดคคาร์ด?
ตอนดร.แอนนา สติลลีน(Dr. Ana Stelline) มองความทรงจำเรื่องม้าไม้ของเค เธอร้องไห้แล้วบอกว่าความทรงจำนี้เคยเกิดขึ้นจริง
เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากความจริงที่ว่า
ความทรงจำนี้เป็นของเธอ (ไม่งั้นแค่เห็นเด็กโดนแกล้ง, ซ่อนม้าไม้คงไม่ถึงขั้นร้องไห้หรอก)
เธอไม่บอกความจริงเพราะเคคือเบลดรันเนอร์
การปลูกถ่ายความทรงจำของจริงผิดกฎหมาย เธอไม่อยากโดนเคจับตัวเลยบอกอ้อมๆ ว่านี่คือความทรงจำเคแทน คาดว่าเธอแอบกระจายใส่ความทรงจำของตัวเองแก่พวกเรพพลิแคนท์ ทำให้เธอเป็นนักสร้างความทรงจำที่ประสบความสำเร็จสูง (แอบโกงนี่หว่า
)
พอเครู้ว่าลูกเดคคาร์ด-เรเชลเป็น
เด็กผู้หญิงเลยปะติดปะต่อได้ทีหลัง และฉากท้ายเรื่องที่เขาพาเดคคาร์ดไปหาลูกสาวจึงกล่าวว่า "ความทรงจำที่ดีทั้งหมดคือของเธอ"
6) ทำไมวอลเลซสนใจเดคคาร์ดนัก ในเมื่อเขาไม่รู้ว่าลูกตัวเองอยู่ไหน ?
เดคคาร์ดไม่รู้ลูกอยู่ไหน แต่รู้จักเรพพลิแคนท์ที่ช่วยซ่อนลูกเขา ถ้าเค้นข้อมูลจากเดคคาร์ดได้จะตามหาลูกเขาง่ายขึ้น (กลุ่มปฏิวัติ-พวกเรพพลิแคนท์ที่ช่วยเคหลังโดนเล่นงานและเดคคาร์ดถูกจับตัว จึงบอกให้เคฆ่าเดคคาร์ด)
7) ตกลงเดคคาร์ดคือเรพพลิแคนท์หรือเปล่า?
เรื่องนี้ผ่านมา 35 ปีก็ยังไม่ชัดเจน เพราะตอนภาคแรกริดลีย์ สก็อตผู้กำกับอยากหักมุมตอนจบหนังว่าเดคคาร์ดคือเรพพลิแคนท์ ทว่าแฮริสัน ฟอร์ดผู้รับบทเดคคาร์ดไม่เห็นด้วย เนื่องจากเขามองว่ามันทรยศคนดูหนังที่เอาใจช่วยพระเอกมาตลอดทั้งเรื่อง (สมัยฉายโรง ผู้สร้างคิดเหมือนแฮริสัน ฟอร์ด แต่หนังเรื่องนี้มีกระแสต่อเนื่องจนออกแผ่นหนังฉบับตัดต่อใหม่หลายแบบ ทำให้ริดลีย์ใส่เรื่องพระเอกเป็นมนุษย์เทียมได้ตามใจทีหลัง)
สมัยนั้นริดลีย์บอกใบ้โดยให้เดคคาร์ดฝันเห็นม้ามีเขา-ยูนิคอร์น แล้วเพื่อนร่วมงานชื่อกาฟ(Gaff) พับกระดาษรูปยูนิคอร์นวางไว้ให้เดคคาร์ดเห็นตอนพาเรเชลหนีตามกันไป สื่อว่าฝันเดคคาร์ดคือความทรงจำที่สร้างขึ้น = เขาคือมนุษย์เทียมนั่นเอง
กาฟ
ภาค 2049 กาฟปรากฏตัวในบ้านพักคนชรา คุยกับเค ว่า "ในดวงตาเดคคาร์ดมีบางอย่างอยู่" (การตรวจสอบว่าเป็นคนหรือเรพพลิแคนท์ มีการสังเกตม่านตารวมอยู่ด้วย) แถมวอลเลซกล่าวกับเดคคาร์ดทำนองว่าเขาถูกสร้างขึ้น พร้อมกำหนดให้พบรักเรเชลและมีลูกกัน(โดยไทเรลล์)อีก
แต่การตอบโต้ว่า
"ฉันรู้ว่าอะไรที่มันจริง" ประโยคเดียวของเดคคาร์ดก็มากพอจะปฏิเสธว่าเขาคือมนุษย์เทียมแล้ว คำถามข้อนี้จึงเป็นอีกข้อที่ไม่สามารถฟันธงคำตอบชัดเจน
8) ลูกเรเชล-เดคคาร์ดคือเรพพลิแคนท์ หรือลูกครึ่งเรพพลิแคนท์กับมนุษย์
สืบเนื่องจากการที่เราไม่รู้ว่าเดคคาร์ดคือเรพพลิแคนท์หรือไม่ ทำให้ตอบคำถามนี้ไม่ได้
เพียงแต่การเป็นเรพพลิแคนท์หรือลูกครึ่ง หากสังคมรับรู้จะสร้างปัญหาไม่แพ้กัน
เพราะถ้าเรพพลิแคนท์สืบพันธ์ุเอง หรือมีลูกกับมนุษย์ได้
แปลว่าสามารถเพิ่มจำนวนเองได้ เส้นแบ่งระหว่างสองเผ่าพันธ์ุลดลง การกดขี่เรพพลิแคนท์ลงเป็นทาสย่อมมิอาจยอมรับ สร้างความร้าวฉานแก่กันหนักข้อกว่าเดิม
ปฏิวัติกันเหอะพวกเรา
9) อะไรดลใจให้เลิฟจูบเคตอนสู้กัน แทนที่จะฆ่าเคเสียตอนสบโอกาส?
ฉากเลิฟเจรจาธุรกิจกับลูกค้าบริษัท เธอกล่าวทำนองว่าเรพพลิแคนท์สามารถปรับแต่งนิสัย-ความสามารถ-หน้าตาได้ตามต้องการ
วอลเลซสร้างเลิฟให้บูชาเขา
เธอจึงเลียนแบบพฤติกรรมของผู้ที่เธอบูชา->
เลียนแบบตอนวอลเลซฆ่าเรพพลิแคนท์ผู้หญิง
ด้วยการแทงหนึ่งครั้ง, จุมพิตริมฝีปาก ก่อนปล่อยอีกฝ่ายเลือดไหลทรุดลงไปกองบนพื้น
10) ทำไมเคไม่ฆ่าเดคคาร์ดตามคำขอของกลุ่มปฏิวัติ?
ช่วงเคยังทำงานเบลดรันเนอร์จะสังเกตได้ว่าเขาไม่ค่อยมีความสุข แค่ทำตามคำสั่งไปวันๆ พอคิดว่าตนคือลูกเดคคาร์ด+ต้องละทิ้งหน้าที่จึงได้รู้สึกมีความสำคัญ, มีอิสระในชีวิต-ไม่ต้องทำตามคำสั่ง
เพราะฉะนั้นการไว้ชีวิตเดคคาร์ดคือการแสดงออกถึงอิสระในการตัดสินใจของเขา แถมเขาเคยคิดว่าเดคคาร์ดเป็นพ่อตัวเองช่วงหนึ่ง การเกิดเยื่อใยอะไรเล็กๆ น้อยๆ จนทำเพื่อเดคคาร์ดคงไม่ใช่เรื่องแปลก
11) ตอนจบเคตายใช่ไหม?
ตอนจบเราจะเห็นสีข้างเคที่โดนเลิฟแทงเลือดไหลอย่างหนัก เพลงประกอบหนังที่เล่นในฉากเคล้มตัวลงนอนบนขั้นบันไดกลางหิมะ คือเพลงเดียวกับในฉากการตายของรอย แบตตี้(Roy Batty)เรพพลิแคนท์จากหนังภาคแรก
สื่อว่าเคทำตามเจตจำนงของตน เสียสละชีวิต ช่วยเหลือเดคคาร์ดและลูกให้พบหน้ากันในที่สุด
[ สรุปว่าตายจริงครับท่านผู้ชม
]
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้สมัยก่อนเวลาผมจะอ่านบทความหรือข้อมูลข่าวสารบันเทิงต่างประเทศต้องไปตามซื้อนิตยสารบนแผงหนังสือเป็นหลัก รองลงมาคือบทความตามกระทู้เกี่ยวกับหนังต่าง ๆในเว็บไซต์พันทิพซึ่งหลายครั้งเนื้อหาบทความดีเทียบเท่าหรือมากกว่าบทความตามนิตยสารที่วางแผงขายกันเสียอีก
จนกระทั่งมาถึงยุคอินเตอร์เน็ตที่ข่าวสารบทความบันเทิงต่างประเทศหาอ่านได้ง่ายขึ้น การซื้อนิตยสาร (ที่มักออกรายเดือนหรือรายปักษ์) เริ่มไม่ทันกับความรวดเร็วทันใจแบบวันต่อวันของอินเตอร์เน็ต และอีกหลาย ๆข้อเสียเปรียบจึงเข้าสู่ยุคถดถอยของนิตยสาร ส่วนการตามอ่านบทความในพันทิพนั้น หลังจากเข้าสู่ช่วงเปิดกว้างให้ใคร ๆก็ตั้งกระทู้สร้างบทความแสดงความเห็นของตัวเองได้ ผมพบว่าแม้มันจะคึกคักขึ้น แต่กลับหาบทความถูกใจยากขึ้น เพราะกระทู้เกิดใหม่ตลอดเวลา
ด้วยความที่หาอะไรตรงใจอ่านยาก ผมเลยเริ่มเขียนบทความเกี่ยวกับหนังตามใจชอบออกมาเรื่อย ๆและได้รับเสียงตอบรับในทางที่ดีมาบ้าง
จึงเริ่มเขียนบล็อกรวบรวมบทความทั้งเก่าและใหม่ของตัวเอง https://filmaneo.blogspot.com/
รวมถึงเปิดเพจเฟสบุ๊ค https://www.facebook.com/Filmaneo/
เพื่อเป็นช่องทางให้คนติดตามการอัพเดตงานของผมครับ
ไขสารพัดปัญหาคาใจใน Blade Runner 2049 (by Filmaneo)
สาเหตุที่ภาพยนตร์ Blade Runner 2049 ไม่ประสบความสำเร็จด้านรายได้เท่าที่ควรเป็นไปได้หลายอย่าง เช่น
- ความยาวหนัง 2 ชั่วโมง 43 นาทีทำให้ปั่นรอบฉายได้น้อย
- ดำเนินเรื่องเนิบนาบชวนหลับ
- จินตนาการโลกอนาคตอันเสื่อมโทรม+มนุษย์เทียมไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่ในยุคปัจจุบัน
- หนังออกฉายทิ้งช่วงห่างภาคแรกนานกว่า 35 ปี จนปลุกกระแสไม่ขึ้น
ไม่ว่าอย่างไรภาพยนตร์ภาคต่อเรื่องนี้ก็คือหนังภาคต่อที่ดี, เต็มเปี่ยมด้วยสเน่ห์เฉพาะตัวเหมือนภาคแรก และหากใครรับชมแล้วยังคาใจ ไม่เข้าใจเรื่องราวบางอย่างในหนัง บทความนี้อาจมีคำตอบให้คุณครับ
*** สปอยทั้ง Blade Runner ภาคแรกและ 2049 ใครไม่เคยดูภาคใดภาคหนึ่งหรือทั้งสองภาค+ไม่อยากโดนสปอยอย่าเพิ่งเลื่อนลงไปอ่าน ***
1) ทำไมวอลเลซรู้เรื่องลูกเรเชลไวเหลือเกิน?
ตอนพระเอกเค(K) ไปหาข้อมูลเกี่ยวกับเรเชลที่ตึกเก่าของบริษัทไทเรลล์(ปัจจุบันเป็นของวอลเลซ) ตอนแรกเคคุยกับเจ้าหน้าที่คนหนึ่งอยู่ สักพักเรพพลิแคนท์(มนุษย์เทียม)คนสนิทของวอลเลซ "เลิฟ-Luv" ซึ่งกำลังเจรจาธุรกิจกับลูกค้าบริษัทก็ยกเลิกการสนทนากลางคัน หันมาติดต่อเคแทน
ข้อมูลของเรเชลมีความสำคัญสูง+ถูกตั้งสถานะให้เกิดการแจ้งเตือนทันทีที่มีใครมาหาข้อมูล และไม่ว่าข้อมูลเรเชลที่เก็บไว้ตั้งแต่สมัยไทเรลล์เหลือมากน้อยแค่ไหน เลิฟไม่ได้บอกเคไปทั้งหมดแน่นอน
ข้อสนับสนุนเพิ่มเติมคือ ในเบลดรันเนอร์ภาคแรกเรเชลมีความทรงจำหลานสาวของไทเรลล์ แปลว่าไทเรลล์เห็นเธอสำคัญกว่าเรพพลิแคนท์อื่น แถมวอลเลซเปิดเผยเพิ่มเติมเกี่ยวกับที่มาของชื่อ "เรเชล" ระหว่างสนทนากับเดคคาร์ดว่า
"และพระเป็นเจ้า....ก็จดจำเรเชลได้ ทำเธอตั้งท้อง และเปิดครรภ์ของเธอออก"
ประโยคนี้มาจากคัมภีร์ไบเบิ้ลกล่าวถึง ภรรยาเจค็อบนาม "เรเชล" ผู้เป็นหมัน ตั้งครรภ์ด้วยความช่วยเหลือจากพระผู้เป็นเจ้า
สื่อว่าไทเรลล์สร้างเรเชลเพื่อให้เธอ "ตั้งท้อง" ตั้งแต่แรก
2) วอลเลซฆ่าเรพพลิแคนท์ผู้หญิงทำไม?
วอลเลซเห็นตัวเองเป็น"พระเจ้า" ของเหล่าเรพพลิแคนท์ที่เขาสร้าง เขามองพวกมนุษย์เทียมเหมือนลูก และเรียกลูกๆ ว่า "นางฟ้า" สื่อเรื่องนางฟ้าต้องทำทุกอย่างตามประสงค์พระเจ้า เขาประสงค์สร้างมนุษย์เทียมที่มีลูกเองได้ เพื่อเพิ่มจำนวนไว้ใช้แรงงานเยอะๆ เมื่อมีแรงงานมากพอ แม้โลกเสื่อมโทรมแต่การที่ความรุ่งเรืองของอารยธรรมมนุษย์จะมาถึงคงไม่ไกลเกินเอื้อม
พอตรวจสอบดูว่าเรพพลิแคนท์ผู้หญิงตัวล่าสุดที่สร้างไม่สามารถตั้งครรภ์ อีกทั้งรู้ข้อมูลเกี่ยวกับลูกเรเชลแล้ว นางฟ้าผู้มิอาจทำตามประสงค์พระเจ้า ย่อมไร้ประโยชน์.....
3) จอย(Joi) รักเคจริงหรือเปล่า?
เรพพลิแคนท์สร้างขึ้นจากเทคโนโลยีชีวภาพ มีรหัสพันธุกรรม(ดีเอ็นเอ-DNA)มีเลือดเนื้อเหมือนมนุษย์ เรียกว่าใกล้เคียงความเป็นมนุษย์มากกว่าหุ่นยนตร์หลายขุม สามารถมีความรักได้แน่ ขณะที่จอยนั้นสร้างจากโปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้
การตั้งชื่อมนุษย์ให้เคว่า "โจ" หรือพยายามมีตัวตนจนไปเรียกเรพพลิแคนท์สาวมาฉายภาพคลุมทับแล้วสานสัมพันธ์กับเค อาจดูเป็นการกระทำของสิ่งมีจิตใจ
ทว่าชื่อโจก็แค่ชื่อผู้ชายฝรั่งมาตรฐาน-เหมือนหาชื่อมาเรียกไปงั้นๆ ส่วนการพยายามมีตัวตนก็มองได้ว่าเป็นเพียงการสนองความต้องการเคอยู่ดี
ดังนั้นคำถามนี้คงไม่สามารถฟันธงตอบให้ชัดเจน เพราะไม่ทราบว่าปัญญาประดิษฐ์ในโลกเบลดรันเนอร์ก้าวหน้าถึงระดับไหน
4) ตกลงดีเอ็นเอสองชุดที่เหมือนกันนั่นคืออะไร?
เด็กสองคนไม่มีทางดีเอ็นเอเหมือนกันเป๊ะ นั่นคือดีเอ็นเอ 1 ชุดนี้เป็นของเด็กคนเดียว แค่เอาข้อมูลดีเอ็นเอของเด็กผู้ชาย (มนุษย์แท้ๆ) ใส่ในฐานข้อมูล ให้ตามสืบไปสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเพื่อพบทางตันเท่านั้น
เริ่มจากส่งทั้งเด็กผู้หญิง(ลูกเรเชล) กับเด็กผู้ชาย ไปสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเดียวกัน
-> ใส่ข้อมูลดีเอ็นเอเด็กชาย
-> คัดลอกดีเอ็นเอเด็กชายทับข้อมูลเด็กหญิง
-> เอาเฉพาะเด็กหญิงออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
-> ทำลายบันทึกเด็กทั้งสอง ณ สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าทิ้ง
เด็กชายถ้ายังไม่ตายอาจหาตัวเจอ แต่ไม่มีทางหาเด็กหญิงเจอจากข้อมูลดีเอ็นเอแน่นอน
5) เครู้ได้ไงว่านักสร้างความทรงจำคือลูกสาวเดคคาร์ด?
ตอนดร.แอนนา สติลลีน(Dr. Ana Stelline) มองความทรงจำเรื่องม้าไม้ของเค เธอร้องไห้แล้วบอกว่าความทรงจำนี้เคยเกิดขึ้นจริง
เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากความจริงที่ว่า ความทรงจำนี้เป็นของเธอ (ไม่งั้นแค่เห็นเด็กโดนแกล้ง, ซ่อนม้าไม้คงไม่ถึงขั้นร้องไห้หรอก)
เธอไม่บอกความจริงเพราะเคคือเบลดรันเนอร์ การปลูกถ่ายความทรงจำของจริงผิดกฎหมาย เธอไม่อยากโดนเคจับตัวเลยบอกอ้อมๆ ว่านี่คือความทรงจำเคแทน คาดว่าเธอแอบกระจายใส่ความทรงจำของตัวเองแก่พวกเรพพลิแคนท์ ทำให้เธอเป็นนักสร้างความทรงจำที่ประสบความสำเร็จสูง (แอบโกงนี่หว่า )
พอเครู้ว่าลูกเดคคาร์ด-เรเชลเป็นเด็กผู้หญิงเลยปะติดปะต่อได้ทีหลัง และฉากท้ายเรื่องที่เขาพาเดคคาร์ดไปหาลูกสาวจึงกล่าวว่า "ความทรงจำที่ดีทั้งหมดคือของเธอ"
6) ทำไมวอลเลซสนใจเดคคาร์ดนัก ในเมื่อเขาไม่รู้ว่าลูกตัวเองอยู่ไหน ?
เดคคาร์ดไม่รู้ลูกอยู่ไหน แต่รู้จักเรพพลิแคนท์ที่ช่วยซ่อนลูกเขา ถ้าเค้นข้อมูลจากเดคคาร์ดได้จะตามหาลูกเขาง่ายขึ้น (กลุ่มปฏิวัติ-พวกเรพพลิแคนท์ที่ช่วยเคหลังโดนเล่นงานและเดคคาร์ดถูกจับตัว จึงบอกให้เคฆ่าเดคคาร์ด)
7) ตกลงเดคคาร์ดคือเรพพลิแคนท์หรือเปล่า?
เรื่องนี้ผ่านมา 35 ปีก็ยังไม่ชัดเจน เพราะตอนภาคแรกริดลีย์ สก็อตผู้กำกับอยากหักมุมตอนจบหนังว่าเดคคาร์ดคือเรพพลิแคนท์ ทว่าแฮริสัน ฟอร์ดผู้รับบทเดคคาร์ดไม่เห็นด้วย เนื่องจากเขามองว่ามันทรยศคนดูหนังที่เอาใจช่วยพระเอกมาตลอดทั้งเรื่อง (สมัยฉายโรง ผู้สร้างคิดเหมือนแฮริสัน ฟอร์ด แต่หนังเรื่องนี้มีกระแสต่อเนื่องจนออกแผ่นหนังฉบับตัดต่อใหม่หลายแบบ ทำให้ริดลีย์ใส่เรื่องพระเอกเป็นมนุษย์เทียมได้ตามใจทีหลัง)
สมัยนั้นริดลีย์บอกใบ้โดยให้เดคคาร์ดฝันเห็นม้ามีเขา-ยูนิคอร์น แล้วเพื่อนร่วมงานชื่อกาฟ(Gaff) พับกระดาษรูปยูนิคอร์นวางไว้ให้เดคคาร์ดเห็นตอนพาเรเชลหนีตามกันไป สื่อว่าฝันเดคคาร์ดคือความทรงจำที่สร้างขึ้น = เขาคือมนุษย์เทียมนั่นเอง
ภาค 2049 กาฟปรากฏตัวในบ้านพักคนชรา คุยกับเค ว่า "ในดวงตาเดคคาร์ดมีบางอย่างอยู่" (การตรวจสอบว่าเป็นคนหรือเรพพลิแคนท์ มีการสังเกตม่านตารวมอยู่ด้วย) แถมวอลเลซกล่าวกับเดคคาร์ดทำนองว่าเขาถูกสร้างขึ้น พร้อมกำหนดให้พบรักเรเชลและมีลูกกัน(โดยไทเรลล์)อีก
แต่การตอบโต้ว่า "ฉันรู้ว่าอะไรที่มันจริง" ประโยคเดียวของเดคคาร์ดก็มากพอจะปฏิเสธว่าเขาคือมนุษย์เทียมแล้ว คำถามข้อนี้จึงเป็นอีกข้อที่ไม่สามารถฟันธงคำตอบชัดเจน
8) ลูกเรเชล-เดคคาร์ดคือเรพพลิแคนท์ หรือลูกครึ่งเรพพลิแคนท์กับมนุษย์
สืบเนื่องจากการที่เราไม่รู้ว่าเดคคาร์ดคือเรพพลิแคนท์หรือไม่ ทำให้ตอบคำถามนี้ไม่ได้
เพียงแต่การเป็นเรพพลิแคนท์หรือลูกครึ่ง หากสังคมรับรู้จะสร้างปัญหาไม่แพ้กัน
เพราะถ้าเรพพลิแคนท์สืบพันธ์ุเอง หรือมีลูกกับมนุษย์ได้ แปลว่าสามารถเพิ่มจำนวนเองได้ เส้นแบ่งระหว่างสองเผ่าพันธ์ุลดลง การกดขี่เรพพลิแคนท์ลงเป็นทาสย่อมมิอาจยอมรับ สร้างความร้าวฉานแก่กันหนักข้อกว่าเดิม
9) อะไรดลใจให้เลิฟจูบเคตอนสู้กัน แทนที่จะฆ่าเคเสียตอนสบโอกาส?
ฉากเลิฟเจรจาธุรกิจกับลูกค้าบริษัท เธอกล่าวทำนองว่าเรพพลิแคนท์สามารถปรับแต่งนิสัย-ความสามารถ-หน้าตาได้ตามต้องการ
วอลเลซสร้างเลิฟให้บูชาเขา
เธอจึงเลียนแบบพฤติกรรมของผู้ที่เธอบูชา-> เลียนแบบตอนวอลเลซฆ่าเรพพลิแคนท์ผู้หญิง
ด้วยการแทงหนึ่งครั้ง, จุมพิตริมฝีปาก ก่อนปล่อยอีกฝ่ายเลือดไหลทรุดลงไปกองบนพื้น
10) ทำไมเคไม่ฆ่าเดคคาร์ดตามคำขอของกลุ่มปฏิวัติ?
ช่วงเคยังทำงานเบลดรันเนอร์จะสังเกตได้ว่าเขาไม่ค่อยมีความสุข แค่ทำตามคำสั่งไปวันๆ พอคิดว่าตนคือลูกเดคคาร์ด+ต้องละทิ้งหน้าที่จึงได้รู้สึกมีความสำคัญ, มีอิสระในชีวิต-ไม่ต้องทำตามคำสั่ง
เพราะฉะนั้นการไว้ชีวิตเดคคาร์ดคือการแสดงออกถึงอิสระในการตัดสินใจของเขา แถมเขาเคยคิดว่าเดคคาร์ดเป็นพ่อตัวเองช่วงหนึ่ง การเกิดเยื่อใยอะไรเล็กๆ น้อยๆ จนทำเพื่อเดคคาร์ดคงไม่ใช่เรื่องแปลก
11) ตอนจบเคตายใช่ไหม?
ตอนจบเราจะเห็นสีข้างเคที่โดนเลิฟแทงเลือดไหลอย่างหนัก เพลงประกอบหนังที่เล่นในฉากเคล้มตัวลงนอนบนขั้นบันไดกลางหิมะ คือเพลงเดียวกับในฉากการตายของรอย แบตตี้(Roy Batty)เรพพลิแคนท์จากหนังภาคแรก
สื่อว่าเคทำตามเจตจำนงของตน เสียสละชีวิต ช่วยเหลือเดคคาร์ดและลูกให้พบหน้ากันในที่สุด
[ สรุปว่าตายจริงครับท่านผู้ชม ]
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้