ไขสารพัดปัญหาคาใจใน Blade Runner 2049 (by Filmaneo)

Blade Runner 2049 จัดว่าเป็นหนังภาคต่ออันยอดเยี่ยมเรื่องหนึ่ง หนังมีองค์ประกอบด้านเนื้อหาและปรัชญาน่าสนใจแอบแฝงไม่แพ้ต้นฉบับภาคแรก แต่รายได้ทั่วโลกราว 258 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ถ้าเทียบกับทุนสร้าง 150 ล้านเหรียญฯ ถือว่าเข้าเนื้อพอสมควร

สาเหตุที่ภาพยนตร์ Blade Runner 2049 ไม่ประสบความสำเร็จด้านรายได้เท่าที่ควรเป็นไปได้หลายอย่าง เช่น
- ความยาวหนัง 2 ชั่วโมง 43 นาทีทำให้ปั่นรอบฉายได้น้อย
- ดำเนินเรื่องเนิบนาบชวนหลับ
- จินตนาการโลกอนาคตอันเสื่อมโทรม+มนุษย์เทียมไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่ในยุคปัจจุบัน
- หนังออกฉายทิ้งช่วงห่างภาคแรกนานกว่า 35 ปี จนปลุกกระแสไม่ขึ้น

ไม่ว่าอย่างไรภาพยนตร์ภาคต่อเรื่องนี้ก็คือหนังภาคต่อที่ดี, เต็มเปี่ยมด้วยสเน่ห์เฉพาะตัวเหมือนภาคแรก  และหากใครรับชมแล้วยังคาใจ ไม่เข้าใจเรื่องราวบางอย่างในหนัง  บทความนี้อาจมีคำตอบให้คุณครับ ยิ้ม

*** สปอยทั้ง Blade Runner ภาคแรกและ 2049 ใครไม่เคยดูภาคใดภาคหนึ่งหรือทั้งสองภาค+ไม่อยากโดนสปอยอย่าเพิ่งเลื่อนลงไปอ่าน ***



1) ทำไมวอลเลซรู้เรื่องลูกเรเชลไวเหลือเกิน?

ตอนพระเอกเค(K) ไปหาข้อมูลเกี่ยวกับเรเชลที่ตึกเก่าของบริษัทไทเรลล์(ปัจจุบันเป็นของวอลเลซ) ตอนแรกเคคุยกับเจ้าหน้าที่คนหนึ่งอยู่ สักพักเรพพลิแคนท์(มนุษย์เทียม)คนสนิทของวอลเลซ "เลิฟ-Luv" ซึ่งกำลังเจรจาธุรกิจกับลูกค้าบริษัทก็ยกเลิกการสนทนากลางคัน หันมาติดต่อเคแทน

ข้อมูลของเรเชลมีความสำคัญสูง+ถูกตั้งสถานะให้เกิดการแจ้งเตือนทันทีที่มีใครมาหาข้อมูล และไม่ว่าข้อมูลเรเชลที่เก็บไว้ตั้งแต่สมัยไทเรลล์เหลือมากน้อยแค่ไหน เลิฟไม่ได้บอกเคไปทั้งหมดแน่นอน


ข้อสนับสนุนเพิ่มเติมคือ ในเบลดรันเนอร์ภาคแรกเรเชลมีความทรงจำหลานสาวของไทเรลล์ แปลว่าไทเรลล์เห็นเธอสำคัญกว่าเรพพลิแคนท์อื่น  แถมวอลเลซเปิดเผยเพิ่มเติมเกี่ยวกับที่มาของชื่อ "เรเชล" ระหว่างสนทนากับเดคคาร์ดว่า
"และพระเป็นเจ้า....ก็จดจำเรเชลได้ ทำเธอตั้งท้อง และเปิดครรภ์ของเธอออก"
ประโยคนี้มาจากคัมภีร์ไบเบิ้ลกล่าวถึง ภรรยาเจค็อบนาม "เรเชล" ผู้เป็นหมัน ตั้งครรภ์ด้วยความช่วยเหลือจากพระผู้เป็นเจ้า

สื่อว่าไทเรลล์สร้างเรเชลเพื่อให้เธอ "ตั้งท้อง" ตั้งแต่แรก


2) วอลเลซฆ่าเรพพลิแคนท์ผู้หญิงทำไม?

วอลเลซเห็นตัวเองเป็น"พระเจ้า" ของเหล่าเรพพลิแคนท์ที่เขาสร้าง เขามองพวกมนุษย์เทียมเหมือนลูก และเรียกลูกๆ ว่า "นางฟ้า" สื่อเรื่องนางฟ้าต้องทำทุกอย่างตามประสงค์พระเจ้า  เขาประสงค์สร้างมนุษย์เทียมที่มีลูกเองได้ เพื่อเพิ่มจำนวนไว้ใช้แรงงานเยอะๆ เมื่อมีแรงงานมากพอ  แม้โลกเสื่อมโทรมแต่การที่ความรุ่งเรืองของอารยธรรมมนุษย์จะมาถึงคงไม่ไกลเกินเอื้อม

พอตรวจสอบดูว่าเรพพลิแคนท์ผู้หญิงตัวล่าสุดที่สร้างไม่สามารถตั้งครรภ์ อีกทั้งรู้ข้อมูลเกี่ยวกับลูกเรเชลแล้ว  นางฟ้าผู้มิอาจทำตามประสงค์พระเจ้า ย่อมไร้ประโยชน์.....




3) จอย(Joi) รักเคจริงหรือเปล่า?

เรพพลิแคนท์สร้างขึ้นจากเทคโนโลยีชีวภาพ มีรหัสพันธุกรรม(ดีเอ็นเอ-DNA)มีเลือดเนื้อเหมือนมนุษย์ เรียกว่าใกล้เคียงความเป็นมนุษย์มากกว่าหุ่นยนตร์หลายขุม สามารถมีความรักได้แน่  ขณะที่จอยนั้นสร้างจากโปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้

การตั้งชื่อมนุษย์ให้เคว่า "โจ" หรือพยายามมีตัวตนจนไปเรียกเรพพลิแคนท์สาวมาฉายภาพคลุมทับแล้วสานสัมพันธ์กับเค อาจดูเป็นการกระทำของสิ่งมีจิตใจ
ทว่าชื่อโจก็แค่ชื่อผู้ชายฝรั่งมาตรฐาน-เหมือนหาชื่อมาเรียกไปงั้นๆ  ส่วนการพยายามมีตัวตนก็มองได้ว่าเป็นเพียงการสนองความต้องการเคอยู่ดี


ดังนั้นคำถามนี้คงไม่สามารถฟันธงตอบให้ชัดเจน เพราะไม่ทราบว่าปัญญาประดิษฐ์ในโลกเบลดรันเนอร์ก้าวหน้าถึงระดับไหน


4) ตกลงดีเอ็นเอสองชุดที่เหมือนกันนั่นคืออะไร?

เด็กสองคนไม่มีทางดีเอ็นเอเหมือนกันเป๊ะ  นั่นคือดีเอ็นเอ 1 ชุดนี้เป็นของเด็กคนเดียว แค่เอาข้อมูลดีเอ็นเอของเด็กผู้ชาย (มนุษย์แท้ๆ) ใส่ในฐานข้อมูล ให้ตามสืบไปสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเพื่อพบทางตันเท่านั้น


เริ่มจากส่งทั้งเด็กผู้หญิง(ลูกเรเชล) กับเด็กผู้ชาย ไปสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเดียวกัน
-> ใส่ข้อมูลดีเอ็นเอเด็กชาย
-> คัดลอกดีเอ็นเอเด็กชายทับข้อมูลเด็กหญิง
-> เอาเฉพาะเด็กหญิงออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
-> ทำลายบันทึกเด็กทั้งสอง ณ สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าทิ้ง

เด็กชายถ้ายังไม่ตายอาจหาตัวเจอ แต่ไม่มีทางหาเด็กหญิงเจอจากข้อมูลดีเอ็นเอแน่นอน


5) เครู้ได้ไงว่านักสร้างความทรงจำคือลูกสาวเดคคาร์ด?

ตอนดร.แอนนา สติลลีน(Dr. Ana Stelline) มองความทรงจำเรื่องม้าไม้ของเค เธอร้องไห้แล้วบอกว่าความทรงจำนี้เคยเกิดขึ้นจริง
เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากความจริงที่ว่า ความทรงจำนี้เป็นของเธอ (ไม่งั้นแค่เห็นเด็กโดนแกล้ง, ซ่อนม้าไม้คงไม่ถึงขั้นร้องไห้หรอก)


เธอไม่บอกความจริงเพราะเคคือเบลดรันเนอร์ การปลูกถ่ายความทรงจำของจริงผิดกฎหมาย  เธอไม่อยากโดนเคจับตัวเลยบอกอ้อมๆ ว่านี่คือความทรงจำเคแทน  คาดว่าเธอแอบกระจายใส่ความทรงจำของตัวเองแก่พวกเรพพลิแคนท์ ทำให้เธอเป็นนักสร้างความทรงจำที่ประสบความสำเร็จสูง (แอบโกงนี่หว่า เค้าล้อเล่น)

พอเครู้ว่าลูกเดคคาร์ด-เรเชลเป็นเด็กผู้หญิงเลยปะติดปะต่อได้ทีหลัง และฉากท้ายเรื่องที่เขาพาเดคคาร์ดไปหาลูกสาวจึงกล่าวว่า "ความทรงจำที่ดีทั้งหมดคือของเธอ"




6) ทำไมวอลเลซสนใจเดคคาร์ดนัก ในเมื่อเขาไม่รู้ว่าลูกตัวเองอยู่ไหน ?

เดคคาร์ดไม่รู้ลูกอยู่ไหน แต่รู้จักเรพพลิแคนท์ที่ช่วยซ่อนลูกเขา ถ้าเค้นข้อมูลจากเดคคาร์ดได้จะตามหาลูกเขาง่ายขึ้น (กลุ่มปฏิวัติ-พวกเรพพลิแคนท์ที่ช่วยเคหลังโดนเล่นงานและเดคคาร์ดถูกจับตัว จึงบอกให้เคฆ่าเดคคาร์ด)


7) ตกลงเดคคาร์ดคือเรพพลิแคนท์หรือเปล่า?

เรื่องนี้ผ่านมา 35 ปีก็ยังไม่ชัดเจน เพราะตอนภาคแรกริดลีย์ สก็อตผู้กำกับอยากหักมุมตอนจบหนังว่าเดคคาร์ดคือเรพพลิแคนท์ ทว่าแฮริสัน ฟอร์ดผู้รับบทเดคคาร์ดไม่เห็นด้วย เนื่องจากเขามองว่ามันทรยศคนดูหนังที่เอาใจช่วยพระเอกมาตลอดทั้งเรื่อง (สมัยฉายโรง ผู้สร้างคิดเหมือนแฮริสัน ฟอร์ด แต่หนังเรื่องนี้มีกระแสต่อเนื่องจนออกแผ่นหนังฉบับตัดต่อใหม่หลายแบบ ทำให้ริดลีย์ใส่เรื่องพระเอกเป็นมนุษย์เทียมได้ตามใจทีหลัง)

สมัยนั้นริดลีย์บอกใบ้โดยให้เดคคาร์ดฝันเห็นม้ามีเขา-ยูนิคอร์น แล้วเพื่อนร่วมงานชื่อกาฟ(Gaff) พับกระดาษรูปยูนิคอร์นวางไว้ให้เดคคาร์ดเห็นตอนพาเรเชลหนีตามกันไป สื่อว่าฝันเดคคาร์ดคือความทรงจำที่สร้างขึ้น = เขาคือมนุษย์เทียมนั่นเอง


กาฟ


ภาค 2049 กาฟปรากฏตัวในบ้านพักคนชรา คุยกับเค ว่า "ในดวงตาเดคคาร์ดมีบางอย่างอยู่" (การตรวจสอบว่าเป็นคนหรือเรพพลิแคนท์ มีการสังเกตม่านตารวมอยู่ด้วย)  แถมวอลเลซกล่าวกับเดคคาร์ดทำนองว่าเขาถูกสร้างขึ้น พร้อมกำหนดให้พบรักเรเชลและมีลูกกัน(โดยไทเรลล์)อีก

แต่การตอบโต้ว่า "ฉันรู้ว่าอะไรที่มันจริง" ประโยคเดียวของเดคคาร์ดก็มากพอจะปฏิเสธว่าเขาคือมนุษย์เทียมแล้ว คำถามข้อนี้จึงเป็นอีกข้อที่ไม่สามารถฟันธงคำตอบชัดเจน




8) ลูกเรเชล-เดคคาร์ดคือเรพพลิแคนท์ หรือลูกครึ่งเรพพลิแคนท์กับมนุษย์

สืบเนื่องจากการที่เราไม่รู้ว่าเดคคาร์ดคือเรพพลิแคนท์หรือไม่ ทำให้ตอบคำถามนี้ไม่ได้
เพียงแต่การเป็นเรพพลิแคนท์หรือลูกครึ่ง หากสังคมรับรู้จะสร้างปัญหาไม่แพ้กัน
เพราะถ้าเรพพลิแคนท์สืบพันธ์ุเอง หรือมีลูกกับมนุษย์ได้ แปลว่าสามารถเพิ่มจำนวนเองได้  เส้นแบ่งระหว่างสองเผ่าพันธ์ุลดลง การกดขี่เรพพลิแคนท์ลงเป็นทาสย่อมมิอาจยอมรับ สร้างความร้าวฉานแก่กันหนักข้อกว่าเดิม


ปฏิวัติกันเหอะพวกเรา



9) อะไรดลใจให้เลิฟจูบเคตอนสู้กัน แทนที่จะฆ่าเคเสียตอนสบโอกาส?

ฉากเลิฟเจรจาธุรกิจกับลูกค้าบริษัท เธอกล่าวทำนองว่าเรพพลิแคนท์สามารถปรับแต่งนิสัย-ความสามารถ-หน้าตาได้ตามต้องการ
วอลเลซสร้างเลิฟให้บูชาเขา
เธอจึงเลียนแบบพฤติกรรมของผู้ที่เธอบูชา-> เลียนแบบตอนวอลเลซฆ่าเรพพลิแคนท์ผู้หญิง
ด้วยการแทงหนึ่งครั้ง, จุมพิตริมฝีปาก ก่อนปล่อยอีกฝ่ายเลือดไหลทรุดลงไปกองบนพื้น




10) ทำไมเคไม่ฆ่าเดคคาร์ดตามคำขอของกลุ่มปฏิวัติ?

ช่วงเคยังทำงานเบลดรันเนอร์จะสังเกตได้ว่าเขาไม่ค่อยมีความสุข แค่ทำตามคำสั่งไปวันๆ  พอคิดว่าตนคือลูกเดคคาร์ด+ต้องละทิ้งหน้าที่จึงได้รู้สึกมีความสำคัญ, มีอิสระในชีวิต-ไม่ต้องทำตามคำสั่ง

เพราะฉะนั้นการไว้ชีวิตเดคคาร์ดคือการแสดงออกถึงอิสระในการตัดสินใจของเขา แถมเขาเคยคิดว่าเดคคาร์ดเป็นพ่อตัวเองช่วงหนึ่ง การเกิดเยื่อใยอะไรเล็กๆ น้อยๆ จนทำเพื่อเดคคาร์ดคงไม่ใช่เรื่องแปลก


11) ตอนจบเคตายใช่ไหม?
ตอนจบเราจะเห็นสีข้างเคที่โดนเลิฟแทงเลือดไหลอย่างหนัก เพลงประกอบหนังที่เล่นในฉากเคล้มตัวลงนอนบนขั้นบันไดกลางหิมะ คือเพลงเดียวกับในฉากการตายของรอย แบตตี้(Roy Batty)เรพพลิแคนท์จากหนังภาคแรก


สื่อว่าเคทำตามเจตจำนงของตน เสียสละชีวิต ช่วยเหลือเดคคาร์ดและลูกให้พบหน้ากันในที่สุด

[ สรุปว่าตายจริงครับท่านผู้ชม ร้องไห้ ]






[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่