เปลี่ยนความพลาดให้กลายเป็นความบ้าในอินเดีย 2...ในวันที่ฟ้ามัวแต่กลับเห็นบางอย่างที่ชัดเจน...อมฤตสาร์

ความเดิมตอนที่แล้ว https://ppantip.com/topic/37082537

          สวัสดีหมีกลับมาแล้วหลังหายไปนานสองนาน ยังจำหมีได้มั้ย วันนี้หมีจะมาเล่าการเดินทางแบบไร้แผนการให้ฟังต่อ...โปรดอยู่กับหมีเถอะนะ…อย่าทิ้งหมีไป

           เมื่อได้ที่นอนและหมีโทรหาเพื่อนเพื่อบอกเล่าความบ้าบอให้ฟังจบและเพื่อนตบท้ายด้วยการถามว่า
เพื่อนหมี: แกเอาบัตรเครดิตฉันจองตั๋วเครื่องบินกลับบ้านมั้ย
         หมี: ขอบใจแต่ไม่เป็นไรเราโอเค เราจะเดินหน้าต่อ
         เหม่...กล้าตอบเนอะ...แน่ล่ะชีวิตต้องเดินต่อไปข้างหน้า เราจะไปถอยหลังกลับได้ยังไง…จากนั้นหมีก็อาบน้ำนอนเพื่อรอคอยวันใหม่อย่างใจจดใจจ่อ อย่างน้อยไปไม่ถึงเลห์แต่หมีก็ยังเดินหน้าต่อ ยังคงเป็นความโชคดีที่เคยดูรายการหนังพาไปของพี่ยอดพี่บอล (บอกตามตรงว่ามิได้อยากจีตามรอยพี่ๆ แต่ในเมื่อเลือกแล้วเลยเอาสักหน่อย)

         หมีตื่นเช้ามาพร้อมกับเสียงท้องร้อง แน่ล่ะเมื่อคืนที่ผ่านมาหมีไม่ได้กินไผ่ เอ๊ย ไม่ได้กินอะไรเลยใครจะกินลงเพราะมัวแต่กังวลอยู่ หมีเลยตัดสินใจอาบน้ำแต่งตัวด้วยเสื้อยืดแขนสั้นและกางเกงขายาวพร้อมกับหยิบผ้าคลุมไหล่ออกไปด้วย เพราะว่าเวลาเข้าวัดเราต้องคลุมหัวด้วย
พอออกมาจากโรงแรมเท่านั้นล่ะรู้เลยว่าหนาวและหมีกล้ามากที่ใส่แค่เสื้อยืดแขนสั้นออกมา ถ้าถามว่าแคร์มั้ยตอบเลยว่าม่ายยยย โนสนโนแคร์ความหนาว เราเดินหน้าต่อจร้า ไปแบบหนาวๆ นี่ล่ะหมีชอบ...หมีตัดสินใจว่าจะไปวัดซิกข์ก่อนแล้วค่อยไปหาอะไรกิน หมีเลยตัดสินใจเปิดแผนที่ในมือถือและแน่นอนว่าถ้าไม่หลงไม่ใช่หมี!

         หลายครั้งหลายหนมักจะเลือกเส้นทางผิดเมื่อเดินมาได้สักพักหมีเลยว่านั่งรถดีกว่า...พ่อริกชอที่เหมือนจะดีก็เรียกราคามาที่ 100 รูปี แต่หมีว่ามันแพงไปเลยต่อ 50 รูปี เขาให้จร้า นั่งรถราวๆ ห้านาทีก็ถึง หมีจัดการเอาผ้าคลุมคลุมหัวตัวเองแล้วไปฝากรองเท้าไว้กับเจ้าหน้าที่
เจ้าหน้าที่ที่นี่เป็นจิตอาสาทุกคนนะคะ เขามาช่วยเพราะความศรัทธาล้วนๆ ก่อนเข้าไปด้านในเราต้องล้างเท้าทุกคน หมีก็ทำตามอย่างว่าง่าย ลืมบอกไปค่ะว่าวันนี้อากาศไม่ดีเอาเสียเลย แม้จะใกล้เที่ยงแต่ยังไม่มีแดดฟ้าไม่เปิด ทุกอย่างเลยดูไม่ชัดเจน เหมือนมีควันจางๆ คลายกันบางที...เอิ่มนั่นได้ข่าวว่าเพลงพี่เบิร์ดแล้ว(แถมมั่นใจด้วยว่าร้องผิด)

         พอเข้าไปด้านในหมีมองไปรอบๆ บรรยากาศมีทั้งนักท่องเที่ยวอย่างหมี และคนที่มาด้วยแรงใจแรงศรัทธา เมื่อตอนต้นบอกไปแล้วใช่มั้ยคะว่าอากาศวันนี้ค่อนข้างเย็นๆ แต่ยังมีผู้คนลงไปอาบน้ำ มีก็ได้แต่มองและเดินถ่ายรูปไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมีเด็กหนุ่มมาขอเซลฟี่ด้วยจร้า บอกเลยว่าถ้าเรามาอินเดียเราสามารถเป็นเซเล็บได้อย่างไม่ยากเย็น บ้านเราที่ว่าชอบเซลฟี่แล้วหมีรับประกันว่าคนอินเดียชนะเลิศค่ะ ถ้าไม่เชื่อต้องมาดูให้เห็นกับตา
หมีใช้เวลาอยู่ในวัดราวๆ หนึ่งชั่วโมงก็ออกมาด้านนอก เพื่อหาอะไรกินจริงๆ ในวัดมีข้าวให้กินฟรีนะคะแต่หมีไม่ได้ไปลอง อยากกินอะไรที่เรียกว่าเนื้อหนังมังสามากกว่า พอออกมาข้างนอกจะขึ้นรถกลับเราก็ไปบอกเขาว่าจะไปที่ไหน แต่บังเอิญว่าคุยกับลุงริกชอไม่รู้เลย เลยมีหนุ่มคนหนึ่งมาให้ความช่วยเหลือเขาเลยบอกว่าที่ที่ยูจะไปอยู่ตรงนั้นเอง เดินไปนิดหนึ่งก็ถึง











          อะไรนะ...ใช่ค่ะมันใกล้จนเดินได้แต่หมีมิรู้ ตอนมาเลยโดนไป 50 รูปี เสียดายมากกกก...แต่ถือว่าเป็นประสบการณ์เนอะ ใครว่าเงินซื้อประสบการณ์ไม่ได้ อย่ามา!
หมีเดินเลยเดินมาเรื่อยๆ เพื่อหาข้าวกินและนั่นค่ะที่นั่นมีแมคโดนัล...เสร็จหมีล่ะหมีจะกินนักเกตไก่...เนื้อจ๋าหมีมาแล้ว พอเข้าไปหมีก็พบว่าแมคโดนัลที่นี่เป็นมังค่ะ...หมีร้องไห้หนักมาก หมีตัดสินใจไม่กินค่ะเลยเดินต่อมาถึงโดมิโนพิซซ่าและเหมือนเคยเป็นมังค่ะ หมีทนไม่ไหวเลยเข้าไปและเลือกร้านนี้ค่ะ สรุปว่าบริเวณวัดจะเป็นร้านมังหมดเลยค่ะ จากเนื้อนังมังสาลดทอดเหลือแค่มัง

         การกินพิซซ่าในรอบปีก็ไม่ได้แย่เท่านั้นไรเพราะมีโค้กเป็นเพื่อนยาก ตอนนั้นกว่าจะกินกว่าจะเดินเล่นเสร็จก็บ่ายแก่แกล้ว หมีจึงเดินออมาซื้อทัวร์ไปชมการปิดด่านอินเดีย-ปากีสถาน เป็นรถทัวร์สองชั้นนะคะของรัฐบาลค่ะ ราคา 250 รูปี รถจะพาเราขับไปชมเมือง ผ่านหลายจุดเลยค่ะแต่จะจอดที่ด่านทีเดียวเลย


                             รถจอดอยู่ด้านหน้าเลยค่ะ


                                ได้ตั๋วมาแล้วววว


                           พี่รันวีร์ทั่วถึงทุกพื้นที่ชริงๆ

        จริงๆ แล้วจะมีแท็กซี่และริกชอไปนะคะเขาจะมาถามนักท่องเที่ยวอย่างเรา เหมาและแชร์รถไปแบบไปกลับแต่หมีเลือกขึ้นรถของรัฐแทนค่ะเพราะอยากนั่งชั้นสองให้หน้าปะทะลมหนาวๆ เมื่อถึงเวลารถก็ออกจากท่าขับไปเรื่อยๆ หมีก็ชมบ้านชมเมืองไปค่ะ
ตอนที่ไปคนไม่เยอะมากนักท่องเที่ยวต่างชาติก็ไม่เยอะเช่นกัน หมีก็นั่งสวยๆ ไปจนกระทั่งถึงชายแดนค่ะ พอเข้าเขตสัญญาณโทรศัพท์ก็หายตามไปด้วย พอรถจอดเรายังต้องเดินต่อไปอีกพักหนึ่งเลยค่ะ เดินตามเขาไปเรื่อย ที่นี่เขาไม่ให้เอากระเป๋าใบใหญ่เข้าไปนะคะ แต่ให้พกโทรศัพท์ กล้องถ่ายรูป กระเป๋าใบเล็กๆ เข้าไปได้



         หมีก็เดินตามเขาไปเรื่อยๆ ผ่านด่านตรวจไปจนกระทั่งถึงจุดเปิด-ปิดด่าน ตรงนี้จะเป็นสแตนราวกับว่ามีการแข่งขันคริกเกตยังไงยังงั้น มีกลุ่มนักเรียน แม่บ้านมาชมด้วยค่ะ เหมือนมาทัศนศึกษาเลย เขาจะมีโซนสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติด้วยนะคะ หมีก็ไปนั่งตรงนั้น
ระหว่างรอพิธีปิดด่านเราก็ไม่ได้รอแบบกร่อยๆ นะคะ เพราะที่นี่คืออินเดีย! จะให้เหมือนใครได้ยังไง นึกถึงอินเดียนึกถึงเพลง เพลงก็มาพร้อมกับหนุ่มๆ สาวๆ ลงไปเต้นด้านล่างอย่างครึกครื้นกันเลยทีเดียว สังเกตว่าจะมีคนต่อคิววิ่งโบกสะบัดธงชาติด้วยนะคะ ตรงนี้ทำให้หมีรู้สึกได้เลยว่าพวกเขามีความฮึกเหิมและรักชาติมากชริงๆ คนดูอย่างเรายังสนุกไปด้วยแล้วพวกเขาล่ะจะสนุกแค่ไหน
เสียงเพลงและดนตรีนำพาคนแปลกหน้ารู้จักกัน...    



          ตลอดการดูพิธีปิดหมีนั่งยิ้มและสนุกไปด้วย จนอยากแนะนำว่าถ้าเพื่อนๆ มาอมฤตสาร์แล้วห้ามพลาดนะคะ ช่วงพิธีพี่ๆ ทหารดูน่าเกรงขามทั้งสองฝ่ายค่ะแต่เรารู้สึกได้เลยว่าพวกเขาไม่เกลียดกันหรอกค่ะทุกอย่างมันคือหน้าที่ (หมีวิ่งอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์)
แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นอย่างชัดเจนก็คือฝั่งอินเดียครึกครื้นมากส่วนฝั่งปากีสถานเงียบสงบ...ในความเหมือนก็ยังมีความต่างการปิดด่านแท้ๆ พอพิธีจบหมีก็รีบลุกเดินเดินกลับไปยังรถค่ะ อยากจะบอกว่าผู้คนมหาศาลจริงๆ ราวกับมีคริกเกตเวิร์ดคัพก็ไม่ปาน


          ระหว่างทางเดินสายตาอันแหลมคมของหมีก็เห็นคู่รักคู่หนึ่งใส่เสื้อคู่และเดินจับมือกันค่ะ ดูน่ารักเหลือเกิน #เหม็นความรัก ลากันไปด้วยภาพนี้ล่ะค่ะ



                              ถึงภาพจะเบลอแต่เธอชัดเจนในใจนะจ๊ะ................

                               ครั้งหน้าเจอกันที่มะนาลีนะคะ...เมืองที่ไปถึงแล้วอดหลงรักไม่ได้...
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่