เราเห็นหลายๆคน ตั้งกระทู้ หนังโปรด หนังที่ชอบประจำปี 2017 มาแล้ว เราก็อยากทำมั่ง แต่เราขอมาแปลก ขอเขียนเป็น หนังที่เราผิดหวังมากๆแห่งปี 2017 หนังอาจจะไม่ใช่หนังแย่อะไรมาก แต่ด้วยความคาดหวัง หน้าหนังเราอาจจะหวังมากไป และก็เป็นผล ผิดหวังไปตามๆกัน และนี่คือหนังที่เราคิดว่าน่าผิดหวังประจำปี 10 เรื่องของเรา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้หนังที่ไม่ติดอันดับ แต่ผิดหวังเหมือนกัน ได้แก่
Fast & Furious 8 พอเถอะ
มิสเตอร์เฮิร์ท มือวางอันดับเจ็บ
Allied
Tranformers : The Last Knight เราผิดเองอ่ะ ที่หวังว่ามันจะดีขึ้น
10. Annabelle : Creation
หลังดูจบเราบอกแฟนเลยว่า นี่มันคือหนังตลกชัดๆ แม้ความน่ากลัวในหนังจะพุ่งใกล้ทะลุเพดาน แต่ความสมจริง และเหตุผลหลายๆอย่างในหนัง เข้าขั้นป่วยมากๆ อะไรๆก็ดูบ้าบอไปหมด บ้านมีคนตายแทนที่จะรีบออกมา ดันอยู่กันตามปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ใช้ปืนพลาสติกไปสู้กับผี หรือจะเจ้าของบ้านบอกว่าห้ามเปิด ก็ดันไปเปิด สรุปนี่มันหนังผีตลกๆ ที่น่ากลัวมากๆนั่นเอง
9. KONG : Skull Island
โอเคว่าพาร์ทของ Monster Fight ระหว่าง Kong และ Skullcrawler ดูสนุกมากๆ รวมไปถึงการดีไซน์สัตว์ต่างๆในเกาะ และตอนจบที่เชื่อมไปยัง Godzilla ได้น่าสนใจมากๆ แต่สิ่งที่เราผิดหวังมากกว่านั่นก็คือในพาร์ทของคนที่เข้าไปในเกาะ ไม่ลุ้นระทึกไปกับตัวละคร ไม่ใช่ความผิดนักแสดง แต่เป็นความผิดของบทที่ชวนเบื่อสิ้นดี โดยเฉพาะผู้พันที่บ้าสงครามยิ่งกว่าอะไรการกลับบ้าน ยังดีที่บทของ John C. Reilly ทำได้น่าสนใจเท่านั้นเอง
8. Alien : Covenant
เคยเห็นกระทู้นึงที่บอกถึงความง่าวของลูกเรือ Covenant พอกลับมาดูอีกที มันก็จริงอย่างที่ว่า ลูกเรือทุกคนน่าจะจับฉลากได้มากันทั้งนั้น แต่ละคนแสดงความเขลาออกมาได้อย่างไม่เกรงใจกัน ผู้นำก็เหมือนจะบ้าบอ นางเอกก็มาโชว์ความง่าวตอนจบที่ดันแยก David กับ Walter ไม่ออกประเด็นผู้สร้างที่เล่าไว้ในภาคก่อนก็ไม่คิดจะเล่าต่อแบบจริงจัง รวมๆแล้วคุณปู่ Ridley Scott อาจต้องทำการบ้านมาอีกเยอะทีเดียวกับการกู้แฟรนไชส์นี้ (James Franco คนไฟบินแห่งปี 2017)
7. Despicable Me 3
เรียกได้ว่าหลงไปกับความสำเร็จของ Minion แบบกู่ไม่กลับแล้ว สำหรับแฟรนไชส์นี้ ทั้งๆที่มองย้อนกลับไปภาคแรก สิ่งที่ทำให้แฟรนไชส์นี้ประสบความสำเร็จ คือเนื้อเรื่องที่อบอุ่น และการมี Minions เป็นแค่ตัวประกอบไว้ขโมยซีนขำๆ แต่เดินทางมาถึงภาค 3 แม้หนังจะสนุก แต่ความประทับใจยิ่งลดน้อยลง กับการเทบทไปให้ Minions เหมือนเดิม จนได้แต่หวังว่า ความสำเร็จในภาค 3 จนน่าจะมีภาคต่อจำนะความประทับใจจากภาคแรกกลับมาได้อีกครั้ง
6. Kingsman : The Golden Circle
หนังของ Matthew Vaughn จะมีความสดใหม่เสมอ แต่ปัญหาคือเมื่อมันมีภาคต่อ ความสดใหม่มันจะไม่มีแล้ว และหนังเรื่องนี้ก็เช่นกัน ใครจะไปคิดว่าการเรียกร้องให้ตัวละคร Harry ในภาคแรกที่ตายแบบช็อคแฟนๆกลับมาในภาค 2 จะเป็นการทำร้ายหนังได้ขนาดนี้ เหมือนกับการฆ่าตัวละครนี้ให้เป็นตัวตลกไปเลย ยังไม่รวมการพรากตัวละครจากภาคเก่าทิ้งไปแบบไม่ใยดี และตัวร้ายที่ดูแล้วไม่โหดและฉลาดแบบในภาคแรก ยังไม่รวมการนำ Channing Tatum มาแข่งกับ James Franco ในบทสมทบดีเด่นรึยังไง แต่ที่ไม่ชอบมากสุดคือ การถล่มรังตัวร้ายในตอนท้าย ที่ดูยังไงมันง่ายเกินไปสำหรับ 2 คนอยู่ดี
5. The Hitsman's Bodyguard
ก่อนจะมาเป็น Nick Fury แล้ว Sam. Jackson คือดาราที่สบถคำหยาบได้มันพอๆกับฟังน้าค่อม ชวนชื่น ด่า ังนั้นการมารวมทีมกับดาราหน้าหล่อกวนบาทาอย่าง Deadpool Ryan Reynolds มันต้องยิ่งสบถด่ากันไปๆมาๆแน่นอน แต่ทั้งเรื่องตัวละครที่เราสุดกลับเป็นป้า Selma Hayek ซะงั้น พาร์ทของตัวเอกทั้ง 2 ดูด้อยไปกับบทที่น่าเบื่อ และชวนง่วงสิ้นดี แม้พลังดาราของทั้งคู่ฃจะมากขนาดไหน แต่บทมันง่อย มันก็ช่วยไม่ได้จริงๆ
4. The Mummy
ถือเป็นการออกตัวที่น่าผิดหวังอย่างมากของ Dark Universe และสิ้นสุดลงแค่นี้ กับชื่อหนังว่า Mummy แต่เหมือนดูปีศาจจาก Suicide Squad ข้ามจักรวาลมามากกว่า ยังไม่รวมนางเอกหน้าสวย แต่ทำอะไรไม่เป็นเลย และมองภาพรวมแล้ว นี่คืออีกหนังแอ๊คชั่นที่มีความเป็น Tom Cruise เอามากๆ แม้คาแร็คเตอร์จะต่างกันนิดหน่อย แต่การเลือกบทเด่นไปยังพี่ Cruise ทั้งหมด ทำให้คนจกจำว่านี่ไม่ใช่หนัง Mummy แต่เป็นหนัง TOm Cruise วิ่งหนีผีมากกว่า (Russel Crowe มาเพื่อ....)
3. Pirates of the Caribbean : Dead Man tell no Tales
คำวิจารณ์อย่าหาว่าไม่มีผล มันมีผลจริงๆนะ ยิ่งคำวิจารณ์ภาคนี้ ในรอบฉายแบบให้นักวิจารณ์ต่างประเทศดู หลายๆคนบอกว่า สนุกเทียบเท่าภาคแรก และนี่คือหนัง Pirates ที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ภาคแรกมาเลย แต่น่าเสียดายที่มันตรงข้ามกันสิ้นเชิง หนังไม่สนุก ไม่ดูน่าตื่นตาตื่นใจเท่าภาคแรก กับโลกของโจรสลัดที่ไม่ตื่นเต้นอีกแล้ว ความเทพของ Jack Sparrow ถูกลดลงด้วยความโชคดีเข้ามาแทนที่ ยังไม่รวมตัวละครอื่นที่น่าเบื่อได้ใจ นางเอกก็ยังดีที่หน้าสวยและนมดันมาซะใหญ่ น่าเสียดายที่ดารตายของตัวละครไม่อาจช่วยให้หนังดีขึ้นได้ และตอกย้ำสถานะของ Johnny Depp กับขาลงได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
2. Power Rangers
จริงๆแล้วนี่คือหนังที่เราชอบมากๆเรื่องหนึ่งของปีเลยนะ โดยเฉพาะช่วงท้ายที่เอาใจแฟนบอยได้อย่างเต็มที่ แต่สิ่งที่น่าผิดหวังก็คือหนังเลือกที่จะเล่าเรื่องความ Loser ของพระเอกนางเอกทั้ง 5 นานไปหน่อย (นานมากๆเลยต่างหาก) จนบางทีเราก็อยากเห็นสิ่งที่เราตั้งตารอคอยอย่างฉาก It's Morphin Time แบบเร็วๆมากกว่ามานั่งดูชีวิตลำเค็ญของเด็กหลายคนนี้ โอเคว่าอาจจะเข้ายุคสมัยที่เน้นความสมจริง แต่หนังไม่สามารถแบ่งช่วงเวลา ดราม่า กับแอ๊คชั่นได้แบบลงตัว แต่เลือกที่จะเล่าเรืองแต่ละส่วนมากกว่า ยิ่งมามองดูรายได้แล้ว อาจจะอีกนานกว่าที่ Power Rangers จะได้กลับมาเฉิดฉายอีกครั้ง และ Tommy ก็ดับสูญไปกับหนังพร้อมๆกัน
1. Justice League
หนังควรจะดีกว่านี้มากๆ แม้จะทำสนุกแค่ไหน แต่ยังไงเรารู้สึกได้เลยว่ามันควรได้มากกว่านี้อีกเยอะ ยอมรับเลยว่าการเปลี่ยนผู้กำกับกระทันหันอย่างแรง ส่งผลต่อหนังจริงๆ โอเคว่าไม่ใช่ความผิดของ Joss Whedon ที่เลือกจะแก้ไขนิดหน่อยให้กับเข้ากับสไตล์ของตนเอง แต่สิ่งที่ได้แก้นั้นมันดันพังทำลายหลายๆอย่างของหนังลงแบบไม่มีชิ้นดี โทนหนังที่คุมมาตั้งแต่ Bat V Sup ที่เน้นมืดหม่นไร้มุกตลก ก็เปลี่ยนให้สว่างขึ้น มุกเยอะขึ้น แม้มันจะได้ผล แต่ยิ่งดูเราก็ยิ่งพาลคิดว่าถ้ามันดาร์คกว่านี้มันน่าจะดีกว่า นี่เหมือนกับเรานั่งดูหนัง Marvel อีกเรื่องนึงยังไงยังงั้น แต่สิ่งที่หนักที่สุดคือใบหน้าของ Superman ที่เชื่อว่าหากดันให้ดีๆ นี่คือสิ่งที่คนจะล้อไปอีกนานแน่ๆพอๆกับมุก มาร์ธ่า ได้เลย
ขอบคุณที่ทนอ่านจนจบนะครับ ยังไงเหลืออีก 2 list ที่ยังต้องเขียนคือ "ตัวละครที่ชอบของปี 2017" และ "หนังที่ชอบของปี 2017" ยังไงจะมาเขียนให้จบนะครับ ขอบคุณมาก
10 หนังน่าผิดหวังประจำปี 2017 สำหรับเรา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
10. Annabelle : Creation
หลังดูจบเราบอกแฟนเลยว่า นี่มันคือหนังตลกชัดๆ แม้ความน่ากลัวในหนังจะพุ่งใกล้ทะลุเพดาน แต่ความสมจริง และเหตุผลหลายๆอย่างในหนัง เข้าขั้นป่วยมากๆ อะไรๆก็ดูบ้าบอไปหมด บ้านมีคนตายแทนที่จะรีบออกมา ดันอยู่กันตามปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ใช้ปืนพลาสติกไปสู้กับผี หรือจะเจ้าของบ้านบอกว่าห้ามเปิด ก็ดันไปเปิด สรุปนี่มันหนังผีตลกๆ ที่น่ากลัวมากๆนั่นเอง
9. KONG : Skull Island
โอเคว่าพาร์ทของ Monster Fight ระหว่าง Kong และ Skullcrawler ดูสนุกมากๆ รวมไปถึงการดีไซน์สัตว์ต่างๆในเกาะ และตอนจบที่เชื่อมไปยัง Godzilla ได้น่าสนใจมากๆ แต่สิ่งที่เราผิดหวังมากกว่านั่นก็คือในพาร์ทของคนที่เข้าไปในเกาะ ไม่ลุ้นระทึกไปกับตัวละคร ไม่ใช่ความผิดนักแสดง แต่เป็นความผิดของบทที่ชวนเบื่อสิ้นดี โดยเฉพาะผู้พันที่บ้าสงครามยิ่งกว่าอะไรการกลับบ้าน ยังดีที่บทของ John C. Reilly ทำได้น่าสนใจเท่านั้นเอง
8. Alien : Covenant
เคยเห็นกระทู้นึงที่บอกถึงความง่าวของลูกเรือ Covenant พอกลับมาดูอีกที มันก็จริงอย่างที่ว่า ลูกเรือทุกคนน่าจะจับฉลากได้มากันทั้งนั้น แต่ละคนแสดงความเขลาออกมาได้อย่างไม่เกรงใจกัน ผู้นำก็เหมือนจะบ้าบอ นางเอกก็มาโชว์ความง่าวตอนจบที่ดันแยก David กับ Walter ไม่ออกประเด็นผู้สร้างที่เล่าไว้ในภาคก่อนก็ไม่คิดจะเล่าต่อแบบจริงจัง รวมๆแล้วคุณปู่ Ridley Scott อาจต้องทำการบ้านมาอีกเยอะทีเดียวกับการกู้แฟรนไชส์นี้ (James Franco คนไฟบินแห่งปี 2017)
7. Despicable Me 3
เรียกได้ว่าหลงไปกับความสำเร็จของ Minion แบบกู่ไม่กลับแล้ว สำหรับแฟรนไชส์นี้ ทั้งๆที่มองย้อนกลับไปภาคแรก สิ่งที่ทำให้แฟรนไชส์นี้ประสบความสำเร็จ คือเนื้อเรื่องที่อบอุ่น และการมี Minions เป็นแค่ตัวประกอบไว้ขโมยซีนขำๆ แต่เดินทางมาถึงภาค 3 แม้หนังจะสนุก แต่ความประทับใจยิ่งลดน้อยลง กับการเทบทไปให้ Minions เหมือนเดิม จนได้แต่หวังว่า ความสำเร็จในภาค 3 จนน่าจะมีภาคต่อจำนะความประทับใจจากภาคแรกกลับมาได้อีกครั้ง
6. Kingsman : The Golden Circle
หนังของ Matthew Vaughn จะมีความสดใหม่เสมอ แต่ปัญหาคือเมื่อมันมีภาคต่อ ความสดใหม่มันจะไม่มีแล้ว และหนังเรื่องนี้ก็เช่นกัน ใครจะไปคิดว่าการเรียกร้องให้ตัวละคร Harry ในภาคแรกที่ตายแบบช็อคแฟนๆกลับมาในภาค 2 จะเป็นการทำร้ายหนังได้ขนาดนี้ เหมือนกับการฆ่าตัวละครนี้ให้เป็นตัวตลกไปเลย ยังไม่รวมการพรากตัวละครจากภาคเก่าทิ้งไปแบบไม่ใยดี และตัวร้ายที่ดูแล้วไม่โหดและฉลาดแบบในภาคแรก ยังไม่รวมการนำ Channing Tatum มาแข่งกับ James Franco ในบทสมทบดีเด่นรึยังไง แต่ที่ไม่ชอบมากสุดคือ การถล่มรังตัวร้ายในตอนท้าย ที่ดูยังไงมันง่ายเกินไปสำหรับ 2 คนอยู่ดี
5. The Hitsman's Bodyguard
ก่อนจะมาเป็น Nick Fury แล้ว Sam. Jackson คือดาราที่สบถคำหยาบได้มันพอๆกับฟังน้าค่อม ชวนชื่น ด่า ังนั้นการมารวมทีมกับดาราหน้าหล่อกวนบาทาอย่าง Deadpool Ryan Reynolds มันต้องยิ่งสบถด่ากันไปๆมาๆแน่นอน แต่ทั้งเรื่องตัวละครที่เราสุดกลับเป็นป้า Selma Hayek ซะงั้น พาร์ทของตัวเอกทั้ง 2 ดูด้อยไปกับบทที่น่าเบื่อ และชวนง่วงสิ้นดี แม้พลังดาราของทั้งคู่ฃจะมากขนาดไหน แต่บทมันง่อย มันก็ช่วยไม่ได้จริงๆ
4. The Mummy
ถือเป็นการออกตัวที่น่าผิดหวังอย่างมากของ Dark Universe และสิ้นสุดลงแค่นี้ กับชื่อหนังว่า Mummy แต่เหมือนดูปีศาจจาก Suicide Squad ข้ามจักรวาลมามากกว่า ยังไม่รวมนางเอกหน้าสวย แต่ทำอะไรไม่เป็นเลย และมองภาพรวมแล้ว นี่คืออีกหนังแอ๊คชั่นที่มีความเป็น Tom Cruise เอามากๆ แม้คาแร็คเตอร์จะต่างกันนิดหน่อย แต่การเลือกบทเด่นไปยังพี่ Cruise ทั้งหมด ทำให้คนจกจำว่านี่ไม่ใช่หนัง Mummy แต่เป็นหนัง TOm Cruise วิ่งหนีผีมากกว่า (Russel Crowe มาเพื่อ....)
3. Pirates of the Caribbean : Dead Man tell no Tales
คำวิจารณ์อย่าหาว่าไม่มีผล มันมีผลจริงๆนะ ยิ่งคำวิจารณ์ภาคนี้ ในรอบฉายแบบให้นักวิจารณ์ต่างประเทศดู หลายๆคนบอกว่า สนุกเทียบเท่าภาคแรก และนี่คือหนัง Pirates ที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ภาคแรกมาเลย แต่น่าเสียดายที่มันตรงข้ามกันสิ้นเชิง หนังไม่สนุก ไม่ดูน่าตื่นตาตื่นใจเท่าภาคแรก กับโลกของโจรสลัดที่ไม่ตื่นเต้นอีกแล้ว ความเทพของ Jack Sparrow ถูกลดลงด้วยความโชคดีเข้ามาแทนที่ ยังไม่รวมตัวละครอื่นที่น่าเบื่อได้ใจ นางเอกก็ยังดีที่หน้าสวยและนมดันมาซะใหญ่ น่าเสียดายที่ดารตายของตัวละครไม่อาจช่วยให้หนังดีขึ้นได้ และตอกย้ำสถานะของ Johnny Depp กับขาลงได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
2. Power Rangers
จริงๆแล้วนี่คือหนังที่เราชอบมากๆเรื่องหนึ่งของปีเลยนะ โดยเฉพาะช่วงท้ายที่เอาใจแฟนบอยได้อย่างเต็มที่ แต่สิ่งที่น่าผิดหวังก็คือหนังเลือกที่จะเล่าเรื่องความ Loser ของพระเอกนางเอกทั้ง 5 นานไปหน่อย (นานมากๆเลยต่างหาก) จนบางทีเราก็อยากเห็นสิ่งที่เราตั้งตารอคอยอย่างฉาก It's Morphin Time แบบเร็วๆมากกว่ามานั่งดูชีวิตลำเค็ญของเด็กหลายคนนี้ โอเคว่าอาจจะเข้ายุคสมัยที่เน้นความสมจริง แต่หนังไม่สามารถแบ่งช่วงเวลา ดราม่า กับแอ๊คชั่นได้แบบลงตัว แต่เลือกที่จะเล่าเรืองแต่ละส่วนมากกว่า ยิ่งมามองดูรายได้แล้ว อาจจะอีกนานกว่าที่ Power Rangers จะได้กลับมาเฉิดฉายอีกครั้ง และ Tommy ก็ดับสูญไปกับหนังพร้อมๆกัน
1. Justice League
หนังควรจะดีกว่านี้มากๆ แม้จะทำสนุกแค่ไหน แต่ยังไงเรารู้สึกได้เลยว่ามันควรได้มากกว่านี้อีกเยอะ ยอมรับเลยว่าการเปลี่ยนผู้กำกับกระทันหันอย่างแรง ส่งผลต่อหนังจริงๆ โอเคว่าไม่ใช่ความผิดของ Joss Whedon ที่เลือกจะแก้ไขนิดหน่อยให้กับเข้ากับสไตล์ของตนเอง แต่สิ่งที่ได้แก้นั้นมันดันพังทำลายหลายๆอย่างของหนังลงแบบไม่มีชิ้นดี โทนหนังที่คุมมาตั้งแต่ Bat V Sup ที่เน้นมืดหม่นไร้มุกตลก ก็เปลี่ยนให้สว่างขึ้น มุกเยอะขึ้น แม้มันจะได้ผล แต่ยิ่งดูเราก็ยิ่งพาลคิดว่าถ้ามันดาร์คกว่านี้มันน่าจะดีกว่า นี่เหมือนกับเรานั่งดูหนัง Marvel อีกเรื่องนึงยังไงยังงั้น แต่สิ่งที่หนักที่สุดคือใบหน้าของ Superman ที่เชื่อว่าหากดันให้ดีๆ นี่คือสิ่งที่คนจะล้อไปอีกนานแน่ๆพอๆกับมุก มาร์ธ่า ได้เลย