อาการแบบนี้ คือโรคซึมเศร้าใช่ไหมคะ?

สวัสดีค่ะ ตอนนี้ดิฉันกำลังมีปัญหา ดิฉันอายุ20 ปี อาการของดิฉันคือ ในช่วงปิดเทอมที่ผ่านมา ในระยะเวลาหนึ่งเดือนเต็ม ดิฉันแทบจะไม่มีปฏิสัมพันธ์กับคนในครอบครัวเลย เป็นคนเก็บตัว อยู่แต่ในห้องตลอดเวลา ไม่สดใส ไม่ยิ้ม ไม่พูดกับใครเลย ช่วงแรกๆก็โอเคค่ะ แต่พอช่วงหลังๆคืออาการแย่ลง อารมณ์จะอยู่ในระดับเดียวคือนิ่ง  แต่พอมีอะไรมากระทบจะอารมณ์รุนแรงมาก โมโห เครียด ดิฉันพยายามที่จะหาวิธีการให้ตัวเองผ่อนคลาย การดูหนัง ฟังเพลง เต้น ดูซีรีย์ทั้งวันทั้งคืน แม้แต่การคุยโทรศัพท์ ให้ผ่อนคลายหรือให้อารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง แต่มันก็แค่ชั่วขณะเท่านั้น และครอบครัวของเราดูเหมือนว่าจะไม่เข้าใจเราว่ามีอาการแบบนี้ เขามองว่าเราไม่เอาไหน ทะเลาะกันบ่อยครั้งมากในระยะเวลา 1เดือนเต็ม เวลาที่ญาติๆมาบ้านก็ไม่อยากจะไปหา ไม่อยากจะคุยด้วย คิดว่าตัวเองเป็นส่วนเกินมาตลอด เข้ากันกับญาติไม่ได้เลย เริ่มเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ม.3แล้วค่ะ แล้วเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สะสมมาเรื่อยๆ
ตอนม.6 จำความสุขช่วงนั้นไม่ได้เลยค่ะ จำได้แค่ว่าดีใจที่สอบเข้ามหาลัยติด แต่ก็แค่วันเดียว ก็กลับสู่สภาพเดิม ตอนที่บ้านกับที่โรงเรียนหรือมหาลัยจะแตกต่างกันมากค่ะ ที่โรงเรียนหรือมหาลัยจะเป็นคนที่ร่าเริงสดใสมาก ตลก เด็กกิจกรรมเป็นแกนนำ เพื่อนเยอะ ทุกคนไม่คิดว่าจะมีมุมแบบนี้ แต่พออยู่คนเดียวที่หอหรือกลับมาที่บ้านก็จะเป็นอีกคนนึงไปเลย ถนอมปากถนอมคำ ฟุ้งซ่าน เครียด ไม่มีเป้าหมายอะไรในชีวิต เหมือนอยู่ไปวันๆ ไม่อยากอาหาร บางวันก็กินเยอะจนน่าตกใจ ไม่อยากทำอะไร มองเพดาน เลื่อนเฟซบุ๊ก ไอจีทั้งๆที่ไม่มีอะไรให้เล่นหรอก เราแทบจะไม่ได้เครียดเรื่องเรียนเลยนะคะ การเรียนของเราก็อยู่ในระดับที่เรียกว่าพอได้เลยแหละค่ะเกรดในตอนนี้ก็ 3.4- 3.5 ขึ้น ตอนนี้คือเข้าใจว่าน่าจะเป็นความเครียดความกังวลที่สะสมมาเรื่อยๆ บางครั้งก็ไม่รู้ว่าเรื่องอะไรด้วยซ้ำ ตอนนี้ที่ดิฉันกำลังพิมพ์อยู่ดิฉันก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับชีวิต ถึงจะมีความกังวลแต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรมาก แต่ไม่รู้ว่าทำไมจิตใจของดิฉันถึงได้ห่อเหี่ยว ไม่มีชีวิตชีวาเลย
ตอนเด็กๆจำได้ว่าทะเลาะกับแม่แล้วมีแว๊บที่อยากจะตาย ไม่อยากอยู่แล้วไม่มีใครรัก ไม่มีใครต้องการเรา เคยคิดที่จะฆ่าตัวตายโดยการเตรียมมีดมาไว้ที่ห้อง ไม่ก็เอาถุงน่องมารัดคอ แต่ก็ไม่กล้าค่ะหายใจไม่ออกแล้วก็กลัวเจ็บแต่ตอนนั้นมันตอนเด็กๆ น่าจะสักม.3 ตอนนี้คือกำลังคิดว่าจะไปหาหมอดีมั้ย หรือว่าเราคิดไปเองเพราะความฟุ้งซ่านมากกว่ากันแน่
ปล. ดิฉันอยากจะเล่าให้ครอบครัวฟัง แต่คิดว่ามันไม่ค่อยจะดีซักเท่าไหร่ เพราะเขาไม่เชื่อแน่ๆว่าเราจะเป็น ถึงเป็นก็แค่บอกว่าไปกินยานอน เดี๋ยวก็หาย ไม่ก็แค่ส่งเงินมาแล้วให้ไปหาหมอเองซึ่งก็เข้าใจค่ะเพราะระยะทางมันไกลกันมาก ตอนนี้มีเพื่อนที่เป็นคล้ายๆกันเขาก็แนะนำให้ไปหาหมอดูเพราะเขาก็ไปหามาแล้วเหมือนกันที่ขอนแก่น แต่อาการเขามีปวดหัวร่วมด้วย แต่ดิฉันยังไม่มี จะลองสู้ไปกับมันเองก่อนค่ะ ลองเปลี่ยนวิธีคิดกับเปลี่ยนชีวิตประจำวันใหม่อาจจะดีขึ้น ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะทำไหมค่ะ ไม่แน่ใจตัวเองอยู่เหมือนกัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่