"ตอนแรกตนไม่มีเจตนาให้บุคคลเหล่านั้นถูกฟ้องเป็นคดีความ
แต่ตนต้องการให้ศาลเป็นผู้พิสูจน์ความจริงและให้บุคคลเหล่านั้นยอมรับฟังข้อมูลที่ถูกต้อง
เพราะก่อนหน้านี้ตนพยายามชี้แจงความจริงผ่านทางช่องทางต่าง ๆ มาแล้วหลายครั้ง
แต่กลับไม่รับฟัง ตนจึงต้องฟ้องศาล “
“เจตนาเดิมของตนคือไม่ต้องการเอาผิดกับผู้ใด
แต่ถ้ามาพบ ลงข้อความขอโทษ และยอมรับการชี้แจงของตนนั้น ตนก็พร้อมที่จะถอนฟ้องทั้งหมด
ซึ่งหากบุคคลเหล่านั้นต้องการติดต่อ ก็ให้ไปติดต่อทางจ่าจังหวัดชลบุรี เพราะตนได้มอบหมายให้เป็นผู้รับผิดชอบคดีนี้ “
นั่นคือคำพูดจากท่านผู้ว่าฯ ชลบุรี อดีตนักสอยคิว "หนุ่ย ชุมแพ" ที่เคยโค่น ต๋อง ศิษย์ฉ่อย มาแล้ว
(ภาพจาก
http://yaipearn.blogspot.com)
การค้าคดีความฐานหมิ่นประมาท ถ้าคำนวณอย่างสะระตะ (ไม่เกี่ยวกับหวยนะครับ)
หมายถึงคิดให้ถ้วนถี่แล้ว มีแต่เสียกับเสีย
คนฟ้องก็เสีย แม้จะได้เงินทอง ได้ความสะใจ ได้คำขอโทษ และอาจะได้ชื่อเสียงคืนกลับมา
แต่ที่ผ่านมา ถูกเกลียดถูกชังไปแล้ว คนจะเลิกเกลียดเพราะความจริง เพราะคำขอโทษ หรือเพราะการถูกตัดสิน ??
เชื่อว่าอาจจะไม่เลิกเกลียดเสียทีเดียว
เพราะฝ่ายที่เกลียดเป็นทุนเดิม ก็อาจมองเจตนาไปในแง่อื่น ส่วยฝ่ายเดียวกัน อาจจะคาใจในเรื่องราวที่ถูกกล่าวหา
ผมว่า การแสดงความไม่โกรธเคือง แต่ขอเพียงแต่อยากให้เข้าใจกันเท่านั้น
นั่นคือการกระทำที่ทำให้ความรู้สึกเปลี่ยนไปไม่มากก็น้อย
และยังได้รับการชื่นชมในการมีน้ำใจอีกด้วย
อีกฝ่าย คือผู้ที่ถูกฟ้อง ก็ย่อมเสียทั้งขึ้นทั้งล่องอยู่แล้ว
แต่ การเสียนี้อาจถูกลดทอนลงได้
ด้วยการแสดงความรับผิดชอบและเสียใจในสิ่งที่ตนเองกระทำ อย่างจริงใจ
และอาจกลับกลายเป็นได้รับการชื่นชม เช่นเดียวกับผู้ฟ้อง ในกรณีแรก
ส่วนพวกที่ได้ ก็ไม่ใช่ใคร นอกจากทนายจะได้ค่าทำคดีแล้ว
ยังมีพวกกองเชียร์กองแช่งต่างๆ ที่ได้ความสะใจ ได้ตื่นเต้นไปกับการปะทะ ได้เห็นไส้ทุกขดของทั้งสองฝ่าย
ดังนั้น ควรใคร่ครวญและไตร่ตรองให้ดี ก่อนที่จะมีวิวาทะกับใคร
คิดให้สะระตะ (ไม่เกี่ยวกับหวย) คิดให้ละเอียด ถึงผลได้ผลเสีย
ทั้งของตนเอง และของคนอื่น ว่าใครกันแน่ที่ได้ ใครกันแน่ที่เสีย
และสุดท้าย ไม่ได้มีเจตนาเป็นการต่อต้านหรือไม่เห็นด้วยในการดำเนินการตามกฎหมายในคดีเหล่านี้
เพียงแต่เป็นการชี้ให้เห็นถึงผลของการขาดความยับยั้งชั่งใจในการวิวาทะ เท่านั้น
## นายอ่ำ ##
ตัวอย่างของการดำเนินคดีฐาน "หมิ่นประมาท" ที่ดี
แต่ตนต้องการให้ศาลเป็นผู้พิสูจน์ความจริงและให้บุคคลเหล่านั้นยอมรับฟังข้อมูลที่ถูกต้อง
เพราะก่อนหน้านี้ตนพยายามชี้แจงความจริงผ่านทางช่องทางต่าง ๆ มาแล้วหลายครั้ง
แต่กลับไม่รับฟัง ตนจึงต้องฟ้องศาล “
“เจตนาเดิมของตนคือไม่ต้องการเอาผิดกับผู้ใด
แต่ถ้ามาพบ ลงข้อความขอโทษ และยอมรับการชี้แจงของตนนั้น ตนก็พร้อมที่จะถอนฟ้องทั้งหมด
ซึ่งหากบุคคลเหล่านั้นต้องการติดต่อ ก็ให้ไปติดต่อทางจ่าจังหวัดชลบุรี เพราะตนได้มอบหมายให้เป็นผู้รับผิดชอบคดีนี้ “
นั่นคือคำพูดจากท่านผู้ว่าฯ ชลบุรี อดีตนักสอยคิว "หนุ่ย ชุมแพ" ที่เคยโค่น ต๋อง ศิษย์ฉ่อย มาแล้ว
(ภาพจาก http://yaipearn.blogspot.com)
การค้าคดีความฐานหมิ่นประมาท ถ้าคำนวณอย่างสะระตะ (ไม่เกี่ยวกับหวยนะครับ)
หมายถึงคิดให้ถ้วนถี่แล้ว มีแต่เสียกับเสีย
คนฟ้องก็เสีย แม้จะได้เงินทอง ได้ความสะใจ ได้คำขอโทษ และอาจะได้ชื่อเสียงคืนกลับมา
แต่ที่ผ่านมา ถูกเกลียดถูกชังไปแล้ว คนจะเลิกเกลียดเพราะความจริง เพราะคำขอโทษ หรือเพราะการถูกตัดสิน ??
เชื่อว่าอาจจะไม่เลิกเกลียดเสียทีเดียว
เพราะฝ่ายที่เกลียดเป็นทุนเดิม ก็อาจมองเจตนาไปในแง่อื่น ส่วยฝ่ายเดียวกัน อาจจะคาใจในเรื่องราวที่ถูกกล่าวหา
ผมว่า การแสดงความไม่โกรธเคือง แต่ขอเพียงแต่อยากให้เข้าใจกันเท่านั้น
นั่นคือการกระทำที่ทำให้ความรู้สึกเปลี่ยนไปไม่มากก็น้อย
และยังได้รับการชื่นชมในการมีน้ำใจอีกด้วย
อีกฝ่าย คือผู้ที่ถูกฟ้อง ก็ย่อมเสียทั้งขึ้นทั้งล่องอยู่แล้ว
แต่ การเสียนี้อาจถูกลดทอนลงได้
ด้วยการแสดงความรับผิดชอบและเสียใจในสิ่งที่ตนเองกระทำ อย่างจริงใจ
และอาจกลับกลายเป็นได้รับการชื่นชม เช่นเดียวกับผู้ฟ้อง ในกรณีแรก
ส่วนพวกที่ได้ ก็ไม่ใช่ใคร นอกจากทนายจะได้ค่าทำคดีแล้ว
ยังมีพวกกองเชียร์กองแช่งต่างๆ ที่ได้ความสะใจ ได้ตื่นเต้นไปกับการปะทะ ได้เห็นไส้ทุกขดของทั้งสองฝ่าย
ดังนั้น ควรใคร่ครวญและไตร่ตรองให้ดี ก่อนที่จะมีวิวาทะกับใคร
คิดให้สะระตะ (ไม่เกี่ยวกับหวย) คิดให้ละเอียด ถึงผลได้ผลเสีย
ทั้งของตนเอง และของคนอื่น ว่าใครกันแน่ที่ได้ ใครกันแน่ที่เสีย
และสุดท้าย ไม่ได้มีเจตนาเป็นการต่อต้านหรือไม่เห็นด้วยในการดำเนินการตามกฎหมายในคดีเหล่านี้
เพียงแต่เป็นการชี้ให้เห็นถึงผลของการขาดความยับยั้งชั่งใจในการวิวาทะ เท่านั้น
## นายอ่ำ ##