ก่อนวันหยุดปีใหม่ กะว่าไม่ได้ไปไหน เลยจ้างช่างแถวบ้านตั้งโครงเหล็กทำชั้นลอยไว้นั่งเล่น แล้วเราก็ไปหาซื้อไม้ถูกๆ มาใส่เองช่วงที่หยุดครับ คิดเปรียบเทียบระหว่างไม้สังเคราะห์ไฟเบอร์ซีเมนต์ กับไม้จริง ขั้นแรก ตกลงใจว่าเลือกไม้จริงเพราะคิดไปเองว่ามันเบาต่อโครงสร้างหน่อย ขั้นต่อมาเลือกไม้ถูกระหว่างไม้กระบากใหม่ที่ขายตามข้างทางหน้า 8” แถวบ้านผมขายเมตรละ 100 บาท คำนวณแล้วว่าพื้นที่ 5*6 เมตรคงใช้ไม้ราคาสัก 12,000 บาท แต่ดันไปคิดว่าลองไปดูไม้เก่าร้านแถวตลิ่งชัน(ทางเลี้ยวไปห้าง thecircle จากถนนบรมราชชนนี) คิดในใจว่าคงแพงกว่ากันหน่อยแต่ได้ความทนขึ้นมาหน่อย ก็เลยไปเจอต่อรองกันได้ที่เมตรละ 150 เป็นไม้เก่าเบญจพรรณวางไว้เป็นตับดูดีพอได้ (คือวางทับกันไว้เห็นแต่ปลายด้านนึง) ตกลงราคากันที่ 18,000 บาทรวมส่ง แล้วเราก็ ยืนดูเค้าเอาขนขึ้นรถเค้าเพื่อจะขับมาส่งบ้าน ตอนยืนดูเค้าขน ดึงออกมาจากกองแล้ววางทับกันด้านเดียวไอ้เราก็ด้อยประสบการณ์ เค้าก็ดึงมาวางเรียงกองแล้วเอาขึ้นรถ (มาสำนึกเองทีหลังว่าเราไม่น่าเลย เราควรที่จะตรวจเป็นรายแผ่น เพราะทุกแผ่นเป็นเงินที่เราต้องจ่าย) สรุปว่าขนมาส่งถึงบ้านวางกองไว้ ผ่านมาถึงเมื่อวานเราเริ่มยกจากกองมาวางเตรียมปู ถึงได้ตระหนักว่าไอ้ไม้ที่เราดูว่ามีสีเข้มๆ ด้านบนที่เกิดจากการทาสีแบบบ้านๆ นั้น เป็นการทาบนไม้กระบาก/เบญจพรรณ ที่เคยเป็นไม้แบบมา(เพราะข้างหลังพิจารณาได้ว่ามีเศษปูนติดเป็นคราบปื้นๆ ประกอบกับมีทั้งรอยปลวกกิน และไม้บางอันก็เป็นไม้กร่อนแรง ประมาณเกือบครึ่งกอง เลยรู้สึกเซ็งมาก คิดว่าไม่น่าเลยเรา รู้งี้ซื้อไม้กระบากใหม่ยังจะถูกกว่า ไม่เจ็บใจโดนเอาเปรียบจากราคาไม้กระบากโทรมๆ อีก. สรุปเลยอยากจะเตือนพี่น้องว่าเวลาเลือกไม้เก่า ควรที่จะพิจารณาทั้งหน้า/หลังไม้ให้ถ้วนถี่ เพราะเป็นเงินของเราที่กว่าจะหามาได้ เพราะคนขายบางคนก็ไร้มาตรฐาน สักแต่ว่าเอาประโยชน์ตัวเอง ผมตีราคาว่าไม้ที่ผมจ่ายไป 18,000 นั้น ผมจ่ายราคาเกินจริงไปร่วม 8,000 บาท(ราคาขาย) เพราะไม้เกือบครึ่งน่าจะเป็นไม้แบบ/เบญจพรรณเก่าที่รื้อมาจากบ้านช่างบ้านๆที่ใช้เป็นไม้แบบเสร็จแล้วรื้อเอาไปปูพื้นบ้านแล้วทาสีหน้าทับแล้วก็คงขายเหมาๆมาให้ร้านที่ไม่มีจริยธรรมทางอาชีพมาขายปนๆทำกำไรหลอกลูกค้าเซ่อๆซ่าๆอย่างผมไป ฝากไว้เป็นอุทาหรณ์ครับ ขอบคุณครับ
ซื้อไม้เก่าระวังโดนหลอกเป็นเหยื่อร้านไร้จริยธรรมครับ