ละครรักมะลุ๊กกุ๊กกิ๊กและคิกขุ @@ ข้าชื่อจารย์จี เรื่องนี้พี่ขอเป็นพระเอก @@

ความเดิมตอนที่แล้ว  https://ppantip.com/topic/37226347

....

                  แอ๊ดดดดดดดดดด ...  โอ๊ย ประตูหนักแท้ ..

              ต้องขออำไพคุณพ่อคุณแม่ยกกันสักหน่อย  ... ทีแรกกระผมว่าจะเปิดวิกฉลองปีใหม่กันในวันที่หนึ่งเลย  แต่ประสบปัญหาเล็กน้อยทำให้ต้องเลื่อนเปิดการแสดงออกมาหนึ่งวัน ...

                  สาเหตุหรือครับ มีหลายอย่าง เรื่องแรกก็คือบรรดาพระเอกกับเพื่อนพ้องนักแสดงฉลองกันเพลินไปหน่อย ลุกไม่ไหว   แหะ ...

                  เรื่องที่สองก็คือพระเอกเริ่มงอแง  มาบ่นกับผมว่านางเอกทำไม่ไม่ตรงสเป็ค

                  “ทำไมรึจารย์ ...“   ผมถาม

                  “นางเอกแก่ไปหน่อย ... “  จารย์จีบ่นแบบหมดอาลัยตายอยาก

                  “หื้อ !! .. แก่ได้ไง...”   ผมแย้งไป   “... นางเอกผมยังไม่เปิดตัวเลย...”

                    อ้าว ..!!    จารย์จีส่ายคอง่อกแง่ก     “... ม่ายใช่เจ๊ลิเหรอ ...”

                    ผมหัวเราะ  มิน่าเล่าจารย์จีเลยฉลองมันซะโต้รุ่ง  ที่แท้กะเอาเหล้าย้อมใจนี่เอง   ฮิ ๆ

                     “ไม่ใช่จารย์   เรื่องนี้เจ๊ลิไม่ใช่นางเอก  เธอมาเป็นนักแสดงรับเชิญให้เท่านั้นเอง ..”


                     “เอ้อ !!  โล่งใจ ...”      จารย์จียิ้มออกมาได้    “....ผมกลัวโดนข้อหาพรากผู้เฒ่า ...”


                     แหม .. จารย์จีเล่นออกมาซะโต้ง ๆ ถึงอีตอนนี้ผมไม่กลังข้อหงข้อหาหรอกครับ  กลัวแม่ลิเค้าขึ้นมากระทืบคาโรงกันตะหาก นึกว่าจะหมดเรื่องข้องใจแต่จารย์จีก็ยังมีอีก

                     “อะไรกันจารย์ ละครเราสนุกจะตาย  นางเอกสาว ๆ สวย ๆ เอาะ ๆ กำลังจะออก  จารย์งอแงอะไร”

                    “ผมสงสัยตรงแท็กห้อง...”  

                     “ทำไมจารย์ ...”

                     “หง่า ... “ จารย์จีหัวคิ้วชนกัน   “.... คือละครรักมะลุ๊กกุ๊กกิ๊กแบบนี้มันน่าจะไปแท็กห้องสยามสแควร์หรือบางรัก  อีกอย่างละครฟอร์มใหญ่และผมมาเป็นพระเอกให้ มันน่าจะไปแท็กที่เฉลิมไทยกับบางขุนพรมด้วย ...แต่ไหงคุณไปแท็กห้องดิโอลด์สยาม ...”

                      “คือ ..ผมว่าละครเรื่องนี้มันช่วยปลอบประโลมใจให้เหล่าผู้เฒ่ามีฟามสุขน่ะจารย์ ...”

                      “ห๊า !! … ไปเกี่ยวอะไรกับพวกผู้เฒ่า ...”   จารย์จีทำเสียงสูง

                       ผมตบหลังจารย์จีแปะ ๆ   “.... เกี่ยวสิจารย์  คือผมกลัวคนถนนห้องโอลด์สยามอย่างเช่นลุงเจียวต้ายแกจะเหงาน่ะ  เลยแท็กเข้าไปให้แกได้ชมด้วย   น่า .. จารย์ .. ไม่มีอะไรหรอก..”

                       “แน่ใจนะว่าเป็นอย่างที่ว่าจริง ๆ  ..”  จารย์จียังข้องใจ

                       “ใช่สิจารย์ .. เชื่อผมเหอะ  ตอนนี้ผู้ชายห้องโอลด์สยามเอาจารย์เป็นไอดอลกันเป็นแถว ...”

                        จารย์จียิ้มแป้น ... “จริงเร๊อะ .. ผมดังขนาดนั้นเชียว ...”  แล้วก็เริ่มจะสงสัยหัวคิ้วชนกันอีก พลางบ่นพึมพำ  “.. ทำไมเป็นไอดอลหว่า ...”
    
                     ผมกลัวจารย์จีจะนึกขึ้นได้  เอ๊ย  กลัวแกจะถามอีก  เลยรินให้แกถอนสองเป๊ก...
    
                     คราวนี้พระเอกของเราก็คึกคัก พร้อมจะออกแสดงได้ แต่ไม่วายจะสำทับ ..

                    “นางเอกออกตอนนี้เลยใช่ไหม   เอ๊าะ ๆ ขาว ๆ ใช่ไหม  สวยเอ็กซ์ด้วยใช่ไหม  .. “

                     “เอ๊าะจริงสิจารย์   นี่..ถอนอีกสักเป๊ก ... ซร้วบบบบ.. อ่า !!“



                           เอ้า ..... เปิดม่านนนนนนนนนนนนนนน ...

                                       .........................................

           “คุณสอไปเอาข้าวของอะไรเยอะแยะมาจากไหน“   พ่อถามขึ้นเมื่อเห็นน้าสอหิ้วถุงก๊อบแก๊บพะรุงพะรังเข้าบ้าน  โดยมีผมส่ายหางดุ๊กดิ๊กตามมาข้างหลัง

      “เมื่อกี้ผมไปช่วยป้าซูซี่เก็บร้านน่ะจารย์ แกก็เลยให้พวกนี้มานี่แหละ ผมก็เลยนึกถึงจารย์กับไอ้กะปอม นี่ถ้าจารย์มีแม่บ้านผมคงไม่ต้องหิ้วไอ้นี่มาให้ร้อก ...”  น้าสอว่าพลางวางพวกกับข้าวไว้บนโต๊ะหินอ่อนหน้าบ้าน

            พ่อไม่ตอบ  ทำเป็นเมิน ๆ   ส่วนน้าสอก็นั่งลงตรงม้าหินอ่อน  พูดต่อของแกไปเรื่อย ๆ .. ..  

            “หาเมียได้แล้วจารย์  จำได้ไหมที่เราตกลงว่าจะรีบหาแม่ใหม่ให้ไอ้กะปอมมันเร็ว ๆ ...”

            “ไอ้ที่คุยกันไว้น่ะผมไม่ลืมหรอก แต่พอหายเมามาแล้วกลับมาคิดใหม่..  มัน ... วุ้ย  อธิบายลำบาก”

           “มันยังไงหรือจารย์”   น้าสอเอียงคอถาม

            พ่อเอามือมาลูบหัวผม  เหม่อมองไปยังยอดมะยมหน้าบ้าน  

           “ผมจะบอกคุณยังไงดี ...คือมันไอ้อยากจะมีมันก็อยากนะ แต่ก็ไม่ใช่จะต้องรีบมีก็ได้ หรือมีแล้วมันจะไม่ดีก็อย่ามีเสียดีกว่า ของอย่างนี้มันก็ต้องดูให้มันดี ๆ แต่บางทีเราไปเจอของดี เขากลับว่าเราไม่ดี  มันก็เลยไม่มีมาอยู่อย่างนี้ “

            ผมนี่ถึงกับเอาขาหลังมาเกาหู  ส่วนหน้าสอทำหน้าซื่อบื้อ

           “… จารย์พูดให้คนฟังรู้เรื่องได้ไหม”

            “อ้าว .. ผมก็ว่าพูดชัดแล้วนา คุณฟังไม่เข้าใจเอง ... “

            น้าสอโบกมือ  “ช่างเถอะจารย์  ผมมันฟังปรัชญาของจารย์ไม่ออกเอง... ว่าแต่จารย์โทรหาผมทำไม เห็นมันขึ้นในโทรศัพท์ผมไม่ทันรับ แต่พอดีจะออกมาซื้อของปากซอยอยู่แล้วเลยมาถามจารย์เอาเองนี่แหละ  หรือว่าจะชวนตั้งวงฉลองปีใหม่  ... “

            “ไม่ใช่ ...”   พ่อส่ายหน้า    “... ผมว่าจะไปอีสานสักสองสามวัน แต่ติดตรงเป็นห่วงไอ้กะปอมกับพวกแมวทั้งหลาย เลยว่าจะถามคุณหน่อยว่าช่วงหยุดปีใหม่ไปไหนหรือเปล่า  ถ้าไม่ไปจะได้ฝากคุณดูแลไอ้พวกนี้ ...”

            “โอ๊ย .. แค่สองสามวัน  ไอ้พวกนี้อยู่ได้สบายไม่ต้องกลัวมันจะอดตายกันหรอก ...”  

            น้าสอหัวเราะ  แต่พอเห็นพ่อทำตาโตแกก็เปลี่ยนเป็นแหะ ๆ  

           “... พูดเล่นน่า .. จารย์ .. เดี๋ยวผมดูให้เอง ช่วงวันหยุดนี้ผมไม่ไปไหนหรอก  นาน ๆ จะว่างยาวอย่างนี้สักทีว่าจะซุ่มเขียนหนังสือ ไอ้พวกนี้เดี๋ยวผมดูแลให้ ...”

                                                         ……………..

            ตกลงผมเลยต้องฝากท้องกับน้าสอไว้หลายวัน  ต้องคอยวิ่งตามแกต้อย ๆ แหละ  จะให้แกจัดให้ตามเวลารึฝันไปเถอะ  ขนาดตัวแกเองยังกินข้าวไม่เคยเป็นเวลาเลย  

           วันนี้เกือบเที่ยงน้าสอมาจุ๊ปากเรียกผมอยู่หน้าบ้าน ไอ้ผมก็หิวจะตายอยู่แล้วก็รีบวิ่งหน้าตั้งออกไป    

            “ไปหากินอะไรกันดีกว่าไอ้ปอม  ...”    น้าสอชวนผมแล้วก็เดินผิวปากไปตามซอยอย่างอารมณ์ดี  ระหว่าทางก็ทักหมา แซวแมว จีบแม่ค้าไปเรื่อยเปื่อย  ทางแค่สองสามร้อยเมตรแกเดินเป็นชั่วโมง  ผมวิ่งย้อนไปย้อนมาระหว่าตัวแกกับปากซอยได้เป็นร้อยรอบ

           ช่วงเข้าสิ้นปีนี่ร้านรวงพากันหยุดไปหมด  ไก่ปิ้งเจ๊ลิก็หยุด ได้ยินน้าสอบ่นพึมพำว่าแกน่าจะกลับลำพูน  เสียดายก็เสียดายที่ไม่ได้กินไก่ปิ้ง ดีใจก็ดีใจเพราะผมกลัวเจ๊ลิ  ได้ยินในวงเหล้าคุยกันว่าแกเป็นพยาบาลมาเก่า

            “เอ็งซนดีนัก  ระวังเจ๊ลิจะจับตอน ...”    น้าสอกับน้าเปลวแกชอบขู่ผม  ได้ยินงี้เมื่อไหร่ผมหงอยทุกที


           ร้านที่เปิดอยู่ก็มีร้านสว่างโภชนาของลุงแอ๊ดซึ่งเน้นขายกับแกล้มเหล้าจำพวกลาบน้ำตก  แต่น้าสอกลับมาหยุดอยู่ฝั่งตรงกันข้ามคือร้านป้าซูซี่     ร้านนี้เป็นร้านไฮโซขายอาหารไทยกับอาหารตามสั่งแต่ดันมีเมนูขาหมูเยอรมัน เห็นน้าสอแกว่าป้าซูซี่แกชอบทำอาหารเลยเปิดร้านเอาสนุก  

           สองร้านนี้ปกติแก๊งค์วงเหล้าของพ่อจะมานั่งกันก็แค่ช่วงต้นเดือน  เคยยกโขยงกันมากลางเดือนกันครั้งหนึ่งตอนน้าเปลวถูกล็อตเตอรี่สองตัว  เห็นว่าถูกรางวัลแค่พันเดียวแต่กินหมดไปเกือบสามพัน กลายเป็นว่าส่วนเกินต้องมาหารกัน เดือนนั้นหงอยไปทั้งแก๊งค์  ฮิ ๆ
                                                  ………………

            เริ่มปีใหม่มานี่ออกจะเงียบเชียบ สงสัยคนไปต่างจังหวัดกันเยอะ  ในร้านป้าซูซี่มีคนกินอยู่โต๊ะเดียว ส่วนตัวป้ากับเด็ก ๆ ในร้านไม่รู้หายไปไหนหมด แต่ก็ไม่เป็นไรเพราะคุ้น ๆ กันอยู่ น้าสอแกก็ดูรายการอาหารของแกไปเรื่อย ๆ  ผมได้ทีก็ตะกุยตะกายเมนูอีตรงขาหมูเยอรมันพร้อมทำน้ำลายย้อย  เผื่อน้าสอแกสงสารจะสั่งมากินกัน

            แต่ไม่ได้ผลแฮะ  น้าสอแกผลักหน้าผมออก

           “ไปไกล ๆ ไอ้กะปอม  ชะ .. เป็นไทยกลางตลาดดันสะเออะจะกินขาหมูเยอรมัน  ขนาดข้ายังกะกินแค่กระเพราะไข่ดาว อย่างเอ็งถ้าฟลุ๊กก็แค่ได้ซี่โครงไก่ที่ป้าแกทำน้ำซุป  ทำมาดูขาหมงขาหมู ... ตุ๋ย !! .. “

            แล้วก็มีกลิ่นที่ไม่ค่อยคุ้นกับจมูกของผมมาจากทางด้านหลัง   พร้อมเสียงใส ๆ ทักมา ...”

           “รับอะไรดีคะ วันนี้มีเมนูพิเศษ  ต้มยำไก่ ผัดไก่ และก็ปลาราดพริก..”   (คิดไรไม่ออกเลยขอยืมเมนูในละครรักริมไร่  เอ๊ย ริมไรน์ของป้าแกมาหน่อย  แหะ ๆ ..)

            ผมกับน้าสอหันไปดูพร้อม ๆ กันแล้วก็เห็นใบหน้าที่ไม่คุ้นตา  น้าสอแกกวาดตาขึ้นลงสองสามครั้งแล้วก็บอกไป

            “.. เอากะเพราไข่ดาวใส่กล่องน่ะครับ  เอาแบบเหมือนเดิมป้าซูซี่แกรู้   ..แล้วหง่า ... แกไม่อยู่หรือครับ...”

            สาวสวยคนที่มารับออร์เดอร์ยิ้มหวาน

            “ป้าแกอยู่หลังครัวน่ะค่ะ  กำลังทำกับข้าวอยู่ก็เลยออกมารับออร์เดอร์ให้ ..ตกลง .. เอากะเพราไข่ดาวใส่กล่องใช่ไหมคะ..”

            “ครับ ... บอกป้าซูซี่ว่าผมชื่อสอน่ะครับ แกรู้ว่าผมชอบขาว ๆ เอ๊ย ไข่ขาวกรอบ ๆ  แหะ  ๆ .. คือ .. ป้าแกรู้ว่าผมกินยังไง..“   น้าสอทำตาเยิ้มเล่นหมาหยอกไก่

            "ไม่ได้ยัด เอ๊ย กินใส่ปากหรือคะ ... ฮิ ๆ   ขอโทษค่ะ  ล้อเล่น ..”

           ฮะ ๆ  โดนไก่จิกซะแล้ว เล่นเอาน้าสอถึงกับคอย่น  ผมนี่ลุกขึ้นยืนสองขาให้เลย

           ส่วนคุณพี่คนนั้นก็เดินหายเข้าไปในครัวแล้วก็ไม่โผล่ออกมาอีก  ได้ครู่ใหญ่ ๆ ป้าซูซี่แกก็เดินหิ้วถุงก๊อบแก๊บใส่กล่องโฟมออกมายื่นให้

            “เอ้า !! ข้าวกะเพราไข่ดาว   ... วันนี้สั่งอย่างเดียวหรือ .. “

            “อย่างเดียวครับ พอดีไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ ที่แวะมาก็ว่าจะถามขอโครงไก่ให้ไอ้กะปอมมันหน่อย  “

           “อ้อ .. !!   มี ..” ป้าซูซี่พยักหน้า   “....เดี๋ยวไปเอามาให้   รอแป๊บ..”

           ป้าแกว่าแล้วก็หันหลังกลับ   แต่น้าสอแกฉุดชายเสื้อไว้ก่อน    ป้าแกเลยต้องหันกลับมา

           “... ขอถามอะไรหน่อยป้า  “   น้าสอทำหน้ามาเลศนัย

            “อะไร .. รีบถาม  จะรีบกลับไปเตรียมครัว...”   ป้าซูซี่ว่า

            “น้องศินี่สวยขนาดไหนครับ เห็นหนุ่ม ๆ รุมตอม เอ๊ย .. คนละเรื่อง  คือน้องคนที่มารับออร์เดอร์เมื่อกี้เป็นใครครับ จะว่าเป็นเด็กเสิร์ฟใหม่ท่าทางก็ไม่ให้...”

            “อ๋ออออ … “   ป้าซูซี่ลากเสียงยาว   “.... คนที่คุณไปแหย่เล่นเค้าเมื่อตะกี้น่ะรึ .. “

             พอเห็นน้าสอได้แต่หัวเราะแหะ ๆ   ป้าแกก็หัวเราะว่าต่อ

             “ชื่อน้องอ้อม เป็นหลานน่ะ  พอดีเด็กในร้านมันลากลับต่างจังหวัดกันหมดเลยขออ้อมเขามาช่วย...”

              “โอ้โห ... มีหลานสวยยังงี้ด้วย  ทำไมไม่เอามาช่วยบ่อย ๆ ล่ะครับ  รับรองแขกตรึม...”

               “งานของเค้าก็เหนื่อยพออยู่แล้ว วันหยุดก็ไม่อยากจะรบกวน  บ้านอ้อมอยู่ไกลข้ามสะพานพระนั่งเกล้าไปโน่น นี่พอดีมันหยุดปีใหม่หลายวันเฉย ๆ อีกอย่างเด็กก็ไม่เหลือสักคนเลยขอเขามา”

               “แล้วปีใหม่เค้าไม่ไปเค้าดง เคาท์ดาวน์กับแฟนเขาหรือครับป้า ...”    น้าสอสะกิดถามต่อ ไม่รู้แกจะถามไปทำไมเยอะแยะ แทนที่จะถามเรื่องซี่โครงไก่  ดันไปถามอะไรไม่รู้ที่ไม่เข้าเรื่อง

                “ไม่มีมั้ง ... งานเค้ายุ่งจะตาย  แล้วคุณจะถามไปทำไม   คนยิ่งรีบ ๆ อยู่   เดี๋ยวจะเอาโครงไก่มาให้  ..”

                                                                          ....

   (เปิดตัวนางเอกผู้โชคดีล่ะครับ   ยังไงก็ตัวใครตัวมันนะจารย์ ...)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่