ละครรักมะลุกกุ๊กกิ๊กและคิกขุ ต้อนรับปีใหม่จากวิกสังกะสี @@@ ข้าชื่อจารย์จี เรื่องนี้พี่ขอเป็นพระเอก @@@

...........
...........


                  วันก่อนอีตอนปิดวิกสังกะสี  จารย์จีแกบ่นกะปอดกะแปดว่าโรงงิ้วเปิดตัวสาว ๆ มาเรื่อย ๆ แต่ไม่ยักกะยอมให้แกร่วมแสดง  แล้วทำท่าหมดแรงจะไม่ช่วยกันเก็บวิกเอาเสียดื้อ ๆ

                  ไอ้ผมก็เห็นว่าช่วงนี้จะเข้าปีใหม่พอดี  เลยเอาใจแกสักหน่อยพร้อมหาเรื่องมีรายได้ ...

                   “...เปิดวิกตอนพิเศษกันไหมจารย์...”     ผมชวน    “... เอาสักสามตอนจบ แสดงกันตอนก่อนปีใหม่ ช่วงเข้าปีใหม่ และหลังปีใหม่ หารายได้เสริมโรงงิ้ว ...”

                   “อยากจะพักบ้าง   ปีใหม่ว่าจะกลับอีสาน ...”    จารย์จีพูดแบบเหม่อ ๆ   ตาดูแต่กะปอมไล่กันบนต้นมะพร้าว

                   “ผมว่าจะให้จารย์เป็นพระเอก  ...”   ผมหยอด  

                   .................

                  “ในถนนผมว่ามีสาวสวยหลายคน ว่าจะเต๊าะมาเป็นนางเอกสักหน่อย   ..."   ผมว่าเรื่อย ๆ
      
                   .................

                 "... อาจจะเอามาแสดงหลาย ๆ คนเลยก็ได้  พระเอกจะได้แตะอั๋งสนุก ๆ ...”    

                  “...คิด ๆ ดู    บางทีก็เบื่อรถติดแถวสระบุรี...”   จารย์พูดไปคนละเรื่อง  แต่ไหงผมกลับฟังรู้เรื่องก็ไม่รู้  ฮิ ๆ

                  “จะลองหาแบบ ... ขาว ๆ สวย ๆ หมวย ๆ เอ็กซ์ ๆ ...”  ผมว่าต่อ

                  “เอื้อก !! …”    มีเสียงกลืนน้ำลาย  จารย์จีตายังมองเหม่อไปทางยอดมะพร้าว แต่เอียงหน้าเข้ามาลดเสียงเบาลง ไม่รู้จะกระซิบไปทำไม  อยู่กันสองคนแท้ ๆ    “...ถ้าจะให้ดีต้องแถมเซ็กซ์ซี่และขี้เล่น ... “  


                 “...แถมต้องใจกว้างด้วย ... “   ผมเสริม


                  คราวนี้จารย์จีลูกกระเดือกวิ่งพล่าน สงสัยจะกลืนน้ำลายหลายอึก ไม่รู้แกคิดอะไร แต่ของผมที่ต้องหาใจกว้างนี่เป็นเพราะกลัวพวกเธอจะมารุมเหยียบเอา    แหะ ...

                   เอ้า !! .. เมื่อพระเอกขอมา   วิกสังกะสีก็ตอบสนอง  ...


                  เรื่องนี้ใครไม่รู้จะ(ซวย)ถูกเชิญมาแสดงกันบ้าง  โดยเฉพาะนางเอก    ยังไงก็ตัวใครตัวมันเน้อจารย์จี ...





                 .................... เปิดม่านนนนนนนนนนนนน  ...............



                  “จารย์  !! … เมื่อไหร่จารย์จะหาเมียให้มันเร็ว ๆ หน่อย  เผื่อพวกเราจะได้มีกับแกล้มอร่อย ๆ ปรุงร้อน ๆ กันบ้าง จะได้ไม่ต้องอาศัยไก่ปิ้งเจ๊กันอยู่อย่างนี้ จารย์ไม่เบื่อหรือ ...”

                  น้าสอบ่นหลังจากยกแก้วเหล้าพลางแทะปีกไก่ส่วนบน   แต่ก็ยังดีที่อุตส่าห์แบ่งส่วนปีกล่างมาให้ผมที่กำลังนั่งน้ำลายยืดอยู่ข้าง ๆ

                  แต่แทนที่พ่อจะรู้ตัว แกกลับมองน้าสออย่างปลงอนิจจังแล้วก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเซ็ง ๆ บ้าง  “คุณสออออออออออ   !!    นี่คุณกำลังหยิบปัญหาระดับชาติขึ้นมาเชียวนะ ”

                 “ปัญหาระดับชาติอะไรกัน  ผมไม่เข้าใจ ”   น้าสอทำหน้ามึน  ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์ยาดองหรือเป็นเพราะงงจริง    

                 แต่ก็อย่างว่า... คำพูดของพ่อผมมักจะมีอะไรที่ทำให้คนฟังต้องดมยาดมอยู่บ่อย ๆ พ่อผมเป็นครู เรื่องง่าย ๆ แกถึงพูดให้คนฟังปวดหัวได้ ไม่รู้ว่าเกี่ยวกันหรือเปล่า

                  “ก็คุณเล่นเอาปัญหาสังคมระดับประเทศที่แม้แต่คนในรัฐบาลต้องปวดหัว มาต่อรองกะอีแค่คุณเบื่อไก่ปิ้งเจ๊ลิ   ... “    พ่อว่าพลางก็คว้าเอาปีกไก่เสียบไม้ไปแทะบ้าง  

                 “อ๊ะ !!  แค่หาเมียใหม่มาทำกับแกล้ม  จารย์ว่าเป็นปัญหาระดับประเทศเชียวรึ ”   น้าสอพูดเสียงดัง

                 “เอ๊า !!  ..นี่แหละเป็นปัญหาสังคมของชาติเลยล่ะ  คุณรู้ไหม ถึงคุณว่ามาแค่สั้น ๆ  แต่จริง ๆ แล้วมันแฝงด้วยปัญหาสังคมตั้งไม่รู้กี่อย่าง  เริ่มตั้งแต่ปัญหาของสถาบันครอบครัวของคนโสดที่ขาดความอบอุ่น   สืบก็มาจากปัญหาเศรษฐกิจเพราะหากผมรวยสาว ๆ คงวิ่งมาเป็นแถวทำให้ผมมีเมียไปตั้งนาน  หรือถึงจะหาไม่ได้พวก เราก็คงออกไปนั่งดริ้งค์กอดอีสาวตามคาราโอเกะกันแล้ว ไม่ต้องมาทนกินเหล้าดองยาแกล้มไก่ปิ้งสักยันต์อยู่นี่..."

                  ไก่เจ๊ลิมันเหนียวครับ แก๊งค์วงเหล้าของพ่อเลยแซวกันลับหลังว่าไก่สักยันต์  ที่ต้องมาว่ากันลับหลังเพราะน้าสอแกเคยทะลึ่งไปแซวต่อหน้าว่าไก่ย่างสงสัยเหนียวเหมือนเจ้าของ  เจ๊ลิแกเลยงอนที่ไปว่าแกแก่หนังเหนียวเลยไม่ให้ซื้อเชื่อไปเป็นเดือน  ทำเอาวงเหล้าเดือดร้อนกับแกล้มมีแต่มะขามเปียกจิ้มเกลือ  จนน้าเปลวต้องบังคับให้น้าสอไปยกมือไหว้ปลก ๆ  ขอโทษเจ๊ลิแก  วงเหล้าถึงได้มีไก่ปิ้งมานั่งแทะกันต่อ  

                  “.... นอกจากนั้นนะคุณสอ  ..เอื้อก ..!!  “      พ่อแกรำพึงรำพันต่อ   “... การที่ผมหาเมียไม่ได้  มันทำให้เชื้อของดีเอ็นเอฉลาด ๆ มันขาดหายไป  ดูเด็กแถวในซอยเราซิมีแต่ไอ้พวกเด็กแวนซ์  แล้วไอ้พวกนี้ก็ดันมีลูกตั้งแต่สิบเจ็ดสิบแปด  เป็นภาระสังคมที่ต้องเอาภาษีของพวกเราไปอุ้ม ...”

                  น้าสอโบกมือห้ามให้พ่อหยุดแล้วก้มหน้าก้มตาแทะปีกไก่ ไม่ต่อปากต่อคำอะไรกับพ่ออีก  ไม่งั้นก็ต้องฟังปัญหาระดับชาติของแกไปจนมึนโน่นแหละ  ฮิ ๆ …

                 ส่วนพ่อก็หยุดปากลงทันทีเหมือนกันอย่างจะนึกขึ้นได้  แล้วก้มลงซดยาดองไปอย่างเงียบ ๆ บรรยากาศในวงเหล้าแสนจะหดหู่

                 ที่จริงผมก็สงสารพ่ออยู่เหมือนกัน น้าสอไม่น่าโพล่งขึ้นมาให้สะเทือนใจแกเลย  พูดขึ้นมาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากจะเซ็งด้วยกันทั้งคู่  ส่วนผมก็จำต้องแทะกระดูกไก่เล่นไปแบบเบื่อหน่ายด้วย  เฮ้อ …



(ต่อข้างล่าง)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่