๒๕} [๑๙๗] ในหมู่มนุษย์ผู้มีเวร
เราเป็นผู้ไม่มีเวร อยู่เป็นสุขจริงหนอ
ในหมู่มนุษย์ผู้มีเวร เราอยู่อย่างไม่มีเวร
[๑๙๘] ในหมู่มนุษย์ผู้เดือดร้อน๑(เจ้าโลกผู้คิดครอบครอง.)
เราเป็นผู้ไม่เดือดร้อน อยู่เป็นสุขจริงหนอ
ในหมู่มนุษย์ผู้เดือดร้อน เราอยู่อย่างไม่เดือดร้อน
[๑๙๙] ในหมู่มนุษย์ผู้ขวนขวาย๒(โลกจึงเดือดร้อนนอกจากปัจจัย 4 มิใช่หรือ)
เราเป็นผู้ไม่ขวนขวาย อยู่เป็นสุขจริงหนอ
ในหมู่มนุษย์ผู้ขวนขวาย เราอยู่อย่างไม่ขวนขวาย
๒. มารวัตถุ
เรื่องมาร
(พระผู้มีพระภาคตรัสพระคาถานี้แก่มารผู้มีบาป ดังนี้)
[๒๐๐] เราไม่มีกิเลสเครื่องกังวล๓ (ตัณหา 3) อยู่เป็นสุขจริงหนอ
เรามีปีติเป็นภักษา ดุจทวยเทพชั้นอาภัสระฉะนั้น๔ (พรหมวิหารแห่งธรรม ฯ)
ว่าด้วยหมู่มารผู้มีบาปสิ้นทั้งหลาย......
๒๕} [๑๙๗] ในหมู่มนุษย์ผู้มีเวร
เราเป็นผู้ไม่มีเวร อยู่เป็นสุขจริงหนอ
ในหมู่มนุษย์ผู้มีเวร เราอยู่อย่างไม่มีเวร
[๑๙๘] ในหมู่มนุษย์ผู้เดือดร้อน๑(เจ้าโลกผู้คิดครอบครอง.)
เราเป็นผู้ไม่เดือดร้อน อยู่เป็นสุขจริงหนอ
ในหมู่มนุษย์ผู้เดือดร้อน เราอยู่อย่างไม่เดือดร้อน
[๑๙๙] ในหมู่มนุษย์ผู้ขวนขวาย๒(โลกจึงเดือดร้อนนอกจากปัจจัย 4 มิใช่หรือ)
เราเป็นผู้ไม่ขวนขวาย อยู่เป็นสุขจริงหนอ
ในหมู่มนุษย์ผู้ขวนขวาย เราอยู่อย่างไม่ขวนขวาย
๒. มารวัตถุ
เรื่องมาร
(พระผู้มีพระภาคตรัสพระคาถานี้แก่มารผู้มีบาป ดังนี้)
[๒๐๐] เราไม่มีกิเลสเครื่องกังวล๓ (ตัณหา 3) อยู่เป็นสุขจริงหนอ
เรามีปีติเป็นภักษา ดุจทวยเทพชั้นอาภัสระฉะนั้น๔ (พรหมวิหารแห่งธรรม ฯ)