ฝาแฝดเสียไปตอนอายุ 28 (อาทิตย์นึงหลังจากตั้งกระทู้)
ฝาแฝด เป็นแฝดคนล่ะฝา ผมเป็นผู้ชายไปเลย ส่วนแฝดจะเป็นตุ๊ด ตอนช่วง 1-24 คือยังไม่กล้าแต่งหญิง พอ อายุ 25 ออกจากบ้านไปแล้ว กลับมาพร้อมผัวก็แต่งหญิงเต็มตัวเลย ขโมยเสื้อแม่ไปใส่ แต่มันก็เหมื่อนสร้างเสียงหัวเราะในบ้าน คือ แก ทะเลาะกับแม่ ทุกวัน เรื่องเสื้อ แล้ว เป็นคนที่ยังไม่ได้ศัยกรรมแปรงเพศ และแฝด ผมเป็นคนคุยเก่ง เข้าสังคมเก่ง (เห็นคนอื่นนอกจากครอบครัว สำคัญกว่า) ทำให้เป็นที่รักของทุกคนนอกบ้าน
ตอนอายุ 26 แฝดกลับมา ที่บ้านจากการไปทำงานนอกบ้าน (น่าจะไปไม่รอด) ซึ่ง ผมก็รู้สึกรำคราญนิดๆเพราะว่าชอบมาเกาะแกะ แล้วก็ทำตัวน่ารำคราญ ชอบมั่วของใช้ คือช่วงแรกก็รำคราญ แต่ตอนหลังไม่ได้รำคราญแล้วเพราะเค้าจะนอนข้างล่างกับผัว แล้วถ้าเป็นของใช้ส่วนตัว จะเชื่อฟังแต่โดยดี (ส่วนมาก จะชอบทะเลาะเรื่องของใช้ส่วนตัวกัน) ทำให้อุ่นใจว่าเวลามีใครเข้ามาในบ้าน แฝดจะทักก่อนเลย หรือเวลากลับบ้านส่วนมากจะไม่มีใครเปิดประตูให้เพราะเป็นประตูบานเลื่อน แฝดก็จะมาเปิดให้ ซึ่งทำให้ผมสามารถเดินทาง ไปกลับบ้านได้สะดวกขึ้น(ปกติก่อนแฝดมา จะไปไหนมาไหนดึกๆจะไม่มีคนเปิดบ้านให้ คือบางทีต้อง นอนนอกบ้านไปหาโรงแรมนอน )
เนื่องจากมันไม่มีตัง มันก็เลย มาตอดเล็ก ตอดน้อยผม ที่ทำงาน commission ที่บ้าน + ขโมยเงินแม่ด้วยนิดหน่อย
บอกก่อนว่า ในบ้านมีครอบครัวใหญ่ คือมีพี่ชาย (ที่ไม่ได้ทำงาน) พี่สาว (ย้ายออกไปแล้ว) แฝด กับ แม่
แฝด และ ผม ค่อนข้างเกลียด พี่ชายมาก เพราะไม่มีงานทำ เรียนไม่จบ แล้วเวลาแม่ใช้อะไรแก แกก็จะมาใช้ต่อ แล้วมายืนคุม ทำตัวเป็นคนงาน ถ้าไม่ทำตามแกก็จะทุบตี ต่อย กินข้าวก็ไม่ชอบล้างจาน ก็ไม่มีใครว่า แต่พอคนในบ้านแค่วางจานไว้แล้วไปทอดไข่เจียว หรือบางทีทำอย่างอื่นอยู่ยังล้างจานไม่ได้ แกก็จะตะหวาดด่าแหลก เหมื่อนกับว่าแกไม่เคยทำ ให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ ที่ร้ายแรงสุดคือ นาฬิกาแก หาย แกก็ไปต่อยหน้าแฝดเพราะคิดว่าแฝดขโมยไป ด้วยความที่ว่าแกพูดเก่ง ก็ไปเปล่าประกาศทั่วเลย ไปกล่าวหาว่าแฝด
อย่างงั้น
อย่างงี้ สุดท้าย พอเจอนาฬิกา ก็ไปบอกว่าเดี๋ยวไปขอโทษแฝดผม ซึ่งปัจจุบัน ยันตายไปแล้วก็ยังไม่ยอมขอโทษ คือ ที่สุดแห่งความหน้าไหว้หลังหลอก (วีรกรรมเยอะกว่านี้)
ทำให้ผมกับแฝด ตกลงใจว่าจะไม่พูดไม่ยุ่งไม่เกี่ยวกับเค้า เราจะคุยแต่กับแม่ และพี่สาวกันในบ้าน คือ ไม่อยากรับรู้หรือข้องเกี่ยวกับเค้าอีกเลย
ในวันที่แฝดเริ่มป่วยคือ ตอนแรกๆ นึกว่าแฝดป่วยเป็นหวัด คือยังเดิน ยังช่วยเหลือตัวเองได้ ตามปกติ จากที่แฝดเล่าคือ เจ็บที่ปอด ตอนหายใจ แล้วถ้าพูดหรือคุยจะไอ เพราะว่ามันเจ็บ (ไอเหมื่อนพยายามหายใจ) ผมไม่มีความเป็นห่วงเลย(ในตอนแรก) เพราะคิดว่า แฝดอายุยังน้อยแล้วผมก็เคยเป็นมาก่อน (อาการเหมื่อนกันเปะเลย) แล้วมันคงไม่มีอะไรคือ มันเหมื่อนหวัดธรรมดา แต่พอเริ่มเป็นหลายวัน ก็เริ่มรู้สึกรำคราญกว่าเดิม(คือทำไม ไม่ไปหาหมอ?) มันบอกไม่มีตัง แล้วมันไม่แน่ใจด้วยว่าบัตรทอง สามสิบบาท มันอยู่ที่เขตไหน
ผมมีธุระต้องไป ค้างบ้านเพื่อน 3-4 วัน แล้วหลังจากกลับมา ก็เห็นยังนอนอยู่ ก็รู้สึกว่าไม่ปกติแล้ว แม่ก็เห็นว่านอนนานเกิน จนสุดท้ายก็ โทรเรียกรถพยาบาลมา ผมในตอนแรกก็เริ่มสงสัยล่ะว่าป่วยเป็นอะไร มากเปล่า แต่ในใจก็คือว่า เสียงานแน่นอน(ห่วงงานมากกว่าสารภาพตามตรง)
ตอนหลังพอหมอ เอ็กซฺ์เรย์ ดู ก็ปรากฏว่าปอดติดเชื้อ (มีสีขาว ซึ่งปกติ ปอดคนจะสีดำทึบๆ หน่อย) ซึ่ง ผมก็อยู่เป็นเพื่อนแฝด จนกระทั่ง ขึ้นไปพักที่ห้อง(จัดการเรื่องบัตรทองเรียบร้อยแล้ว) ก็นั้งคุยกับแฝด ก็เป็นห่วง แต่ว่า แฝดดูปกติดี แล้วก็นอนพักไป พอเห็นนอนพักผมก็กลับบ้าน เพราะต้องบอกคนที่ทำงานแล้วก็เคลียร์อะไรหลายๆอย่าง
จนแม่เดินมาถึงก็บอกว่า "แฝดเป็นเอดส์ นะ" ติดเชื้อในกระแสเลือด และ ภูมิคุ้มกันต่ำ ทำให้ปอดติดเชื้อ หรือปอดบวม เริ่มใจหาย ใจคอไม่ดี สิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจได้อย่างเดียวคือ อินเตอร์เน็ต เข้าไปดู แต่ล่ะที่ แต่ล่ะเว็บ ปรากฏว่า มีแต่ข่าวดี สมัยนี้เอดส์รักษาให้หายได้ ประคองตัวได้
วันรุ่งขึ้น ขึ้นรถ ไปหาแฝด ไปบอกให้ทำใจให้สบายนะ โรคนี้รักษาให้หายได้ พยายามปลอบใจแฝดต่างๆนาๆ แล้วแฝดก็นั้งเล่นมือถือได้ คืออาการดีกว่าตอนที่อยู่บ้านเยอะแล้วเหมื่อนจะดีกว่าปกติเสียด้วย เรารู้สึกว่าเออ คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง เพราะ ดูเหมื่อนจะดีทุกๆอย่าง (ถ้าเทียบจากวันแรกที่เข้าโรงพยาบาล)
จะไม่บอกที่มาที่ไป ทำไมถึงเป็นเอดส์ได้ อาจจะติดเชื้อมาตอนที่เค้าแยกไปอยู่คนเดียว กระมัง
สิ่งที่คิดคือ ครอบครัวมีผลมากๆที่ทำให้แฝดเป็นอย่างงี้ ตอน อายุ 24 ผมยังไม่ได้ทำงาน commission เราทั้งคู่เหมื่อนเป็นเด็กติดเกมส์เลย คือ ผลัดกันใช้คอมฯ (ที่มีเครื่องเดียว) บางทีทะเลาะกันบ้างอะไรบ้าง แต่เหมื่อนว่า ก็คืนดีกันบ่อยๆ ถ้าไม่ทะเลาะกับแม่ จนออกไปอยู่คนเดียว เหตุการ์ณต่างๆมันอาจจะไม่เกิดขึ้น จำได้เลยว่าวันแรกที่ แฝดย้ายออกไปวันนั้นนอนไม่ค่อยหลับ คือ อารมณ์เหมื่อนตอนนี้เลย คิดถึง ว้าเหว่ เพราะเราคุยไม่เก่งพูดน้อย แล้วก็เข้าสังคมยาก(ตั้งแต่แยกกับเพื่อนสมัยเรียนก็แทบไม่ได้ติดต่อกับใครเลย) ชีวิตมันแปรผันมากๆ คือตอนนี้ทุกสิ่งอย่างอยู่กับแฝด คุยกันเป็นทั้งเพื่อน เป็นทั้งพี่น้อง และเป็นคนที่เกิดมาพร้อมกัน
ผมเอาแต่โทษตัวเองและครอบครัวเสมอๆ สุดท้ายแล้ว แม่ มีผลมาก ในหลายๆอย่าง และ เนื่องจากแม่มีผลมาก ผมเลยคิดว่าแม่น่าจะเป็นคนที่บอบชำ มากที่สุด ผมยังมีเพื่อนที่คุยกัน ทางออนไลน์แม้ว่าจะเจอกัน ไม่บ่อย แต่อย่างน้อยมันทำให้ผม ห่างจากแฝดบ้าง ช่วงนึง
มาว่ากันต่อ ตอนที่เสียใน 1-3 วันแรก อาการแฝดคือปกติมากแล้วดูดีขึ้นเรื่อยๆ วันสุดท้ายที่ผมกลับบ้าน เพราะอยู่ตั้งแต่บ่าย ยัน 4โมงเย็นแล้ว มันถึงเวลากลับแล้ว ผมเดินลงจากลิฟ กำลังจะออกจากโรงพยาบาล แฝดก็ทักมาทาง facebook ให้ผมกลับไปที่ห้องเพื่อเอาที่ชาร์ต แบต มาชาร์ให้หน่อยแฝดชาร์ตไม่ถึง ผมเลยบอกไปว่า (ด้วยความขี้เกียจ) จะถึงบ้านแล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยไปจัดการให้
ทุกอย่างเป็นปกติแล้ว แม่บอกว่า วันนี้ แฝดอาจจะกลับบ้านได้ทำให้ผม รู้สึกดีขึ้นไปใหญ่ คือจะได้กลับมาใช้ชีวิตเหมื่อนเดิมซะที
แล้วผมก็ฝันดีมากในตอน เช้ามืด คือ ฝันว่า แฝดแต่งตัวเดินเข้ามาในห้องแล้วหยิบข้าวของ ด้วยสีหน้าแทบจะเหมื่อนปกติ ผมถามแฝดว่า หายแล้วเหรอ
มันตอบกลับมาว่า เออ ไปก่อนนะ ผมเลยตอบฮวนๆ ไปว่า "เออ ๆ " (คุยกันแบบสนิทๆไม่ได้ประชด) จากนั้นผมก็หยิบมือถือขึ้นมาดู เป็นประจวบเหมาะกับแม่ที่เดินสวนมา พอดีแล้วบอกว่า "แฝดเสียแล้วนะ" ตอนแรกผมไม่เชื่อและสลืม สะลือมากๆ เลยหลังจากนั้นผมตัดสินใจไม่ตามไปที่โรงพยาบาล ผมเลยส่งข้อความเข้า facebook แฝดไปว่า "จะเอาอะไรไหมเดี๋ยวเอาไปให้" สิ่งที่ได้กลับมาคือ มีเสียงดังออกมาจากถุงกระดาษสีน้ำตาล พอผมลุกไปดู ก็แทบใจหาย สิ่งแรกที่เห็นคือ โทรศัพย์มือถือของแฝดอยู่ในนั้น มันทำให้ผมมั่นใจแล้วว่าแม่พูดจริงไม่ได้ล้อเล่น เพราะแฝดผมจะไม่ห่างจากมือถือเลย
หลังจากแต่งตัวคุยกับแม่เสร็จ ผมก็ตัดสินใจ ไปจัดการธุระของแม่ให้เรียบร้อย ไปปริ้น รูปที่สวยที่สุดของแฝด / ไปจัดการเรื่องกรอบรูป ฯลฯ
หลังจากจัดการทุกอย่าง ผมตัดสินใจไม่บวชนะ เพราะผมก็ไม่สบายใจหลายๆอย่าง คือ พยายามหาข้ออ้างเพื่อไม่บวช ผมรู้สึกแบบว่า ยังไงก็ขอไม่บวช ขอชดใช้ด้วยการ ไม่กินเนื้อวัวแล้วกัน แต่ไม่บวช คือไม่รู้ทำไมถึงไม่อยากบวช แต่มันรู้สึกว่ามันยังไม่ถึงเวลาของเรา แล้วเรายังมีงานมีอะไรต้องทำ คือ งานที่ทำแม่ก็ไม่เข้าใจด้วยว่า เราทำงานอะไรยังไง คือให้เงินท่านทุกเดือน ท่านรู้แค่นั้น เรายังไม่พร้อมบวชจริงๆ ก็เป็นเรื่องวิตกกังวลไป แต่สุดท้ายแม่ก็ยอมไม่ให้บวช (ไม่รู้ว่ามันผิดประเพณีหรือเปล่าแต่ผมไม่สบายใจจริงๆนะบวชก็อาจจะมีแต่ความทุกข์ผมเลยไม่บวช เพราะตอนนั้นมัน เกิดขึ้นเร็วมากแล้วตันทุกอย่าง คือ ไม่พร้อมบวชจริงๆ)
จากนั้นเพื่อนของแฝดผม ก็ไปบวชให้แทน ผมก็รู้สึกโอเคกับเค้านะแม้ว่าจะไม่รุ้จักกัน เค้าคุยดี แล้วก็จะสานต่อ id เกมส์ที่แฝดผมเล่น ผมก็เลยอืมโอเค ได้เพราะผมก็ไม่ได้ติดเกมส์อะไรขนาดนั้น
ในใจผม ก็นอนไม่หลับ คือไม่ได้รู้สึก ผูกพันนะ แต่มันรู้สึกสงสาร เพราะ แฝดยังมีความฝันที่ไกลกว่าของผมเยอะ ผมเดินทางมาจนเจอสิ่งที่อยากทำแล้ว แฝดผมเสียไปตอนอายุ 28 (เท่ากัน) ยังมีเส้นทางให้เลือกเดินอีกเยอะมาก บอกตรงๆผมเป็นคนที่ขี้สงสารนะ โดนเฉพาะ คนที่เคยทำอะไรร่วมกัน
ในวันที่เผา(รับศพมา สวด วันนึงแล้วเผาทันที) เพราะแม่ไม่มีเงินมากพอ แล้วก็เป็นศพติดเชื้อด้วย ทำให้ต้องเผาเลย แต่ผมก็ต้องมาคอยโกหกว่า แฝดเป็นโรคปอดอักเสบนะ ปอดติดเชื้อนะ จริงๆ มันไม่ใช่
ในวันที่เผาผมตัดสินใจไปดูหน้าแฝดครั้งสุดท้าย
มันทำให้ผมร้องไห้ แทบไม่หยุดคือหน้าแฝดเหมื่อนกำลังนอนอยู่เลย
คุณเคยเห็นพี่น้องตัวเองนอนหลับไหม? ปกติผมแทบไม่ได้เห็นหน้าแฝดนะ เพราะผมทำงานดึก แฝดจะตื่นก่อนผมเสมอ ๆนี่เป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปีที่ผมเห็นแฝด ผมหลับและผมตื่นอยู่ สิ่งแรกที่แว่บขึ้นมาในหัวคือ ไม่น่าเลย ไม่น่าทุกๆอย่าง จังหว่ะและดวง ของแฝดมันเปะมากทุกอย่าง
แม่ทะเลาะกับคนในบ้าน ผมคิดว่าถ้าแม่ไม่ทะเลาะกับคนเค้า แฝดอาจจะได้มีเงินไปหาหมอตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว แฝดผมไม่น่าไปก่อนผมเลยอย่างงี้
สมัยเด็กพวกเราแบ่งกันทุกอย่าง คุณเชื่อไหม? ถ้าคุณเป็นลูกคนเดียวตอนเด็กคุณจะงอแงและติดพ่อแม่ แต่สำหรับแฝด เราจะไม่ติดพ่อแม่เลย เพราะมีเพื่อนเล่น นั้งเล่นด้วยกันสองคน - ช่วงที่น่ากลัวที่สุดคือ ตอนเข้าเรียนโรงเรียนอนุบาล จำได้ว่าถูกพ่อแม่หลอกให้เข้าไปเรียน แล้วพ่อแม่ก็หายไป แต่เพราะเป็นแฝดเลยมีเพื่อน เหมื่อนไปไหนก็ไม่โดดเดี่ยว สมัยเรียน ไปจนถึงอยู่กับแม่ แม้แต่อาบน้ำบางเวลาก็อาบด้วยกัน แม่เป็นคนที่ย้ายบ้านบ่อยๆ บางทีไม่กล้าเข้าห้องน้ำเพราะกลัวผี ก็เลยอาบด้วยกันซะเลยได้ไม่กลัว ตอนแม่มีปัญหาเรื่องการเงินต้องไปสมัครงานโรงงาน ถ้าเป็นคนอื่นคือจะไปทำงานคนเดียว แต่แฝด คือไปด้วยกันสองคน เวลาคุณไปเที่ยวไหน นานๆกลับดึก คุณก็จะกลับพร้อมกัน กลับพร้อมกันจริงๆนะ คือ กลับถึงบ้านเลย ไม่ใช่พอถึงสี่แยกทุกคนก็แยกย้ายกลับบ้านของตัวเอง แต่แฝดคือ เหมื่อนพวกเราเสพบรรยากาศที่ว่า ไม่โดดเดี่ยว มาตลอด 20กว่าปี
สุดท้ายนี้ ผมยังทำใจไม่ได้ พอหลับตาแล้วก็นึกถึงอะไรหลายๆอย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ทั้งดี ทั้งร้าย
ผมมักโทษตัวเองอยู่เสมอ ว่าทำไมไม่รั้งแฝดไว้ตอนที่มันจะไปทำงานข้างนอก ทำไมตอนตรวจสุขภาพประจำปี ไม่ให้มันไปตรวจด้วย ทำไม ทำไม ทำไม ในหัวผมมีแต่คำถาม แล้วผมก็มักจะมีเหตุผลมาหักล้างเสมอ สุดท้ายโรคเอดส์อ่ะมันไม่เข้าใครออกใครหรอก ผมเชื่อเลย เพราะสุดท้ายเหมื่อนแฝดผมทำตัวเอง การมีเพศสัมพันไม่ใส่ถุง การไม่ตรวจสุขภาพ สิ่งเหล่านี้ผมบังคับมันไม่ได้ แฝด ชีวิตที่ใช้ร่วมกัน มันหมดไปตั้งแต่ตอนผมอายุ 24แล้ว
ไม่รู้ว่ามันเป็นอุทาหร ได้ไหม ถ้าคุณมีครอบครัว แล้วทะเลาะกัน ผมแนะนำให้คุยกันนะ รั้งเค้าไว้ ถ้าคุณคิดว่ามันไม่ดี เพราะ สุดท้าย ถ้าเสียเค้าไป คุณจะต้องมานั้งทุกข์ใจเหมื่อนผมทุกวันนี้
ประสบการ์ณ การสูญเสียแฝด ไปจากโรคเอดส์ ก่อนอายุ 30
ฝาแฝด เป็นแฝดคนล่ะฝา ผมเป็นผู้ชายไปเลย ส่วนแฝดจะเป็นตุ๊ด ตอนช่วง 1-24 คือยังไม่กล้าแต่งหญิง พอ อายุ 25 ออกจากบ้านไปแล้ว กลับมาพร้อมผัวก็แต่งหญิงเต็มตัวเลย ขโมยเสื้อแม่ไปใส่ แต่มันก็เหมื่อนสร้างเสียงหัวเราะในบ้าน คือ แก ทะเลาะกับแม่ ทุกวัน เรื่องเสื้อ แล้ว เป็นคนที่ยังไม่ได้ศัยกรรมแปรงเพศ และแฝด ผมเป็นคนคุยเก่ง เข้าสังคมเก่ง (เห็นคนอื่นนอกจากครอบครัว สำคัญกว่า) ทำให้เป็นที่รักของทุกคนนอกบ้าน
ตอนอายุ 26 แฝดกลับมา ที่บ้านจากการไปทำงานนอกบ้าน (น่าจะไปไม่รอด) ซึ่ง ผมก็รู้สึกรำคราญนิดๆเพราะว่าชอบมาเกาะแกะ แล้วก็ทำตัวน่ารำคราญ ชอบมั่วของใช้ คือช่วงแรกก็รำคราญ แต่ตอนหลังไม่ได้รำคราญแล้วเพราะเค้าจะนอนข้างล่างกับผัว แล้วถ้าเป็นของใช้ส่วนตัว จะเชื่อฟังแต่โดยดี (ส่วนมาก จะชอบทะเลาะเรื่องของใช้ส่วนตัวกัน) ทำให้อุ่นใจว่าเวลามีใครเข้ามาในบ้าน แฝดจะทักก่อนเลย หรือเวลากลับบ้านส่วนมากจะไม่มีใครเปิดประตูให้เพราะเป็นประตูบานเลื่อน แฝดก็จะมาเปิดให้ ซึ่งทำให้ผมสามารถเดินทาง ไปกลับบ้านได้สะดวกขึ้น(ปกติก่อนแฝดมา จะไปไหนมาไหนดึกๆจะไม่มีคนเปิดบ้านให้ คือบางทีต้อง นอนนอกบ้านไปหาโรงแรมนอน )
เนื่องจากมันไม่มีตัง มันก็เลย มาตอดเล็ก ตอดน้อยผม ที่ทำงาน commission ที่บ้าน + ขโมยเงินแม่ด้วยนิดหน่อย
บอกก่อนว่า ในบ้านมีครอบครัวใหญ่ คือมีพี่ชาย (ที่ไม่ได้ทำงาน) พี่สาว (ย้ายออกไปแล้ว) แฝด กับ แม่
แฝด และ ผม ค่อนข้างเกลียด พี่ชายมาก เพราะไม่มีงานทำ เรียนไม่จบ แล้วเวลาแม่ใช้อะไรแก แกก็จะมาใช้ต่อ แล้วมายืนคุม ทำตัวเป็นคนงาน ถ้าไม่ทำตามแกก็จะทุบตี ต่อย กินข้าวก็ไม่ชอบล้างจาน ก็ไม่มีใครว่า แต่พอคนในบ้านแค่วางจานไว้แล้วไปทอดไข่เจียว หรือบางทีทำอย่างอื่นอยู่ยังล้างจานไม่ได้ แกก็จะตะหวาดด่าแหลก เหมื่อนกับว่าแกไม่เคยทำ ให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ ที่ร้ายแรงสุดคือ นาฬิกาแก หาย แกก็ไปต่อยหน้าแฝดเพราะคิดว่าแฝดขโมยไป ด้วยความที่ว่าแกพูดเก่ง ก็ไปเปล่าประกาศทั่วเลย ไปกล่าวหาว่าแฝด อย่างงั้น อย่างงี้ สุดท้าย พอเจอนาฬิกา ก็ไปบอกว่าเดี๋ยวไปขอโทษแฝดผม ซึ่งปัจจุบัน ยันตายไปแล้วก็ยังไม่ยอมขอโทษ คือ ที่สุดแห่งความหน้าไหว้หลังหลอก (วีรกรรมเยอะกว่านี้)
ทำให้ผมกับแฝด ตกลงใจว่าจะไม่พูดไม่ยุ่งไม่เกี่ยวกับเค้า เราจะคุยแต่กับแม่ และพี่สาวกันในบ้าน คือ ไม่อยากรับรู้หรือข้องเกี่ยวกับเค้าอีกเลย
ในวันที่แฝดเริ่มป่วยคือ ตอนแรกๆ นึกว่าแฝดป่วยเป็นหวัด คือยังเดิน ยังช่วยเหลือตัวเองได้ ตามปกติ จากที่แฝดเล่าคือ เจ็บที่ปอด ตอนหายใจ แล้วถ้าพูดหรือคุยจะไอ เพราะว่ามันเจ็บ (ไอเหมื่อนพยายามหายใจ) ผมไม่มีความเป็นห่วงเลย(ในตอนแรก) เพราะคิดว่า แฝดอายุยังน้อยแล้วผมก็เคยเป็นมาก่อน (อาการเหมื่อนกันเปะเลย) แล้วมันคงไม่มีอะไรคือ มันเหมื่อนหวัดธรรมดา แต่พอเริ่มเป็นหลายวัน ก็เริ่มรู้สึกรำคราญกว่าเดิม(คือทำไม ไม่ไปหาหมอ?) มันบอกไม่มีตัง แล้วมันไม่แน่ใจด้วยว่าบัตรทอง สามสิบบาท มันอยู่ที่เขตไหน
ผมมีธุระต้องไป ค้างบ้านเพื่อน 3-4 วัน แล้วหลังจากกลับมา ก็เห็นยังนอนอยู่ ก็รู้สึกว่าไม่ปกติแล้ว แม่ก็เห็นว่านอนนานเกิน จนสุดท้ายก็ โทรเรียกรถพยาบาลมา ผมในตอนแรกก็เริ่มสงสัยล่ะว่าป่วยเป็นอะไร มากเปล่า แต่ในใจก็คือว่า เสียงานแน่นอน(ห่วงงานมากกว่าสารภาพตามตรง)
ตอนหลังพอหมอ เอ็กซฺ์เรย์ ดู ก็ปรากฏว่าปอดติดเชื้อ (มีสีขาว ซึ่งปกติ ปอดคนจะสีดำทึบๆ หน่อย) ซึ่ง ผมก็อยู่เป็นเพื่อนแฝด จนกระทั่ง ขึ้นไปพักที่ห้อง(จัดการเรื่องบัตรทองเรียบร้อยแล้ว) ก็นั้งคุยกับแฝด ก็เป็นห่วง แต่ว่า แฝดดูปกติดี แล้วก็นอนพักไป พอเห็นนอนพักผมก็กลับบ้าน เพราะต้องบอกคนที่ทำงานแล้วก็เคลียร์อะไรหลายๆอย่าง
จนแม่เดินมาถึงก็บอกว่า "แฝดเป็นเอดส์ นะ" ติดเชื้อในกระแสเลือด และ ภูมิคุ้มกันต่ำ ทำให้ปอดติดเชื้อ หรือปอดบวม เริ่มใจหาย ใจคอไม่ดี สิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจได้อย่างเดียวคือ อินเตอร์เน็ต เข้าไปดู แต่ล่ะที่ แต่ล่ะเว็บ ปรากฏว่า มีแต่ข่าวดี สมัยนี้เอดส์รักษาให้หายได้ ประคองตัวได้
วันรุ่งขึ้น ขึ้นรถ ไปหาแฝด ไปบอกให้ทำใจให้สบายนะ โรคนี้รักษาให้หายได้ พยายามปลอบใจแฝดต่างๆนาๆ แล้วแฝดก็นั้งเล่นมือถือได้ คืออาการดีกว่าตอนที่อยู่บ้านเยอะแล้วเหมื่อนจะดีกว่าปกติเสียด้วย เรารู้สึกว่าเออ คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง เพราะ ดูเหมื่อนจะดีทุกๆอย่าง (ถ้าเทียบจากวันแรกที่เข้าโรงพยาบาล)
จะไม่บอกที่มาที่ไป ทำไมถึงเป็นเอดส์ได้ อาจจะติดเชื้อมาตอนที่เค้าแยกไปอยู่คนเดียว กระมัง
สิ่งที่คิดคือ ครอบครัวมีผลมากๆที่ทำให้แฝดเป็นอย่างงี้ ตอน อายุ 24 ผมยังไม่ได้ทำงาน commission เราทั้งคู่เหมื่อนเป็นเด็กติดเกมส์เลย คือ ผลัดกันใช้คอมฯ (ที่มีเครื่องเดียว) บางทีทะเลาะกันบ้างอะไรบ้าง แต่เหมื่อนว่า ก็คืนดีกันบ่อยๆ ถ้าไม่ทะเลาะกับแม่ จนออกไปอยู่คนเดียว เหตุการ์ณต่างๆมันอาจจะไม่เกิดขึ้น จำได้เลยว่าวันแรกที่ แฝดย้ายออกไปวันนั้นนอนไม่ค่อยหลับ คือ อารมณ์เหมื่อนตอนนี้เลย คิดถึง ว้าเหว่ เพราะเราคุยไม่เก่งพูดน้อย แล้วก็เข้าสังคมยาก(ตั้งแต่แยกกับเพื่อนสมัยเรียนก็แทบไม่ได้ติดต่อกับใครเลย) ชีวิตมันแปรผันมากๆ คือตอนนี้ทุกสิ่งอย่างอยู่กับแฝด คุยกันเป็นทั้งเพื่อน เป็นทั้งพี่น้อง และเป็นคนที่เกิดมาพร้อมกัน
ผมเอาแต่โทษตัวเองและครอบครัวเสมอๆ สุดท้ายแล้ว แม่ มีผลมาก ในหลายๆอย่าง และ เนื่องจากแม่มีผลมาก ผมเลยคิดว่าแม่น่าจะเป็นคนที่บอบชำ มากที่สุด ผมยังมีเพื่อนที่คุยกัน ทางออนไลน์แม้ว่าจะเจอกัน ไม่บ่อย แต่อย่างน้อยมันทำให้ผม ห่างจากแฝดบ้าง ช่วงนึง
มาว่ากันต่อ ตอนที่เสียใน 1-3 วันแรก อาการแฝดคือปกติมากแล้วดูดีขึ้นเรื่อยๆ วันสุดท้ายที่ผมกลับบ้าน เพราะอยู่ตั้งแต่บ่าย ยัน 4โมงเย็นแล้ว มันถึงเวลากลับแล้ว ผมเดินลงจากลิฟ กำลังจะออกจากโรงพยาบาล แฝดก็ทักมาทาง facebook ให้ผมกลับไปที่ห้องเพื่อเอาที่ชาร์ต แบต มาชาร์ให้หน่อยแฝดชาร์ตไม่ถึง ผมเลยบอกไปว่า (ด้วยความขี้เกียจ) จะถึงบ้านแล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยไปจัดการให้
ทุกอย่างเป็นปกติแล้ว แม่บอกว่า วันนี้ แฝดอาจจะกลับบ้านได้ทำให้ผม รู้สึกดีขึ้นไปใหญ่ คือจะได้กลับมาใช้ชีวิตเหมื่อนเดิมซะที
แล้วผมก็ฝันดีมากในตอน เช้ามืด คือ ฝันว่า แฝดแต่งตัวเดินเข้ามาในห้องแล้วหยิบข้าวของ ด้วยสีหน้าแทบจะเหมื่อนปกติ ผมถามแฝดว่า หายแล้วเหรอ
มันตอบกลับมาว่า เออ ไปก่อนนะ ผมเลยตอบฮวนๆ ไปว่า "เออ ๆ " (คุยกันแบบสนิทๆไม่ได้ประชด) จากนั้นผมก็หยิบมือถือขึ้นมาดู เป็นประจวบเหมาะกับแม่ที่เดินสวนมา พอดีแล้วบอกว่า "แฝดเสียแล้วนะ" ตอนแรกผมไม่เชื่อและสลืม สะลือมากๆ เลยหลังจากนั้นผมตัดสินใจไม่ตามไปที่โรงพยาบาล ผมเลยส่งข้อความเข้า facebook แฝดไปว่า "จะเอาอะไรไหมเดี๋ยวเอาไปให้" สิ่งที่ได้กลับมาคือ มีเสียงดังออกมาจากถุงกระดาษสีน้ำตาล พอผมลุกไปดู ก็แทบใจหาย สิ่งแรกที่เห็นคือ โทรศัพย์มือถือของแฝดอยู่ในนั้น มันทำให้ผมมั่นใจแล้วว่าแม่พูดจริงไม่ได้ล้อเล่น เพราะแฝดผมจะไม่ห่างจากมือถือเลย
หลังจากแต่งตัวคุยกับแม่เสร็จ ผมก็ตัดสินใจ ไปจัดการธุระของแม่ให้เรียบร้อย ไปปริ้น รูปที่สวยที่สุดของแฝด / ไปจัดการเรื่องกรอบรูป ฯลฯ
หลังจากจัดการทุกอย่าง ผมตัดสินใจไม่บวชนะ เพราะผมก็ไม่สบายใจหลายๆอย่าง คือ พยายามหาข้ออ้างเพื่อไม่บวช ผมรู้สึกแบบว่า ยังไงก็ขอไม่บวช ขอชดใช้ด้วยการ ไม่กินเนื้อวัวแล้วกัน แต่ไม่บวช คือไม่รู้ทำไมถึงไม่อยากบวช แต่มันรู้สึกว่ามันยังไม่ถึงเวลาของเรา แล้วเรายังมีงานมีอะไรต้องทำ คือ งานที่ทำแม่ก็ไม่เข้าใจด้วยว่า เราทำงานอะไรยังไง คือให้เงินท่านทุกเดือน ท่านรู้แค่นั้น เรายังไม่พร้อมบวชจริงๆ ก็เป็นเรื่องวิตกกังวลไป แต่สุดท้ายแม่ก็ยอมไม่ให้บวช (ไม่รู้ว่ามันผิดประเพณีหรือเปล่าแต่ผมไม่สบายใจจริงๆนะบวชก็อาจจะมีแต่ความทุกข์ผมเลยไม่บวช เพราะตอนนั้นมัน เกิดขึ้นเร็วมากแล้วตันทุกอย่าง คือ ไม่พร้อมบวชจริงๆ)
จากนั้นเพื่อนของแฝดผม ก็ไปบวชให้แทน ผมก็รู้สึกโอเคกับเค้านะแม้ว่าจะไม่รุ้จักกัน เค้าคุยดี แล้วก็จะสานต่อ id เกมส์ที่แฝดผมเล่น ผมก็เลยอืมโอเค ได้เพราะผมก็ไม่ได้ติดเกมส์อะไรขนาดนั้น
ในใจผม ก็นอนไม่หลับ คือไม่ได้รู้สึก ผูกพันนะ แต่มันรู้สึกสงสาร เพราะ แฝดยังมีความฝันที่ไกลกว่าของผมเยอะ ผมเดินทางมาจนเจอสิ่งที่อยากทำแล้ว แฝดผมเสียไปตอนอายุ 28 (เท่ากัน) ยังมีเส้นทางให้เลือกเดินอีกเยอะมาก บอกตรงๆผมเป็นคนที่ขี้สงสารนะ โดนเฉพาะ คนที่เคยทำอะไรร่วมกัน
ในวันที่เผา(รับศพมา สวด วันนึงแล้วเผาทันที) เพราะแม่ไม่มีเงินมากพอ แล้วก็เป็นศพติดเชื้อด้วย ทำให้ต้องเผาเลย แต่ผมก็ต้องมาคอยโกหกว่า แฝดเป็นโรคปอดอักเสบนะ ปอดติดเชื้อนะ จริงๆ มันไม่ใช่
ในวันที่เผาผมตัดสินใจไปดูหน้าแฝดครั้งสุดท้าย
มันทำให้ผมร้องไห้ แทบไม่หยุดคือหน้าแฝดเหมื่อนกำลังนอนอยู่เลย
คุณเคยเห็นพี่น้องตัวเองนอนหลับไหม? ปกติผมแทบไม่ได้เห็นหน้าแฝดนะ เพราะผมทำงานดึก แฝดจะตื่นก่อนผมเสมอ ๆนี่เป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปีที่ผมเห็นแฝด ผมหลับและผมตื่นอยู่ สิ่งแรกที่แว่บขึ้นมาในหัวคือ ไม่น่าเลย ไม่น่าทุกๆอย่าง จังหว่ะและดวง ของแฝดมันเปะมากทุกอย่าง
แม่ทะเลาะกับคนในบ้าน ผมคิดว่าถ้าแม่ไม่ทะเลาะกับคนเค้า แฝดอาจจะได้มีเงินไปหาหมอตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว แฝดผมไม่น่าไปก่อนผมเลยอย่างงี้
สมัยเด็กพวกเราแบ่งกันทุกอย่าง คุณเชื่อไหม? ถ้าคุณเป็นลูกคนเดียวตอนเด็กคุณจะงอแงและติดพ่อแม่ แต่สำหรับแฝด เราจะไม่ติดพ่อแม่เลย เพราะมีเพื่อนเล่น นั้งเล่นด้วยกันสองคน - ช่วงที่น่ากลัวที่สุดคือ ตอนเข้าเรียนโรงเรียนอนุบาล จำได้ว่าถูกพ่อแม่หลอกให้เข้าไปเรียน แล้วพ่อแม่ก็หายไป แต่เพราะเป็นแฝดเลยมีเพื่อน เหมื่อนไปไหนก็ไม่โดดเดี่ยว สมัยเรียน ไปจนถึงอยู่กับแม่ แม้แต่อาบน้ำบางเวลาก็อาบด้วยกัน แม่เป็นคนที่ย้ายบ้านบ่อยๆ บางทีไม่กล้าเข้าห้องน้ำเพราะกลัวผี ก็เลยอาบด้วยกันซะเลยได้ไม่กลัว ตอนแม่มีปัญหาเรื่องการเงินต้องไปสมัครงานโรงงาน ถ้าเป็นคนอื่นคือจะไปทำงานคนเดียว แต่แฝด คือไปด้วยกันสองคน เวลาคุณไปเที่ยวไหน นานๆกลับดึก คุณก็จะกลับพร้อมกัน กลับพร้อมกันจริงๆนะ คือ กลับถึงบ้านเลย ไม่ใช่พอถึงสี่แยกทุกคนก็แยกย้ายกลับบ้านของตัวเอง แต่แฝดคือ เหมื่อนพวกเราเสพบรรยากาศที่ว่า ไม่โดดเดี่ยว มาตลอด 20กว่าปี
สุดท้ายนี้ ผมยังทำใจไม่ได้ พอหลับตาแล้วก็นึกถึงอะไรหลายๆอย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ทั้งดี ทั้งร้าย
ผมมักโทษตัวเองอยู่เสมอ ว่าทำไมไม่รั้งแฝดไว้ตอนที่มันจะไปทำงานข้างนอก ทำไมตอนตรวจสุขภาพประจำปี ไม่ให้มันไปตรวจด้วย ทำไม ทำไม ทำไม ในหัวผมมีแต่คำถาม แล้วผมก็มักจะมีเหตุผลมาหักล้างเสมอ สุดท้ายโรคเอดส์อ่ะมันไม่เข้าใครออกใครหรอก ผมเชื่อเลย เพราะสุดท้ายเหมื่อนแฝดผมทำตัวเอง การมีเพศสัมพันไม่ใส่ถุง การไม่ตรวจสุขภาพ สิ่งเหล่านี้ผมบังคับมันไม่ได้ แฝด ชีวิตที่ใช้ร่วมกัน มันหมดไปตั้งแต่ตอนผมอายุ 24แล้ว
ไม่รู้ว่ามันเป็นอุทาหร ได้ไหม ถ้าคุณมีครอบครัว แล้วทะเลาะกัน ผมแนะนำให้คุยกันนะ รั้งเค้าไว้ ถ้าคุณคิดว่ามันไม่ดี เพราะ สุดท้าย ถ้าเสียเค้าไป คุณจะต้องมานั้งทุกข์ใจเหมื่อนผมทุกวันนี้