คุณแม่และลูกๆ ที่นั่งแถว D1-D4 พวกคุณคือปัญหาของสัมคมค่ะ

นี่มันกี่กระทู้แล้วคะที่บ่นเรื่องมารยาทในการชมภาพยนตร์ของเหล่าพ่อแม่ที่ไร้สามัญสำนึกกับบุตรหลาน ตัวดิฉันเองก็มีลูกๆ อยู่ในวัยประถม (จะมาแบการ์ดคุณไม่มีลูกคุณไม่มีวันเข้าใจกับดิฉันไม่ได้นะคะ) เหตุเกิดเมื่อดิฉันและครอบครัวได้ไปชมหนังเรื่อง Ferdinand นั่งอยู่แถว E1-E5 ส่วนครอบครัวตัวป่วนของคุณแม่และลูกๆ (ในวัยอนุบาลถึงประถมต้น)ทั้ง 3 นั่งอยู่แถว D1-D4 ค่ะ (ฮั่นแน่ะ ใครร้อนตัวก็รับไปนะจ๊ะ อิๆๆ)

ความหฤหรรษ์ที่ครอบครัวของดิฉันได้พานพบประสบมาขอสรุปเป็นข้อๆ ดังนี้นะคะ

1. ตีตั๋วนั่งแต่ใช้สิทธิ์ตั๋วยืน คุณคะ แค่ยืนเฉยๆ มันก็รบกวนผู้ชมที่นั่งอยู่ข้างหลังแล้วนะคะ แต่นี่ยืนไปพิงไปกับเบาะข้างหน้า(ซึ่งลูกดิฉันนั่งอยู่) ดิฉันนั่งดูหนังไปเหมือนเห็นเงาวิญญาณอยู่ข้างๆ ไป ดิฉันขอเสนอให้โรงหนังทำเก้าอี้แบบมีเข็มขัดนิรภัย(แบบบนเครื่องบินอะค่ะ)เอาไว้ด้วย เผื่อเอาไว้ล็อคเด็กๆ ให้นั่งอยู่กับที่ค่ะ

2. บริการพรมน้ำมนต์ฟรี คือน้องคนเดิมนี่ไม่ใช่แค่ยืนเล่นๆ ชิลๆ นะคะ น้องยังกินป๊อบคอร์นไปยืนไป ซึ่งทั้งน้ำลายและเศษขนมก็หล่นใส่หัวลูกดิฉันค่ะ เหมือนได้รับน้ำมนต์ประทานพรจากหลวงพ่อป๊อบคอร์นนิกขุ แห่งวัดอังโคะอุนจิ

3. บริการโยกเก้าอี้กล่อมสะแด่ว พวกคุณคงคิดว่าการที่มีเด็กนั่งข้างหลังนี่จะรอดพ้นจากปัญหาถูกถีบเบาะจากพวกเปรตวัดสุทัศน์แล้วใช่มั้ยคะ คุณคิดผิดค่ะ!! เพราะถึงแม้น้องจะขาสั้นมากๆ แต่ก็บ่ยั่นค่ะ เพราะน้องจะเคลื่อนย้ายตัวเองมากอดแขนเท้าคางบนเบาะพนักพิงหลังของคุณ(ประดุจมีผีชัตเตอร์ขี่คอ)แล้วโยกไปกระแทกเข่าไปอย่างเมามันค่ะ (คือนี่ถ้าง่วงๆ อยู่อาจมีเคลิ้มหลับกันเลยทีเดียว 555)

4. บริการตรวจตราความปลอดภัย น้องคนเดิมจากข้อที่ 1-2 หลังจากที่เริ่มยืนจนเบื่อแล้ว (ถามว่าคนในโรงเบื่อกว่ามั้ย 55) น้องก็เริ่มเดินสวนสนามตรวจตราความเรียบร้อยในโรงภาพยนตร์ค่ะ คุณพระ! โรงหนังเมเจอร์น่าจะมอบของสมน้ำหน้าคุณให้กับน้องด้วยตั๋วยืนฟรีตลอดชีพนะคะ

5. บริการพากย์หนังเพื่อเพิ่มอรรถรส คือเด็กอะนะ พูดบ้าง ถามบ้างไม่เป็นไรหรอกค่ะ แต่นี่น้องเล่นพากย์เกือบทุกช็อตทุกซีน คือคุณแม่ควรส่งเสริมให้น้องลองไปพากย์บอลหรือมวยในสนามลุมพินีดูนะคะ

อ๊ะๆๆๆๆ อย่าเพิ่งง้างนิ้วพิมพ์ตำหนิดิฉันว่าทำไมไม่บอกแม่เค้าตั้งแต่อยู่ในโรง คุณคะ ดิฉันได้บอกน้องๆ อย่างเสียงดังหลายครั้ง(จนคิดว่าคนที่อยู่ในโรงข้างๆ ยังได้ยิน) และขอร้องให้นั่งดีๆ แล้วค่ะ แล้วคุณแม่ของน้องทำอย่างไรคะ นั่งเฉยๆ ค่ะ ใช่ค่ะ! นั่งเฉยๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ครั้งที่ 4 ที่ดิฉันพูดไป ถึงได้ถึงบ้างอ้อว่า อ๋อๆๆๆๆ เพราะแม่ของเด็กเป็นแบบนี้นี่เอง น้องๆ ถึงได้ทำตัวได้เหมือนจักรยานมากๆ (ถ้าไม่เข้าใจมุก ดูเฉลยในคห. 4 ค่ะ 55)

พอหนังฉายได้ประมาณ 10 นาที ดิฉันก็เลยย้ายตัวเองกับลูกๆ มานั่งตรงกลางๆ (ซึ่งว่างอยู่) และดูหนังต่อด้วยความเพลิดเพลินใจ(หรือไม่ อย่างไร 55) และขอสรุปให้ทุกท่านได้เห็นว่าปัญหานี้และอีกหลายๆ ปัญหาเกิดจาก 2 สิ่งนี้

เด็กที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ + ผู้ปกครองที่ไม่มีความรับผิดชอบต่อผู้อื่นและสังคม = หายนะ และอุบัติภัยร้ายแรงต่างๆ ในโลกหล้าแอนด์กาแลคซี่!!

คุณคิดว่าปัญหาเด็กแว้น เด็กตีกัน เด็กท้องในวัยเรียนและอีกหลายๆ ปัญหาเกิดจากอะไรคะ
เด็กแว้น = เด็กที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ + พ่อแม่ที่ไม่สอนให้ลูกรู้ว่าการทำอย่างนี้มันเดือดร้อนผู้คนทั้งที่กำลังนอนหลับพักผ่อนและสัญจรไปมาบนท้องถนน
เด็กตีกัน = เด็กที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ + พ่อแม่ที่ไม่สอนให้ลูกรู้ว่าการทำร้ายร่างกายผู้อื่นนั้นผิดอย่างร้ายแรง
เด็กท้องในวัยเรียน = เด็กที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ + พ่อแม่ที่ไม่สอนให้ลูกรู้ว่าการตั้งครรภ์ในวัยเรียนจะทำให้เกิดความยากลำบากในการใช้ชีวิตของทั้งตนเอง คู่ของตนและครอบครัวของทั้ง 2 ฝ่าย

เห็นมั้ยคะว่านี่มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แล้ว แล้วจะทำอย่างไรให้เด็กควบคุมตัวเองได้ มันง่ายมากค่ะ พวกคุณต้องเป็นพ่อแม่ที่ควบคุมตัวเองให้ได้ก่อนค่ะ เริ่มจากไหนดี ในเฟซบุ๊คมีเพจเลี้ยงลูกดีๆ มากมายที่ไม่ใช่แค่ถ่ายทอดเรื่องการเลี้ยงดูลูกให้ดี แต่ยังบอกแนวทางในการเป็นพ่อแม่ที่ดีด้วยค่ะ  ทั้งเข็นเด็กขึ้นภูเขา เลี้ยงลูกนอกบ้าน หมอภา แต่ที่เน้นเรื่องการควบคุมตัวเอง ต้องนี่เลยค่ะ นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ https://www.facebook.com/prasertpp  และอีกหลายๆ ท่าน ไปหาอ่านดูนะคะ และมีหนังสือดีๆ ให้เลือกอ่านอีกมากค่ะ อ่านกระทู้เสร็จ ปิดหน้าจอแล้วตรงไปที่ร้านหนังสือเลยค่ะ

ถ้าอยากพาลูกเข้าโรงหนังจริงๆ ก็ต้องฝึกลูกเรื่องการควบคุมตัวเอง(ได้บ้าง)ก่อนนะคะ ส่วนตัวคุณก็ต้องมีความสามารถในการปรามลูกของคุณด้วยค่ะ และลองจำลองสถานการณ์โรงหนังที่บ้านดูก่อนก็ได้ค่ะ ให้ลูกๆ รู้มารยาทในการดูหนังร่วมกับผู้อื่น ถ้าพ่อแม่ไม่สอน แล้วเด็กจะรู้ได้อย่างไรคะ

เอาเวลา 2 ชั่วโมงในโรงหนังไปนั่งศึกษาหาความรู้เรื่องการสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพของครอบครัวและสังคมนะคะ เริ่มต้นเสียแต่วันนี้ ก่อนที่ปัญหาเล็กๆ จะบานปลายกลายเป็นปัญหาใหญ่ เพราะคุณไม่มีวันรู้เลยว่าสุดท้ายแล้วคนที่จะได้รับความเดือดร้อนจากการปล่อยปละละเลยของคุณอาจจะเป็นครอบครัวคุณ เพื่อนฝูงคุณ หรือแม้แต่ตัวของคุณเอง

สุดท้ายนี้ดิฉันขอสวัสดีปีใหม่ทุกๆ ท่านและขออวยพรให้ชีวิตของท่านและครอบครัวจงห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บและครอบครัวตัวป่วนตลอดปีตลอดไป  สวัสดีปีใหม่ค่ะ อมยิ้ม17

***เพิ่มเติมใน คห.39 นะคะ เพราะมีบางท่านไม่เข้าใจวัตถุประสงค์ของดิฉันค่ะ
**แก้ไขข้อความลงท้ายเพื่อสวัสดีปีใหม่ค่ะ
*แก้ไขเพื่อให้เนื้อหากระชับ และอ่านง่ายขึ้นค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่