เริ่มเรื่องคือ อากงเคยถูกวินิจฉัยว่าเป็นภุงลมโป่งพองมานานแล้วค่ะ แต่ใช้ชีวิตปกติดีจนกระทั่งต้นปี60 อากงไปตรวจสุขภาพ ทำct scan จำไม่ได้ว่าตอนนั้นเค้าป่วยเป็นอะไร คุณหมอสันนิษฐานว่าเป็นมะเร็งปอด เพื่อความมั่นใจต้องขอเก็บตัวอย่างไปตรวจค่ะ แต่อากงไม่ยอมไปตรวจ ป๊าและพี่น้องจึงพยายามเอาข้อมูลที่มีปรึกษาคุณหมออีกประมาณ 6ท่าน ได้ข้อสรุปว่าเป็นมะเร็งเกือบจะแน่นอน แต่อากงเป็นคนที่แบบ รู้สึกว่าตัวเองอยู่มานานแล้วไม่อยากเป็นภาระให้ลูกหลาน ไม่ยอมตรวจเพิ่ม และที่บ้านป๊าตัดสินใจไม่บอกอากงว่าเป็นอะไร เพราะกลัวสภาพจิตใจแย่แล้วเขาจะทรุด เพราะทุกวันนี้ไม่รู้เค้าก็ดจ่มใสเป็นปกติ และที่ยอมไปตรวจ ซีทีครั้งนั้นเป็นเพราะกลัวตัวเองจะเป็นวัณโรคแล้วเอามาติดหลาน ติดอาม่า เรื่องนี้ผ่านไปโดยไม่มีใครบอกอากงว่าเป็นมะเร็งและอากงไม่ได้รับการรักษาแต่ชีวิตปกติดี

จนมาช่วง1-2เดือนนี้ อากงเป็นไข้ เป็นๆหายๆ ไอหนักจนเหนื่อย ป๊ากับพี่น้องพยายามบังคับให้ไปหาหมอแล้ว แต่อากงไม่ไปและมีอาการเหนื่อย และหายใจถี่
ป๊ากับพี่น้องจึงตัดสินใจซื้อเครื่องผลิตออกซิเจน
หน้าตาแบบนี้มา พร้อมกับเครื่องวัดปริมาณออกซิเจนที่ปลายนิ้ว ซึ่งวัดอากงได้ 92 ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ต่ำสำหรับคนปกติ
แต่หลังจากปรึกษาหมอ หมอบอกว่า สำหรับผู้ป่วยถุงลมโป่งพอง 92 ยังไม่ต้องให้ออกซิเจน (ปกติก่อนมีอากงก็สามารถหายใจเองได้)

คำถาม
1. ระดับออกซิเจน 92 สำหรับผู้ป่วยถุงลมโป่งพองถือว่าปกติไหมคะ
2. จากตอนแรกอากงไม่อยากได้เจ้าเครื่องนี้ และสามารถอยู่ได้ แต่ตอนนี้พอมี ตอนแรกบอกว่าให้ใส่เฉพาะตอนที่เหนื่อย หรือตอนที่วัดได้ต่ำกว่า 95 กลายเป็นตอนนี้ อากงใส่บ่อยขึ้น และต้องการจะใส่นอน จะมีปัญหาอะไรไหม ทั้งที่ปกติก็นอนเองได้ แต่รู้สึกว่าใส่แล้วสบายกว่าเลยใส่ ถ้าเป็นแบบนี้ช่วงแรกของการนอนให้เค้าใส่พอเค้าหลับไปแอบเอาออกได้ไหม ไปอ่านเจอเขาบอกว่า ถ้าใส่จนชินพอถอดออกแล้วจะหายใจเองลำบาก หรือหายใจไม่ได้เลย เพราะร่างกายปรับตัวให้ชินกับการได้รับออกซิเจนเยอะ
3. เครื่องนี้มันปรับระดับได้ แต่จากที่ปรึกษาหมอมาหมอบอกว่า การปรับระดับความเข้มข้นต้องถูกสั่งโดยแพทย์เท่านั้น เพราะถ้าเข้มข้นมากไปก็เป็นพิษ ในส่วนนี้ควรทำยังไงคะ
4.ควรบังคับให้อากงพยายามหายใจเองก่อนใช้เครื่องไหม ก่อนหน้านี้ถ้าอากงไม่ได้ออกแรงเยอะก็สามารถนั่งเล่น ดูทีวี เล่นกับหลาน ขับรถไปไหนมาไหนได้ ด้วยตัวเอง ไม่เหนื่อยอะไร