ผมเป็นคนนึงที่ไม่เก่งภาษาอังกฤษเลยครับ..! และสงสัยมาตลอดว่า ผมใช้เวลา 19 ปีเรียน "วิชาภาษาอังกฤษ" แต่ทำไมผมถึงยังพูดไม่ได้!? จริงๆ แล้ว งานผมก็ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษอะไรมากนัก ผมเลยไม่เคยมองเห็นความสำคัญของมันตั้งแต่ต้นสักเท่าไหร่แต่เมื่อปลายเดือนที่แล้ว ผมไปรับน้องชายที่เรียนพิเศษอยู่ตึกวรรณสรณ์ ระหว่างที่เดินเล่นรอน้องชายเลิกเรียน ผมได้สะดุดตากับโรงเรียนหนึ่ง ที่มีความเก๋ แปลก แหวกแนว เลยขอโฉบเข้าไปดูซักหน่อย
>> SPEAK OUT<<
ที่นี่คือ โรงเรียนสอนภาษาอังกฤษ Speak Out หรือ สปี๊คเอ้าท์ ครับ และสิ่งที่ทำให้ผมสนใจโรงเรียนสอนภาษาแห่งนี้คือ บรรยากาศที่ได้สัมผัสเห็นแค่จากภายนอกก็น่าสนใจแล้ว ก็ที่นี่เล่นวางห้องครัวไว้ด้านหน้าก็อดคิดไม่ได้โรงเรียนสอนภาษาอะไรกันมีสอนทำอาหารด้วยไม่เคยเจอมาก่อน ^___^
>> Cooking Class <<
นอกจากนี้บรรยากาศด้านในตกแต่งเหมือน Internet Cafe ทานกาแฟ อ่านหนังสือ ให้ความอบอุ่น รู้สึกได้ถึงความเป็นกันเองดีครับ โดยทางโรงเรียนได้เปิดให้ทดลองฟรี 2 ชม. อยู่แล้ว ไม่มีค่าใช้จ่ายด้วย ผมเลยตัดสินใจทดลองดูแบบคลาสเรียนหลัก และคลาสกิจกรรม เพื่อดูว่าเป็นยังไงบ้าง และใช้ในการรีวิวครั้งนี้ด้วยครับ
จากนั้น ผมก็นั่งรอเวลาเข้าคลาสเลย ซึ่งก็มีเจ้าหน้าที่เข้ามาเสิร์ฟน้ำและทักทาย โดยที่ Speak Out เขาจะเรียกว่า เจ้าหน้าที่ว่าเทรนเนอร์ครับ เขาบอกว่า ใช้ระบบการดูแลคล้ายๆ กับฟิตเนส เทรนเนอร์ฟิตเนส มีหน้าที่ดูแลควบคุมให้เราผอม ที่ Speak Out เทรนเนอร์ก็จะดูแลควบคุมให้เราพูดภาษาได้เช่นกัน
ดีเลยครับ..ถ้าเราเป็นนักเรียนที่นี่ก็จะมีสาวสวยแบบนี้มาดูแลน่ะสิ อิอิ (แอบคิดเบาๆ) ผมก็เลยอยากรู้ต่อว่า เทรนเนอร์จะดูแลยังไงบ้างหรอครับเพื่อจะได้บอกต่อ (..งานล้วนๆครับ) น้องเทรนเนอร์แจ้งว่า ปกติแล้วถ้าลงเรียนแล้วเทรนเนอร์จะเริ่มพูดภาษาอังกฤษกับเราเลย เพื่อเป็นการฝึกพูดและฟังเลย เพราะผู้เรียนบางคน พอออกจากคลาสเรียนแล้ว ก็ไม่ยอมไปใช้ต่อ หรือน้องๆ ที่กลับบ้านไปก็ไม่ได้พูดกับคุณพ่อคุณแม่ เทรนเนอร์เลยจะเป็นคนพูดด้วย ให้ทุกคนรู้ว่า ถ้าไม่รู้จะคุยกับใคร ก็ให้คุยกับเราได้ตลอดเวลาเลยค่ะ (โอเคเลยครับ..ชักอยากจะเรียนยาวๆขึ้นมาก็ตรงนี้แหล่ะครับ)
>> เทรนเนอร์สาวสวย <<
และแล้วผมก็โดนเรียกไปทำเทส ทดสอบวัดระดับก่อนว่า สกิลภาษาอังกฤษเราอยู่ในระดับไหนกัน อิอิ
จากการทดสอบจะมีระดับบอกว่าเราอยู่ในระดับ ที่นี่จะแบ่งระดับออกเป็น 3 กลุ่มหลักคือ BABY, HUMAN และ SUPER HERO แต่ละระดับนั้นจะมีหลักสูตรที่แตกต่างกันออกไป เพื่อสอดคล้องกับความสามารถของผู้เรียน ตัวผมเองนั้นได้ระดับ BABY >//< เขิลเลย ฮ่าๆ
หลังจากได้รับรู้ระดับของตัวเองแล้ว ก็ได้เวลาไปลองเรียนกัน ซึ่งอย่างที่ผมแจ้งข้างต้น ว่ามี 2 แบบคลาสเรียนหลัก และคลาสกิจกรรม โดยผมได้เริ่มที่คลาสหลักก่อน เข้าห้องเรียนมาก็เจอผู้เรียนอีก 2 คน จากนั้นก็เริ่มเรียนเลย อ้อ..ลืมบอกว่า ที่นี่ห้องเรียนจุคนไม่เกิน 4 คนครับ ก็คือนักเรียนไม่เกิน 4 คนต่อครูฝรั่ง 1 คน ซึ่งผมชอบมากกกกก!! เหมือนผมได้เรียนกับครูตัวต่อตัวเลย แต่ก็แอบมีเพื่อนไว้ให้ไม่รู้สึกเกร็ง พอเรียนกันน้อยๆ ครูที่ Speak Out ก็สอนทั่วถึงและใกล้ชิดมาก ได้ความรู้ไปเต็มๆ แต่ผมไม่ชอบอยู่อย่างครับ ทำไมครูต้องหล่อด้วยครับ..! มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกด้อยกว่าพูดไม่ได้อีก ฮ่าๆๆๆ #แซวเล่นนะครับ ในห้องเรียนไม่สามารถถ่ายรูปได้ แต่ก็ดีครับ มันทำให้ผมโฟกัสแต่เรื่องเรียนจริงๆ
>> ห้องเรียนหลัก <<
จบจากคลาสเรียนหลัก ก็มาต่อเรื่องคลาสกิจกรรม ซึ่งคลาสกิจกรรมนี่แหล่ะ ที่จะได้เรียนตามห้องแปลกๆ ต่างๆ โดยวันนี้ผมได้เข้ากิจกรรมที่ชื่อว่า Finish Movie Scene เนื้อหาก็คือ ให้เราคิดบท เนื้อเรื่องตอนจบ ของเนื้อเรื่องที่ครูให้โจทย์มา และต้องแสดงด้วย!!!!!!!! เดี๋ยวๆนะ นอกจากจะต้องคิดครีเอท เป็นภาษาอังกฤษ ยังต้องแสดงให้ดู และพูดตามบทภาษาอังกฤษด้วย มายก๊อดดด แค่พูดยังพูดไม่ถูกเลยครับ แสดงด้วยอีก แต่สุดท้ายก็ทำได้นะครับ สนุกมากๆ สนุกกว่าที่คิดไว้ซะอีก อันไหนที่เราพูดติดๆ ขัดๆ ครูฝรั่งก็จะแนะนำและแก้ไขให้เราพูดถูกต้อง โดยเฉพาะสำเนียงและแอคติ้งด้วยครับ ฮ่าๆๆๆ #อันนี้ผมเรียนจนลืมถ่ายรูปเลยครับ
หลังจากจบคลาสกิจกรรมของผม เทรนเนอร์ชวนลองคลาสกิจกรรมในห้องครัวต่อ แต่ผมต้องกลับแล้ว T___T เสียใจมาก เลยกะว่าสัปดาห์หน้าจะชวนน้องชายมาเทสด้วย เผื่อเรียนพร้อมกันเลย ฮ่าๆ
>> Cooking Class<<
ขอสรุปโดยรวมเกี่ยวกับ Speak Out แห่งนี้นะครับ
จุดเด่น จุดดึงดูด และความประทับใจ
1. บรรยากาศอบอุ่น สบายๆ เหมือนอยู่กันเป็นครอบครัว พูดคุยเฮฮา เหมือนมาคาเฟ่มากกว่าโรงเรียนทั่วไป
2. จำนวนนักเรียนในการเรียน กลุ่มเล็กมาก มันทำให้การสอนทั่วถึงจริงๆ ครูเห็นเราตลอดเวลา รู้สึกเหมือนเรียนตัวต่อตัว
3. ห้องกิจกรรมโดดเด่นมาก จำลองเหตุการณ์ในห้องจริง เช่น ทำอาหารจริงๆ เรียนภาษาไปด้วย กินไปด้วย คือดีมากครับ
4. จัดตารางเรียนได้เองว่างเมื่อไหร่ก็เรียนเมื่อนั้นแล้วแต่ความสะดวกของเราเลยครับ
5. ระบบเทรนเนอร์ ที่เป็นบัดดี้คอยผลักให้เราคอยพูดภาษาอยู่เรื่อยๆ เราพูดได้ เขาได้ผลงาน win-win
6. ด้านในโรงเรียน บังคับให้พูดภาษาอังกฤษทุกคนครับตั้งแต่เข้าประตูโรงเรียนเค้าจะไม่พูดไทยกับเราเลย
7. เดินทางสะดวก ติด BTS หรือถ้าขับรถมา ก็จอดรถบนอาคารได้เลยครับ
จุดด้อย สำหรับความเห็นของผมจากที่ได้ลอง
1. โรงเรียนเพิ่งเปิดหมาดๆ เลยครับ อาจจะไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง
2. ด้วยทำเลสาขาพญาไทจะมีผู้เรียนเป็นเด็กค่อนข้างเยอะครับ หนุ่มๆ บางคนอาจจะไม่ชอบ (เอ๊ะ!หรือชอบ)
3. ครูหล่อไปครับ ขอครูผู้หญิงบ้าง
จบแล้วครับกับรีวิวครั้งนี้ ถ้าเพื่อนๆสนใจลองไปสถานที่จริง ไปสัมผัสบรรยากาศและทดลองเรียนเหมือนผมก่อนเลยนะครับว่าถูกใจ และตรงกับความต้องการของเราหรือเปล่า ขอบคุณทุกๆท่านที่ติดตามชมครับ
SR ที่ได้รับ การทดลองเรียนฟรีในคลาสต่างๆครับ ^___^
ช่องทางการติดต่อเพิ่ม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้Facebook : www.facebook.com/SpeakoutTH
Line : @speakout
[SR] รีวิว!! Speak Out มิติใหม่แห่งการเรียนภาษาอังกฤษ
ที่นี่คือ โรงเรียนสอนภาษาอังกฤษ Speak Out หรือ สปี๊คเอ้าท์ ครับ และสิ่งที่ทำให้ผมสนใจโรงเรียนสอนภาษาแห่งนี้คือ บรรยากาศที่ได้สัมผัสเห็นแค่จากภายนอกก็น่าสนใจแล้ว ก็ที่นี่เล่นวางห้องครัวไว้ด้านหน้าก็อดคิดไม่ได้โรงเรียนสอนภาษาอะไรกันมีสอนทำอาหารด้วยไม่เคยเจอมาก่อน ^___^
>> Cooking Class <<
นอกจากนี้บรรยากาศด้านในตกแต่งเหมือน Internet Cafe ทานกาแฟ อ่านหนังสือ ให้ความอบอุ่น รู้สึกได้ถึงความเป็นกันเองดีครับ โดยทางโรงเรียนได้เปิดให้ทดลองฟรี 2 ชม. อยู่แล้ว ไม่มีค่าใช้จ่ายด้วย ผมเลยตัดสินใจทดลองดูแบบคลาสเรียนหลัก และคลาสกิจกรรม เพื่อดูว่าเป็นยังไงบ้าง และใช้ในการรีวิวครั้งนี้ด้วยครับ
>> บรรยากาศสถานที่ <<
จากนั้น ผมก็นั่งรอเวลาเข้าคลาสเลย ซึ่งก็มีเจ้าหน้าที่เข้ามาเสิร์ฟน้ำและทักทาย โดยที่ Speak Out เขาจะเรียกว่า เจ้าหน้าที่ว่าเทรนเนอร์ครับ เขาบอกว่า ใช้ระบบการดูแลคล้ายๆ กับฟิตเนส เทรนเนอร์ฟิตเนส มีหน้าที่ดูแลควบคุมให้เราผอม ที่ Speak Out เทรนเนอร์ก็จะดูแลควบคุมให้เราพูดภาษาได้เช่นกัน
ดีเลยครับ..ถ้าเราเป็นนักเรียนที่นี่ก็จะมีสาวสวยแบบนี้มาดูแลน่ะสิ อิอิ (แอบคิดเบาๆ) ผมก็เลยอยากรู้ต่อว่า เทรนเนอร์จะดูแลยังไงบ้างหรอครับเพื่อจะได้บอกต่อ (..งานล้วนๆครับ) น้องเทรนเนอร์แจ้งว่า ปกติแล้วถ้าลงเรียนแล้วเทรนเนอร์จะเริ่มพูดภาษาอังกฤษกับเราเลย เพื่อเป็นการฝึกพูดและฟังเลย เพราะผู้เรียนบางคน พอออกจากคลาสเรียนแล้ว ก็ไม่ยอมไปใช้ต่อ หรือน้องๆ ที่กลับบ้านไปก็ไม่ได้พูดกับคุณพ่อคุณแม่ เทรนเนอร์เลยจะเป็นคนพูดด้วย ให้ทุกคนรู้ว่า ถ้าไม่รู้จะคุยกับใคร ก็ให้คุยกับเราได้ตลอดเวลาเลยค่ะ (โอเคเลยครับ..ชักอยากจะเรียนยาวๆขึ้นมาก็ตรงนี้แหล่ะครับ)
และแล้วผมก็โดนเรียกไปทำเทส ทดสอบวัดระดับก่อนว่า สกิลภาษาอังกฤษเราอยู่ในระดับไหนกัน อิอิ
จากการทดสอบจะมีระดับบอกว่าเราอยู่ในระดับ ที่นี่จะแบ่งระดับออกเป็น 3 กลุ่มหลักคือ BABY, HUMAN และ SUPER HERO แต่ละระดับนั้นจะมีหลักสูตรที่แตกต่างกันออกไป เพื่อสอดคล้องกับความสามารถของผู้เรียน ตัวผมเองนั้นได้ระดับ BABY >//< เขิลเลย ฮ่าๆ
หลังจากได้รับรู้ระดับของตัวเองแล้ว ก็ได้เวลาไปลองเรียนกัน ซึ่งอย่างที่ผมแจ้งข้างต้น ว่ามี 2 แบบคลาสเรียนหลัก และคลาสกิจกรรม โดยผมได้เริ่มที่คลาสหลักก่อน เข้าห้องเรียนมาก็เจอผู้เรียนอีก 2 คน จากนั้นก็เริ่มเรียนเลย อ้อ..ลืมบอกว่า ที่นี่ห้องเรียนจุคนไม่เกิน 4 คนครับ ก็คือนักเรียนไม่เกิน 4 คนต่อครูฝรั่ง 1 คน ซึ่งผมชอบมากกกกก!! เหมือนผมได้เรียนกับครูตัวต่อตัวเลย แต่ก็แอบมีเพื่อนไว้ให้ไม่รู้สึกเกร็ง พอเรียนกันน้อยๆ ครูที่ Speak Out ก็สอนทั่วถึงและใกล้ชิดมาก ได้ความรู้ไปเต็มๆ แต่ผมไม่ชอบอยู่อย่างครับ ทำไมครูต้องหล่อด้วยครับ..! มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกด้อยกว่าพูดไม่ได้อีก ฮ่าๆๆๆ #แซวเล่นนะครับ ในห้องเรียนไม่สามารถถ่ายรูปได้ แต่ก็ดีครับ มันทำให้ผมโฟกัสแต่เรื่องเรียนจริงๆ
จบจากคลาสเรียนหลัก ก็มาต่อเรื่องคลาสกิจกรรม ซึ่งคลาสกิจกรรมนี่แหล่ะ ที่จะได้เรียนตามห้องแปลกๆ ต่างๆ โดยวันนี้ผมได้เข้ากิจกรรมที่ชื่อว่า Finish Movie Scene เนื้อหาก็คือ ให้เราคิดบท เนื้อเรื่องตอนจบ ของเนื้อเรื่องที่ครูให้โจทย์มา และต้องแสดงด้วย!!!!!!!! เดี๋ยวๆนะ นอกจากจะต้องคิดครีเอท เป็นภาษาอังกฤษ ยังต้องแสดงให้ดู และพูดตามบทภาษาอังกฤษด้วย มายก๊อดดด แค่พูดยังพูดไม่ถูกเลยครับ แสดงด้วยอีก แต่สุดท้ายก็ทำได้นะครับ สนุกมากๆ สนุกกว่าที่คิดไว้ซะอีก อันไหนที่เราพูดติดๆ ขัดๆ ครูฝรั่งก็จะแนะนำและแก้ไขให้เราพูดถูกต้อง โดยเฉพาะสำเนียงและแอคติ้งด้วยครับ ฮ่าๆๆๆ #อันนี้ผมเรียนจนลืมถ่ายรูปเลยครับ
หลังจากจบคลาสกิจกรรมของผม เทรนเนอร์ชวนลองคลาสกิจกรรมในห้องครัวต่อ แต่ผมต้องกลับแล้ว T___T เสียใจมาก เลยกะว่าสัปดาห์หน้าจะชวนน้องชายมาเทสด้วย เผื่อเรียนพร้อมกันเลย ฮ่าๆ
ขอสรุปโดยรวมเกี่ยวกับ Speak Out แห่งนี้นะครับ
จุดเด่น จุดดึงดูด และความประทับใจ
1. บรรยากาศอบอุ่น สบายๆ เหมือนอยู่กันเป็นครอบครัว พูดคุยเฮฮา เหมือนมาคาเฟ่มากกว่าโรงเรียนทั่วไป
2. จำนวนนักเรียนในการเรียน กลุ่มเล็กมาก มันทำให้การสอนทั่วถึงจริงๆ ครูเห็นเราตลอดเวลา รู้สึกเหมือนเรียนตัวต่อตัว
3. ห้องกิจกรรมโดดเด่นมาก จำลองเหตุการณ์ในห้องจริง เช่น ทำอาหารจริงๆ เรียนภาษาไปด้วย กินไปด้วย คือดีมากครับ
4. จัดตารางเรียนได้เองว่างเมื่อไหร่ก็เรียนเมื่อนั้นแล้วแต่ความสะดวกของเราเลยครับ
5. ระบบเทรนเนอร์ ที่เป็นบัดดี้คอยผลักให้เราคอยพูดภาษาอยู่เรื่อยๆ เราพูดได้ เขาได้ผลงาน win-win
6. ด้านในโรงเรียน บังคับให้พูดภาษาอังกฤษทุกคนครับตั้งแต่เข้าประตูโรงเรียนเค้าจะไม่พูดไทยกับเราเลย
7. เดินทางสะดวก ติด BTS หรือถ้าขับรถมา ก็จอดรถบนอาคารได้เลยครับ
จุดด้อย สำหรับความเห็นของผมจากที่ได้ลอง
1. โรงเรียนเพิ่งเปิดหมาดๆ เลยครับ อาจจะไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง
2. ด้วยทำเลสาขาพญาไทจะมีผู้เรียนเป็นเด็กค่อนข้างเยอะครับ หนุ่มๆ บางคนอาจจะไม่ชอบ (เอ๊ะ!หรือชอบ)
3. ครูหล่อไปครับ ขอครูผู้หญิงบ้าง
จบแล้วครับกับรีวิวครั้งนี้ ถ้าเพื่อนๆสนใจลองไปสถานที่จริง ไปสัมผัสบรรยากาศและทดลองเรียนเหมือนผมก่อนเลยนะครับว่าถูกใจ และตรงกับความต้องการของเราหรือเปล่า ขอบคุณทุกๆท่านที่ติดตามชมครับ
SR ที่ได้รับ การทดลองเรียนฟรีในคลาสต่างๆครับ ^___^
ช่องทางการติดต่อเพิ่ม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้