สวัสดีค่ะทาสแมว ต่อจากระทู้ที่แล้ว ที่เป็นหัดแมว
คราวนี้มาต่อที่ โรคมะเร็งในช่องอก กันค่ะ
น้อง "โพว์" แมวอายุ 1 ปี 3 เดือน ที่คุ้นเคยและจำกันได้ทั้งโรงพยาบาลสัตว์ "น้องโพว์มาแล้ว"
ย้อนกลับไปเมื่อ 3 เดือนก่อนหน้า
โพว์นอนปกติ แต่มีอาการหอบ หายใจเร็ว แรง และบีบ (สังเกตุการหายใจแบบกระทุ้งท้อง)
ตัดสินใจพาไปรพ.ตอนนั้น หมอทำการให้ออกซิเจนด่วน (ให้แบบสายดม) เพราะระหว่างการเดินทางทำให้น้องตกใจ และเริ่มอ้าปากหายใจ
หมอเดินออกมา บอกขอทำการ X-ray ดู ว่ามีอะไรทำไม่หายใจไม่ได้ ระหว่างนั้นหมอให้เข้าตู้อ็อกซิเจน
แผ่น x-ray ออกมาว่า โพว์มีน้ำอยู่ในช่องอกเยอะมาก เกือบเต็ม ที่ว่างให้หายใจเท่าเหรียญสิบ นอกนั้นขาวโพนไปหมด
หมอขอทำการเจาะน้ำออก ตอนนั้นเราตกใจมาก พยายามอ่านในเว็บว่าเจาะแบบไหน
เจาะเหมือนผ่าตัดไหม เจาะแล้วมีโอกาสตายไหม
ค่ารักษาบานปลายไหม พยายามค้นหาในกู้เกิ้ล มีที่เจาะแล้วตาย ทำให้เราเครียด ร้องไห้ ไม่ยอมให้หมอเจาะออก ขออยู่ในตู้ไปก่อน 1 คืน
วันต่อมาหลังจากเราพยายามหาข้อมูลเรื่องนี้ (ซึ่งน้อยมาก) จะยังตัดสินใจไม่ได้อยู่ดี
มาหาน้องที่รพ. เจอหมออีกท่านนึง ซึ่งเป็นหมอที่แจ้งเราว่าเคยทำการเจาะมาก่อน และมารับเคสน้องโพว์ต่อ เข้ามาคุยกับเรา
D: หมอต้องขอเจาะน้ำออกนะครับ ให้มีพื่นที่ว่าง
M: เอาไว้ในตู้ได้ไหมคะหมอ น้องดูหายใจดีขึ้น
D: น้องอยู่ตู้อ๊อก อยู่ได้ แต่ไม่ได้ช่วยให้หาย เพราะถ้าออกจากตู้น้องก็ไม่สามารถหายใจปกติได้ ต้องเอาน้ำออกอย่างเดียว
M: ถ้าเจาะ แล้วน้องมีโอกาสตายไหมคะ
D:
50/50 ครับไม่เจาะก็ตายได้ เจาะก็อาจเสี่ยงนิดนึง แต่เราแนะนำให้เจาะออกครับ
M: ไม่อยากให้เจาะค่ะ กลัวน้องตาย
D: ถ้าเจ้าของไม่อยากให้เจาะ ต้องไปเซ็นใบว่าไม่ให้หมอรักษานะครับ เพราะหมอมีหน้าที่รักษา
M: แล้วถ้าจะเจาะคือทำอะไร ยังไงบ้างคะ
D: หมอจะต้องโกนขน เอาเข็มทิ่มแล้วดูดน้ำออกเฉยๆครับ ทำได้ครั้งเดียว ถ้าน้องดื้อก็อาจจะต้องวางยาสลบครับ
M: ขอวางยาอ่อนๆได้ไหมคะ เพราะกลัวน้องหลับแล้วไม่ตื่น
D: ครับ ผมจะดูก่อน เข้าใจครับ ไม่อยากวางยา แต่คงต้องวางอ่อนๆ เพราะน้องไม่น่าจะยอม
หลังจากคุยกับหมอจบ คำว่า 50/50 มันลอยมาในหัว ร้องไห้ไม่หยุด ไม่เป็นอันทำอะไร
ไม่รู้ว่าเจาะนานแค่ไหน ต้องทำยังไง มันวนในหัวไปหมด
5 นาทีหมอเดินออกมา พร้อมกับถ้วยใบนึง ตกใจมาก คิดว่าโพว์เป็นอะไร
หมอบอกว่าน้ำค่อนข้างเยอะ (เกือบเต็มถ้วยเล็ก) วางยาน้องโพว์ไปนิดเดียว ต้องขอx-rayอีกรอบเพื่อดูว่าน้ำลดแค่ไหน เราดีใจมาก รู้สึกโล่งอก เหมือนน้องหาย น้องไม่เป็นอะไร
เราขอบคุณหมอมากๆ ไม่คิดว่าแค่เจาะน้ำในอก มันจะเร็วขนาดนี้
หมอแนะนำให้เอาน้ำไปส่ง lab ตรวจ ว่าเป็นชนิดไหน มะเร็ง หรือ FIP (ฟิบ)
จากที่ฟังหมอด้วยสีน้ำ (ใส ไม่ค่อยขุ่น ไม่มีเลือด) อาจเป็นFIPได้ 80% ซึ่งไม่มีทางรักษาหาย
เจาะออกแล้ว อาจเป็นใหม่ 3 เดือน หรือ 1 ปี หรืออีกหลายๆปี ต้องกลับมาเจาะใหม่
ด้วยความที่งบค่อนข้างบานปลาย 2 วัน 6,000 กว่าบาท (รพ.เอกชน)
ทำให้เราไม่ได้เอาเชื้อไปตรวจ และมั่นใจว่าคงเป็น FIP
นอกหายใจปกติ สามารถพากลับบ้านได้ รับยา ป้อนยา และแยกเลี้ยง
โพว์หายดีค่ะ กลับมาแข็งแรง กินเก่ง ร่าเริง ^^
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
กลับมาที่อาทิตย์ก่อน ครบ3เดือนพอดี
โพว์มีอาการอาเจียน ครั้งแรกที่สงสัยคือหัดอีกแล้ว มันเข้ามาหลอกหลอน คิดว่าเชื้อยังอยู่อีกหรอเนี่ย
แต่สังเกตุอีกที คือโพว์อาเจียนแบบมีอาหารออกมาด้วย เปลี่ยนความคิด คงเป็นเพราะเปลี่ยนอาหาร กินเยอะไป ก็ปล่อย
วันที่ 2 ตื่นมา อาเจียนประมาณ 3-4 กองทั่วบ้าน โพว์เป็นหัดหรอ
แยกๆๆๆ เอาใจป้อนข้าว กลัวไม่กินข้าว ปรากฏว่ากินปุ๊บ อ้วกปั้ป ทันที ไม่ได้ลงท้องเลย
เอาใหม่ ป้อนใหม่ เพราะน้องดูหิวมากๆ (ลืมบอกว่าโพว์เป็นแมวน้อยจอมตะกละ ชอบกินทุกอย่างที่ขวางน้า หิวตลอดเวลาด้วย) ก็เลยป้อนใหม่ น้องก็อ้วกอีก คิดอีกว่าคงเป็นแผลในปาก เพราะโพว์เคยเป็นช่วงพักฟื้นจากการเจาะน้ำ กินลำบาก ต้องฉีดสเปร์พ่น
คงไม่ได้การ พาไปหาหมอทันที
ความโชคดี เจอหมอคนเดียวกับที่เจาะน้ำในปอดออก แจ้งอาการ พฤติกรรม
หมอบอกว่าน้องหายใจปกตินะ ไม่น่าจะเกี่ยวกับปอด ไม่น่าจะมีน้ำในอกเหมือนครั้งที่แล้ว
หมอสันนิษฐาน อาจกินอะไรแปลกปลอมเข้าไป ถ้าเป็นแบบนั้นก็คงต้องมีการผ่าตัด
หรืออาจมีอะไรติดในอกในปอด หรืออาจมีอะไรในลำไส้
การสันนิษฐานของหมอเป็นหารประเมินเบื้องต้น ว่าต้องทำอะไรต่อไป กรณีนี้หมอแนะนำ
ให้ตรวจเลือดและ x-ray เราให้หมอ x-ray อย่างเดียวก่อน (เพราะเงินน้อย) ผลคือ น้องมีก้อนในช่องอก!!
มีขนาดโต จนไปเบียดหลอดลมและหลอดอาหาร ทำให้กินอะไรลงไปแล้วถูกดันกลับมา และหายใจลำบาก
สรุปคือไม่ได้เป็น FIP แต่เป็นก้อนเนื้อในช่องอก ซึ่งต้องไปการเจาะดูว่าเป็นมะเร็งชนิดใด?????
ช่วงการรักษา ช่วงพักฟื้น
ช่วงแรกที่เข้ารักษา โพว์ต้องเข้าออกโรงพยาบาลทุกวัน เพราะไม่สามารถทานอะไรได้เลย ต้องให้น้ำเกลือ
เราต้องทำงาน เลยต้องพาน้องมาหาหมอ ตอน 6.30 ให้น้ำเกลือและออกซิเจน มารับกลับ 19.00
ในระหว่างอยู่รพ.หมอต้องให้ยาผ่านเส้นเลือด หมอต้องพยายามป้อนข้าว 3 cc ยังลำบากเลยค่ะ
กินยาสเตรียลอยทุก 6 โมง หมอบอกยานี้จะเห็นผลว่าลดการบวมของก้อนเนื้อได้ ประมาณ 4-7 วัน
ในระหว่างนี้ก็รักษาต่อไป พร้อมกับรอผลของเนื้อในช่องอก
โพว์ให้น้ำเกลือ 7 วัน แต่ให้ออกซิเจนแค่ 4 วัน เพราะแพง และน้องเริ่มดีขึ้น
หลังจากที่ผลออกมา สรุปว่าน้องเป็นมะเร็งที่เกิดจากลิวคีเมีย หมอเลยเริ่มทำการ คีโม เข็มแรก
ปรากฏว่าวันต่อมา น้องไม่อ้วกอีกเลย กินข้าวได้ แต่หมอคุมปริมาณ เพราะกลัวกลับมาอ้วกอีก
หลังจากที่น้องเริ่มกินได้ หลังคีโมผ่านมา 2 วัน ทุกอย่างดูดีขึ้นมากๆ เราเลยพากลับมารักษาที่บ้าน
จนตอนนี้ น้องดูดีขึ้นมากค่ะ ภาวนาให้หายไวๆ ช่วงที่ป่วยน้องน้ำหนักเหลือแค่ 2.3 โล
เมื่อวันอาทิย์ที่ 24 เป็นคีโมเข็มที่ 2 น้องหนัก 2.7 แล้วค่ะ
เก่งสุดๆไปเลยยย ^^ ไว้คีโมเข็มต่อไปจะมาอัพเดตอีกทีค่า
สรุปทั้งหมดด้านล่างค่าา
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------
อาการของโรค
1.มีน้ำในอก = อาจเกิดการประวัติการเคยมีน้ำในอกมาก่อน
2.อาเจียนทันทีที่ทานอาหารเข้า ไป แม้แต่น้ำก็ทานไม่ได้ (2วินาทีก็อ้วกแล้ว)
3.มีก้อนเนื้อในอกที่โต จนไปเบียดหลอดลมและหลอดอาหาร ทำให้ดันอาหารกลับ ไม่ลงถึงท้อง
4.หายใจลำบาก = หายใจเร็ว กระทุ้งท้อง หอบ
วิธีการรักษา
1.ตรวจเลือด = อาจจะตรวจก็ได้ เพราะหมอบอกถ้าน้องเป็นโรคไต ก็ทำให้อาเจียนได้
2.X-ray = ต้องทำเพื่อดูว่ามีอะไรในอก หรือในลำไส้ หรือกินอะไรแปลกปลอมไปหรือเปล่า
3.ให้น้ำเกลือ = ให้ทุกวันค่ะ ทนแทนสารอาหารที่ขาดไป เพราะน้องจะไม่สามารถทานอาหารได้เลย แม้แต่น้ำ อ้วกออกทุกครั้ง
4.เข้าตู้ออกซิเจน = ก้อนในอก ทำให้หายใจลำบาก
5.การให้ยาสเตรียลอย = เป็นยาลดอักเสบ ลดการบวมของก้อนเนื้อให้เล็กลง (กึ่งคีโม) ทานวันละเม็ดทุกวันเป็นประจำ
6.เจาะเนื้อในอก = เพื่อไปตรวจว่าเป็นประเภทไหน จะได้ทำการรักษาต่อไปได้
7.การคีโม = หลังการรู้ผลของก้อนเนื้อ หมอจะทำการฉีดคีโม เข็มละ 1 อาทิตย์
แมวเป็นมะเร็ง มีน้ำและก้อนเนื้อในช่องอก และการทำคีโม
คราวนี้มาต่อที่ โรคมะเร็งในช่องอก กันค่ะ
น้อง "โพว์" แมวอายุ 1 ปี 3 เดือน ที่คุ้นเคยและจำกันได้ทั้งโรงพยาบาลสัตว์ "น้องโพว์มาแล้ว"
ย้อนกลับไปเมื่อ 3 เดือนก่อนหน้า
โพว์นอนปกติ แต่มีอาการหอบ หายใจเร็ว แรง และบีบ (สังเกตุการหายใจแบบกระทุ้งท้อง)
ตัดสินใจพาไปรพ.ตอนนั้น หมอทำการให้ออกซิเจนด่วน (ให้แบบสายดม) เพราะระหว่างการเดินทางทำให้น้องตกใจ และเริ่มอ้าปากหายใจ
หมอเดินออกมา บอกขอทำการ X-ray ดู ว่ามีอะไรทำไม่หายใจไม่ได้ ระหว่างนั้นหมอให้เข้าตู้อ็อกซิเจน
แผ่น x-ray ออกมาว่า โพว์มีน้ำอยู่ในช่องอกเยอะมาก เกือบเต็ม ที่ว่างให้หายใจเท่าเหรียญสิบ นอกนั้นขาวโพนไปหมด
หมอขอทำการเจาะน้ำออก ตอนนั้นเราตกใจมาก พยายามอ่านในเว็บว่าเจาะแบบไหน เจาะเหมือนผ่าตัดไหม เจาะแล้วมีโอกาสตายไหม
ค่ารักษาบานปลายไหม พยายามค้นหาในกู้เกิ้ล มีที่เจาะแล้วตาย ทำให้เราเครียด ร้องไห้ ไม่ยอมให้หมอเจาะออก ขออยู่ในตู้ไปก่อน 1 คืน
วันต่อมาหลังจากเราพยายามหาข้อมูลเรื่องนี้ (ซึ่งน้อยมาก) จะยังตัดสินใจไม่ได้อยู่ดี
มาหาน้องที่รพ. เจอหมออีกท่านนึง ซึ่งเป็นหมอที่แจ้งเราว่าเคยทำการเจาะมาก่อน และมารับเคสน้องโพว์ต่อ เข้ามาคุยกับเรา
D: หมอต้องขอเจาะน้ำออกนะครับ ให้มีพื่นที่ว่าง
M: เอาไว้ในตู้ได้ไหมคะหมอ น้องดูหายใจดีขึ้น
D: น้องอยู่ตู้อ๊อก อยู่ได้ แต่ไม่ได้ช่วยให้หาย เพราะถ้าออกจากตู้น้องก็ไม่สามารถหายใจปกติได้ ต้องเอาน้ำออกอย่างเดียว
M: ถ้าเจาะ แล้วน้องมีโอกาสตายไหมคะ
D: 50/50 ครับไม่เจาะก็ตายได้ เจาะก็อาจเสี่ยงนิดนึง แต่เราแนะนำให้เจาะออกครับ
M: ไม่อยากให้เจาะค่ะ กลัวน้องตาย
D: ถ้าเจ้าของไม่อยากให้เจาะ ต้องไปเซ็นใบว่าไม่ให้หมอรักษานะครับ เพราะหมอมีหน้าที่รักษา
M: แล้วถ้าจะเจาะคือทำอะไร ยังไงบ้างคะ
D: หมอจะต้องโกนขน เอาเข็มทิ่มแล้วดูดน้ำออกเฉยๆครับ ทำได้ครั้งเดียว ถ้าน้องดื้อก็อาจจะต้องวางยาสลบครับ
M: ขอวางยาอ่อนๆได้ไหมคะ เพราะกลัวน้องหลับแล้วไม่ตื่น
D: ครับ ผมจะดูก่อน เข้าใจครับ ไม่อยากวางยา แต่คงต้องวางอ่อนๆ เพราะน้องไม่น่าจะยอม
หลังจากคุยกับหมอจบ คำว่า 50/50 มันลอยมาในหัว ร้องไห้ไม่หยุด ไม่เป็นอันทำอะไร
ไม่รู้ว่าเจาะนานแค่ไหน ต้องทำยังไง มันวนในหัวไปหมด
5 นาทีหมอเดินออกมา พร้อมกับถ้วยใบนึง ตกใจมาก คิดว่าโพว์เป็นอะไร
หมอบอกว่าน้ำค่อนข้างเยอะ (เกือบเต็มถ้วยเล็ก) วางยาน้องโพว์ไปนิดเดียว ต้องขอx-rayอีกรอบเพื่อดูว่าน้ำลดแค่ไหน เราดีใจมาก รู้สึกโล่งอก เหมือนน้องหาย น้องไม่เป็นอะไร
เราขอบคุณหมอมากๆ ไม่คิดว่าแค่เจาะน้ำในอก มันจะเร็วขนาดนี้
หมอแนะนำให้เอาน้ำไปส่ง lab ตรวจ ว่าเป็นชนิดไหน มะเร็ง หรือ FIP (ฟิบ)
จากที่ฟังหมอด้วยสีน้ำ (ใส ไม่ค่อยขุ่น ไม่มีเลือด) อาจเป็นFIPได้ 80% ซึ่งไม่มีทางรักษาหาย
เจาะออกแล้ว อาจเป็นใหม่ 3 เดือน หรือ 1 ปี หรืออีกหลายๆปี ต้องกลับมาเจาะใหม่
ด้วยความที่งบค่อนข้างบานปลาย 2 วัน 6,000 กว่าบาท (รพ.เอกชน)
ทำให้เราไม่ได้เอาเชื้อไปตรวจ และมั่นใจว่าคงเป็น FIP
นอกหายใจปกติ สามารถพากลับบ้านได้ รับยา ป้อนยา และแยกเลี้ยง
โพว์หายดีค่ะ กลับมาแข็งแรง กินเก่ง ร่าเริง ^^
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
กลับมาที่อาทิตย์ก่อน ครบ3เดือนพอดี
โพว์มีอาการอาเจียน ครั้งแรกที่สงสัยคือหัดอีกแล้ว มันเข้ามาหลอกหลอน คิดว่าเชื้อยังอยู่อีกหรอเนี่ย
แต่สังเกตุอีกที คือโพว์อาเจียนแบบมีอาหารออกมาด้วย เปลี่ยนความคิด คงเป็นเพราะเปลี่ยนอาหาร กินเยอะไป ก็ปล่อย
วันที่ 2 ตื่นมา อาเจียนประมาณ 3-4 กองทั่วบ้าน โพว์เป็นหัดหรอ
แยกๆๆๆ เอาใจป้อนข้าว กลัวไม่กินข้าว ปรากฏว่ากินปุ๊บ อ้วกปั้ป ทันที ไม่ได้ลงท้องเลย
เอาใหม่ ป้อนใหม่ เพราะน้องดูหิวมากๆ (ลืมบอกว่าโพว์เป็นแมวน้อยจอมตะกละ ชอบกินทุกอย่างที่ขวางน้า หิวตลอดเวลาด้วย) ก็เลยป้อนใหม่ น้องก็อ้วกอีก คิดอีกว่าคงเป็นแผลในปาก เพราะโพว์เคยเป็นช่วงพักฟื้นจากการเจาะน้ำ กินลำบาก ต้องฉีดสเปร์พ่น
คงไม่ได้การ พาไปหาหมอทันที
ความโชคดี เจอหมอคนเดียวกับที่เจาะน้ำในปอดออก แจ้งอาการ พฤติกรรม
หมอบอกว่าน้องหายใจปกตินะ ไม่น่าจะเกี่ยวกับปอด ไม่น่าจะมีน้ำในอกเหมือนครั้งที่แล้ว
หมอสันนิษฐาน อาจกินอะไรแปลกปลอมเข้าไป ถ้าเป็นแบบนั้นก็คงต้องมีการผ่าตัด
หรืออาจมีอะไรติดในอกในปอด หรืออาจมีอะไรในลำไส้
การสันนิษฐานของหมอเป็นหารประเมินเบื้องต้น ว่าต้องทำอะไรต่อไป กรณีนี้หมอแนะนำ
ให้ตรวจเลือดและ x-ray เราให้หมอ x-ray อย่างเดียวก่อน (เพราะเงินน้อย) ผลคือ น้องมีก้อนในช่องอก!!
มีขนาดโต จนไปเบียดหลอดลมและหลอดอาหาร ทำให้กินอะไรลงไปแล้วถูกดันกลับมา และหายใจลำบาก
สรุปคือไม่ได้เป็น FIP แต่เป็นก้อนเนื้อในช่องอก ซึ่งต้องไปการเจาะดูว่าเป็นมะเร็งชนิดใด?????
ช่วงการรักษา ช่วงพักฟื้น
ช่วงแรกที่เข้ารักษา โพว์ต้องเข้าออกโรงพยาบาลทุกวัน เพราะไม่สามารถทานอะไรได้เลย ต้องให้น้ำเกลือ
เราต้องทำงาน เลยต้องพาน้องมาหาหมอ ตอน 6.30 ให้น้ำเกลือและออกซิเจน มารับกลับ 19.00
ในระหว่างอยู่รพ.หมอต้องให้ยาผ่านเส้นเลือด หมอต้องพยายามป้อนข้าว 3 cc ยังลำบากเลยค่ะ
กินยาสเตรียลอยทุก 6 โมง หมอบอกยานี้จะเห็นผลว่าลดการบวมของก้อนเนื้อได้ ประมาณ 4-7 วัน
ในระหว่างนี้ก็รักษาต่อไป พร้อมกับรอผลของเนื้อในช่องอก
โพว์ให้น้ำเกลือ 7 วัน แต่ให้ออกซิเจนแค่ 4 วัน เพราะแพง และน้องเริ่มดีขึ้น
หลังจากที่ผลออกมา สรุปว่าน้องเป็นมะเร็งที่เกิดจากลิวคีเมีย หมอเลยเริ่มทำการ คีโม เข็มแรก
ปรากฏว่าวันต่อมา น้องไม่อ้วกอีกเลย กินข้าวได้ แต่หมอคุมปริมาณ เพราะกลัวกลับมาอ้วกอีก
หลังจากที่น้องเริ่มกินได้ หลังคีโมผ่านมา 2 วัน ทุกอย่างดูดีขึ้นมากๆ เราเลยพากลับมารักษาที่บ้าน
จนตอนนี้ น้องดูดีขึ้นมากค่ะ ภาวนาให้หายไวๆ ช่วงที่ป่วยน้องน้ำหนักเหลือแค่ 2.3 โล
เมื่อวันอาทิย์ที่ 24 เป็นคีโมเข็มที่ 2 น้องหนัก 2.7 แล้วค่ะ
เก่งสุดๆไปเลยยย ^^ ไว้คีโมเข็มต่อไปจะมาอัพเดตอีกทีค่า
สรุปทั้งหมดด้านล่างค่าา
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------
อาการของโรค
1.มีน้ำในอก = อาจเกิดการประวัติการเคยมีน้ำในอกมาก่อน
2.อาเจียนทันทีที่ทานอาหารเข้า ไป แม้แต่น้ำก็ทานไม่ได้ (2วินาทีก็อ้วกแล้ว)
3.มีก้อนเนื้อในอกที่โต จนไปเบียดหลอดลมและหลอดอาหาร ทำให้ดันอาหารกลับ ไม่ลงถึงท้อง
4.หายใจลำบาก = หายใจเร็ว กระทุ้งท้อง หอบ
วิธีการรักษา
1.ตรวจเลือด = อาจจะตรวจก็ได้ เพราะหมอบอกถ้าน้องเป็นโรคไต ก็ทำให้อาเจียนได้
2.X-ray = ต้องทำเพื่อดูว่ามีอะไรในอก หรือในลำไส้ หรือกินอะไรแปลกปลอมไปหรือเปล่า
3.ให้น้ำเกลือ = ให้ทุกวันค่ะ ทนแทนสารอาหารที่ขาดไป เพราะน้องจะไม่สามารถทานอาหารได้เลย แม้แต่น้ำ อ้วกออกทุกครั้ง
4.เข้าตู้ออกซิเจน = ก้อนในอก ทำให้หายใจลำบาก
5.การให้ยาสเตรียลอย = เป็นยาลดอักเสบ ลดการบวมของก้อนเนื้อให้เล็กลง (กึ่งคีโม) ทานวันละเม็ดทุกวันเป็นประจำ
6.เจาะเนื้อในอก = เพื่อไปตรวจว่าเป็นประเภทไหน จะได้ทำการรักษาต่อไปได้
7.การคีโม = หลังการรู้ผลของก้อนเนื้อ หมอจะทำการฉีดคีโม เข็มละ 1 อาทิตย์