*เหตุการณ์สมมติ**โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม*
คลิปวิดีโอดังกล่าวข้างต้นเป็นโฆษณาไวรอลที่ AIS จัดทำขึ้นซึ่งทำให้เกิด Impact กระทบกับจิตใจของนุชๆ ในโซเชี่ยลของเป๊ก ผลิตโชค มาก พอดู
เมื่อประมาณบ่าย 2 กว่าวันนี้ เป๊ก ผลิตโชค ได้ไลฟ์สดในเพจเฟสบุ๊คของเขา แฟนๆ ของเขาเฝ้ารอคอยเพราะเขาไม่ได้ไลฟ์มาสักพักหนึ่งแล้ว
มันคงเป็นไลฟ์เหมือนปกติทั่วไป ถ้าไม่ใช่...
ขณะที่เป๊กนั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ไปไลฟ์ไปนั้น
มีเสียงดังโครม! เสียงดังโวยวายเอะอะ แล้วทุกอย่างก็เงียบไป
นุช ๆ กว่า 6 พันคนในไลฟ์ช็อค ตกใจ และเป็นกังวลมาก ทั้งช็อคทั้งเศร้าน้ำตามา
หลายคนดูไลฟ์ขณะรอเฮียขึ้นร้องในงานเย็นนี้ถึงกับน้ำตาแตกกลางห้าง
ทุกคนคิด เกิดอะไรขึ้น เฮียจะเป็นอะไรหรือเปล่า ณ วินาทีใจมันเสียไปหมดเพราะไม่มีใครรู้อะไรเลย
อีกอึดใจต่อมาตัวอักษรได้ขึ้นในไลฟ์เป็นข้อความรณรงค์การใช้มือถือขณะขับขี่รถยนต์ และภาพเฮียพูดก็ได้ปรากฏออกมา
นี่ไม่ใช่เรื่องจริง แต่หลายคนในช็อคไปแล้ว และความรู้สึกยังค้างอยู่ดึงตัวเองกลับมาไม่ทัน
บางคนหลบออกไปเงียบๆ เพื่อฮีลจิตใจตัวเอง
บางคนเปลี่ยนความเศร้ากลายเป็นความโกรธ เล่นกับความรู้สึกของเขามากไปหรือเปล่า แล้วก็ว่ากล่าวสิ่งนู้นสิ่งนี้เพื่อที่จิตใจของเขาจะได้ดีขึ้น
แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทุกคนอาจจะลืมนึกไป ดีเท่าไหร่แล้วที่นี่ไม่ใช่เรื่องจริง
อย่าคิดว่าสิ่งนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นค่ะ นี่เป็นเรื่องใกล้ตัวมาก อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอ โดยเฉพาะเวลาที่เราไม่มีสติ
และสิ่งที่ทำให้เราขาดสติได้มากที่สุดสิ่งหนึ่งก็คือมือถือ
นอกจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จะเป็นสิ่งที่ดึงดูดความสนใจเราไปจากสถานการณ์รอบข้างแล้ว มันยังทำให้ปฏิกิริยาตอบสนองต่อสิ่งรอบข้างของเราช้าลง
เคยมีการทดสอบในรายการหนึ่งว่าระหว่างมือถือไว้ข้างหนึ่ง กับอีกครั้งไม่ถือจะต่างกันหรือไม่เมื่อตอบสนองกับเหตุการณ์ตรงหน้า คำตอบคือต่างค่ะ
ถึงแม้จะเป็นเพียงการนั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ไม่ได้ขับขี่เองก็ตาม หากเวลาเกิดอุบัติเหตุขึ้น การมีสติจดจ่อกับการโดยสารยานพาหนะซึ่งมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุสูงย่อมดีกว่าที่สติจะไปจดจ่ออยู่กับมือถือ เพราะหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้นจริงมันช่วยอะไรเราไม่ได้เลย
ณ เวลาที่เกิดเหตุการณ์ เพราะเรามัวแต่ห่วงหน้าพะวงหลังเนื่องจากสติเราไม่ได้อยู่ตรงนั้น ปฏิกิริยาตอบสนองของเราจะช้าลง แทนที่เราจะมีสติใช้มือและแขนปกป้องอวัยวะที่สำคัญที่สุดของเรา มันก็อาจจะไม่ทันแล้ว
บางคนอาจจะคิดว่าล้อเล่นกับความรู้สึกแฟนๆ มากไปไหม
ใช่ค่ะ มาก
แต่ลองคิดว่า ดีเท่าไหร่แล้ว ที่นี่ไม่ใช่เรื่องจริง
ความรู้สึกที่เสียไปคืนมาไม่ได้ ชีวิตก็เช่นกัน
วันนี้เรารู้แล้วว่าหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดกับคนที่เรารักขึ้นเรารับไม่ได้ใช่ไหม เพราะฉะนั้นใช้เวลาต่อจากนี้ให้ดีดีกว่า มีความสุขด้วยกัน ผ่านทุกอย่างไปด้วยกัน เพราะคนรักกันก็คงไม่ทอดทิ้งกัน โกรธได้ งอนได้ แต่อย่าทิ้งกันไปไหนเลย ใช้เวลาที่ยังอยู่ด้วยกันได้อยู่ให้มีความสุข เพราะเราไม่รู้หรอกว่าเวลาแบบนี้จะอยู่ได้อีกนานเท่าไหร่ ไม่มีใครรู้ว่าชีวิตจะยืนยาวเท่าไหร่ เพราะการลาจากที่แท้จริงไม่มีคำเตือน ไม่มีการบอกลา คนจะไปจริงๆ เขาไม่มาบอกลาหรอก
ปล. คลิปอีก 2 ตัวของเต้ย จรินทร์พร เป็นไลฟ์สดขณะขับรถ และวี วิโอเล็ต เป็นไลฟ์สดขณะข้ามถนนค่ะ
เต้ย
วี
โฆษณาไวรอลตัวใหม่ของ AIS ความรู้สึกที่เสียไปคืนมาไม่ได้ ชีวิตคนก็เช่นกัน
คลิปวิดีโอดังกล่าวข้างต้นเป็นโฆษณาไวรอลที่ AIS จัดทำขึ้นซึ่งทำให้เกิด Impact กระทบกับจิตใจของนุชๆ ในโซเชี่ยลของเป๊ก ผลิตโชค มาก พอดู
เมื่อประมาณบ่าย 2 กว่าวันนี้ เป๊ก ผลิตโชค ได้ไลฟ์สดในเพจเฟสบุ๊คของเขา แฟนๆ ของเขาเฝ้ารอคอยเพราะเขาไม่ได้ไลฟ์มาสักพักหนึ่งแล้ว
มันคงเป็นไลฟ์เหมือนปกติทั่วไป ถ้าไม่ใช่...
ขณะที่เป๊กนั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ไปไลฟ์ไปนั้น
มีเสียงดังโครม! เสียงดังโวยวายเอะอะ แล้วทุกอย่างก็เงียบไป
นุช ๆ กว่า 6 พันคนในไลฟ์ช็อค ตกใจ และเป็นกังวลมาก ทั้งช็อคทั้งเศร้าน้ำตามา
หลายคนดูไลฟ์ขณะรอเฮียขึ้นร้องในงานเย็นนี้ถึงกับน้ำตาแตกกลางห้าง
ทุกคนคิด เกิดอะไรขึ้น เฮียจะเป็นอะไรหรือเปล่า ณ วินาทีใจมันเสียไปหมดเพราะไม่มีใครรู้อะไรเลย
อีกอึดใจต่อมาตัวอักษรได้ขึ้นในไลฟ์เป็นข้อความรณรงค์การใช้มือถือขณะขับขี่รถยนต์ และภาพเฮียพูดก็ได้ปรากฏออกมา
นี่ไม่ใช่เรื่องจริง แต่หลายคนในช็อคไปแล้ว และความรู้สึกยังค้างอยู่ดึงตัวเองกลับมาไม่ทัน
บางคนหลบออกไปเงียบๆ เพื่อฮีลจิตใจตัวเอง
บางคนเปลี่ยนความเศร้ากลายเป็นความโกรธ เล่นกับความรู้สึกของเขามากไปหรือเปล่า แล้วก็ว่ากล่าวสิ่งนู้นสิ่งนี้เพื่อที่จิตใจของเขาจะได้ดีขึ้น
แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทุกคนอาจจะลืมนึกไป ดีเท่าไหร่แล้วที่นี่ไม่ใช่เรื่องจริง
อย่าคิดว่าสิ่งนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นค่ะ นี่เป็นเรื่องใกล้ตัวมาก อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอ โดยเฉพาะเวลาที่เราไม่มีสติ
และสิ่งที่ทำให้เราขาดสติได้มากที่สุดสิ่งหนึ่งก็คือมือถือ
นอกจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จะเป็นสิ่งที่ดึงดูดความสนใจเราไปจากสถานการณ์รอบข้างแล้ว มันยังทำให้ปฏิกิริยาตอบสนองต่อสิ่งรอบข้างของเราช้าลง
เคยมีการทดสอบในรายการหนึ่งว่าระหว่างมือถือไว้ข้างหนึ่ง กับอีกครั้งไม่ถือจะต่างกันหรือไม่เมื่อตอบสนองกับเหตุการณ์ตรงหน้า คำตอบคือต่างค่ะ
ถึงแม้จะเป็นเพียงการนั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ไม่ได้ขับขี่เองก็ตาม หากเวลาเกิดอุบัติเหตุขึ้น การมีสติจดจ่อกับการโดยสารยานพาหนะซึ่งมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุสูงย่อมดีกว่าที่สติจะไปจดจ่ออยู่กับมือถือ เพราะหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้นจริงมันช่วยอะไรเราไม่ได้เลย
ณ เวลาที่เกิดเหตุการณ์ เพราะเรามัวแต่ห่วงหน้าพะวงหลังเนื่องจากสติเราไม่ได้อยู่ตรงนั้น ปฏิกิริยาตอบสนองของเราจะช้าลง แทนที่เราจะมีสติใช้มือและแขนปกป้องอวัยวะที่สำคัญที่สุดของเรา มันก็อาจจะไม่ทันแล้ว
บางคนอาจจะคิดว่าล้อเล่นกับความรู้สึกแฟนๆ มากไปไหม
ใช่ค่ะ มาก
แต่ลองคิดว่า ดีเท่าไหร่แล้ว ที่นี่ไม่ใช่เรื่องจริง
ความรู้สึกที่เสียไปคืนมาไม่ได้ ชีวิตก็เช่นกัน
วันนี้เรารู้แล้วว่าหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดกับคนที่เรารักขึ้นเรารับไม่ได้ใช่ไหม เพราะฉะนั้นใช้เวลาต่อจากนี้ให้ดีดีกว่า มีความสุขด้วยกัน ผ่านทุกอย่างไปด้วยกัน เพราะคนรักกันก็คงไม่ทอดทิ้งกัน โกรธได้ งอนได้ แต่อย่าทิ้งกันไปไหนเลย ใช้เวลาที่ยังอยู่ด้วยกันได้อยู่ให้มีความสุข เพราะเราไม่รู้หรอกว่าเวลาแบบนี้จะอยู่ได้อีกนานเท่าไหร่ ไม่มีใครรู้ว่าชีวิตจะยืนยาวเท่าไหร่ เพราะการลาจากที่แท้จริงไม่มีคำเตือน ไม่มีการบอกลา คนจะไปจริงๆ เขาไม่มาบอกลาหรอก
ปล. คลิปอีก 2 ตัวของเต้ย จรินทร์พร เป็นไลฟ์สดขณะขับรถ และวี วิโอเล็ต เป็นไลฟ์สดขณะข้ามถนนค่ะ
เต้ย
วี