สวัสดีค่าทุกคน

ห่างหายไปนาน แปปๆก็จะสิ้นปีแล้ว

ตั้งแต่จขกทย้ายที่ทำงาน ก็ไม่มีเวลามาตั้งกระทู้เลยค่ะ ฮา

ใกล้คริสมาสต์แล้ว โผล่มาตั้งกระทู้ที่ 10 ของปีซะหน่อย

วันนี้จะพาทุกคนไปรู้จักกับนกพัฟฟิน ต้นแบบของนกผีที่ปรากฏตัวใน Star War ภาคล่าสุดกันค่ะ /แหม๊ ช่างเหมาะเจาะ 555

The Atlantic Puffin หรือที่ทุกคนเรียกกันสั้นๆว่านกพัฟฟินนั้น เป็นนกตัวป้อมๆ ลำตัวสีดำ หน้าท้องสีขาว มีปากที่มีสีสันโดดเด่น ซึ่งขัดกับลำตัวมาก หลายคนเข้าใจว่ามันเป็นญาติกับนกเพนกวิ้น แต่จริงๆแล้วไม่ใช่เลยค่า เจ้านี่บินได้ และอพยพค่ะ

จากภาพด้านบน ทุกคนจะเห็นว่าจงอยปากของเค้าค่อนข้างมีสีสันที่โดดเด่นมากๆ และบริเวณต้นจงอยจะมีแผ่นหนังสีขาวหนาๆ ซึ่งนกชนิดนี้จะผลัดผิวตรงนั้นช่วงหน้าหนาวด้วยค่ะ ถ้านั่งดูนกเยอะๆ จะเห็นนกบางตัว จงอยดูหนา ดูผ่านศึกมานาน แต่ของเจ้านี่ก็เดาว่าจะยังเด็กอยู่ ยังผิวดี 555

กลางมิถุนายน 2560 ที่ผ่านมา
เป็นช่วงหน้าร้อนที่ประเทศไอซ์แลนด์พอดี จขกท นั่งทำการบ้านว่าจะไปเที่ยวที่ไหนดีน้า ที่ต้องไปแค่ช่วงนี้เท่านั้น .. (อารมณ์เหมือนชมซากุระ) ก็มาคิดๆว่า เออออ.. ไปดูนกพัฟฟินดีกว่า อยากเห็นมานานแล้ว นกพัฟฟินเค้ามีให้เห็นได้ตามชายฝั่งมหาสมุทร Atlantic ค่ะ เช่น Faroe Island, ชายฝั่ง Norway, เกาะอังกฤษ ยาวไปถึงรัสเซียเลยก็มี แต่ประมาณ 40% จะเจอที่ไอซ์แลนด์ เค้าจะเริ่มอพยพมาช่วงกลางเมษายน และอาศัยอยู่ประมาณ 7 เดือน พอเข้าหน้าหนาวก็จะอพยพไปค่ะ เรื่องการเตรียมตัวและตั๋วเครื่องบิน จะขอข้ามไปในกระทู้นี้นะคะ เพราะมีคนรีวิวเยอะแล้ว จขกท จะเล่าแต่เรื่องตามล่าหานกเลยละกัน

นี่ก็ตอบไปเลยว่าเปล๊า จะไปดูนกพัฟฟินนี่แหละ 555 ซึ่งจะบอกว่า ไอซ์แลนด์หน้าร้อนเนี่ย Peak มากก ตั๋วเครื่องบินพีค ที่พักเต็ม ที่พักราคาแพง คือ มัน แพง กว่า ที่ คิด ม๊ากกก แต่เพราะรักจึงยอม แต่พอมาถึงแล้ว จึงได้พบว่า ไอซ์แลนด์หน้าร้อน มันดีกว่าที่คิดมากค่ะ รู้เลยทำไม High season จะโฆษณายั่วๆให้สัก 4 ใบ ว่าหน้าร้อนมันดียังไง 555

Midnight sun นี่คือท้องฟ้าเวลา 4 ทุ่ม ณ Blue Lagoon หาใช่ดาวอังคาร

Seljalandsfoss น้ำตกบ้านๆริมทาง เข้าถึงง่ายมาก ขับรถไปจอดก็ถึงเลย เป็นอันที่ จขกท ชอบมากที่สุด

ถนน Classic Ring Road กับวิวภูเขาบ้านๆ ดอกลูปิน(Lupine) บานเต็มสองข้างทาง

Kirkjubaejarklaustur ธารแม่น้ำที่ต้องลัดถนนเข้าไป (หรือจขกทไปผิดทางก็ไม่รู้ 55)

สถานที่แรกที่เราไปตามหานกพัฟฟิน

ถ้าใครได้อ่าน Lonely Planet ของประเทศไอซ์แลนด์ และอ่านเรื่อง Puffin watching เค้าจะแนะนำให้เรามาดูนกที่แหลมนี้ เพราะเข้าถึงได้ง่าย ไม่ต้องซื้อทัวร์ไปดู และเหมาะสำหรับคนที่อยากขับรถเที่ยว แต่ไม่ได้ต้องการขับ Classic Ring Road ไปทั่วประเทศ คือเที่ยวประเทศฝั่งใต้อย่างเดียว ซึ่งตอนแรกเราก็กะจะเที่ยวแค่ฝั่งใต้นั่นแหละค่ะ กะว่ามาดูนกที่แหลมนี้ เจอก็จบละ เพราะเรามีเวลาน้อย คือ 8 วัน เท่านั้น ไปทั้งเกาะกลัวจะไม่ทัน วันนั้นเราขับรถออกมาจากเมือง Selfoss แวะเที่ยวมาเรื่อยๆ กว่าจะมาถึง Dyrholaey ก็เย็นละ แต่ดีนะ ที่พระอาทิตย์ตกเที่ยงคืย ในฤดูร้อน 6โมงเย็นก็ยังเช้าอยู่ แต่อุทยานจะปิดให้เข้าตอน 1 ทุ่ม ที่นี่สามารถขับรถไปถึงยอดของแหลมได้ แต่อาจต้องใช้ 4-wheel เพราะถนนมันมีหล่มเยอะ นี่ก็เดินเอาค่ะ ใช้เวลาจากตีนแหลมไปข้างบนประมาณ 20 นาที แล้วแต่เดินช้าเร็ว

และพอเดินไปถึงยอดนั้น ตื่นเต้นมากกกก จะได้เจอนกพัฟฟินแล้ววุ้ย เห็นป้ายอุทยาน ว่าที่นี่มีนกอะไรบ้าง

มีคนเอาหินไปขูดกาทับนกพัฟฟิน!! .. ลางมากๆ เป็นลางมากๆ แต่ไม่เชื่อ! ของแบบนี้ มันต้องไปเห็นด้วยตัวเอง!! รีบวิ่งไปตรงจุดชมนกบริเวณปลายแหลม เจอเต็มๆเลยจ้าาาา!!

ที่นี่ไม่มีพัฟฟิน! ฮือ ร้องไห้หนักมาก เปิดไพ่แผนสำรองที่ได้เตรียมเอาไว้ จากเดิมที่กะว่าจะขับเที่ยวแค่ที่ฝั่งใต้ เป็นเราจะขับไปตะวันออกสุดของประเทศกันเลย!! เพราะเราจะไม่มีทางนกเด็ดขาด เพราะเรามาเพื่อดูนกพัฟฟิน! เราควรได้ดูนกพัฟฟิน!! ปล. แต่มีพี่ช่างภาพที่เราติดตาม เค้าเจอที่นี่ด้วยอ่ะ เสียใจ นี่อาจเป็นคนไร้บุญ

Borgarfjordur Eystri ชายฝั่งตะวันออกสุดของประเทศไอซ์แลนด์

ที่นี่คืออีกหนึ่งสถานที่ ที่ Lonely Planet ฟันธงว่า เจอแน่! ที่ดูนกพัฟฟินที่สามารถขับรถเข้าถึงได้ ไม่ต้องซื้อทัวร์ แค่ต้องขับรถไปตะวันออกสุดนี่เอง 555 ซึ่งร้อยละร้อย คนที่จะขับมาที่นี่คงมาเพื่อดูพัฟฟินนั่นแหละ เพราะมันออกนอกเส้นทาง Classic Ring แต่เชื่อไหมว่า การขับรถมาที่นี่ สร้างความประทับใจให้เรามากๆ เพราะฝั่งตะวันออกไม่ได้มีแต่ต้นมอสเหมือนกลางๆประเทศนั่นเอง 555

วิวข้างทางให้อารมณ์เหมือนขับรถอยู่เมดิเตอเรเนี่ยน

นี่ก็ภูเขาระหว่างทาง หลังขับลงจากเส้นทางนี้ไปจะถึงแหลมตะวันออกสุดของประเทศค่ะ ซึ่งเราก็ไม่รู้หรอกนะ ว่าจะเจอนกพัฟฟินมั้ย เพราะความฝันพังทลายก่อนหน้านี้ มาถึงแล้วก็แวะเข้าที่พักในเมืองก่อนค่ะ เราพักที่ Blabjorg Guesthouse ซึ่งมันดีมากๆ เดี๋ยวจะแปะภาพให้ชม .. คือกว่าจะขับมาถึงโรงแรมเนี่ย ก็เป็นเวลา 3 ทุ่มแล้วค่ะ แต่ฟ้ายังสว่างอยู่ เรารีบถาม reception เลย ว่าเค้าไปดูนกพัฟฟินกันตรงไหน มีให้ดูตั้งแต่กี่โมง ซึ่งชีก็บอกว่า 24 hrs จ้า ยูอยากดูตอนไหนก็ไปดูเทอะ ไม่ได้ปิดเลย แต่ไอแนะนำว่าถ้าอยากไปดูตอนเค้าหาอาหาร ก็ไปตอนนี้เลยนะ เค้าบินกลับรังตอน 3 ทุ่มนี่แหละ .. นี่ก็ตื่นเต้นอีกจ้า รนมาก รีบวิ่งออกจากที่พักไปเอารถ จะขับไปดูนกพัฟฟินให้ทัน กลัวไม่เห็น !! สะดุดล้มหน้าคว่ำตรงพื้นหินหน้าโรงแรม ขาเขอ พังหมด ชีวิต ไม่เคยทุ่มเทอะไรขนาดนี้มาก่อน

จากที่พัก ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาที ขับรถมาที่แหลม ภาพแรกที่เห็น

น้ำตาไหลอ่ะ นกพัฟฟินนับไม่ถ้วน มันคือ colony ขนาดใหญ่มาก มากแบบไม่คิดมาก่อนว่าจะเจอเยอะขนาดนี้ และเข้าถึงได้ง่ายมาก

นกพัฟฟิน เป็นนกที่แยกได้ยากว่าตัวเมียหรือตัวผู้ แต่ถ้ายืนอยู่ด้วยกันจะเห็นว่าตัวผู้ตัวใหญ่กว่า

อาหารของนกพัฟฟินคือ Sandeel ซึ่งพบได้มากในแถบนี้ นกพัฟฟินจะมีแง่งเล็กๆในปาก ทำให้สามารถเกี่ยวปลาเวลาออกไปหาอาหารได้ครั้งละหลายตัว

พัฟฟินเป็นนกที่มีปีกขนาดเล็กกว่าลำตัวมากๆ จึงเป็นนกที่บินไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่นัก แต่สามารถดำน้ำได้ถึง 60m เลยทีเดียว

นี่คือเวลา 4 ทุ่ม จขกท นั่งอยู่ตรงนั้นเป็นชั่วโมง นั่งเงียบๆ เสพย์เจ้าพวกนี้ มันเป็นสถานที่ที่เราชอบมากๆ

เช้าวันต่อมา ฝนตก เสียใจ กังวลว่าจะได้เห็นพัฟฟินอีกไหม เพราะเมื่อคืนยังดูไม่จุใจ

เจอเป็ดอาบน้ำในคลอง

สรุปคือ แม้ฝนตก ก็ยังเจอพวกนางที่เดิมเนาะ เพราะนางคงขี้เกียจออกหากินไม่ได้ 55

ว่ากันว่านกพัฟฟินเป็นนกซื่อสัตย์ จะคบกับตัวใดตัวนึงไปจนกว่าจะตาย และทุกฤดูที่กลับมาผสมพันธุ์กัน ก็จะเลือกตัวเดิม แต่ถ้าตัวนึงมาแล้วรอนานไป มันจะไปกิ๊กกับตัวอื่นก่อน (นี่ก็งงว่ามันเข้าใจคำว่าซื่อสัตย์ผิดมั้ย 555)

โพรงของนกพัฟฟิน มันใช้จงอยของมันขุดเอง สามารถลึกได้ถึง 1-1.5m เลยทีเดียว และกว้างพอให้พวกมันกลับตัวในนั้นได้

มันประดับรังด้วยนะ และจะใช้รังเดิมทุกปี สำหรับวันนี้ขอจบกระทู้ก่อน ที่พักจะอยู่ในคอมเม้นนะคะ

Jibi: a happy traveler
มีเพจเลี้ยว ไว้มาคุยกัน: https://www.facebook.com/JibiAhappytraveler