สวัสดีค่ะ วันนี้จะมาเขียนรีวิวสั้นๆ เรื่อง การไปดูนกพัฟฟินและวาฬทะเลที่ไอซ์แลนด์ค่ะ
เราโชคดีที่มีโอกาสได้ไปถลุงเงินที่ไอซ์แลนด์หน้าร้อนโดยบังเอิญ เมื่อเกือบ 3 ปีที่แล้ว ก็เลยจะมาเล่าคร่าวๆ เกี่ยวกับการไปดูพัฟฟินและวาฬทะเล ซึ่งหาดูได้เฉพาะหน้าร้อนเท่านั้นค่ะ
นกพัฟฟิน – นกพัฟฟินเป็นสัตว์หายากค่ะ ลักษณะภายนอกจะเหมือนนกผสมกับเพนกวินค่ะ หน้าตาจิ้มลิ้มมากๆ นอกจากขั้วโลกเหนือแล้ว ก็มีที่ไอซ์แลนด์ช่วงฤดูร้อนเท่านั้นที่จะมีโอกาสเจอ
วาฬทะเล – จริงๆ วาฬหาดูได้หลายที่มากค่ะ ทั้งอควาเรียม (ล้อเล่นๆๆ !!) เซบู โอกินาว่า บาหลี หรือแม้แต่ภาคใต้ของไทย แต่ถ้าอยากดูวาฬสีน้ำเงิน มีที่นี่ (พกดวงมาด้วยเยอะๆ นะคะ) ไม่ก็นิวซีแลนด์โน่นค่ะ
เท่าที่อ่านรีวิวไอซ์แลนด์มาเกือบทั้งหมด ก็แทบจะไม่มีรีวิวสองอย่างที่ว่าเลย น่าจะเพราะคนไทยนิยมไปไอซ์แลนด์ในช่วงหน้าหนาว (ไปดูแสงเหนือ) แต่จริงๆ ไอซ์แลนด์ในช่วงหน้าร้อนก็สวยมากๆ และได้รับความนิยมมากในกลุ่มนักท่องเที่ยวยุโรป
Jökulsárlón, Iceland
รู้จักไอซ์แลนด์หน้าร้อน
- หน้าร้อนจะอยู่ในช่วงเดือนมิถุนายน-สิงหาคม
- อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 5 องศาในวันที่แดดแรง ควรมีเสื้อกันลม และฮีทเทค
- ค่าเครื่องบิน / ค่าที่พัก / ค่าเช่ารถ ทุกอย่างแพงมาก เนื่องจากเป็นไฮซีซั่น และเต็มเร็วอีกต่างหาก -- ต้องวางแผนล่วงหน้านานๆ นะคะ
- ไม่มีแสงเหนือ -- พระอาทิตย์ตกประมาณตอนเที่ยงคืน ไม่มีคืนที่มืดสนิท และขึ้นตอนตี 2-3 โดยประมาณ
- แต่ธรรมชาติสวยมาก ต้นไม้เขียวขจี เนื่องจากจากไอซ์แลนด์เป็นประเทศที่เกิดจากลาวา ทำให้มีแร่ธาตุอุดมสมบูรณ์
- มีกิจกรรมทุกรูปแบบ ทั้งเดินเที่ยวชมน้ำตก ขี่ม้าท่องเที่ยว สโนโมบิล เดินเทรกบนภูเขาน้ำแข็ง (แต่ถ้าจะดูถ้ำน้ำแข็งต้องหน้าหนาวนะ)
- ไฮไลท์ที่มีเฉพาะหน้าร้อนคือ นกพัฟฟิน ที่บินมาวางไข่บริเวณเกาะไอซ์แลนด์ในช่วงฤดูร้อนเท่านั้น ช่วงอื่นฮีก็จะไปอยู่แถวขั้วโลกกัน นอกจากพัฟฟินแล้วก็มีวาฬทะเล ที่มาหาแพลงตอนกินที่ไอซ์แลนด์เช่นกัน หากโชคดี อาจจะได้เห็น วาฬสีน้ำเงิน ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โลก โลกกกกก (เอคโค่เพื่อ…)
วิวระหว่างทาง
การเดินทางเที่ยวไอซ์แลนด์ (แบบคร่าวมากๆ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้- หากต้องการประหยัดเงิน สามารถนั่งรถบัสเที่ยวทั่วไอซ์แลนด์ได้ด้วยล่ะ จะมีรถบัสเป็นรอบ ตามสถานที่ท่องเที่ยวใหญ่ๆ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากถนนทางหลวง Ring Road หรือถนนหมายเลขหนึ่ง
- ส่วนเรากับน้องชายเลือกที่จะเช่ารถเที่ยว เนื่องจากยืดหยุ่นมากกว่า อยากแวะไหนก็แวะได้ และหากโชคร้าย ก็นอนมันบนรถเนี่ยแหละ
- GPS มีแถมบนรถเช่าเกือบทุกคัน แต่จริงๆ ก็แทบไม่ได้ใช้ เพราะถนนมีอยู่แค่ทางเดียว คือ Ring Road นั่นแล
- จริงๆ มีรถที่มีเบาะนอน รถเล็กเรียก Camper (นอนได้ 2-4 คน) รถใหญ่เรียก Motorhome (คันใหญ่ๆ ต้องมีสกิลในการขับพอประมาณ) สำหรับคนขับเกียร์ธรรมดาเป็น อันนี้ดีมากๆ ช่วยประมาณค่าบ้านพักได้คืนละ 1,500+ ต่อคน แต่ช่วงหน้าร้อนเต็มเกือบหมด
- รถเกียร์ออโต้ขับขึ้นเขาลงเขาในไอซ์แลนด์ได้ค่ะ ขับช้าๆ และอย่าแช่เบรกจนมันไหม้ก็พอ
- บนทางหลวงห้ามขับเกิน 90 กม.ต่อชั่วโมง ในเมืองห้ามเกิน 40-70 กม./ชม. ถ้าโดนกล้องส่อง เดี๋ยวบริษัทเช่ารถก็จะมาตัดบัตรเครดิตเราไปเอง
- ควรเติมน้ำมันทุกครั้งที่เจอปั๊มตามเมืองใหญ่ เพราะเมืองไกลกันมว๊ากกกกก
- ซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านอาหารมีน้อยมาก ควรมีขนมปัง อาหารแห้ง กักตุนไว้บนรถด้วย
- บนถนนลูกรังที่บนกรวด ห้ามขับเร็วเด็ดขาด เราเคยจะรีบ ยางระเบิดเลยค่ะ (ควรหัดเปลี่ยนยางก่อนมาเที่ยวด้วยนะ) ยางอะไหล่ก็ขับได้ช้ามาก แถมวันที่ยางแตกดันเป็นวันอาทิตย์ (คนหยุดงาน) วันจันทร์นั้นเป็นวันหยุดพิเศษอีก กว่าจะได้เปลี่ยนยางก็วันอังคารนู่น แผนพังไม่เป็นท่า โชคดีว่าตอนวางแผนเที่ยว เราเผื่อวันว่างไว้ประมาณ 3 วันพอดีเลย
- ถนนบางเส้น ต้องเป็นขับเคลื่อนสี่ล้อ (4WD) เท่านั้นที่เข้าได้ เนื่องจากเป็นทางลูกรัง
- ถนน Highland ระหว่างไอซ์แลนด์เหนือ กับกรุงเรคยาวิค (เมืองหลวงไอซ์แลนด์) จะเปิดให้ใช้เฉพาะฤดูร้อน และต้องเป็นรถ 4WD เท่านั้น ใครอยากลองนั่ง มีทัวร์บริการนะคะ แต่เราว่ามันน่าจะน่าสนใจแค่ช่วงครึ่งชม.แรก หลังจากนั้นคงเบื่อ เลยไม่ได้ไปทางนั้น
====================
แผนการท่องเที่ยว มุ่งสู่ดินแดนแห่งพัฟฟินและวาฬทะเลลลลลล !!
** ช่วงต้นทริป เราขอเอาภาพสวยๆ จากในอินเตอร์เน็ตมาแทนนะคะ เพื่อให้ได้อรรถรส
แต่ในส่วนของนกพัฟฟินและวาฬทะเล จะเป็นภาพถ่ายฝีมือเราล้วนๆ ค่ะ
ภาพที่มี Escape With BB นั่นก็ของเราเองค่ะ แต่เป็นภาพที่เราเอาลง FB
ส่วนภาพที่เพิ่งทำตะกี้ ขี้เกียจใส่โลโก้นะ **
สำหรับใครที่วางแผนเที่ยวไอซ์แลนด์ แนะนำว่าท่องแผนที่ข้างบนนี้ให้ขึ้นใจนะคะ
แต่ว่าในแผนที่นี้ ไม่มีเมืองที่มีนกพัฟฟินเยอะๆ และไม่มีเมืองที่เราไปดูวาฬทะเลนะ มีแต่สถานที่สวยๆ อย่างเดียว
สำหรับใครที่วันและงบไม่พอ แนะนำว่าซื้อทัวร์ดูนกและวาฬจากกรุงเรคยาวิคก็ได้ค่ะ
ทำบุญเยอะๆ เพราะอาจจะเห็นบ้างไม่เห็นบ้าง
แต่ถ้าใครงบเหลือใจถึง แนะนำให้ไปดูพัฟฟินและวาฬ ตามเมืองที่เราไปเลย
พัฟฟินการันตี 90% ส่วนวาฬนี่บอกอะไรไม่ได้มาก แล้วแต่สภาพอากาศเลยค่ะ แนะนำวันอากาศดีๆ มีชัยไปกว่าครึ่ง
คนที่มาเที่ยว Iceland แบบงบจำกัด ส่วนใหญ่จะเที่ยวแค่ 3-4 วัน และตีรถกลับจากเมือง Vik (หมายเลข 1)
ส่วนคนที่อยู่ 6-7 วันจะสิ้นสุดที่อุทยานแห่งชาติ Vatnajökull (หมายเลข 2) และทะเลสาป Jökulsárlón (ใต้เกสต์เฮาส์)
แต่ถ้าอยากดูนกพัฟฟิน หรือไปเที่ยวต่อทางเหนือ ต้องขับรถไปอย่างต่ำ 300 กิโลเมตร
เมือง B$^&*(*)% !!! (อ่านว่าอะไรเนี้ยะะะะะ) เมืองนี้แหละ พัฟฟินเยอะ !!
ส่วนวาฬทะเลก็ต้องเมืองนี้
Husavik เมืองทางตอนเหนือของไอซ์แลนด์
แต่ก่อนจะไปถึงนกพัฟฟินและวาฬทะเล เราขอเล่าที่เที่ยวไฮไลท์ในไอซ์แลนด์สั้นๆ ในคห. 1 ก่อนนะคะ
สำหรับคนที่ไม่เคยไปไอซ์แลนด์ และนึกไม่ออกว่าทำไมเราถึงต้องไปไอซ์แลนด์
ใครเคยไปไอซ์แลนด์แล้ว ก็ข้ามไปคห.2 ได้เลยค่ะ
[CR] สวัสดี "พัฟฟินและวาฬทะเล" เพื่อนรัก
เราโชคดีที่มีโอกาสได้ไปถลุงเงินที่ไอซ์แลนด์หน้าร้อนโดยบังเอิญ เมื่อเกือบ 3 ปีที่แล้ว ก็เลยจะมาเล่าคร่าวๆ เกี่ยวกับการไปดูพัฟฟินและวาฬทะเล ซึ่งหาดูได้เฉพาะหน้าร้อนเท่านั้นค่ะ
นกพัฟฟิน – นกพัฟฟินเป็นสัตว์หายากค่ะ ลักษณะภายนอกจะเหมือนนกผสมกับเพนกวินค่ะ หน้าตาจิ้มลิ้มมากๆ นอกจากขั้วโลกเหนือแล้ว ก็มีที่ไอซ์แลนด์ช่วงฤดูร้อนเท่านั้นที่จะมีโอกาสเจอ
วาฬทะเล – จริงๆ วาฬหาดูได้หลายที่มากค่ะ ทั้งอควาเรียม (ล้อเล่นๆๆ !!) เซบู โอกินาว่า บาหลี หรือแม้แต่ภาคใต้ของไทย แต่ถ้าอยากดูวาฬสีน้ำเงิน มีที่นี่ (พกดวงมาด้วยเยอะๆ นะคะ) ไม่ก็นิวซีแลนด์โน่นค่ะ
เท่าที่อ่านรีวิวไอซ์แลนด์มาเกือบทั้งหมด ก็แทบจะไม่มีรีวิวสองอย่างที่ว่าเลย น่าจะเพราะคนไทยนิยมไปไอซ์แลนด์ในช่วงหน้าหนาว (ไปดูแสงเหนือ) แต่จริงๆ ไอซ์แลนด์ในช่วงหน้าร้อนก็สวยมากๆ และได้รับความนิยมมากในกลุ่มนักท่องเที่ยวยุโรป
รู้จักไอซ์แลนด์หน้าร้อน
- หน้าร้อนจะอยู่ในช่วงเดือนมิถุนายน-สิงหาคม
- อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 5 องศาในวันที่แดดแรง ควรมีเสื้อกันลม และฮีทเทค
- ค่าเครื่องบิน / ค่าที่พัก / ค่าเช่ารถ ทุกอย่างแพงมาก เนื่องจากเป็นไฮซีซั่น และเต็มเร็วอีกต่างหาก -- ต้องวางแผนล่วงหน้านานๆ นะคะ
- ไม่มีแสงเหนือ -- พระอาทิตย์ตกประมาณตอนเที่ยงคืน ไม่มีคืนที่มืดสนิท และขึ้นตอนตี 2-3 โดยประมาณ
- แต่ธรรมชาติสวยมาก ต้นไม้เขียวขจี เนื่องจากจากไอซ์แลนด์เป็นประเทศที่เกิดจากลาวา ทำให้มีแร่ธาตุอุดมสมบูรณ์
- มีกิจกรรมทุกรูปแบบ ทั้งเดินเที่ยวชมน้ำตก ขี่ม้าท่องเที่ยว สโนโมบิล เดินเทรกบนภูเขาน้ำแข็ง (แต่ถ้าจะดูถ้ำน้ำแข็งต้องหน้าหนาวนะ)
- ไฮไลท์ที่มีเฉพาะหน้าร้อนคือ นกพัฟฟิน ที่บินมาวางไข่บริเวณเกาะไอซ์แลนด์ในช่วงฤดูร้อนเท่านั้น ช่วงอื่นฮีก็จะไปอยู่แถวขั้วโลกกัน นอกจากพัฟฟินแล้วก็มีวาฬทะเล ที่มาหาแพลงตอนกินที่ไอซ์แลนด์เช่นกัน หากโชคดี อาจจะได้เห็น วาฬสีน้ำเงิน ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โลก โลกกกกก (เอคโค่เพื่อ…)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
** ช่วงต้นทริป เราขอเอาภาพสวยๆ จากในอินเตอร์เน็ตมาแทนนะคะ เพื่อให้ได้อรรถรส
แต่ในส่วนของนกพัฟฟินและวาฬทะเล จะเป็นภาพถ่ายฝีมือเราล้วนๆ ค่ะ
ภาพที่มี Escape With BB นั่นก็ของเราเองค่ะ แต่เป็นภาพที่เราเอาลง FB
ส่วนภาพที่เพิ่งทำตะกี้ ขี้เกียจใส่โลโก้นะ **
สำหรับใครที่วางแผนเที่ยวไอซ์แลนด์ แนะนำว่าท่องแผนที่ข้างบนนี้ให้ขึ้นใจนะคะ
แต่ว่าในแผนที่นี้ ไม่มีเมืองที่มีนกพัฟฟินเยอะๆ และไม่มีเมืองที่เราไปดูวาฬทะเลนะ มีแต่สถานที่สวยๆ อย่างเดียว
สำหรับใครที่วันและงบไม่พอ แนะนำว่าซื้อทัวร์ดูนกและวาฬจากกรุงเรคยาวิคก็ได้ค่ะ
ทำบุญเยอะๆ เพราะอาจจะเห็นบ้างไม่เห็นบ้าง
แต่ถ้าใครงบเหลือใจถึง แนะนำให้ไปดูพัฟฟินและวาฬ ตามเมืองที่เราไปเลย
พัฟฟินการันตี 90% ส่วนวาฬนี่บอกอะไรไม่ได้มาก แล้วแต่สภาพอากาศเลยค่ะ แนะนำวันอากาศดีๆ มีชัยไปกว่าครึ่ง
คนที่มาเที่ยว Iceland แบบงบจำกัด ส่วนใหญ่จะเที่ยวแค่ 3-4 วัน และตีรถกลับจากเมือง Vik (หมายเลข 1)
ส่วนคนที่อยู่ 6-7 วันจะสิ้นสุดที่อุทยานแห่งชาติ Vatnajökull (หมายเลข 2) และทะเลสาป Jökulsárlón (ใต้เกสต์เฮาส์)
แต่ถ้าอยากดูนกพัฟฟิน หรือไปเที่ยวต่อทางเหนือ ต้องขับรถไปอย่างต่ำ 300 กิโลเมตร
เมือง B$^&*(*)% !!! (อ่านว่าอะไรเนี้ยะะะะะ) เมืองนี้แหละ พัฟฟินเยอะ !!
ส่วนวาฬทะเลก็ต้องเมืองนี้
แต่ก่อนจะไปถึงนกพัฟฟินและวาฬทะเล เราขอเล่าที่เที่ยวไฮไลท์ในไอซ์แลนด์สั้นๆ ในคห. 1 ก่อนนะคะ
สำหรับคนที่ไม่เคยไปไอซ์แลนด์ และนึกไม่ออกว่าทำไมเราถึงต้องไปไอซ์แลนด์
ใครเคยไปไอซ์แลนด์แล้ว ก็ข้ามไปคห.2 ได้เลยค่ะ