นายกฯพอใจสหรัฐฯยกฐานะคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาไทยดีขึ้น
นายกฯพอใจ สหรัฐประกาศยกสถานะการ ย้ำ รัฐบาลมุ่งมั่นตั้งใจจริงในการแก้ไขปัญหา พร้อมขอบคุณทุกฝ่ายที่มีส่วนร่วม
พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พอใจผลการประกาศสถานะการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของไทย ที่สหรัฐฯ ได้เผยแพร่ออกมาล่าสุด โดยถอดประเทศไทยออกจากกลุ่มประเทศที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษ (Priority Watch List-PWL) ให้อยู่ในกลุ่มบัญชีจับตาธรรมดา (Watch List : WL) หลังจากที่ไทยใช้ความพยายามในเรื่องนี้มาแล้วกว่า 10 ปี แต่ยังไม่สำเร็จ
"นายกฯ ระบุว่า รัฐบาลนี้ได้ประกาศสงครามกับการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาทุกรูปแบบ จึงส่งผลให้สหรัฐฯ ยอมรับในการทำงานเพื่อแก้ปัญหา เช่น แก้กฎหมายที่เกี่ยวข้องหลายฉบับ เพิ่มจำนวนผู้ตรวจสอบสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้า เพื่อลดปริมาณคำขอจดที่ค้างอยู่จำนวนมาก และลดเวลาจดให้ได้ตามมาตรฐานสากล สนับสนุนงบประมาณสำหรับเครื่องไม้เครื่องมือ และระบบ IT ของกรมทรัพย์สินทางปัญญา ตลอดจนสั่งการให้ ตำรวจ ทหาร กอ.รมน.DSI ปปง. กรมศุลกากร ทุกภาคมีส่วนร่วมกันป้องกันและปราบปรามการละเมิดอย่างจริงจังและเป็นรูปธรรม"
ที่สำคัญ นายกรัฐมนตรีมักจะกล่าวถึงเรื่องความสำคัญของทรัพย์สินทางปัญญา และความมุ่งมั่นตั้งใจจริงของรัฐบาลในแก้ไขปัญหานี้อย่างยั่งยืนและเด็ดขาดอยู่บ่อยครั้งผ่านสื่อต่าง ๆ หรือเมื่อมีโอกาส
"นายกฯ ยังฝากขอบคุณทุกฝ่ายที่มีส่วนร่วมผลักดันเรื่องนี้ โดยในครั้งนี้สหรัฐฯ ได้พิจารณาทบทวนและจัดทำ Out Of Cycle Review ให้กับประเทศไทยเพียงแห่งเดียว เพราะโดยปกติแล้วจะประกาศผลเพียงปีละ 1 ครั้ง ในช่วงเดือนเมษายนเท่านั้น"
http://m.thansettakij.com/content/242689
ข่าวดี!สหรัฐฯปรับสถานะการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาไทยจากจับตามองพิเศษ ลดเหลือจับตามอง
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อคืนวันที่ 15 ธันวาคม 2560 เวลาประเทศไทย ประมาณ 22 นาฬิกา นายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกา (United States Trade Representatives: USTR) ได้ประกาศปรับสถานะการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของไทยภายใต้กฎหมายการค้าสหรัฐฯ มาตรา 301 พิเศษ (Special 301) จากบัญชีประเทศที่ต้องจับตามองพิเศษ (Priority Watch List: PWL) เป็นบัญชีประเทศที่ต้องจับตามอง (Watch List: WL) หลังจากที่ได้จัดให้ไทยอยู่ในบัญชี PWL ตั้งแต่ปี 2550 - 2560 ก่อนที่ได้ประกาศทบทวนสถานะของไทยนอกรอบ (Out-of-Cycle Review: OCR) เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2560
ในการประกาศผลครั้งนี้ USTR ระบุว่าสหรัฐฯ ตระหนักถึงความก้าวหน้าอย่างมีนัยยะสำคัญในการพัฒนาด้านการคุ้มครองและป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของไทย โดยมีการกำหนดนโยบายที่ชัดเจนในระดับสูงภายใต้คณะกรรมการนโยบายทรัพย์สินทางปัญญาแห่งชาติ ซึ่งมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และคณะอนุกรรมการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งมีพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นประธาน อีกทั้งมีการดำเนินการอย่างจริงจังจนเห็นผลเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะเรื่องการปราบปรามการละเมิดในท้องตลาด ซึ่งพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอย่างเข้มงวด และกรมทรัพย์สินทางปัญญาได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ทหารทั้งสามเหล่าทัพ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย ทั้งส่วนกลางและระดับจังหวัด กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงาน กสทช. กรมศุลกากร และกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นต้น ดำเนินการอย่างจริงจังจนการละเมิดได้หมดสิ้นไปในหลายพื้นที่ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2560 เป็นต้นมา รวมทั้งมีการจัดตั้งศูนย์ปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อออกตรวจตราจับกุมใน 5 ย่านการค้าสำคัญ คือ ศูนย์การค้าเอ็มบีเค ตลาดนัดจตุจักร ตลาดโรงเกลือ (จังหวัดสระแก้ว) หาดป่าตอง และหาดกะรน (จังหวัดภูเก็ต)
นอกจากนี้ USTR เห็นถึงความพยายามของไทยในการแก้ไขข้อกังวลของภาคเอกชนสหรัฐฯ ทั้งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินทางปัญญาโดยตรง เช่น การพัฒนาประสิทธิภาพในการจดทะเบียนสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้า โดยเพิ่มจำนวนผู้ตรวจสอบ และปรับปรุงขั้นตอนการจดทะเบียน จนทำให้สามารถลดปริมาณงานค้างสะสมลงไปอย่างเห็นได้ชัด รวมทั้งการเข้าเป็นภาคีพิธีสารมาดริดว่าด้วยการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการที่จะยื่นขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในประเทศใดประเทศหนึ่งแต่สามารถขอรับความคุ้มครองได้ในประเทศภาคีหลายประเทศ นอกจากนี้ ยังมีเรื่องที่มิได้เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินทางปัญญาโดยตรง เช่น การเสริมสร้างความโปร่งใสโดยเปิดให้มีการรับฟังความเห็นผู้มีส่วนได้เสียของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เป็นประจำ ซึ่งช่วยคลายความกังวลของภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องลงไปได้มาก
อนึ่ง การที่ไทยได้รับการปรับสถานะให้ดีขึ้นจะเป็นผลดีต่อภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นด้านการค้าการลงทุนของประเทศในสายตาของผู้ค้าและนักลงทุนต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมและเทคโนโลยี ที่มีการใช้ทรัพย์สินทางปัญญาในการขับเคลื่อนธุรกิจ นอกจากนี้ทรัพย์สินทางปัญญาเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่สหรัฐฯ พิจารณาในการให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร หรือ GSP ซึ่งสหรัฐฯ ให้แก่ประเทศคู่ค้าต่างๆ รวมถึงไทยด้วย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวเพิ่มเติมว่าความสำเร็จในครั้งนี้นอกจากเป็นผลมาจากความมุ่งมั่นในระดับนโยบายแล้ว ต้องขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ได้บูรณาการการทำงานร่วมกันมาอย่างเข้มแข็ง และเชื่อมั่นว่าจะมีการบูรณาการการทำงานเช่นนี้อย่างต่อเนื่องต่อไป ทั้งนี้ พัฒนาการด้านการคุ้มครองและป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของไทยและการปรับสถานะของไทยออกจากบัญชี PWL จะมีส่วนสำคัญในการผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนของประเทศ นอกจากนี้การพัฒนาระบบทรัพย์สินทางปัญญาของไทยถือเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบาย “Thailand 4.0” และนำประเทศไทยก้าวข้ามไปสู่ประเทศที่มีรายได้สูงและขอให้การปรับสถานะของไทยที่บรรลุผลในครั้งนี้เป็นของขวัญปีใหม่สำหรับคนไทยทุกคน
http://www.thansettakij.com/content/242678
ผลงานชิ้นเยี่ยมของรัฐบาลลุงตู่เลยนะคะ
ไม่มีรัฐบาลไหนทำได้มาก่อน ทั้งๆที่เป็นรัฐบาลที่คุยว่าประเทศทั่วโลกยอมรับ
แต่นี่สหรัฐเขาพิจารณาให้ไทยเป็นกรณีพิเศษเบยนะคะ
ปรบมือสิคะ
🌟~มาลาริน~ผลงานรบ.ลุงตู่ในรอบ 10 ปี ไม่มีรบ.ไหนทำได้ 👌👌สหรัฐฯปรับสถานะการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาไทยดีขึ้น 👌👌
นายกฯพอใจ สหรัฐประกาศยกสถานะการ ย้ำ รัฐบาลมุ่งมั่นตั้งใจจริงในการแก้ไขปัญหา พร้อมขอบคุณทุกฝ่ายที่มีส่วนร่วม
พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พอใจผลการประกาศสถานะการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของไทย ที่สหรัฐฯ ได้เผยแพร่ออกมาล่าสุด โดยถอดประเทศไทยออกจากกลุ่มประเทศที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษ (Priority Watch List-PWL) ให้อยู่ในกลุ่มบัญชีจับตาธรรมดา (Watch List : WL) หลังจากที่ไทยใช้ความพยายามในเรื่องนี้มาแล้วกว่า 10 ปี แต่ยังไม่สำเร็จ
"นายกฯ ระบุว่า รัฐบาลนี้ได้ประกาศสงครามกับการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาทุกรูปแบบ จึงส่งผลให้สหรัฐฯ ยอมรับในการทำงานเพื่อแก้ปัญหา เช่น แก้กฎหมายที่เกี่ยวข้องหลายฉบับ เพิ่มจำนวนผู้ตรวจสอบสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้า เพื่อลดปริมาณคำขอจดที่ค้างอยู่จำนวนมาก และลดเวลาจดให้ได้ตามมาตรฐานสากล สนับสนุนงบประมาณสำหรับเครื่องไม้เครื่องมือ และระบบ IT ของกรมทรัพย์สินทางปัญญา ตลอดจนสั่งการให้ ตำรวจ ทหาร กอ.รมน.DSI ปปง. กรมศุลกากร ทุกภาคมีส่วนร่วมกันป้องกันและปราบปรามการละเมิดอย่างจริงจังและเป็นรูปธรรม"
ที่สำคัญ นายกรัฐมนตรีมักจะกล่าวถึงเรื่องความสำคัญของทรัพย์สินทางปัญญา และความมุ่งมั่นตั้งใจจริงของรัฐบาลในแก้ไขปัญหานี้อย่างยั่งยืนและเด็ดขาดอยู่บ่อยครั้งผ่านสื่อต่าง ๆ หรือเมื่อมีโอกาส
"นายกฯ ยังฝากขอบคุณทุกฝ่ายที่มีส่วนร่วมผลักดันเรื่องนี้ โดยในครั้งนี้สหรัฐฯ ได้พิจารณาทบทวนและจัดทำ Out Of Cycle Review ให้กับประเทศไทยเพียงแห่งเดียว เพราะโดยปกติแล้วจะประกาศผลเพียงปีละ 1 ครั้ง ในช่วงเดือนเมษายนเท่านั้น"
http://m.thansettakij.com/content/242689
ข่าวดี!สหรัฐฯปรับสถานะการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาไทยจากจับตามองพิเศษ ลดเหลือจับตามอง
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อคืนวันที่ 15 ธันวาคม 2560 เวลาประเทศไทย ประมาณ 22 นาฬิกา นายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกา (United States Trade Representatives: USTR) ได้ประกาศปรับสถานะการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของไทยภายใต้กฎหมายการค้าสหรัฐฯ มาตรา 301 พิเศษ (Special 301) จากบัญชีประเทศที่ต้องจับตามองพิเศษ (Priority Watch List: PWL) เป็นบัญชีประเทศที่ต้องจับตามอง (Watch List: WL) หลังจากที่ได้จัดให้ไทยอยู่ในบัญชี PWL ตั้งแต่ปี 2550 - 2560 ก่อนที่ได้ประกาศทบทวนสถานะของไทยนอกรอบ (Out-of-Cycle Review: OCR) เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2560
ในการประกาศผลครั้งนี้ USTR ระบุว่าสหรัฐฯ ตระหนักถึงความก้าวหน้าอย่างมีนัยยะสำคัญในการพัฒนาด้านการคุ้มครองและป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของไทย โดยมีการกำหนดนโยบายที่ชัดเจนในระดับสูงภายใต้คณะกรรมการนโยบายทรัพย์สินทางปัญญาแห่งชาติ ซึ่งมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และคณะอนุกรรมการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งมีพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นประธาน อีกทั้งมีการดำเนินการอย่างจริงจังจนเห็นผลเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะเรื่องการปราบปรามการละเมิดในท้องตลาด ซึ่งพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอย่างเข้มงวด และกรมทรัพย์สินทางปัญญาได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ทหารทั้งสามเหล่าทัพ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย ทั้งส่วนกลางและระดับจังหวัด กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงาน กสทช. กรมศุลกากร และกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นต้น ดำเนินการอย่างจริงจังจนการละเมิดได้หมดสิ้นไปในหลายพื้นที่ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2560 เป็นต้นมา รวมทั้งมีการจัดตั้งศูนย์ปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อออกตรวจตราจับกุมใน 5 ย่านการค้าสำคัญ คือ ศูนย์การค้าเอ็มบีเค ตลาดนัดจตุจักร ตลาดโรงเกลือ (จังหวัดสระแก้ว) หาดป่าตอง และหาดกะรน (จังหวัดภูเก็ต)
นอกจากนี้ USTR เห็นถึงความพยายามของไทยในการแก้ไขข้อกังวลของภาคเอกชนสหรัฐฯ ทั้งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินทางปัญญาโดยตรง เช่น การพัฒนาประสิทธิภาพในการจดทะเบียนสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้า โดยเพิ่มจำนวนผู้ตรวจสอบ และปรับปรุงขั้นตอนการจดทะเบียน จนทำให้สามารถลดปริมาณงานค้างสะสมลงไปอย่างเห็นได้ชัด รวมทั้งการเข้าเป็นภาคีพิธีสารมาดริดว่าด้วยการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการที่จะยื่นขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในประเทศใดประเทศหนึ่งแต่สามารถขอรับความคุ้มครองได้ในประเทศภาคีหลายประเทศ นอกจากนี้ ยังมีเรื่องที่มิได้เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินทางปัญญาโดยตรง เช่น การเสริมสร้างความโปร่งใสโดยเปิดให้มีการรับฟังความเห็นผู้มีส่วนได้เสียของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เป็นประจำ ซึ่งช่วยคลายความกังวลของภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องลงไปได้มาก
อนึ่ง การที่ไทยได้รับการปรับสถานะให้ดีขึ้นจะเป็นผลดีต่อภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นด้านการค้าการลงทุนของประเทศในสายตาของผู้ค้าและนักลงทุนต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมและเทคโนโลยี ที่มีการใช้ทรัพย์สินทางปัญญาในการขับเคลื่อนธุรกิจ นอกจากนี้ทรัพย์สินทางปัญญาเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่สหรัฐฯ พิจารณาในการให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร หรือ GSP ซึ่งสหรัฐฯ ให้แก่ประเทศคู่ค้าต่างๆ รวมถึงไทยด้วย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวเพิ่มเติมว่าความสำเร็จในครั้งนี้นอกจากเป็นผลมาจากความมุ่งมั่นในระดับนโยบายแล้ว ต้องขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ได้บูรณาการการทำงานร่วมกันมาอย่างเข้มแข็ง และเชื่อมั่นว่าจะมีการบูรณาการการทำงานเช่นนี้อย่างต่อเนื่องต่อไป ทั้งนี้ พัฒนาการด้านการคุ้มครองและป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของไทยและการปรับสถานะของไทยออกจากบัญชี PWL จะมีส่วนสำคัญในการผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนของประเทศ นอกจากนี้การพัฒนาระบบทรัพย์สินทางปัญญาของไทยถือเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบาย “Thailand 4.0” และนำประเทศไทยก้าวข้ามไปสู่ประเทศที่มีรายได้สูงและขอให้การปรับสถานะของไทยที่บรรลุผลในครั้งนี้เป็นของขวัญปีใหม่สำหรับคนไทยทุกคน
http://www.thansettakij.com/content/242678
ผลงานชิ้นเยี่ยมของรัฐบาลลุงตู่เลยนะคะ
ไม่มีรัฐบาลไหนทำได้มาก่อน ทั้งๆที่เป็นรัฐบาลที่คุยว่าประเทศทั่วโลกยอมรับ
แต่นี่สหรัฐเขาพิจารณาให้ไทยเป็นกรณีพิเศษเบยนะคะ
ปรบมือสิคะ