ความดีครั้งสุดท้าย...

กระทู้สนทนา
ความดีครั้งสุดท้าย........

ราสส์ กิโลหก

บรรยากาศกำลังจะมืด มีเพียงแสงสลัวๆ เพราะดวงอาทิตย์ ตกขอบฟ้าไปเมื่อครู่.....
มีเงาตะคุ่ม ที่บริเวณรั้วบ้านด้านนอก..ผมเพ่งสายตามอง รูปลักษณะเป็นคนที่ยืนอยู่ข้างรถซาเล้ง..
ไม่ใช่ใครที่ไหน ลุงเต็มนั่นเอง  แกชอบมาตอนพลบ เกือบค่ำทุกครั้ง..

ลุงเต็มเป็นใครมาจากไหน ผมก็ไม่รู้จัก แกชอบมาคุ้ยหาขยะที่ถังขยะ เนื่องจากบริเวณริมรั้วหน้าบ้านมีถังขยะเทศบาล ตั้งอยู่ 1 ใบชาวบ้านชาวช่องก็จะนำขยะมาทิ้งยังถังใบนี้...
                                    
                                          ***************************
ลุงเต็มมาคุ้ยขยะที่ถังขยะหน้าบ้านผมมาหลายปีแล้ว อายุแกประมาณ 70 ปีรูปร่างผอมเกร็งผิวดำคล้ำ แกจะปั่นซาเล้งคู่กายที่เก่าแสนเก่า ยามที่วิ่งไปบนถนนจะมีเสียงดัง เหมือนล้อรถจะหลุดออกมา แต่แกก็ยังตะบันถีบไป  เสียงรถจะไปหยุดที่ถังขยะ จากนั้นตัวแกจะลงไปสาระวนที่ถังขยะหยิบนั่นนี่โยนไปที่กระบะหลังรถ จนพอใจ จากนั่นก็ปั่นออกไป..

เห็นครั้งแรกๆผมก็ได้คิดอะไรมาก ก็แค่คนเก็บของเก่าเก็บเศษขยะ จนนานเข้าผมเริ่มเกิดความรู้สึกว่า ทำไมลุงคนนี้อายุก็มาก ลูกหลานไม่มีหรือไง จึงต้องทรมานสังขารมาหาเก็บเศษขยะตามถังขยะแบบนี้..

แต่อย่างว่าคนเราเลือกเกิดไม่ได้ บางเกิดมาก็คาบช้อนเงินช้อนทองออกมา พ่อแม่ร่ำรวย สบายตั้งแต่เกิดยันโต ไม่รู้ว่าความลำบากเป็นอย่างไร แต่ตรงกันข้าม บางคนเกิดมาพบแต่ความยากจนแสนเข็น นอนก็ไม่อิ่มกินก็ไม่อิ่มต้องกระยิ้มกระสนดิ้นรน เพื่อความอยู่รอด

ลุงเต็ม แกจะมาเก็บขยะที่ถัง ในตอนเย็นเกือบค่ำทุกครั้ง แสดงว่าจุดนี้เป็นจุดสุดท้ายก่อนจะเข้าที่พัก แต่ผมไม่รู้ว่าบ้านช่องที่พักแกอยู่ที่ไหน  แกไม่ได้มาทุกวัน บางที 2 วันบางทีก็ 3 วันจะมาสักครั้ง ...ที่สำคัญไม่ว่าฝนจะตกฟ้าจะร้อง เมื่อได้เวลาแกก็จะต้องมา ทั้งที่ตากฝนจนตัวเปียก.โชก....

ผมรู้สึกสงสารแก นึกถึงพ่อเรา หากไม่มีลูกหลานเลี้ยงแล้วต้องมาหาเก็บขยะแบบนี้ คิดแล้วมันเศร้า..

“นวล..ต่อไปหากมีขวดน้ำเก่าหรือ สิ่งของอะไรที่เราไม่ใช้ ช่วยจัดกองไว้ เอาไว้ให้ลุงแก”

ผมบอกกับเมียวันหนึ่ง..

“เออๆๆๆ” เสียงออกจากปากเมียผม นิสัยเมียผมคนนี้ออกจะใจดำไม่ค่อยเห็นใจเพื่อนมนุษย์ ตอนจีบใหม่ๆก็ดีทุกอย่างเรียบร้อย นิสัยเมตตาอ่อนโยน..แต่พออยู่กันมาลายก็ออก..เป็นซะแบบนี้

..โธ่.อีนวล  ผมพูดเสียงอยู่ในลำคอ  นึกโมโหนิดๆ

เมื่อเก็บสิ่งของประเภทขวดพลาสติกเก่าๆหรือลังกระดาษจนเต็มถุง ผมจะนำไปกองไว้ที่ประตูหน้าบ้าน พอได้ยินเสียงรถแกมาก็จะเดินออกมาที่หน้าบ้าน เรียกแกมายกถุงไปใส่ที่ท้ายรถ

สิ่งของที่คิดว่าไม่มีค่าสำหรับเรา แต่สำหรับแกแล้วเหมือนได้สิ่งที่มีค่า มือของแกสั่นขณะที่เอื้อมมารับถุงขยะ แล้วอุ้มไปไว้ที่กระบะรถด้วยความทะนุถนอม...ปากก็พร่ำให้ศีลให้พร ให้ร่ำให้รวย สุขภาพแข็งแรง.....

ผมก็ฟังมั่งไม่ฟังมั่งเพราะไม่ได้คิดถึงสิ่งตอบแทนใดๆ.เพียงแต่อยากจะช่วยเหลือผู้ที่ด้อยโอกาสกว่าเรา เพียงเขาเห็นของที่เราให้มีความสำคัญสำหรับเขา  แค่นี้ก็ดีใจแล้ว..

ลุงเต็มกลายเป็นขาประจำสำหรับบ้านผม แต่กับ อีนวล  เอ๊ย คุณนวลเมียผมนั้น ตรงกันข้ามกับผม เธอมักบ่น กระปอดกระแปด. อ้างว่าวุ่นวาย เสียเวลาทำมาหากิน ว่าเข้าไปนั่น ...

บางครั้งลุงเต็มหายไปหลายวันจนผิดปกติ ผมรู้สึกกังวล คิดไปสารพัด พาลคิดไปถึงว่าลุงเต็มอาจกลับบ้านเก่าไปแล้ว..  

แต่ยิ่งแช่งยิ่งอายุยืน วันรุ่งขึ้นแกก็มาตามปกติ หน้าตาอิดโรย สอบถามได้ความว่าไม่สบาย เมื่อไม่มาเก็บขยะ รายได้ก็ไม่มี จะมัวนอนอยู่ก็คงอดตาย จึงต้องฝืนใจออกมาหาขยะ  เท่าทันความคิด ผมเอาเงินยัดมือให้แกไปอีก 40 บาท..นอกจากถุงขยะหลายใบเพราะแกไม่ได้มาหลายครั้ง แกมองหน้าผมดวงตาออกแดงๆ..เป็นแววตาที่สัมผัสได้ว่าส่วนลึกของแกคิดอะไร...

ลุงเต็มเอื้อมมือมารับเงิน 40 บาท แต่การแสดงออกปานว่าเป็นใบละ 1000  บาทแกกุมที่มือของผมพลางก้มหัวให้ศีลไห้พรเหมือนเคย...

ต่อมาทุกครั้ง ผมจะให้เงินแก 40 บาทพร้อมกับถุงขยะ...ผมเกิดความสุขใจที่ได้ทำเช่นนั้น อิ่มเอิบใจ เหมือนได้รับยาวิเศษ ...มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ.....

ช่วงเศรษฐกิจ ขาลง กิจการต่างๆซบเซา ..

วันหนึ่งมีเจ้าหน้าที่สำนักงานบังคับคดี นำหมายจะมาแปะที่หน้าบ้าน พอดีผมอยู่บ้าน เขาจึงให้ผมเซ็นรับหมาย เป็นหมายบังคับคดีจากคำพิพากษาถึงที่สุด นั่นคือบ้านที่ผมอยู่จะถูกนำขายทอดตลาด เพราะว่าผมขาดส่งเงินค่างวดให้กับธนาคาร จนถูกฟ้องให้ชำระหนี้ เคยเข้าไปประนอมหนี้ แต่ถึงที่สุดก็ไม่สามารถหาเงินมาชำระได้..จนถูกฟ้องบังคับในที่สุด..     .

อ้อ ! ลืมบอกไปว่า นังนวลเมียผมนั้น.... มันลาออกจากเมียหลวง ไปสมัครเป็นเมียน้อยคนอื่น นับตั้งแต่ผมตกงานแล้ว..

และสำหรับลุงเต็ม ผมก็ยังคงให้เงิน ให้ขยะแกเป็นปกติ แม้ตัวเองจะย่ำแย่เต็มทีก็ตาม...

เมื่อมีหมายบังคับคดี โดยในหมายมีกำหนดการ วัน เวลา ขายทอดตลาดไว้ด้วย ผมจึงต้องวางแผนย้ายออกจากบ้าน เพราะทำเลบ้านผมนั้น คาดว่าไม่นาน คงมีคนเข้ามาเคาะซื้อไป..

ก่อนกำหนดวันที่คิดว่าจะย้ายออก ไม่ใช่สิควรใช้คำว่าถูกถีบออกมากกว่า...ผมทำตลกไปงั้นเอง...แฮะๆ..

คืนนั้นผมออกไปนั่งปล่อยอารมณ์ที่ร้านขายอาหารตามสั่งใกล้บ้าน ซึ่งเขามีเบียร์ขายบริการให้กับพวกคอเบียร์ด้วย ความจริงเรื่องดื่มเหล้าเบียร์ ผมไม่ค่อยถนัดนักหรอก แต่เมื่อมีเหตุการณ์เครียดก็ขอไปปลดปล่อยสักหน่อย เงินในกระเป๋าก็เบาบางเต็มทน นั่งดูดฟองเบียร์อยู่คนเดียว จนใกล้ค่ำ จึงต้องเตรียมตัวกลับบ้าน..

คนขายมาคิดเงิน

“509” เสียงดังฟังชัด..

“ลดให้เหลือ 500” เสียงที่แสดงถึงความเมตตา..

ผมควักเงินใบละ 1000 บาทที่ยับยู่ยี่ออกมายื่นให้เขาไป..

ไม่นานเขากลับมาพร้อม เงินใบละ 500 ทอนกลับมา..

ลุกออกจากร้าน เดินเซๆเพราะความเมา เบียร์ 5 ขวดสำหรับคอสมัครเล่น ไม่ธรรมดาที่เดียว  กะว่าจะเดินจากร้านไปให้ถึงบ้าน อากาศยามใกล้ค่ำคืน ลมพัดเย็นสบาย ผู้คนยังหนาแน่น เดินทอดน่องไปเรื่อยๆ คนเรายามที่มันหมดหวังสิ้นหวังหรือสูญเสียอะไรไป ถ้าหากปล่อยวางได้สมองจะว่างเปล่า  แต่หากปล่อยวางไม่ได้ สมองจะเต็มไปด้วยขยะ จะเกิดอาการสับสนวุ่นวาย เป็นทุกข์เป็นร้อน กินไม่ได้นอนไม่หลับ บางคนถึงกับทำลายชีวิตตัวเอง...

เดินผ่านตลาด ผู้คนออกมาจับจ่ายซื้อของก่อนเข้าบ้าน บรรยากาศคึกคัก เสียงเอะอะ เสียงเชิญชวนให้ซื้อของ เสียงแตรรถ เสียงรถยนต์  ผมเดินผ่านร้านค้า แผงลอย ดูนั่นนี่ แต่เงินในกระเป๋ามันแฟบเต็มที จะซื้ออะไรก็ต้องคำนวณให้ดี...
                                    
                                                  *************************
วันรุ่งขึ้น ผมทำการเก็บสิ่งของที่จำเป็นไว้เป็นสัดส่วน ส่วนของไม่จำเป็นและไม่ได้ใช้ จัดใส่ถุงขนาดใหญ่ โดยส่วนนี้ผมจะมอบให้กับลุงเต็มเป็นครั้งสุดท้าย...พวกเสื้อผ้าผมเลือกเอาเฉพาะที่จำเป็นต้องใช้ ขี้เกียจขนไปมาก เพราะคงต้องไปขออาศัยพรรคพวกสักพักก่อน เสื่อผ้าเก่าไม่ต้องซักกันแล้ว จับยัดใส่ถุง เอาไปกองรวมๆกับของที่คิดว่าจะมอบให้ลุงเต็ม

ตอนใกล้ค่ำลุงเต็มมาตามนัด เพราะผมได้นัดแกไว้ล่วงหน้า จากที่เจอกันครั้งก่อน ..

“ลุง เราคงไม่ได้เจอกันอีก ผมจะย้ายบ้าน ต้นเดือนนี้แล้วนะ คงอีก 2 วัน ลุงไม่ต้องแวะหาผมนะ  ลาก่อน”

ผมบอกแกไปตามข้อเท็จจริงว่า บ้านผมถูกธนาคารยึด เมียก็หนีไปนานแล้ว จึงต้องย้ายออกไปอยู่ที่อื่น..และหางานทำ..
ลุงเต็มเข้ามายกมือไหว้และก้มหัว ปากก็ให้ศีลให้พร ยาวเหยียด นานกว่าครั้งก่อน..

ผมยืนมองตามหลัง ขณะที่แกปั่นรถซาเล้งจากไป...

นอนอยู่กับบ้านไม่ได้ออกไปไหน เพราะต้องเตรียมตัวย้าย...

จนถึงวันที่ผมจะต้องจากบ้านที่ผมรักคือวันพรุ่งนี้  คืนนี้คงนอนไม่หลับ ภายในบ้านว่างเปล่า มันวังเวงเปล่าเปลี่ยว กว่าจะหลับ เวลาล่วงเลยไปถึง ตึ สอง ตื่นขึ้นมาตีห้ากว่า มันหลับๆตื่นๆ อาบน้ำอาบท่า เตรียมสมบัติชิ้นสุดท้ายที่ไม่มากนัก ผมกะเอาฤกษ์ออกจากบ้าน 7.09 นาฬิกา ..

มีเสียงรถยนต์มาจอดที่หน้าบ้าน ..

“ใครมา หรือคนที่จะซื้อทอดตลาดมาดูบ้าน” ผมเดินออกไปดู.

มีชายสูงอายุ แต่งตัวอย่างดี พอเดินเข้าไปใกล้ๆ แกยกมือไหว้ผม

“เฮ้ย ! ลุงเต็ม “ ผมอุทานด้วยความแปลกใจ

ลุงเต็มเดินทางมาด้วยรถกระบะคันใหม่ มีคนขับมาให้ด้วย...

เอ๊ะ !นี่มันเกิดอะไรขึ้น...นี่ฝันไปหรือเปล่า...

“ลุงถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 ได้เงินมา 12 ล้าน”

“ถูกหวย” ผมยังตกตะลึง

จนรู้สึกตัว  เมื่อแกยื่น ถุงกระดาษปึกใหญ่มาใส่ที่มือ..

“ลุง เอาเงินมามอบให้คุณ 2 ล้านบาท เอาไปไถ่บ้านคืน ซะ” เสียงแว่วๆอยู่ที่ข้างหู..

แกไม่รอคำขอบคุณจากผม กลับไปขึ้นรถและรถเคลื่อนตัวออกไป...

ผมเอามือตบหน้าตัวเอง

“โอ๊ย !”  เจ็บจริงๆ..

ผมอุ้มเงิน สองล้านที่ลุงเต็มมอบมาให้ กลับเข้ามาในบ้าน นอนแผ่หลา หมดแรงเอาดื้อๆ...นี่แหละน้ำใจที่ยิ่งใหญ่ของคนๆหนึ่งที่เป็นเพียงคนเก็บขยะหาเลี้ยงชีพ...เขายังมีน้ำใจอันยิ่งใหญ่มามอบให้..น้ำตาซึมออกมาโดยไม่รู้ตัว...

ตอนสายๆ มีเสียงเอะอะที่หน้าบ้าน ...สถานการณ์ตอนนี้ เหมือนมีพลังความมั่นใจมากขึ้น ใครจะมาก็ไม่แคร์ เพราะเดี๋ยวตอนสาย จะนำเงินไปชำระหนี้ให้กับ ธนาคาร ซึ่งมียอดหนี้ แค่ ล้านเศษๆเท่านั้น จากนั้นบ้านหลังนี้ก็กลับมาเป็นของผมดังเดิม.....

เดินออกไปที่หน้าบ้าน...

มีผู้หญิงสูงอายุ 3-4 คน ยืนออกันอยู่หน้าบ้าน..พร้อมด้วยเจ้าน้อย ลูกชายของคนข้างบ้าน..

พอเปิดประตูออกไป

“คนนี้ใช่ มั๊ย !”

เจ้าน้อยหันไปถาม กลุ่มผู้หญิง...

“ใช่ๆๆๆ” คนนี้แหละ..

“มีอะไรกัน” ผมใจหาย พาลนึกไปถึงเงิน สองล้านของลุงเต็ม หรือแกไปปล้นจี้ใครมา...

“ลอตเตอรี่ ที่คุณซื้อไปสองใบเมื่อ หลายวันก่อน ถูกรางวัลที่ 1 คุณจ่ายเงินใบละ 500 บาทและไม่รอเงินทอนคุณเมาจนแทบไม่รู้เรื่อง”

“อะไรนะ" หูผมอื้อ ตาผมลาย

“เจ้ จะเอาเงินมาทอนให้ อาศัยเจ้าน้อย พามาที่บ้านคุณ เจ็ไม่อยากโกง มันบาป”......

ผมนึกถึงเสื้อผ้าชุดเก่า ชุดวันที่ไปกินเหล้า และจัดใส่ถุงให้ลุงเต็มไปแล้ว.....
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่