[CR] มินิรีวิว Surabaya - Bromo - Ijen

สวัสดีครับ ชาวพันทิป

รีวิวนี้เป็นรีวิวไปเที่ยวอินโดนีเซียครั้งที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ ปกติไปแต่จาการ์ตากับบาตัม แต่ครั้งนี้ลงสุราบายาครับ
เป็นทริปสี่วันสามคืน ไปตั้งแต่สิงหา แต่เพิ่งจะรีวิวธันวา ทริปนี้ไปกันแค่สองคน มีผมและเพื่อนจากกรุงเทพฯอีกคนนึง ผมประจำอยู่กัวลาลัมเปอร์อยู่แล้ว เลยขึ้นเครื่องที่มาเลเซียเลย ส่วนเพื่อนก็แวะมาต่อเครื่องครับ เราไปกันวันศุกร์ที่ 25 สิงหาคม - จันทร์ ที่ 28 สิงหาคม 2017 ซึ่งเป็นช่วงที่ราคาตั๋วเครื่องแพงพอสมควรเพราะปลายเดือนและชนกับเสาร์อาทิตย์ แต่เราเลือกช่วงนี้เพราะเป็นช่วงที่สามารถเห็นทางช้างเผือกได้นั่นเอง

รีวิวอาจไม่ละเอียดเท่ากับรีวิวที่คนอื่นๆพันทิปเคยรีวิวกัน แต่อยากมารีวิวรูปไง ฮ่าๆ

เราไปถึงที่สุราบายาไกล้ๆค่ำ เจอไกด์แล้ว เลยไม่ได้ถ่ายรูปอะไร ตรงดิ่งจากสุราบายาเข้า Bromo เลยครับ เข้าไกล้เขาและขึ้นสูง อากาศหนาวมากขึ้นเรื่อยๆ ลงสุดที่วัดได้คือ 13 องศา จากนั้นก็อยู่เรื่อยๆและไปเก็บวิวดวงอาทิตย์จาก penanjakan viewpoint กับรถ jeep และก็เริ่มถ่ายรูปกันเลยครับ
Milky way

Golden hour


Blue hour

คอนเฟิร์มว่าเป็นที่ๆดูดวงอาทิตย์ที่สวยที่สุดเท่าที่เคยไปมาในชีวิต

เริ่มร้อนละ
กลับไปขึ้นรถที่ตีนเขาครับ
ผ่านทาง Zigzag และแล้วก็มาถึงทะเลทราย

จะขึ้นโบรโมละ มีการบริการขี่ม้าครับ ผมกับเพื่อนขี่ทันทีครับ เนื่องจากเหนื่อยมาก แทบไม่ได้นอน แต่ก็ยังถ่ายรูปไปเรื่อยๆ

แนะนำให้หาที่ปิดจมูก จะเอา mask ไปด้วยก็ดีครับ ช่วยได้เยอะ เพราะฝุ่นเยอะมาก ย้ำว่า มากๆ
มีการขายของเซ่นไหว้เทพอะไรก็ไม่รู้ ผมจำชื่อไม่ได้ เค้าโยนกันในปล่องภูเขาไฟ มีเสียงครืนๆของภูเขาไฟ น่าเกรงขามมาก และกลิ่นก็ไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่ครับ เพราะเป็นกลิ่นกำมะถัน
ไม่ใช่เพื่อนร่วมเดินทาง แต่ร่วมเดินขึ้นยอดโบรโม ผมใช้บันได พี่แกไม่ใช้ ปีนสด โซโล่
ปล่องภูเขาไฟ
คุณลุงบนยอดจะเอาเงินอย่างเดียวเลย

อยู่ข้างบนมองวิวจนเบื่อ ท้องก็เริ่มหิว กลับที่พักครับ โดยกลับกับม้าตัวเดิมเพื่อไปส่งที่รถ
แต่ละคนก็จะรอให้ผู้โดยสารของตัวเองกลับมา

จากนั้นก็ไป ทุ่งหญ้าสะวันนา ซึ่งก็เป็นแค่ทุ่งหญ้า ไม่มีอะไรพิเศษสำหรับพวกเรา

จากนั้นก็ไป Pasir Berbisik คุณจะได้ยินเสียงหวีดของลมที่พัดกับทรายที่นี่ครับ สมกับชื่อ Berbisilk ที่แปลว่ากระซิบ
ลองใช้บริการแผงลอยกลางทะเลทรายดูไหมล่ะครับ อิอิ

ไกด์ของเรา ลิม

และเราก็ออกจากที่พักเพื่อไปยังน้ำตก Madakaripura ครับ รถจะจอดให้ไปขึ้นวินมอไซเพื่อต่อไปยังน้ำตกอีกที จากนั้นเดินเท้าเข้าไปอีกราวๆ สองกิโลเมตรครับ แนะนำให้เอาเสื้อกันฝนไปด้วย เพราะเปียกแน่นอนครับ

ผมได้เสื้อฝนจากไกด์ ขอยืมเอา ... ภาพ จขกท.เอง

กลับจากน้ำตกเราก็ไป Ijen ครับ เข้าโรงแรม นอนแค่ไม่กี่ชั่วโมงเอง ตีหนึ่งก็ต้องตื่นไปปีนเขาเพื่อไปดู Blue flame ซึ่งก็อย่างที่เขาว่า เหมือนไฟเตาแก๊ส ระหว่างทางเหนื่อยมาก เป็นสี่กิโลเมตรที่ยาวนาน มืด และ ชัน เหลือเกิน ... ทริปนี้เป็นทริปเหนื่อยจริงๆนะ ไปเพื่อเหนื่อย พวกเราใช้เวลาราวๆสามชั่วโมงในการเดินขึ้นเขาครับ ขึ้นเสร็จแล้วก็ต้องลงในปล่องของ kawah ijen อีก เพื่อจะดู Blue flame และ Sulfur Blue Lake
นี่หรือ Blue flame ฮ่าๆ
ที่นี่จะมีคนงานคนกำมะถันไปยังข้างล่างตีนเขาครับ จากที่คุยกับคนที่ขนอยู่ เขาขายได้กิโลละไม่ถึงบาท แต่ละตะกร้าหนัก 50+ kg แต่ละคนแกร่งจริงๆเพราะลองยกแล้ว ไม่ขึ้นซักเซนเดียว เขาพร้อมเปิดรอยที่ไหล่ให้ดูด้วย รอยลึกจริง และนิ้วเท่าของแต่ละคนใหญ่มาก
เราอยู่กันจนดวงอาทิตย์ขึ้นกันเลยครับ
ระหว่างทางลงก็จะมีคนขายกำมะถันเป็นที่ระลึก เพื่อนผมซื้อ
ลงจากเขาใช้เวลาราวๆหนึ่งชั่วโมงครับ จากนั้นก็ไป น้ำตก Blawan ต่อ เป็นน้ำตกที่ลงเล่นไม่ได้เพราะน้ำแรงเกินไป
และเราก็กลับไปยังสุราบายา นอนที่นั่นหนึ่งคืน เป็นคืนแรกที่นอนหลับสนิทแบบไม่มีใครกวน ตระเวนถ่ายสตรีทในเมืองครับ ใช้ Uber กับ Grab Bike สะดวกมาก

จบทริปครับ ขอบคุณทุกๆท่านที่เข้ามาดูรูปและอ่านการเดินทาง ติชมได้ครับ ขออภัยหากมีข้อมูลที่ตกหล่นหรือผิดพลาดไป
กระทู้อื่นๆของผม ติดตามกันได้ครับ

มินิรีวิว เที่ยวตะลอนอียิปต์ + อุมเราะหฺ(ซาอุดีอาระเบีย) https://ppantip.com/topic/35110120
สิงคโปร์ https://ppantip.com/topic/35599390
บรูไน https://ppantip.com/topic/34045493
เสียมเรียบ https://ppantip.com/topic/34780331
ชื่อสินค้า:   East Java, Indonesia
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่