บทนำ
ความเงียบที่เงียบสงัดก็เป็นเช่นนี้ไม่มีแม้เสียงสรรพสัตว์น้อยใหญ่ ทั้งลมหายใจ หรือจังหวะชีพจร ไม่มีเสียงลมพัดให้ใบไม้ที่ร่วงเกลื่อนปลิวไหวๆ พื้นแห้งสีเข้มจนดำกลมกลืนไปกับความแห้งแล้งรอบๆทุกอย่างเงียบกริบ นิ่งสนิท
ในคืนเดือนเพ็ญพระจันทร์เต็มดวงส่องสว่าง หากไม่สามารถส่องแสงเข้ามาถึงสถานที่แห่งนี้
สถานที่อันมืดมิดอนธการมีเพียงไรวาววับทึมๆ สีทับทิมเลือดสาดส่องบางเบา พอให้เห็นเงาของสรรพสิ่ง…สรรพสัตว์รอบๆ
สรรพสิ่งที่มีรูปมีร่างหากแลดูไร้จิตและวิญญาณ ไม่มีชีวิตชีวา
ไอลมพัดหอบความเย็นชื้นมาจากที่ไหนสักแห่งที่ผู้เดินมาหยุดระหว่างต้นไม้ใหญ่สองต้นไม่อาจรู้ได้แน่ชัด
ไม่รู้…เช่นที่ตนไม่รู้ว่าเข้ามาถึงสถานที่แห่งนี้ได้อย่างไรตั้งแต่เมื่อไร
หรือ…มาถึงนานแค่ไหน
ต่อให้…นานหากความรู้สึกก็แค่เพียงเสี้ยววินาที
ต่อให้…ไม่นานหากความรู้สึกบอกว่าทุกอย่างคุ้นเคยราวว่าเขาได้มาถึงนานแสนนาน
พลันลมที่ก่อเป็นเสียงโหยหวยก็หยุดพัดบรรยากาศรอบๆ กลับมานิ่ง เงียบสงัดอีกครั้ง แสงทึมสีทับทิมเลือดค่อยๆ ดับไปทิ้งให้ทุกอย่างมืดมิดอีกครา
จะหลับตาหรือลืมตา ความมืดก็ไม่ต่างกันเลย
ไม่เห็นไม่รู้สึก ไม่สัมผัส
ไม่ร้อนไม่หนาว ไม่เจ็บ ไม่ปวด
เจ็บ!
มือยกขึ้นแตะหน้าอกของตน
ไม่มีบาดแผลไม่มีเลือด
ทว่ามันควรมีมิใช่หรือ
จนต้องคิด…นี่เขายังมีชีวิตอยู่หรือตายแล้ว
วี๊ด!
เสียงกรีดร้องบาดหูเรียกความรู้สึกกลับมา เรียกทุกส่วนในร่างกายให้รับรู้
แม้ในความมืดสนิทที่ไม่เห็นอะไรเขายังได้ยินเสียงหวีดร้องโหยหวน จากสรรพสัตว์นับสิบ นับร้อย นับล้าน นับพันล้าน…แสนล้าน…เหลือคณานับ!
ไอเย็นยะเยือกก่อตัวอีกครั้ง…ครานี้แสนสาหัสพัดเอาหยดน้ำกรดเย็นที่มีความคมจัดแตะบนใบหน้าและตามร่างกายทว่าความเย็นเยือกที่ควรทำให้ทนทรมานกลับไม่สามารถทำอะไรเขาได้ ถ้าจะทำ…ก็คงราวหวดลงลงทัณฑ์สรรพสัตว์นับล้านๆตัวที่กระ
กระสนไต่ขึ้นลงไล่อะไรสักอย่าง ไม่รู้จักจบจักสิ้น
สรรพสัตว์ที่เขาสัมผัสได้ราวว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นส่วนหนึ่งของลมของอากาศ ของหยดน้ำที่เข้ามากระทบกับร่างกายแล้วก็เลยผ่านไป
เสียงหวีดร้องโหยหวนก้องกังวานประสานกับเสียงอันทรงอำนาจของสตรีอีกคน
“อิสสโร!”
วี๊ด! วี๊ด!
อีกครั้งที่การหวีดร้องดังลั่นสะเทือนทุกโสตประสาท จนชายหนุ่มต้องเอามือป้องหูทั้งสองข้าง
“โอ๊ย…”
ความรู้สึกเจ็บเจียนขาดใจแน่นหน้าอกบาดลงกลางหัวใจที่เขาลดมือลงมากุมแตะบนคราบเหนียวเหนอะหนะของเลือดที่ไหลออกมา
เลือด…ที่เพราะความมืดเขาจึงมองไม่เห็นแต่รู้สึกได้ และเรียกความทรงจำกลับมาได้
ปัง! ปัง!
กระสุนสองนัดกระชากความรู้สึกทั้งหมดทิ้งร่างทั้งร่างล้มลง จิตและใจกระตุกรุนแรง ก่อนล่องลอยออกไป
กระสุนที่ลั่นใส่หลังจากปืนกระบอกนั้นคร่าชีวิตผู้เป็นที่รักไปแล้วสองคน
ความห่วงและความคิด ผนวกกับความแค้นที่ไหลพรั่งพรูในลมหายใจเฮือกสุดท้าย
“เราขอความเป็นธรรมเราขอทวงความยุติธรรม”
ความเงียบสงัดและความมืดเข้าปกคลุมทันทีเป็นเช่นนี้อีกนานแค่ไหนก็สุดจะรู้ จนกระทั่งเขาเดินเข้ามาในที่แห่งนี้ หยุดระหว่างต้นไม้ใหญ่สองต้นณ ตรงนี้…อีกครั้ง
“อิสสโร!”
การเรียกด้วยเสียงอันทรงพลังจากบุรุษผู้หนึ่งแว่วมาแต่ไกลค่อยๆ ชัดเจน และดังขึ้นเรื่อยๆ สะเทือนเข้าไปในแก้วหู ของผู้ที่ยืนอยู่ในความมืด
ชื่อ…นี้ไม่คุ้นเคย สำหรับผู้ที่ถูกเรียก
และเสียงของผู้หญิงคนนั้นที่ส่งเสียงก่อนหน้านี้ก็ไม่คุ้นหู
แต่เสียงของบุรุษคนนี้เขาจำได้!
…ข้อเสนอที่ท่านไม่อาจปฏิเสธ…
ข้อเสนอที่มาในความฝันหลายคราในเวลาที่เขาหลับลึกเพราะความอ่อนล้าในความอยุติธรรมที่ประจักษ์บนทางเดินของชีวิตหากเมื่อตื่นเขาก็ยังจำมันได้
‘แลกด้วยอะไร’ ตุลย์เคยถามคนผู้นั้นในความฝัน
‘บุญกุศลและความดีทั้งหมดที่ท่านได้ทำในทุกภพทุกชาติ และความเจ็บปวดอันเหลือคณานับเมื่อท่านต้องทำบาป’
‘ตลก’ ผู้ที่ไม่เชื่อในกรรมดี…ชั่ว หัวเราะเยาะ
หากอีกคนไม่…ตลก
“อิสสโร!”
พลันการกรีดร้องและการเคลื่อนไหวของสรรพสัตว์ดังขึ้นแล้วอันตรธานหายไป ความหนาวเย็นยะเยือกจากลม ผสมผสานหยดน้ำกรดแหลมคมก็ระเหยแห้งแม้แต่เลือดบนตัวและที่อาบมือของเขาก็เหือดหายราวว่ามันไม่เคยปรากฏ
ความเจ็บปวดไม่มีแต่ความทุกข์ยังมีอยู่
แสงทึมสีทับทิมเลือดสาดส่องอีกครั้งทำให้เห็นร่างของใครคนหนึ่งเดินเข้ามาจากแสงนั่นคนผู้นั้นแต่งกายด้วยเสื้อแขนยาวกางเกงขายาวคล้ายชุดราชการหากเปลี่ยนจากสีกากีเป็นสีดำสนิท จรดรองเท้าที่สวมใส่ใบหน้าจับเอาสีทับทิมเลือดที่สาดส่องเป็นแสง ทำให้เห็นหน้าไม่ชัด
“คุณ…”
ตุลย์พยายามมองผ่านแสงที่บาดสายตาเพื่อให้เห็นหน้าคนที่เดินเข้ามา…ใคร!
ทว่าผู้ที่อยู่ตรงหน้ามีรูปลักษณ์เหมือนเขาไม่ผิดเพี้ยนราวว่ากำลังมองเข้าไปในกระจกที่ส่องสะท้อนกลับมาให้เห็นภาพของตนทว่าอะไรบางอย่างทำให้รู้ว่า ผู้นี้มิใช่เงา และมิใช่เขา เป็นอีกดวงจิตอีกดวงวิญญาณ เป็นอีก…ตน
“ท่าน”
การเรียกเช่นนั้นเพราะรู้…ตนนี้ มีอำนาจนัก
มีพลังอะไรบางอย่างยืนยันเช่นนั้น
“ท่านเป็นใคร”ตุลย์ไม่ไว้วางใจกับ…ใคร ที่หน้าตาเหมือนเขาราวฝาแฝด
“ในเวลานี้จะ…วิตกทำไมว่าใคร” เสียงทรงอำนาจเย้ยหยัน
“ข้อเสนอนั่น”
“ความคิดในลมหายใจสุดท้ายมีค่าเสมอท่านถึงมายืนอยู่ตรงนี้อีกครั้ง”
“โลกันต์นรก”ความคิด ความทรงจำ ความรู้สึก ความคุ้นเคยเริ่มกลับมาแม้แต่การใช้สรรพนามเรียกตัวเอง “เราไม่ได้ทำผิดฉกรรจ์ถึงสมควรแก่โทษ”
“ท่านก็รู้อยู่แก่ใจว่า…นี่ไม่ใช่โทษ”คนพูดผายมือมองไปรอบๆ ยังอากาศอันว่างเปล่า “แต่เป็นที่ๆ เราสามารถจะตกลงกันในข้อเสนอที่ท่านติดค้างเรามานานนัก ท่านยังยินดีรับใช่ไหม”
คำถามทำให้อีกฝ่ายคิด
ตุลย์คิดด้วยจิตใจ และจิตวิญญาณ
คุ้มที่จะได้และ คุ้มที่จะเสียแค่ไหน
‘บุญกุศลและความดีทั้งหมดที่ท่านได้ทำมาและความเจ็บปวดอันเหลือคณานับ ทั้งทางกาย ทางใจ และทางจิตวิญญาณเมื่อท่านต้องทำบาปเมื่อท่านต้องเป็นคนตัดสิน และเป็นคนลงทัณฑ์’
เจ็บปวดรวดร้าวยิ่งกว่าความเจ็บทั้งปวง
เจ็บปวดรวดร้าว…ยิ่งกว่าพิษรักที่ปักอก
เจ็บปวดรวดร้าว…ทรมานกว่าพิษไข้
เจ็บปวดรวดร้าว…ยวดยิ่งเกินพิษภัย
เจ็บปวดรวดร้าว…กว่าใดในทุกโลกา
ในลมหายใจบนความทุกข์เขากลับไม่ต้องการที่จะปฏิเสธ…เพื่อความยุติธรรม!
“จิตสุดท้ายของท่านในทุกภพทุกชาติท่านจำสัจจะวาจาที่ท่านได้เคยให้เมื่อนานมาแล้วได้เสมอ” คนผู้นั้นเดินเข้ามาใกล้“ทว่าท่านไม่เคยทำตามสัจจะวาจานั้นเลย บัดนี้ ถึงเวลาแล้วที่ท่าน…”
“อิสสโร!”อีกแล้วที่เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งกระตุกทุกความรู้สึกของเขา
หากครั้งนี้เสียงนั่นทำให้ใบหน้าของคนในชุดดำทั้งร่าง ทมิฬตึงด้วยความโกรธใบหน้าเปลี่ยนเป็นขาวจัด
“อย่ารับเชียวอิสสโร!”
“ไม่เกี่ยวกับเจ้า!”คนชุดดำตวาดกลับ เสียงทรงอำนาจทำให้ความมืดรอบตัวสั่นสะเทือน
มวลอากาศเคลื่อนไหวรุนแรงจนตุลย์ทรงตัวไม่อยู่ต่างจากอีกฝ่ายที่ยืนนิ่ง
“ว่าอย่างไรท่านมีเวลาไม่มากเพราะการกลับไปโดยไร้การตกลงมันหมายถึงอีกคราที่ท่านจะต้องทุกข์แสนสาหัส…ที่สุดในชาตินี้”
ทว่าความทุกข์ใดของเขาจะเท่า“พี่เตชน์! พี่ตุ๊กตา! ใคร…ใครช่วยพี่ชายผมพี่สะใภ้ ช่วยได้ไหม”
ตุลย์ไม่ได้ห่วงทุกข์ของตัวเอง
ห่วง…ชีวิตของพี่ชายและพี่สะใภ้เสียมากกว่า
“ห่วงเป็นบ่วงที่ทำให้จิตไม่มั่นคงไม่สงบ ทำให้ใจลังเล” คนชุดดำผายมือทำให้การสั่นสะเทือนหยุด ปรากฏเป็นภาพลางๆราวภาพยนตร์ที่ฉายด้วยฟิล์มสมัยก่อน
ภาพของการสังหารอย่างโหดเหี้ยมให้คนสองคนตายอย่างช้าๆ ภาพที่กลุ่มฆาตกรจงใจให้เขาดูภาพที่ใครเนรมิตมันตอนนี้จงใจให้เขาดูซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ไม่…ไม่นะ”แววตาของคนที่ไร้สิ้นหนทาง…กระทำ สั่นระริกเสียงเครือด้วยความเจ็บปวด ริมฝีปากสั่นด้วยความโกรธบ้าคลั่ง
ร่างทั้งร่างกระโจนใส่ภาพตรงหน้าอีกครั้งหัวใจราวโดนบีบกระชากออกเป็นเสี่ยงๆ
หากพลันประตูบ้านที่ปิดล็อคก็ถูกทุบเปิดพร้อมชายร่างกายกำยำสูงใหญ่หลายจู่โจมเข้ามาอย่างรวดเร็ว พร้อมสุนัขสีดำตัวใหญ่ตามด้วยร่างเปรียวของหญิงสาวที่พอได้เห็น คนชุดดำจึงคำรามด้วยโทสะ ก่อนจะปิดภาพนิมิตนั้นให้ดับไป
ดับ…แต่ช้าเกินกว่าจะระงับเสียงแว่ว
“อย่าตกลงเชียวนะอิสสโร!”
=========================================================================
WARNING=========คำเตือน=========WARNING
= เรื่องนี้ยังเขียนไม่เสร็จดี โอกาสปรับปรุง แก้ไข หยุด จะมีสูงมาก...ผูู้เขียนมีความเป็นตัวของตัวเองอารมณ์ศิลปินสูงปรี๊ด (ปรกติผู้เขียนจะใช้เวลาเป็นปีในการเขียนจนจบและแก้ไขไปมาประมาณหมื่นกว่ารอบแล้วนำนิยายมาลงค่ะ...แม้เป็นเช่นนั้นก็มีการแก้ไขเรื่อยๆ จนพิมพ์เป็นรูปเล่มน่ะค่ะถึงต้องบังคับตัวเองให้หยุด)
= จะลง "เปลวพิศวาส" ในเด็กดีและ ppantip.com จนถึงบทที่ 10 นะคะขึ้นอยู่กับการตอบรับ และจะลงต่อจนกว่าจะตีพิมพ์ใน literature.bloggang.com ค่ะ ถ้ามีไปลงที่อื่นจะแจ้งให้ทราบ
= ถ้าใครได้เคยติดตามผลงานอื่นของผู้เขียนก็พอจะทราบแนวทางและวิธีการเขียน การดำเนินเรื่องแบบนิยายรัก ดราม่า หวาน ซึ้ง สะเทือนใจบ้าง กระตุกใจหน่อยๆ เป็นปรกติ
="เปลวพิศวาส" จะไม่ปรกติค่ะ จะมีหลายอย่างไม่ชัดเจนคลุมเครือ ไม่เป็นดั่งใจคนอ่าน
= อ่านเรื่องนี้หลายคนอาจจะอึดอัด แน่นอก (ต้องยกออก) รำคาญ หมั่นไส้อะไรประมาณนั้น
= ในนิยายจะมีพูดถึงความเชื่อ พูดถึงวัดวา พระ กฎแห่งกรรม อะไรทำนองนี้ ใครเชื่อไม่เชื่อก็ให้มองว่านี่คือนิยาย...ปล่อยวางได้แต่อย่าวางหนังสือของผู้เขียนก็แล้วกัน
= เรื่องนี้จะมีฉากที่บรรยายบทอัศจรรย์ บางบทอาจจะประมาณ 16+ ในความเห็นของบางคน แต่นิยายโดยรวมไม่มีการบวกๆ นะคะ
= นิยายก็คือนิยาย คือ fiction แต่หลายคนชอบอ่านเพราะบางที...มันใช่มันโดน นี่ฉันเลย ฉันเคยเจอ...อะไรทำนองนี้ ดังนั้นถ้าเหตุการณ์มันไปตรงกับชีวิตจริงของใครก็กรุณามองว่าชีวิตคือนิยายละกันเนอะ
ถ้ารับเงื่อนไขเหล่านี้ได้ก็มาผจญภัยไปในตัวอักษรด้วยกันค่ะ
: มานัส
Facebook : www.facebook.com/manasauthor
Blog : literature.bloggang.com
Youtube :
https://youtu.be/N3W0UtgPRdM
ลิขสิทธิ์ของงานเขียนทุกชิ้นเป็นของผู้เขียนตามกฎหมาย ห้ามคัดลอก ดัดแปลงหรือนำไปเผยแพร่ต่อไม่ว่าในกรณีใดๆ ไม่ว่าทั้งหมดหรือส่วนใดส่วนหนึ่ง ด้วยวิธีใดๆ โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากเจ้าของผลงาน
=====สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537=====
เปลวพิศวาส (บทนำ) โดย มานัส
ความเงียบที่เงียบสงัดก็เป็นเช่นนี้ไม่มีแม้เสียงสรรพสัตว์น้อยใหญ่ ทั้งลมหายใจ หรือจังหวะชีพจร ไม่มีเสียงลมพัดให้ใบไม้ที่ร่วงเกลื่อนปลิวไหวๆ พื้นแห้งสีเข้มจนดำกลมกลืนไปกับความแห้งแล้งรอบๆทุกอย่างเงียบกริบ นิ่งสนิท
ในคืนเดือนเพ็ญพระจันทร์เต็มดวงส่องสว่าง หากไม่สามารถส่องแสงเข้ามาถึงสถานที่แห่งนี้
สถานที่อันมืดมิดอนธการมีเพียงไรวาววับทึมๆ สีทับทิมเลือดสาดส่องบางเบา พอให้เห็นเงาของสรรพสิ่ง…สรรพสัตว์รอบๆ
สรรพสิ่งที่มีรูปมีร่างหากแลดูไร้จิตและวิญญาณ ไม่มีชีวิตชีวา
ไอลมพัดหอบความเย็นชื้นมาจากที่ไหนสักแห่งที่ผู้เดินมาหยุดระหว่างต้นไม้ใหญ่สองต้นไม่อาจรู้ได้แน่ชัด
ไม่รู้…เช่นที่ตนไม่รู้ว่าเข้ามาถึงสถานที่แห่งนี้ได้อย่างไรตั้งแต่เมื่อไร
หรือ…มาถึงนานแค่ไหน
ต่อให้…นานหากความรู้สึกก็แค่เพียงเสี้ยววินาที
ต่อให้…ไม่นานหากความรู้สึกบอกว่าทุกอย่างคุ้นเคยราวว่าเขาได้มาถึงนานแสนนาน
พลันลมที่ก่อเป็นเสียงโหยหวยก็หยุดพัดบรรยากาศรอบๆ กลับมานิ่ง เงียบสงัดอีกครั้ง แสงทึมสีทับทิมเลือดค่อยๆ ดับไปทิ้งให้ทุกอย่างมืดมิดอีกครา
จะหลับตาหรือลืมตา ความมืดก็ไม่ต่างกันเลย
ไม่เห็นไม่รู้สึก ไม่สัมผัส
ไม่ร้อนไม่หนาว ไม่เจ็บ ไม่ปวด
เจ็บ!
มือยกขึ้นแตะหน้าอกของตน
ไม่มีบาดแผลไม่มีเลือด
ทว่ามันควรมีมิใช่หรือ
จนต้องคิด…นี่เขายังมีชีวิตอยู่หรือตายแล้ว
วี๊ด!
เสียงกรีดร้องบาดหูเรียกความรู้สึกกลับมา เรียกทุกส่วนในร่างกายให้รับรู้
แม้ในความมืดสนิทที่ไม่เห็นอะไรเขายังได้ยินเสียงหวีดร้องโหยหวน จากสรรพสัตว์นับสิบ นับร้อย นับล้าน นับพันล้าน…แสนล้าน…เหลือคณานับ!
ไอเย็นยะเยือกก่อตัวอีกครั้ง…ครานี้แสนสาหัสพัดเอาหยดน้ำกรดเย็นที่มีความคมจัดแตะบนใบหน้าและตามร่างกายทว่าความเย็นเยือกที่ควรทำให้ทนทรมานกลับไม่สามารถทำอะไรเขาได้ ถ้าจะทำ…ก็คงราวหวดลงลงทัณฑ์สรรพสัตว์นับล้านๆตัวที่กระกระสนไต่ขึ้นลงไล่อะไรสักอย่าง ไม่รู้จักจบจักสิ้น
สรรพสัตว์ที่เขาสัมผัสได้ราวว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นส่วนหนึ่งของลมของอากาศ ของหยดน้ำที่เข้ามากระทบกับร่างกายแล้วก็เลยผ่านไป
เสียงหวีดร้องโหยหวนก้องกังวานประสานกับเสียงอันทรงอำนาจของสตรีอีกคน
“อิสสโร!”
วี๊ด! วี๊ด!
อีกครั้งที่การหวีดร้องดังลั่นสะเทือนทุกโสตประสาท จนชายหนุ่มต้องเอามือป้องหูทั้งสองข้าง
“โอ๊ย…”
ความรู้สึกเจ็บเจียนขาดใจแน่นหน้าอกบาดลงกลางหัวใจที่เขาลดมือลงมากุมแตะบนคราบเหนียวเหนอะหนะของเลือดที่ไหลออกมา
เลือด…ที่เพราะความมืดเขาจึงมองไม่เห็นแต่รู้สึกได้ และเรียกความทรงจำกลับมาได้
ปัง! ปัง!
กระสุนสองนัดกระชากความรู้สึกทั้งหมดทิ้งร่างทั้งร่างล้มลง จิตและใจกระตุกรุนแรง ก่อนล่องลอยออกไป
กระสุนที่ลั่นใส่หลังจากปืนกระบอกนั้นคร่าชีวิตผู้เป็นที่รักไปแล้วสองคน
ความห่วงและความคิด ผนวกกับความแค้นที่ไหลพรั่งพรูในลมหายใจเฮือกสุดท้าย
“เราขอความเป็นธรรมเราขอทวงความยุติธรรม”
ความเงียบสงัดและความมืดเข้าปกคลุมทันทีเป็นเช่นนี้อีกนานแค่ไหนก็สุดจะรู้ จนกระทั่งเขาเดินเข้ามาในที่แห่งนี้ หยุดระหว่างต้นไม้ใหญ่สองต้นณ ตรงนี้…อีกครั้ง
“อิสสโร!”
การเรียกด้วยเสียงอันทรงพลังจากบุรุษผู้หนึ่งแว่วมาแต่ไกลค่อยๆ ชัดเจน และดังขึ้นเรื่อยๆ สะเทือนเข้าไปในแก้วหู ของผู้ที่ยืนอยู่ในความมืด
ชื่อ…นี้ไม่คุ้นเคย สำหรับผู้ที่ถูกเรียก
และเสียงของผู้หญิงคนนั้นที่ส่งเสียงก่อนหน้านี้ก็ไม่คุ้นหู
แต่เสียงของบุรุษคนนี้เขาจำได้!
…ข้อเสนอที่ท่านไม่อาจปฏิเสธ…
ข้อเสนอที่มาในความฝันหลายคราในเวลาที่เขาหลับลึกเพราะความอ่อนล้าในความอยุติธรรมที่ประจักษ์บนทางเดินของชีวิตหากเมื่อตื่นเขาก็ยังจำมันได้
‘แลกด้วยอะไร’ ตุลย์เคยถามคนผู้นั้นในความฝัน
‘บุญกุศลและความดีทั้งหมดที่ท่านได้ทำในทุกภพทุกชาติ และความเจ็บปวดอันเหลือคณานับเมื่อท่านต้องทำบาป’
‘ตลก’ ผู้ที่ไม่เชื่อในกรรมดี…ชั่ว หัวเราะเยาะ
หากอีกคนไม่…ตลก
“อิสสโร!”
พลันการกรีดร้องและการเคลื่อนไหวของสรรพสัตว์ดังขึ้นแล้วอันตรธานหายไป ความหนาวเย็นยะเยือกจากลม ผสมผสานหยดน้ำกรดแหลมคมก็ระเหยแห้งแม้แต่เลือดบนตัวและที่อาบมือของเขาก็เหือดหายราวว่ามันไม่เคยปรากฏ
ความเจ็บปวดไม่มีแต่ความทุกข์ยังมีอยู่
แสงทึมสีทับทิมเลือดสาดส่องอีกครั้งทำให้เห็นร่างของใครคนหนึ่งเดินเข้ามาจากแสงนั่นคนผู้นั้นแต่งกายด้วยเสื้อแขนยาวกางเกงขายาวคล้ายชุดราชการหากเปลี่ยนจากสีกากีเป็นสีดำสนิท จรดรองเท้าที่สวมใส่ใบหน้าจับเอาสีทับทิมเลือดที่สาดส่องเป็นแสง ทำให้เห็นหน้าไม่ชัด
“คุณ…”
ตุลย์พยายามมองผ่านแสงที่บาดสายตาเพื่อให้เห็นหน้าคนที่เดินเข้ามา…ใคร!
ทว่าผู้ที่อยู่ตรงหน้ามีรูปลักษณ์เหมือนเขาไม่ผิดเพี้ยนราวว่ากำลังมองเข้าไปในกระจกที่ส่องสะท้อนกลับมาให้เห็นภาพของตนทว่าอะไรบางอย่างทำให้รู้ว่า ผู้นี้มิใช่เงา และมิใช่เขา เป็นอีกดวงจิตอีกดวงวิญญาณ เป็นอีก…ตน
“ท่าน”
การเรียกเช่นนั้นเพราะรู้…ตนนี้ มีอำนาจนัก
มีพลังอะไรบางอย่างยืนยันเช่นนั้น
“ท่านเป็นใคร”ตุลย์ไม่ไว้วางใจกับ…ใคร ที่หน้าตาเหมือนเขาราวฝาแฝด
“ในเวลานี้จะ…วิตกทำไมว่าใคร” เสียงทรงอำนาจเย้ยหยัน
“ข้อเสนอนั่น”
“ความคิดในลมหายใจสุดท้ายมีค่าเสมอท่านถึงมายืนอยู่ตรงนี้อีกครั้ง”
“โลกันต์นรก”ความคิด ความทรงจำ ความรู้สึก ความคุ้นเคยเริ่มกลับมาแม้แต่การใช้สรรพนามเรียกตัวเอง “เราไม่ได้ทำผิดฉกรรจ์ถึงสมควรแก่โทษ”
“ท่านก็รู้อยู่แก่ใจว่า…นี่ไม่ใช่โทษ”คนพูดผายมือมองไปรอบๆ ยังอากาศอันว่างเปล่า “แต่เป็นที่ๆ เราสามารถจะตกลงกันในข้อเสนอที่ท่านติดค้างเรามานานนัก ท่านยังยินดีรับใช่ไหม”
คำถามทำให้อีกฝ่ายคิด
ตุลย์คิดด้วยจิตใจ และจิตวิญญาณ
คุ้มที่จะได้และ คุ้มที่จะเสียแค่ไหน
‘บุญกุศลและความดีทั้งหมดที่ท่านได้ทำมาและความเจ็บปวดอันเหลือคณานับ ทั้งทางกาย ทางใจ และทางจิตวิญญาณเมื่อท่านต้องทำบาปเมื่อท่านต้องเป็นคนตัดสิน และเป็นคนลงทัณฑ์’
เจ็บปวดรวดร้าวยิ่งกว่าความเจ็บทั้งปวง
เจ็บปวดรวดร้าว…ยิ่งกว่าพิษรักที่ปักอก
เจ็บปวดรวดร้าว…ทรมานกว่าพิษไข้
เจ็บปวดรวดร้าว…ยวดยิ่งเกินพิษภัย
เจ็บปวดรวดร้าว…กว่าใดในทุกโลกา
ในลมหายใจบนความทุกข์เขากลับไม่ต้องการที่จะปฏิเสธ…เพื่อความยุติธรรม!
“จิตสุดท้ายของท่านในทุกภพทุกชาติท่านจำสัจจะวาจาที่ท่านได้เคยให้เมื่อนานมาแล้วได้เสมอ” คนผู้นั้นเดินเข้ามาใกล้“ทว่าท่านไม่เคยทำตามสัจจะวาจานั้นเลย บัดนี้ ถึงเวลาแล้วที่ท่าน…”
“อิสสโร!”อีกแล้วที่เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งกระตุกทุกความรู้สึกของเขา
หากครั้งนี้เสียงนั่นทำให้ใบหน้าของคนในชุดดำทั้งร่าง ทมิฬตึงด้วยความโกรธใบหน้าเปลี่ยนเป็นขาวจัด
“อย่ารับเชียวอิสสโร!”
“ไม่เกี่ยวกับเจ้า!”คนชุดดำตวาดกลับ เสียงทรงอำนาจทำให้ความมืดรอบตัวสั่นสะเทือน
มวลอากาศเคลื่อนไหวรุนแรงจนตุลย์ทรงตัวไม่อยู่ต่างจากอีกฝ่ายที่ยืนนิ่ง
“ว่าอย่างไรท่านมีเวลาไม่มากเพราะการกลับไปโดยไร้การตกลงมันหมายถึงอีกคราที่ท่านจะต้องทุกข์แสนสาหัส…ที่สุดในชาตินี้”
ทว่าความทุกข์ใดของเขาจะเท่า“พี่เตชน์! พี่ตุ๊กตา! ใคร…ใครช่วยพี่ชายผมพี่สะใภ้ ช่วยได้ไหม”
ตุลย์ไม่ได้ห่วงทุกข์ของตัวเอง
ห่วง…ชีวิตของพี่ชายและพี่สะใภ้เสียมากกว่า
“ห่วงเป็นบ่วงที่ทำให้จิตไม่มั่นคงไม่สงบ ทำให้ใจลังเล” คนชุดดำผายมือทำให้การสั่นสะเทือนหยุด ปรากฏเป็นภาพลางๆราวภาพยนตร์ที่ฉายด้วยฟิล์มสมัยก่อน
ภาพของการสังหารอย่างโหดเหี้ยมให้คนสองคนตายอย่างช้าๆ ภาพที่กลุ่มฆาตกรจงใจให้เขาดูภาพที่ใครเนรมิตมันตอนนี้จงใจให้เขาดูซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ไม่…ไม่นะ”แววตาของคนที่ไร้สิ้นหนทาง…กระทำ สั่นระริกเสียงเครือด้วยความเจ็บปวด ริมฝีปากสั่นด้วยความโกรธบ้าคลั่ง
ร่างทั้งร่างกระโจนใส่ภาพตรงหน้าอีกครั้งหัวใจราวโดนบีบกระชากออกเป็นเสี่ยงๆ
หากพลันประตูบ้านที่ปิดล็อคก็ถูกทุบเปิดพร้อมชายร่างกายกำยำสูงใหญ่หลายจู่โจมเข้ามาอย่างรวดเร็ว พร้อมสุนัขสีดำตัวใหญ่ตามด้วยร่างเปรียวของหญิงสาวที่พอได้เห็น คนชุดดำจึงคำรามด้วยโทสะ ก่อนจะปิดภาพนิมิตนั้นให้ดับไป
ดับ…แต่ช้าเกินกว่าจะระงับเสียงแว่ว
“อย่าตกลงเชียวนะอิสสโร!”
=========================================================================
WARNING=========คำเตือน=========WARNING
= เรื่องนี้ยังเขียนไม่เสร็จดี โอกาสปรับปรุง แก้ไข หยุด จะมีสูงมาก...ผูู้เขียนมีความเป็นตัวของตัวเองอารมณ์ศิลปินสูงปรี๊ด (ปรกติผู้เขียนจะใช้เวลาเป็นปีในการเขียนจนจบและแก้ไขไปมาประมาณหมื่นกว่ารอบแล้วนำนิยายมาลงค่ะ...แม้เป็นเช่นนั้นก็มีการแก้ไขเรื่อยๆ จนพิมพ์เป็นรูปเล่มน่ะค่ะถึงต้องบังคับตัวเองให้หยุด)
= จะลง "เปลวพิศวาส" ในเด็กดีและ ppantip.com จนถึงบทที่ 10 นะคะขึ้นอยู่กับการตอบรับ และจะลงต่อจนกว่าจะตีพิมพ์ใน literature.bloggang.com ค่ะ ถ้ามีไปลงที่อื่นจะแจ้งให้ทราบ
= ถ้าใครได้เคยติดตามผลงานอื่นของผู้เขียนก็พอจะทราบแนวทางและวิธีการเขียน การดำเนินเรื่องแบบนิยายรัก ดราม่า หวาน ซึ้ง สะเทือนใจบ้าง กระตุกใจหน่อยๆ เป็นปรกติ
="เปลวพิศวาส" จะไม่ปรกติค่ะ จะมีหลายอย่างไม่ชัดเจนคลุมเครือ ไม่เป็นดั่งใจคนอ่าน
= อ่านเรื่องนี้หลายคนอาจจะอึดอัด แน่นอก (ต้องยกออก) รำคาญ หมั่นไส้อะไรประมาณนั้น
= ในนิยายจะมีพูดถึงความเชื่อ พูดถึงวัดวา พระ กฎแห่งกรรม อะไรทำนองนี้ ใครเชื่อไม่เชื่อก็ให้มองว่านี่คือนิยาย...ปล่อยวางได้แต่อย่าวางหนังสือของผู้เขียนก็แล้วกัน
= เรื่องนี้จะมีฉากที่บรรยายบทอัศจรรย์ บางบทอาจจะประมาณ 16+ ในความเห็นของบางคน แต่นิยายโดยรวมไม่มีการบวกๆ นะคะ
= นิยายก็คือนิยาย คือ fiction แต่หลายคนชอบอ่านเพราะบางที...มันใช่มันโดน นี่ฉันเลย ฉันเคยเจอ...อะไรทำนองนี้ ดังนั้นถ้าเหตุการณ์มันไปตรงกับชีวิตจริงของใครก็กรุณามองว่าชีวิตคือนิยายละกันเนอะ
ถ้ารับเงื่อนไขเหล่านี้ได้ก็มาผจญภัยไปในตัวอักษรด้วยกันค่ะ
: มานัส
Facebook : www.facebook.com/manasauthor
Blog : literature.bloggang.com
Youtube : https://youtu.be/N3W0UtgPRdM
ลิขสิทธิ์ของงานเขียนทุกชิ้นเป็นของผู้เขียนตามกฎหมาย ห้ามคัดลอก ดัดแปลงหรือนำไปเผยแพร่ต่อไม่ว่าในกรณีใดๆ ไม่ว่าทั้งหมดหรือส่วนใดส่วนหนึ่ง ด้วยวิธีใดๆ โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากเจ้าของผลงาน
=====สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537=====