หนีร้อนไปนอน ตุรกี ฉบับที่ 5 แคปพาโดเชีย นครใต้ดิน

ตอนเดิม
หนีร้อนไปนอน ตุรกี ฉบับที่ 1 มุ่งสู่อีสตันบลู
หนีร้อนไปนอน ตุรกี ฉบับที่ 2 ม้าเมืองทรอย
หนีร้อนไปนอน ตุรกี ฉบับที่ 3 เมืองโบราณเอฟฟิซุส บ้านพระแม่มารีย์
หนีร้อนไปนอน ตุรกี ฉบับที่ 4 ปามุกกาเล เมืองแห่งสปา

02/12/2560



เมื่อคืนมาถึงที่พักตอนดึกจึงมองไม่เห็นสภาพภายนอกของที่พักเลย ตื่นเช้ามาก็เห็นบอลลูนกำลังขึ้นตรงใกล้ที่พักเลย เพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ แคปพาโดเชีย หรือ คัปปาโดเกีย โดยไกด์แนะนำให้ขึ้นบอลลูน แต่จะต้องเสียเงินเพิ่มประมาณ 200us เลยไม่ได้ขึ้นครับ เช้ามาปรากฎว่าโดยรอบเป็นสถานที่ขึ้นบอลลูนหลายสิบลูก ซึ่งสวยมาก ไม่ต้องขึ้นบอลลูกก็สวยครับแบบชอบถ่ายตัวเองในระนาบปกติ แต่ไกด์บอกว่าขึ้นบอลลูนก็สวยไปอีกแบบนะ ได้วิวมุมสูง สำหรับวันนี้เราจะนอนที่นี่ 2 คืนครับ จึงไม่ต้องเก็บสัมภาระ และตื่นสายได้นิดหน่อย ส่วนใครที่จะขึ้นบอลลูนก็ตื่นเช้าหน่อย วันนี้มีสถานที่เที่ยวในกำหนดการเยอะเลย เช้านี้เราออกเดินทางไม่ไกลมากครับชมจุดชมวิว หุบเขาอุซิซาร์ หุบเขาที่คล้ายจอมปลวกขนาดใหญ่ ที่ใช้เป็นที่อยู่อาศัยของคนสมัยก่อน ซึ่งหุบเขาดังกล่าวมีรูพรุน มีรอยเจาะ ทั่วทั่งภูเขา เพื่อเอาไว้เป็นที่อยู่อาศัย และที่นี่เป็นจุดสุงสุดของบริเวรโดยรอบ ทำให้สมัยก่อนหุบเขาอุซิซาร์ มีหน้าที่ไว้เป็นป้อมปราการทางธรรมชาติเอาไว้สอดส่องยามมีภัยอีกด้วย และผมเองได้ถ่ายรูปกับอูฐ ซึ่งเสียค่าถ่ายกับอูฐ 10 lira ประมาณ 100 บาท แต่เสียค่าโง่ไปอีก 10 lira เพราะให้อูฐเดินด้วยเสียเพิ่ม สรุปเสียไปทั้งหมด 20lira เบาเบาไป




หลังเสร็จจากหุบเขาอุซิซาร์ เราก็เดินทางไปชมร้านจิเวอรี่ ตามนโยบายรัฐและหลังร้านจิวเวอร์รี่เป็น pigeon valley ที่เป็นหุบเขานกพิราบ ที่ได้ชื่อนี้ก็เพราะที่นี่มีพิราบสื่อสารจำนวนมาก และมีรูปภาพสลักพิราบอยู่ในหิน เป็นจุดชมวิวที่สวยอีกที่หนึ่ง ซึ่งวันนี้เราเดินทางไม่ไกลนัก มีแต่ที่สวยๆ ชอบๆ อากาศวันนี้ 10-0 องศา หลังจากนั้นเราก็ออกเดินทางต่อไปยัง เมืองเกอเรเม เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในบริเวณคาพะโดเซียในตอนกลางของอานาโตเลียในประเทศตุรกี เกอเรเมเดิมชื่อ “Korama”, “Matiana”, “Maccan” และ “Avcilar” เมื่อหุบเขาเกอเรเมที่ตั้งอยู่ไม่ไกลนักได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ชื่อเมืองก็ถูกเปลี่ยนมาเป็น “เกอเรเม” เพื่อความสะดวกในการเรียกชื่อ






เราเดินทางไปทานอาหารร้านสไตล์ถ้ำ เป็นอุโมงค์คือร้านโอเคนะกับการออกแบบ แต่มันรู้สึกอึดอัดสำหรับผมนะมันดูคับแคบและอึกอัด ไม่หนาวด้วย แต่อาหารยังเหมือนเดิม สงสัยจะผอมละงานนี้ ใครจะมากรุณาเตรียมอาหารจากไทยมาด้วยก็ดีนะ เผื่อทานไม่ได้ ถือว่ามากินบรรยากาศละกัน ไกด์บอกว่านี่ชอบทำบ้านให้เป็นคล้ายถ้ำ เพราะแถบนี้เขามีบ้านถ้ำเลยอยากทำบ้านให้เข้ากับเมือง แล้วเราก็เดินทางต่อไปยังนครใต้ดิน Underground City ซึ่งไกด์บอกใครเป็นโรคกลัวที่แคบไม่ต้องเข้านะครับ เพราะมันจะเป็นบ้านรูใต้ดินของคนสมัยก่อนไว้หลบศัตรู ดินแถวนั้นขุดง่ายเพราะเป็นดินภูเขาไฟ ภานในบ้านรูใต้ดินนั้นแคบ แต่สามารถเดินเข้าได้แบบพอดีตัว แต่ถ้าล่ำมากก็จะลำบากนิดหนึ่ง




เราก็เดินทางกลับที่พักและพักผ่อนตามอัศยาศัย โดยที่พักใกล้ศูนย์กลางของเมืองก็เลยเดินไปไม่เกิน 500 เมตรก็ถึงละ ซื้อของฝากติดไม้ติดมือกลับบ้าน ผมไม่ได้เดินหาร้านอาหารเลยเพราะอาหารเหมือนกับโรงแรมที่พัก มัวเดินหาของฝากและของตกแต่งบ้านก็หมดเวลาละครับ ยิ่งเย็นที่นี่ยิ่งหนาวและมืดมาก ไกด์ได้นัดทานอาหารเย็นเวลา 19.00 น. แค่ตักมาน้ำตาก็ไหล 555 กินยากมาก ต้องใช้มาม่าของไกด์ช่วย กินย้อมใจกะเบียร์ นอนหลับสบาย เพราะพรุ่งนี้ต้องเดินทางยาวกลับอิสตันบูล วันนี้ลาไปก่อนครับ แล้วจะมารีวิวต่อ บัย

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่