ถึงเวลากลับคาน...ที่เชียงคาน

อาม่ามาอีกแล้ว ทริปนี้อาม่าขอลุยเดี่ยว อย่างที่บอกว่าทริปขึ้นคาน ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า ต้องเป็นทริปที่เหมาะกะการไปคนเดียวที่สุด
เย็นวันศุกร์หลังเลิกงาน อาม่ารีบใช้บริการรถไฟฟ้า MRT มาออกที่สถานีกำแพงเพชร ประตู1 ต่อมอเตอร์ไซค์ 40 บาท ก็ถึงหน้าหมอชิต2 ละค่ะ
รถทัวร์ที่ใช้คือ ซันบัสทัวร์ อาม่าซื้อตั๋วผ่านอินเตอร์เนท พอไปถึงอาม่าก็ขึ้นไปชั้น3 เพราะรถที่ไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ/ อีสาน ต้องขึ้นไปชั้น 3 เวลาที่อาม่าเลือกคือ ออกจากกรุงเทพ 20.00 ไปถึงเชียงคานเช้าวันเสาร์ 05.00 แต่จริงๆ คือไปถึง 05.30 เท่าที่อาม่ารู้สึกตัว รถจอดที่ชัยภูมิ ภูกระดึง ขนส่งจังหวัดเลย และมาสุดท้ายที่เชียงคาน
บนรถมีแจกขนม 2 ครั้ง ครั้งแรกคือคุ้กกี้ 1 ถุง อีกครั้งเป็นกล่อง มีนมกล่องเล็กๆ บราวนี่ และคุ้กกี้ ส่วนน้ำเปล่าวางให้แต่ละที่นั่งอยู่แล้ว
ทุกเบาะมีผ้าห่มวางและที่เสียบสาย USB 2 ช่อง เบาะปรับเอนได้ 45 องศา ทุกที่นั่งสามารถดูทีวีได้ แต่ต้องเอาหูฟังมาเองค่ะ
สกายแลปที่ติดต่อไว้คือ ลุงสิงห์ 080-191-7195 คนนี้ทางสองผัวเมียเชียงคานที่อาม่าพัก แนะนำให้ค่ะ ลุงน่ารักมาก มารอและโทรหาตั้งแต่ตีห้า เพราะบอกเวลาก่อนขึ้นรถละ ว่าต้องไปถึงกี่โมง พอไปถึงไม่ต้องแวะเข้าที่พัก เพราะเช็คอินได้หลังเที่ยง เราเลยตรงไปที่เราตั้งใจกันเลย กระเป๋าเสื้อผ้าก็ฝากไว้ในรถสกายแลปนั่นแหละ
ที่ตกลงกันไว้ มีไป 3 ที่ คือภูทอก วัดพระบาทความภูเงิน และแก่งคุดคู้
เริ่มจาก ภูทอก
การเดินทางไปตามเส้นทางหมายเลข ๒๑ ไปทาง อำเภอปาดชม ระยะทางของ ภูทอก จะอยู่ห่างจาก ตัวอำเภอ เชียงคานประมาณ 3 กิโลเมตร ไปถึงรถทั่วไปไม่สามารถขึ้นได้ เราต้องต่อรถของทางภูทอก คนละ 25 บาท ราคานี้รวมขึ้นและลงแล้ว ขึ้นและลง ไม่จำเป็นต้องเป็นรถคันเดียวกัน ลงคันไหนก็ได้ ทางที่รถขับขึ้นมาจนถึงจุดชมวิวของภูทอก ถ้าเทียบเส้นทางกับบ้านรักไทยที่อาม่าไปมา ถือว่าเด็กๆเลย ไม่ค่อยเท่าไหร่เลย แต่อย่างว่า เพื่อความปลอดภัย ใช้รถพื้นที่ดีกว่าและก็คงเป็นการกระจายรายได้ด้วยค่ะ อันนี้ไม่เห็นรถเล็ก มีแต่รถกระบะของภูทอกเท่านั้น
ขึ้นไปตั้งแต่มืด จนสว่างก็ไม่เห็นพระอาทิตย์ ทั้งๆที่หมอกไม่ได้หนามาก พระอาทิตย์คงขี้อายแน่เลย
จนพอใจก็ลงและไปต่อกันที่วัดพระบาทภูควายเงิน 52 หมู่ 6 บ้านผาแบ่น ต.บุฮม อ.เชียงคาน จ.เลย
ซึ่งที่นี่รถลุงสิงห์ก็ขึ้นไม่ได้เหมือนเดิม ต้องรอรถ คนละ 25 บาทเป็นราคาขึ้นและลงเช่นกัน แต่แอบเห็นมอเตอร์ไชค์สามารถขับขึ้นไปเองได้ ที่นี่มีกรงน้องกระต่ายขนาดใหญ่เลย น้องหมูน้อย 2 ตัว น่ารักมาก กับเต่าน้อยอีก 3-4 ตัว ซึ่งเราสามารถเอาอาหารให้น้องกระต่ายได้ อย่างผักบุ้งที่เขามีขาย
และเราก็ไปต่อกันที่แก่งคุดคู้ ห่างจากตัวอำเภอเชียงคานประมาณ 3 กิโลเมตร มาที่นี่จะเห็นมะพร้าวแก้วเยอะมาก เท่าที่ได้ยินคือที่แก่งคุ้ดคู้เป็นแหล่งของมะพร้าวแก้วกันเลย มาถึงที่นี่อาม่าก็เริ่มหิว เลยไปกินข้าวที่ร้านอาหารตามสั่ง และต่อด้วยไข่ตามที่น้องที่น่ารักแนะนำมา ตอนแรกก็ไม่คิดจะลอง เพราะเริ่มเบื่อไข่จากที่กินมากมายในทริปปาย แต่พอลองแล้ว อืม ไม่ใช่ไข่อุ่นบนเตาธรรมดา แต่เป็นเหมือนไข่ตุ๋นทรงเครื่อง รสชาติเค็มไปหน่อย แต่ก็อร่อยดี ขอบคุณนะคะที่แนะนำของอร่อย ที่แก่งคุดคู้ มีบริการเรือนำเที่ยวไปที่หมู่บ้านลาวด้วย แต่อาม่าไม่ได้ใช้บริการ คราวหน้าคงได้ลอง เพราะตั้งใจจะไปที่เชียงคานอีก ประทับใจมาก
เสร็จจากที่นี่ ลุงสิงห์ก็พาไปส่งที่สองผัวเมียเชียงคาน ที่นี่อยู่ในคนเดิน ประมาณซอบ 8-9 อาม่าจองไว้พักคืนนี้ แต่ลุงสิงห์ใจดี เพราะรู้ว่าอาม่ากลับด้วยแอร์เอเชีย เลยพาอ้อมไปดูที่ขึ้นรถของแอร์เอเชียด้วย
ไปถึงที่พักยังไม่ทันเที่ยง เพราะที่นี่เช็คอินหลังเที่ยง และเช็คเอาท์ก่อนเที่ยง อาม่าเลยฝากกระเป๋าและเดินเล่นชมเมือง พร้อมกันซื้อชุดไว้ใส่เดินเล่นคืนนี้ด้วย
เดินกลับมาอีกทีก็เกือบเที่ยง เลยนั่งรอเวลา ประมาณเที่ยงครึ่ง พี่ผู้หญิงก็เดินมาตามและบอกว่า ห้องเสร็จแล้ว สามารถเข้าพักได้แล้ว จัดสิคะจะรออะไร
เอาของเข้าพักนอนเล่นและเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดใหม่ที่เพิ่งซื้อและเดินเล่น สักบ่ายสามเขาก็เริ่มตั้งร้าน เดินไปถึงวัดศรีคุนเมือง แวะไหว้พระ และแวะซื้อกุ้งเสียบไม้ เห็ดเสียบไม้ กับเมี่ยงคำ และเดินกินไปตามถนนถนนเลียบแม่น้ำโขง ชีวิตของคนที่นี่ช่างน่าอิจฉามากมาย ดูสงบและร่มเย็นจัง
เดินเล่นไปถ่ายรูปไป กินไปจนอิ่มและมืดโดยไม่รู้ตัว
เกือบๆสามทุ่ม เลยเดินกลับที่พัก เพราะตามที่คุยกับทางที่พัก กุญแจที่เขาให้ไว้ 2 ดอก เพราะ 1 ไว้เปิดประตูห้องนอน  อีก 1 ไว้ใช้เปิดประตูด้านข้าง  เพราะที่นี่จะปิด 3 ทุ่ม เราต้องเข้าด้านข้าง จึงต้องมีกุญแจมาเปิดประตูเข้าออก
จากที่ทราบ ตอนเช้าที่นี่เขามีตักบาตรข้าวเหนียวหน้าที่พัก พระจะมาบิณฑบาตรตอน 6 โมงเช้า อาม่าเลยตื่นและเตรียมตัวลงมาตั้งแต่ ตีห้าครึ่ง ลงมาเขาเริ่มปูเสื่อกัน และมีคนมาขายชุดตักบาตรกันมากมาย แถมยังมีคนเดินขายกับข้าว กับข้าวต้มมัดเพิ่ม ถ้าของที่เราเตรียมมาไม่พอ
เสร็จแล้วอาม่าก็เอาจักรยานของที่พักไปปั่นรอบริมแม่น้ำ คนเริ่มตื่นมาถ่ายรูปกันเยอะขึ้น อากาศในตอนเช้าก็ยังเย็นสดชื่น ให้กลิ่นอายของชีวิตบ้านๆที่เรายังต้องการ แต่พอถามคนเชียงคานบางคน เขาบอกว่า ต้องสมัยปี 2550 ที่คนยังมาเที่ยวไม่มาก ชีวิตของคนที่นี่จะน่าอยู่กว่านี้ สามทุ่มจะเงียบมาก ซึ่งต่างจากเมื่อคืนที่สามทุ่มคนยังเต็มถนน แถวชุดที่อาม่าซื้อมาใส่เดินในถนนคนเดิมเมื่อวานนี้ เขายังบอกว่า นี่ไม่ใช่ชุดของเชียงคาน นี่ชุดไทยลื๊อ ของเชียงคานเขาจะใส่พวกเสื้อยืดกับผ้าถุงมีแถบๆข้างล่าง ถ้าไปวัดก็จะมีผ้ามาพาดด้วย เอิ่ม...ปีหน้าอาม่ามาใหม่ จะใส่ชุดสาวเชียงคานเลย เดี๋ยวเราเจอกัน
สักพักก็ได้เวลาหิว อาม่ามีคูปองอยู่ 2 ใบ ไปทานอาหารตามร้านที่เขาเป็นพันธมิตรกัน คูปองมูลค่า 50 บาท เขาให้ห้องละ 2 ใบ ถึงอาม่าไปคนเดียว เขาก็ให้ 2 ใบ อาม่าเลยใช้สิทธิ์ไป 2 ร้าน อิ่มมาก
ปั่นจักรยานเล่นอีกหน่อยก็ใกล้เวลาต้องคืนห้อง อาม่าเลยกลับไปอาบน้ำและฝากของ และไปเดินเล่น พอบ่ายก็หิวสิคะ อาม่าเลยไปนั่งทานชิวชิวที่ร้านอาหารระเบียงโขง จัดไปเบาๆ ทานไปมองแม่น้ำไป เพราะอาม่าเลือกที่นั่งติดริมระเบียงเห็นแม่น้ำ และคนปั่นจักรยานรอบแม่น้ำโขง
ใกล้เวลา เลยกลับไปที่พัก ดื่มกาแฟสักแก้วก่อนเดินไปตรงที่จุดรับผู้โดยสารของรถตู้ transfer ของทาง Air Asia ซึ่งไว้บริการผู้โดยสารที่จองตั๋วเชียงคาน ดอนเมืองเอาไว้
พอ 15.45 รถตู้ก็มารอตรงหัวมุมถนนหน้าวัดท่าคก ซึ่งห่างออกไปจากจุดนัดพบที่มีป้ายแอร์เอเชีย เพราะถนนคนเดินจะเริ่มปิดประมาณบ่ายสาม ห้ามรถเข้าออก ของอาม่าทางรถตู้ไม่ได้โทรเรียก แต่เดินมาตามให้ไปขึ้นรถ ส่วนผู้โดยสารคนอื่นได้ยินว่า รถตู้มีโทรตามให้ออกมาขึ้นรถตรงนี้ ก็แอบงงเล็กน้อย
จากหัวมุมถนน รถตู้ก็ขับตรงไปยังท่าอากาศยานเลย ไปถึงก็แจ้งชื่อเราเพราะเขาต้องเก็บข้อมูลผู้โดยสาร
จากนั้นจึงไปเช็คอิน นั่งรอสักพัก เครื่องบินจากกรุงเทพก็บินมาถึง เวลาที่ต้องถึงกรุงเทพคือ 18.55 แต่ลำที่อาม่านั่ง พาอาม่าถึงบ้านเร็วมาก 18.37
จบแล้วกับการเดินทางบนคานของอาม่า แล้วเจอกันที่คานอันใหม่ หรือเมื่อไขข้อของอาม่าพร้อมที่จะออกเดินทางนะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่