เหตุเกิดจาก อ่านกระทู้เที่ยวเชียงคานในพันทิปหลายๆกระทู้ เลยตัดสินใจไปสัมผัสด้วยตัวเองซะเลย จึงได้จองตั๋วรถทัวร์ ออนไลน์ของ บขส ไว้ แล้วนำรหัสการจองไปชำระเงินที่ 7-11 ได้เลย ช่างสะดวกสบายอะไรอย่างนี้

เราเริ่มต้นการเดินทางจากสถานีขนส่งหมอชิต 2 หลังจากที่ถึงหมอชิต เราก็ตรงขึ้นไปชั้น 3 ซึ่งเป็นชั้นจำหน่ายตั๋วรถภาคอีสาน ขึ้นไปถึงมุ่งหน้าไป เคาเตอร์ของ บขส จากนั้นนำ สลิป 7-11 ที่ได้ชำระเงินให้พี่พนักงานแล้วเขาจะพิมพ์ตั๋วมาให้แบบนี้

รอบที่เราจองเป็นรอบ 20.00 น. รถ บขส ม1ข หรือ รถ ป.1 ทั่วไป
พอได้เวลาแล้วก็แบกกระเป๋า เดินลงไปรอที่ชานชลาที่ 103 ตามในตั๋วเลยแต่ด้วยวันนี้ การจราจรบน ถนนกำแพงเพชรหนาแน่น จึงทำให้รถมาเทียบชานชลา เวลา 21.00 น. และออกเดินทางในเวลา 21.30 น.

ที่นั้งภายในรถ ตอนแรกนึกว่าจะเป็นรถ 2 ชั้น แต่พอมาเทียบเป็นรถ บขส 15 เมตร แบบใหม่ของทาง บขส เลย

เบาะแบบใหม่ที่อยู่ในแคปซูนมีระบบนวดถุงลม ปรับเอนด้วยไฟฟ้าและ มีที่ชาร์จไฟ USB

เวลาประมาณเที่ยงคืนกว่า รถก็จอดจุดพักรถบขส ที่อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา นี้คือรถที่เราเดินทาง

และแล้ว เวลา 7 โมงกว่าๆ เราก็มาถึงจุดจอดรถ บขส เชียงคาน ซึ่งอยู่ใกล้กับตลาดเชียงคาน

บรรยากาศยามเช้าที่เชียงคาน เงียบสงบมาก

ที่พักที่เราไปพัก มีชื่อว่าบ้านตากะยาย คุณตาเจ้าของที่พัก น่ารักมากๆเลยครับ เราพัก ห้องพักแบบนอนได้ 2 คน ห้องน้ำรวม คืนล่ะ 600 บาท แต่ด้วยเราไปถึงเช้า ยังไม่ได้เวลาเช็คอิน เราจึงขอคุณตาทำธุรส่วนตัว ฝากกระเป๋า แล้วยืมจักรยานไปปั่นเที่ยวก่อน


บรรยากาศริมฝั่งโขง มีหมอกนิดๆ อากาศเย็นสบายกำลังดี


มาเชียงคานก็ต้องทาน ไข่กระทะ กับ ข้าวเปียกเส้น
หลังจากเติมพลังเสร็จ เราก็ไปสถานที่แนะนำสถานที่แรก นั้นคือ แก่งคุดคู้

จากตัวเมืองเชียงคานไปแก่งคุดคู้ ระยะทางประมาณ 5.5 กิโลเมตร ใช้เวลาในการปั่นจักรยานไป 30 นาที
แก่งคุดคู้ตอนช่วงที่เราไปเป็นช่วงปลายฝนต้นหนาว น้ำในแม่น้ำโขงเยอะจึงมองไม่เห็นแก่งเท่าไหร่

นายพราน ใน ตำนานแก่งคุดคู้
จากนั้นเราก็กลับมาหามือเที่ยงกันในเชียงคาน

มาอีสานก็ต้องลองส้มตำพื้นที่ อร่อยดีครับ หลังจากรับประทานเสร็จ ก็กลับไปเช็คอินเข้าที่พัก พร้อมพักผ่อน ตื่นอีกทีก็ 6 โมงเย็นพอดี

ที่พักของเราอยู่หน้าถนนคนเดินเชียงคานเลย มีของกินของใช้ให้เลือกซื้อมากมาย

มาแล้วต้องไม่พลาด กุ้งแม่น้ำเสียบไม้ ตัวเล็กไม้ล่ะ 10 ตัวใหญ่ไม้ล่ะ 20 บาท กินอิ่ม ก็กลับที่พัก เตรียมพักผ่อนพรุ่งนี้ตื่นเช้าไปทะเลหมอกกัน

เช้านี้เราตื่นกัน ตีห้า เพื่อตักบาตรข้าวเหนียวก่อนไปทะเลหมอก

เรานั้งรถสามล้อซึ่งคุณตาได้ติดต่อไว้ให้มาถึงทางขึ้นภูทอก เดินไปซื้อตั๋วรถขึ้นภูทอก และไปขึ้นรถได้เลย

ถึงแล้ว ภูทอก ทะเลหมอกเมืองเชียงคาน

เราไปถึงเวลาประมาณ 6.40 น. วันนี้หมอกเยอะมากจนมองไม่เห็นภูเขาเลย

ฮอดแล้วเด้อ ภูทอก เชียงคานนนน


เมื่อถ่ายรูป พร้อมดูทะเลหมอกจนพอก็นั้งรถกลับลงมาด้านล่าง ระหว่างทางลงมีหมอกมากเหมือนอยู่เชียงใหม่เลย

พอกลับมาถึงตัวเมืองเชียงคานก็เดินไปหาของกิน  บรรยากาศริมโขงเช้านี้ มีหมอกมากกว่าวันแรก มองไม่เห็นฝั่งลาวเลย

ของกินเช้านี้ เหมือนเดิม ข้าวเปียกเส้น


บรรยากาศยามสาย หมอกเริ่มจางจนมองเห็นฝั่งประเทศลาว

แผนที่ท่องเที่ยวอำเภอเชียงคาน
จากนั้นก็กลับเข้าที่พักเพื่อเก็บของ เพราะต้องเช็คเอาออกก่อนเที่ยง แต่ถ้าเราเช็คเอาแล้ว สามารถฝากกระเป๋าไว้กับคุณตาได้จนกว่าเราจะได้เวลาขึ้นรถกลับ

ตามถนนที่เราเดินก็จะมีสถานที่ถ่ายรูปมากมาย


ก่อนจะได้เวลากลับ เราก็เดินเที่ยวและถ่ายรูปอีกสักรอบหนึ่ง
เราได้จองรถทัวร์ของ บขส รอบเวลา 18.30 น. รถมาตรฐาน ม.1ข หรือรถ ป.1 แบบเดิม

บรรยากาศยามเย็นระหว่างเดินกลับไปรอขึ้นรถกลับ กรุงเทพฯ

เจ้าตูบที่ ท่ารถ บขสเชียงคาน น่ารัก.........


และแล้วก็ได้เวลาขึ้นรถกลับ กรุงเทพฯแล้ว

บนรถก็จะมีน้ำกับขนมแจกไว้กันหิวกลางคืนด้วย พร้อมสำหรับการกลับกรุงเทพฯในคืนนี้
บ๊ายบายเชียงคาน มีโอกาศจะมาเที่ยวไหมน่ะ

ปล.ถ้ากลัวว่าเราจะลืมของใช้ นู้น นั้นนี้ ไม่ต้องกังวลที่เชียงคานมี โลตัสเอ็กเพรส และ 7-11 ด้วยน่ะ

ค่าใช้จ่ายคราวๆในทริปนี้ ไม่รวมค่ากินกับค่าของฝากน่ะ
ค่ารถทัวร์ไป-กลับ กรุงเทพฯ-เชียงคาน-กรุงเทพฯ        419+419 = 838 บาท
ค่าที่พัก บ้านตากะยายเชียงคาน                     600
ค่ารถไป-กลับ ภูทอก                                100 บาท
ค่าขึ้นภูทอก                                            25 บาท
รวมทั้งหมด                                                         1563 บาท

จขกท  เอาเงินไปประมาณ  3000 บาท ที่เหลือหมดไปกับของกินและของฝาก
ขอบคุณที่เขามาอ่านรีวิว เป็นการรีวิวครั้งแรก อาจจะขาดตกบกพร่องอะไรไปหลายอย่าง ขอบคุณครับ
ขออภัยด้วย บางภาพอาจจะไม่ชัด เพราะใช้ มือถือ Huawei y6ii ในการถ่ายภาพ อาจมีเบลอบ้าง ไม่ชัดบ้าง