กลับมาอีกครั้งแล้วนะคะเพื่อนๆห้องบลูทุกท่าน  การรีวิวครั้งนี้เป็นการรีวิวทริปที่4แล้วค่ะ ยังไงก็ฝากตามกระทู้เก่าๆเค้าด้วยนะ

--> รีวิวทริปเวียงจันทน์-วังเวียง-หลวงพระบาง 5วัน4คืน แบบว่าอยากไปก็ต้องไป!!!  http://ppantip.com/topic/35171034

--> รีวิวทริปเชียงราย วันธรรมดาน่าเที่ยวกับการเช็คอิน 40 ที่ในเวลา 5วัน4คืน http://ppantip.com/topic/35303343

--> รีวิวทริปกระบี่-มีแค่ฉัน 4วัน3คืน http://ppantip.com/topic/35613581

เรามาเริ่มรีวิวทริปเชียงคานกันเลยดีกว่า


ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่าเที่ยวครั้งนี้เรามากับเพื่อนๆ ที่คบกันมาตั้งแต่สมัยมัธยมปลาย คบกันมาก็เกือบจะยี่สิบปีแล้วหล่ะ (คำนวณเองนะว่า จขกท.อายุเท่าไร) ความผูกพันมันเลยเหนียวแน่นกันมากกกกกก แนะนำกันก่อนเลยว่าใครเป็นใคร

จขกท.ชื่อเบนซ์ค่ะ แต่ชื่อจะซ้ำกันกับอีกคนนึงก็เลยเรียกว่า เบนซ์หญิง และเบนซ์ชาย ที่เหลือก็จะมีบอล, นุ้ย, เต้ย, แจ๊ค, กุ้ง, ฝน, นิ่ม และทริปนี้พิเศษมี น้องพอดี มาเที่ยวกับเราด้วย น้องพอดีเป็นลูกของนิ่มนะคะ ส่วนลุงจันทร์เป็นโชเฟอร์รถตู้ฝีมือดีประจำทริปค่ะ
การเดินทางไปเชียงคานของเราในครั้งนี้คือวันที่ 18 – 20 พฤศจิกายน 2559 โดยรถตู้ตามเส้นทางนี้ค่ะ ฉะเชิงเทรา – นครราชสีมา – ชัยภูมิ – เลย – เชียงคาน เพราะว่า จขกท. และเพื่อนๆ เกิดและอาศัยอยู่ที่ จ.ฉะเชิงเทราจ้า

วันที่ 18 พฤศจิกายน 2559
ฉะเชิงเทรา – เชียงคาน

เริ่มออกเดินทางเวลา 19.00 น. ทุกคนพร้อมเพรียงกันเป็นอย่างดี


ภาพถ่ายในรถ มืดสักเล็กน้อย เรากินอาหารมื้อเย็นกันบนรถ เป็นข้าวเหนียวหมูทอด ซึ่ง จขกท. ทำไปให้เพื่อนๆกินเองค่ะ แต่มันอร่อยมาก ถ่ายรูปไว้ไม่ทัน 555
การเดินทางของเราไปอย่างไม่เร่งรีบ เราคำนึงถึงความปลอดภัยไว้ก่อน แวะพักยืดเส้นยืดสายบ้าง เข้าห้องน้ำบ้าง ก็มาถึงเวลาเที่ยงคืนท้องก็เริ่มหิวขึ้นมาอีกแล้วทำไงดี ก็แวะหาไรกินกันสิคะ

ก๋วยเตี๋ยวร้อนๆ ตอนเที่ยงคืน ณ ร้านริมถนนแห่งหนึ่ง ใน จ.ชัยภูมิ

พออิ่มท้องเราก็เดินทางต่อ จริงๆแล้วการเดินทางมาเชียงคานใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมง แต่ลุงจันทร์ก็ขับอย่างช้าๆ ไม่เร่งรีบ พาเรามาถึง อ.เชียงคาน จ.เลย ตอนประมาณตีสี่ครึ่ง เราก็แวะเข้าปั๊มเพื่อเข้าห้องน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน ทำธุระส่วนตัวกันก่อนมุ่งหน้าสู่ “ภูทอก” เพื่อชมทะเลหมอกยามเช้า

วันที่ 19 พฤศจิกายน 2559
ภูทอก – วัดพระพุทธบาทภูควายเงิน - แก่งคุดคู้ – เชียงคาน

พวกเราเดินทางมาถึง “ภูทอก” ก็รีบซื้อตั๋วเพื่อต่อรถขึ้นไปชมทะเลหมอกยามเช้ากัน

ตั๋วรถขึ้นภูทอกราคา 25 บาท ต่อคน เป็นรถของท้องที่ที่จัดไว้เฉพาะขึ้นไปชมทะเลหมอกเท่านั้น รถอื่นๆไม่มีสิทธิ์ขึ้นไป ต้องจอดรออยู่ด้านล่าง

รถกระบะ กั้นคอกสูง สำหรับขึ้นบนภูทอก จะบอกว่า นั่งตรงไหนพอขึ้นไปเสียวทุกที่นั่ง ไม่เชื่อต้องลอง จากด้านล่างขึ้นมาด้านบนใช้เวลาประมาณ 5 นาที และแล้วเราก็ขึ้นมาถึง “ภูทอก” ณ เวลา ตีห้ากว่าๆ ด้านบนมืดมาก อากาศเย็นๆไม่ถึงกับหนาว

และแล้วก็ใกล้เวลา 6.00 น. แสงพระอาทิตย์ก็เริ่มสว่างมาเล็กน้อย ทำให้วันนี้เราเห็นทะเลหมอกด้วย

ประทับใจจัง ทะเลหมอกยามเช้า ณ ภูทอก

ด้านบนนี่มีมุมให้ถ่ายรูปเยอะ แต่คนมาเที่ยวก็เยอะเช่นกัน ทำให้เราได้ถ่ายรูปมาเป็นบางจุด

แต่ยังไงก็ต้องถ่ายหลักกิโลกันสักหน่อย พอเราชมทะเลหมอกอย่างเต็มที่แล้ว ก็ถึงเวลาของกระเพาะอาหารแล้วสิ ไปหาอะไรกินกันดีกว่า อ่อ ลืมบอกไปว่า การขึ้นและลงภูทอกขึ้นรถไปกับคันไหน ไม่จำเป็นต้องกลับคันนั้น กลับด้วยคันไหนก็ได้ เพราะรถจะเวียนขึ้นลงเพื่อรับส่งผู้โดยสาร

แล้วเราก็ลงมาด้านล่าง ระหว่างทางมีของขายตลอด รองท้องกันสิคะ ข้าวจี่ ปังปิ้ง หอยครก แซนวิชทอด ปาท่องโก๋ยัดไส้ ถามว่าแค่นี้พวกเราอิ่มกันมั้ย ตอบเลยว่า....ไม่

ก็เลยมากินอาหารต่อที่ร้านนี้ค่ะ “ร้านบ้านไม้ภูทอก” ก็อยู่แถวๆที่เราจอดรถเพื่อขึ้นภูทอกหล่ะค่ะ

มื้อเช้านี้พวกเราจัดกันหนัก จขกท.ถ่ายรูปไว้ไม่ทันแต่อาหารก็ประมาณนี้ค่ะ โจ๊ก ไข่กระทะ ต้มเลือดหมู ร้านนี้อร่อยดีค่ะ ราคาไม่แพง มีชา กาแฟ น้ำดื่ม ครบ
หลังจากอิ่มท้องเราก็เดินทางกันต่อ จุดหมายต่อไปคือ “วัดพระพุทธบาทภูควายเงิน” ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากภูทอก มาถึงเชียงคานต้องมาสักการะรอยพระพุทธบาทที่นี่

วัดนี้มีพระใหญ่ด้วยนะ เดินขึ้นเขามาเล็กน้อย ยังไม่ทันเหนื่อยก็ถึง พระใหญ่

พวกเราไหว้พระ ให้อาหารปลา เต่า กระต่าย กันที่วัดนี้สักพักก็เดินทางต่อ จุดหมายต่อไปคือ “แก่งคุดคู้”
ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากภูทอก และวัดพระพุทธบาทภูควายเงิน ลุงจันทร์ขับรถประมาณ 10 นาทีก็ถึง

ลุงจันทร์ โซเฟอร์ฝีมือดี ใครสนใจเรียกใช้บริการ inbox มาหา จขกท.ได้นะ

และแล้วเราก็มาถึง “แก่งคุดคู้”

มาที่นี่ มาทำอะไร... ก็ต้องล่องเรือชมสองฝั่งแม่น้ำโขง ระหว่างประเทศไทย และประเทศลาวกันสิคะ
เราได้เช่าเรือเหมาลำในการล่องเรือชมสองฝั่งโขง ตกลงราคากับนายท่าไว้ที่ราคา 1ชม. 800 บาท เป็นราคาที่ทั้งสองฝ่ายพอใจ ก็ลงเรือได้เลยค่ะ

พอครบชั่วโมง เรือก็พาเรามาส่งที่เดิม ก็เป็นเวลาเกือบเที่ยง ท้องเริ่มหิวอีกแล้วสิ ว่าแล้วเราก็จัดมื้อกลางวันกันที่แก่งคุดคู้นี่เลย เพราะที่นี่มีร้านขายอาหารอยู่มากมาย เราเลือกร้านใกล้ๆหน้าห้องน้ำ แต่จำชื่อร้านไม่ได้

มาที่นี่ต้องไม่พลาดกุ้งฝอย กุ้งเต้น ส้มตำด็องแด็ง ปลาเผา รสชาติอาหารร้านนี้ถือว่าผ่าน ราคาก็พอประมาณ
อ่อ เกือบลืมบอกอีกอย่างนึงว่า “มะพร้าวแก้ว” เป็นของฝากที่ต้องไม่พลาดที่จะซื้อกลับ และแหล่งผลิตมะพร้าวแก้วก็คือที่แก่งคุดคู้นี่เอง พวกเราก็เลยไม่พลาดที่จะเลือกชิมและช้อป เราเดินชิมทุกร้าน และก็ถูกใจที่ร้านนี้

ใครได้ไปแวะแก่งคุดคู้ อย่าลืมไปอุดหนุนนะคะ สำหรับจขกท.และเพื่อนๆ จัดมารวมกันทั้งหมด 20 กว่ากิโล (มะพร้าวแก้ว เกรดเอ กิโลกรัมละ 240 บาท)

เอาหล่ะ ลองเรือแล้ว อิ่มท้องแล้ว ซื้อของฝากแล้ว เราไปไหว้พระกันต่อดีกว่า จุดหมายต่อไปเราจะไปไหว้พระกันที่ “วัดท่าแขก” ซึ่งอยู่ระหว่างทางมาแก่งคุดคู้ ส่วนประวัติความเป็นมาของวัดหาข้อมูลเพิ่มเติมเองนะ

หลังจากไหว้พระวัดนี้เสร็จ เราก็เดินทางต่อมุ่งหน้าสู่ที่พัก แต่ก่อนที่จะเข้าพักเราก็ได้แวะไหว้พระอีกวัดนึง ซึ่งถ้าใครมาเชียงคานแล้วไม่ได้แวะไหว้พระวัดนี้ถือว่ามาไม่ถึง “วัดศรีคุนเมือง”

ขณะนี้เป็นเวลา 14.00 น. ก็ถึงเวลาเช็คอินเข้าที่พัก
ที่พักของเราสำหรับทริปนี้คือ “โรงแรมพูลสวัสดิ์” และเราก็ไม่ผิดหวังที่เลือกที่นี่ เพราะ การบริการที่ดีเยี่ยม เป็นจุดศูนย์กลางของถนนคนเดินเชียงคาน คุ้มค่าคุ้มราคาจริงๆ

พอเราเช็คอินเป็นที่เรียบร้อย นอนพักเหนื่อยแป๊บนึงก็ได้เวลาไปปั่นจักรยานรอบเชียงคานกันละ

ความรู้สึกเหมือน แก๊งค์แฟนฉัน เลยอ่ะ

เชียงคานเป็นเมืองเล็กๆ เงียบสงบ อาคารบ้านเรือนเป็นไม้เก่ามีเอกลักษณ์ ถนนอีกฝั่งก็ติดริมแม่น้ำโขง รู้สึกสดชื่นที่ได้มาสูดบรรยากาศที่นี่

สิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาถนนคนเดินเชียงคานคือ กินเมี่ยงคำ และกุ้งแม่น้ำเสียบไม้ย่าง นะคะ

บรรยากาศริมแม่น้ำโขงยามเย็น

เดินเล่นถนนคนเดินยามค่ำคืน

ได้เวลาอาหารมื้อเย็นแล้วสินะ เย็นนี้จัดตำถาดกันสักมื้อเป็นไง ร้านนี้เลยเล็งไว้แล้ว ส้มตำซอย 14

แซ่บมาก ขอบอกเลย ใครมาห้ามพลาด อร่อย ราคาไม่แพง

หลังจากกินเสร็จก็เดินเล่นต่อถนนคนเดินสักพัก เราก็เหนื่อยล้ากันมาก เดี๋ยวหานมกินก่อนนอนแล้วพักผ่อนตามอัธยาศัยดีกว่า

ร้านนี้เลยจ้า ปาท่องโก๋ยัดไส้ (ลุงมุข) นมอร่อย ปาท่องโก๋รสชาติดี ราคาสบายกระเป๋า หลังจากอิ่มเต็มที่ ล้าเต็มทน ก็ขอกล่าวคำว่า ราตรีสวัสดิ์ พบกันใหม่วันพรุ่งนี้จ้า