พระนางอลิซาเบธที่1 VS พระนางบูเช็คเทียน

ระหว่าง สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 1 แห่งอังกฤษ  กับ พระนางบูเช็คเทียน แห่งราชวงศ์โจว
-ใครยิ่งใหญ่กว่ากันครับ
-ใครเป็นที่รู้จักมากกว่ากัน
-ใครปกครองบ้านเมืองให้เจริญรุ่งเรื่องกว่ากัน
-ใครที่ประชาชนยกย่องมากกว่ากัน
-แล้วทำไมพระนาง2คนนี้ถึงถูกนำมาสร้างเป็นหนังใหญ่ ซีรี่ย์หลายๆครั้งหละครับ ในประวัติศาสตร์ไม่มีพระราชินีองค์อื่นที่ขึ้นครองราชแล้วเป็นที่จดจำบ่างเหรอ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 9
หวู่เจ๋อเทียนหวงตี้(皇帝 เจ้าประมุข ปกครองจงหยวน) เหนือกว่า อลิซาเบธที่1

หวง 皇 เจ้า
ตี้ 帝 ประมุข

ทรงเป็นฮ่องเต้หญิงองค์เดียวในประวัติศาสตร์จีน ผ่านพิธีประกาศโองการสวรรค์ ใช้ เจิ้น เป็นสรรพนาม
ปฐมฮ่องเต้ ราชวงศ์โจว ศักราช เทียนโจว

最高的是天子,最低的是人民
สูงสุดโอรสสวรรค์ ต่ำสุดทวยราษฎร


ใช้คำเรียกขาน ปี้เซี่ยะ(陛下) หวงซ่าง(皇上)  แทนองค์สืบแต่ต้าฉิน
ว่านซุ่ย(万岁 หมื่นปี) สืบแต่ต้าถัง

คำว่า ปี้เซี่ยะ
ปี้(陛) แปลว่า ขั้นบันไดของราชบัลลังก์
เซี่ยะ(下) แปลว่า ข้างล่าง
รวมความหมายถึง ตีนบันได หนังจีนมักแปลว่า ฝ่าบาท เพื่อสะดวกในการพากย์
ส่วนอ๋อง องค์ชาย องค์หญิง ไทเฮา ฮองไทเฮา เรียกยศนำหน้าตามแบบจีน

สมัยก่อน การเพ็ดทูลกับเทียนจื่อ(天子 โอรสสวรรค์)
ไม่กราบทูลต่อองค์โดยตรง ถือว่าไม่ให้ความเคารพ
แต่กราบทูล ผ่านคนกลาง คือ ผู้ที่ยืนเฝ้าตรงตีนบันไดราชบัลลังก์ ได้แก่


ขุนนางคนสนิทพกกระบี่ มีหน้าที่ป้องกันเหตุไม่บังควรต่อหน้าพระพักต์
เรียกว่า ปี้เซี่ยเจ่อ(陛下者 bì​xiàzhě) หรือ ผู้เฝ้าตีนบันไดสู่ราชบัลลังก์
กลายมาเป็นคำขึ้นต้นของการเพ็ดทูลในเวลาต่อมา


ปรกติแล้ว สามัญชนเรียก ฮ่องเต้(皇帝หวงตี้) โดยตรงไม่ได้ต้องเรียกว่า หวงซ่าง(皇上 huang shang)
แปลว่า เจ้าเหนือหัว คล้ายที่คนไทยเรียกว่า พ่ออยู่หัว นั้นเอง
หนังจีนมักแปลว่า เหนือหัว หรือ องค์ฮ่องเต้ เพื่อความเข้าใจของผู้ชม

ทรงปกครองแผ่นดินต้าถัง ประชากรหลายสิบล้านยังจงหยวน อันอุดมสมบูรณ์ที่สุดในโลก
ฉลองเสื้อคลุมมังกร เปลี่ยนเป็นหงษ์เพื่อให้เหมาะกับพระองค์ ไม่ใช่แค่ตัดชุดแล้วเก็บเอาไว้ดูแบบซูสีไทเฮา
นั่งบังลังก์ปกครองต้าโจวอย่างถูกต้อง ไม่ต้องแอบหลังม่านไม้ไผ่แบบซูสีไทเฮา

ชาติกำเนิดติดดิน
เม่ยเหนียง สามัญชน ส่งตัวไปเป็นสนม เข้าใจชีวิตชาวบ้านมากกว่า
ในบรรดาฮ่องเต้ มีเพียงสามคนที่เป็นสามัญชน
หลิวปัง กำนันแคว้นฉิน
หวู่เหม่ยเนียง ลูกสาวพ่อค้า
จูหยวนจาง ลูกชาวนา ยากจนต้องขอทานเขากิน

ดวงเป็นอริกับต้าถัง
โหรทูลถังไถ่จง ว่า คำว่า หวู่ เป็นกาลกิณีต่อต้าถัง ทำให้ถังไท่จงระวังพระนางในเรื่องนี้
แต่ทรงโปรดปรานในความฉลาด และความงามของพระนาง หลังสวรรคตให้พระนางไปบวชที่อาราม

ใช้คนไม่เลือกชนชั้น
ทรงแก้ไขระบบการสอบเคอจวี่ จากต้าสุ่ยโดยคุณสมบัติผู้เข้าสอบเปิดกว้าง ทุกชนชั้น ทุกเชื้อชาติ ทุกศาสนา
สามารถเข้าสอบเป็นกำลังให้ราชสำนัก ขอเพียงมีความสามารถ สมัยนั้นมี คนญี่ปุ่นสอบเข้าได้เป็นขุนนางต้าถัง
เช่นเดียวกับฉินมู่กง ประกาศหาคนเก่งจากทุกสารทิศไม่เลือกเชื้อชาติ แว่นแคว้น วรรณะ จนต้าฉินรวมแผ่นดินได้สำเร็จ

เชิดชูสิทธิสตรี
แต่งตั้งกองทหารหญิงรักษาพระองค์ เช่นเดียวกับโจโฉเคยแต่งตั้ง ให้สิทธิสตรีในการประกอบอาชีพ รับราชการ หย่าร้าง
โสเภณีเป็นอาชีพถูกกฎหมาย ต้องเต็มใจขายตัว ไม่ฉุดคร่ากักขังขืนใจ สำนักนางโลมเสียภาษี

เกษียณอายุนางสนม เจ้าจอม ที่ไม่มีลูกกับฮ่องเต้องค์ก่อน ให้กลับภูมิลำเนาถาวร พร้อมบำเหน็จ
ไม่ต้องอยู่ตำหนักเย็น หาเลี้ยงชีพด้วยการเย็บถุงหอม ฝากขันทีไปขาย ได้กลับบ้านอยู่กับครอบครัว
บางนางยังสามสี่สิบยังแจ๋ว ได้เริ่มชีวิตใหม่  ไม่ต้องอยู่กับการแก่งแย่งชิงดี

ฟังเสียงจากผู้คน
ทรงสั่งให้สร้าง กล่องทองแดง รับบัตรสนเท่ห์ คอยสอดส่องบรรดาขุนนาง เชื้อพระวงศ์
ช่วยประเมินสภาพการปกครองได้ดี เป็นคันฉ่อง และแยงแว่น ของราชสำนัก

ปฏิรูปการนับถือศาสนา
ทำลายจารีตลัทธิหยูจากต้าฮั่น เพื่อกรุยทางให้พระนางนั่งบังลังก์เช่นเดียวกับชายได้
เป็นเรื่องที่ไม่เคยมีมาก่อน ที่หญิงคนหนึ่งจะแก้ไข ทำลายขนบที่สืบมาแต่ต้าเซี่ยมากว่าสองพันปีได้สำเร็จ
พระองค์ส่งเสริมพุทธศาสนา ทรงสร้างถ้ำหลงเหมิน แกะสลักพระธานถอดแบบจากพระพักต์พระองค์
แสดงชัยชนะที่หญิง สร้างจารีตธรรมเนียมในการปกครองได้สำเร็จ และผลงานดีเป็นที่ปรากฏมากกว่าต้าถัง
ทรงเป็นโยมอุปฐากพระถังซัมจั๋งจนท่านละสังขาร พระองค์เลื่อมใสในพุทธศาสนา ที่ไม่มีชนชั้นวรรณะ

ทำให้ลัทธิหยูซึ่งมีแต่ชายและบัณฑิตจำนวนมากไม่พอใจ ใส่ร้ายพระองค์ว่า
เป็นคนโหดร้าย กิเลสหนาตัณหาจัด เลี้ยงสนมชายไว้บำเรอในวังที่ลั่วหยาง โดยส่งนางกำนัลไปเซาะแสวงหา
ทั้งที่พระองค์ครองราชย์เมื่อพระชนมายุ 64 พรรษา ซึ่งเป็นวัยทองหมดประจำเดือนแล้ว


อ้างอิง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่