วันนี้ (6 ธ.ค.) นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความตอบกลับ กรณีพล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด เตือนนักการเมืองพรรคประชาธิปัตย์ว่า อย่าฉวยโอกาสทางการเมือง เสนอทางแก้เรื่องข้าวในช่วงนี้ โดยระบุ
จากกรณีที่โฆษกรัฐบาล ได้ให้ข่าวเมื่อวานนี้กล่าวหานักการเมืองว่าได้นำเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาราคาข้าวตกต่ำเพื่อ
1. “ฉวยโอกาสสร้างพื้นที่ข่าวให้ตนเอง” และ 2. “มีเจตนาทำให้สังคมมองว่ารัฐบาลยังไม่ได้ทำอะไร”
ผมขออนุญาตชี้แจงในฐานะที่เป็น นักการเมืองคนดังกล่าว ดังต่อไปนี้ครับ
1. รัฐบาลควรรับฟังข้อเสนอแนะรอบด้าน แยกแยะมิตรหรือศัตรูให้เป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีนี้ยังมีอีกหลายแนวนโยบายที่เป็นนโยบายที่ดี และเป็นประโยชน์ต่อชาวนาไทย
2. รัฐบาลไม่ควรสร้างประเด็นขัดแย้ง และต้องทำความเข้าใจว่ายังมีอีกหลายภาคส่วนในประเทศนี้ที่ยังคงทำหน้าที่ด้วยความภักดีและหวังดีต่อประเทศไทยเช่นเดียวกัน
3. รัฐบาลไม่ควรมองทุกประเด็นเป็นประเด็นการเมือง เพราะนี่จะไม่ได้ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านดีขึ้น
ส่วนประเด็นข้อเสนอเกี่ยวกับการช่วยเหลือชาวนาไทย อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าช่วงเดือนพฤศจิกายน ธันวาคม คือฤดูกาลเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวนาปี จึงทำให้ปริมาณข้าวในตลาดมีเพิ่มขึ้นมากกว่าช่วงเวลาอื่น และหากข้าวนาปรังระบายช้า แล้วยังมีสต็อกข้าวนาปีเข้ามาเติม ก็จะทำให้ราคาตกต่ำลงไปอีก ซึ่งก็จะกระทบโดยตรงต่อรายได้ของชาวนา
ในฐานะหัวหน้าทีมนโยบายของพรรคฯ เราทำงานมาอย่างต่อเนื่องด้วยการรวบรวมข้อมูลและประเด็นปัญหาจากหลากหลายพื้นที่ รับฟังข้อมูลจากนักวิชาการและคณะอาจารย์ด้านการเกษตร จากอดีตผู้แทนที่คลุกคลีกับชาวบ้านอยู่ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ และรวมไปถึงจากการที่ผมได้ริเริ่มทำโครงการข้าวอิ่มด้วยตัวเองที่จังหวัดมหาสารคามมา 4 ปี ทำให้ผมเข้าใจปัญหาเรื่องกลไกของระบบข้าวได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
การแถลงเพื่อเสนอแนะต่อรัฐบาลในวันที่ 28 พฤศจิกายนที่ผ่านมานั้น ทีมนโยบายของเรามีความตั้งใจและปรารถนาดี จึงได้แสดงความเห็นผ่านช่องทางที่พอจะทำได้เพื่อให้รัฐบาลรับทราบว่า..
ชาวนาไทย ในปัจจุบันยังคงประสบปัญหารายได้ไม่พอรายจ่าย ต้นทุนค่าปลูกข้าวสูงกว่ารายได้ค่าข้าว สิ่งที่ทีมนโยบายเสนอไปนั้นคือ นโยบายเพื่อแก้ปัญหาระยะสั้นและระยะกลาง ส่วนแนวทางแก้ปัญหาระยะยาว ได้เสนอแนวทาง “เกษตรพรีเมี่ยม” ต่อท่านรัฐมนตรีช่วยเกษตรและพาณิชย์คนใหม่ ซึ่งจากรายชื่อ พวกท่านถือเป็นความหวังต่อชาวนา รวมถึงตัวผมเองด้วยเป็นอย่างมาก
ผมขออนุญาตใช้โอกาสนี้เพื่อย้ำข้อเสนอของทางทีมนโยบาย และยืนยันอีกครั้งครับว่า “ประกันรายได้เกษตรกร” จะสามารถช่วยชาวนาไทยได้จริง
1. ขอให้รัฐบาลนำโครงการ“ประกันรายได้เกษตรกร” มาใช้ในฤดูการผลิต 2560/2561 ที่จะถึงนี้โดยให้จ่ายสมทบ“เงินส่วนต่าง”แก่เกษตรกรโดยตรงเข้าบัญชีธกส.
– ชาวนาจะมีรายได้เพิ่มเป็น12,000 บาท/ตันสำหรับข้าวเปลือกเจ้า
– ชาวนาจะมีรายได้เพิ่มเป็น 16,000 บาท/ตัน สำหรับข้าวเปลือกหอมมะลิ ข้าวเปลือกเหนียว
2.ขอให้รัฐบาลสนับสนุนต้นทุนค่าเก็บเกี่ยวและค่าปรับปรุงคุณภาพข้าวไร่ละ 1,200 บาท ไม่เกิน 10 เป็น 20 ไร่ต่อคน
3.ขอให้รัฐบาลส่งเสริมให้ชาวนา เก็บข้าวไว้ในยุ้งฉางของตนเองหรือชุมชน ด้วยการสนับนสนุนมาตรการสินเชื่อชะลอการขายข้าว มอบสินเชื่อในสัดส่วนร้อยละ 90 ของราคาตลาด โดยรัฐบาลจะเป็นผู้ชดเชยดอกเบี้ยให้แก่ชาวนาทดแทน
หวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านจะรับข้อเสนอในสาระสำคัญและเนื้อหาของทีมนโยบายไปพิจารณา
JJNY : 'กรณ์' สวน 'ไก่อู' แนะแยกมิตรหรือศัตรูให้เป็น อย่ามองทุกประเด็นเป็นเรื่องการเมือง
จากกรณีที่โฆษกรัฐบาล ได้ให้ข่าวเมื่อวานนี้กล่าวหานักการเมืองว่าได้นำเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาราคาข้าวตกต่ำเพื่อ
1. “ฉวยโอกาสสร้างพื้นที่ข่าวให้ตนเอง” และ 2. “มีเจตนาทำให้สังคมมองว่ารัฐบาลยังไม่ได้ทำอะไร”
ผมขออนุญาตชี้แจงในฐานะที่เป็น นักการเมืองคนดังกล่าว ดังต่อไปนี้ครับ
1. รัฐบาลควรรับฟังข้อเสนอแนะรอบด้าน แยกแยะมิตรหรือศัตรูให้เป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีนี้ยังมีอีกหลายแนวนโยบายที่เป็นนโยบายที่ดี และเป็นประโยชน์ต่อชาวนาไทย
2. รัฐบาลไม่ควรสร้างประเด็นขัดแย้ง และต้องทำความเข้าใจว่ายังมีอีกหลายภาคส่วนในประเทศนี้ที่ยังคงทำหน้าที่ด้วยความภักดีและหวังดีต่อประเทศไทยเช่นเดียวกัน
3. รัฐบาลไม่ควรมองทุกประเด็นเป็นประเด็นการเมือง เพราะนี่จะไม่ได้ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านดีขึ้น
ส่วนประเด็นข้อเสนอเกี่ยวกับการช่วยเหลือชาวนาไทย อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าช่วงเดือนพฤศจิกายน ธันวาคม คือฤดูกาลเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวนาปี จึงทำให้ปริมาณข้าวในตลาดมีเพิ่มขึ้นมากกว่าช่วงเวลาอื่น และหากข้าวนาปรังระบายช้า แล้วยังมีสต็อกข้าวนาปีเข้ามาเติม ก็จะทำให้ราคาตกต่ำลงไปอีก ซึ่งก็จะกระทบโดยตรงต่อรายได้ของชาวนา
ในฐานะหัวหน้าทีมนโยบายของพรรคฯ เราทำงานมาอย่างต่อเนื่องด้วยการรวบรวมข้อมูลและประเด็นปัญหาจากหลากหลายพื้นที่ รับฟังข้อมูลจากนักวิชาการและคณะอาจารย์ด้านการเกษตร จากอดีตผู้แทนที่คลุกคลีกับชาวบ้านอยู่ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ และรวมไปถึงจากการที่ผมได้ริเริ่มทำโครงการข้าวอิ่มด้วยตัวเองที่จังหวัดมหาสารคามมา 4 ปี ทำให้ผมเข้าใจปัญหาเรื่องกลไกของระบบข้าวได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
การแถลงเพื่อเสนอแนะต่อรัฐบาลในวันที่ 28 พฤศจิกายนที่ผ่านมานั้น ทีมนโยบายของเรามีความตั้งใจและปรารถนาดี จึงได้แสดงความเห็นผ่านช่องทางที่พอจะทำได้เพื่อให้รัฐบาลรับทราบว่า..
ชาวนาไทย ในปัจจุบันยังคงประสบปัญหารายได้ไม่พอรายจ่าย ต้นทุนค่าปลูกข้าวสูงกว่ารายได้ค่าข้าว สิ่งที่ทีมนโยบายเสนอไปนั้นคือ นโยบายเพื่อแก้ปัญหาระยะสั้นและระยะกลาง ส่วนแนวทางแก้ปัญหาระยะยาว ได้เสนอแนวทาง “เกษตรพรีเมี่ยม” ต่อท่านรัฐมนตรีช่วยเกษตรและพาณิชย์คนใหม่ ซึ่งจากรายชื่อ พวกท่านถือเป็นความหวังต่อชาวนา รวมถึงตัวผมเองด้วยเป็นอย่างมาก
ผมขออนุญาตใช้โอกาสนี้เพื่อย้ำข้อเสนอของทางทีมนโยบาย และยืนยันอีกครั้งครับว่า “ประกันรายได้เกษตรกร” จะสามารถช่วยชาวนาไทยได้จริง
1. ขอให้รัฐบาลนำโครงการ“ประกันรายได้เกษตรกร” มาใช้ในฤดูการผลิต 2560/2561 ที่จะถึงนี้โดยให้จ่ายสมทบ“เงินส่วนต่าง”แก่เกษตรกรโดยตรงเข้าบัญชีธกส.
– ชาวนาจะมีรายได้เพิ่มเป็น12,000 บาท/ตันสำหรับข้าวเปลือกเจ้า
– ชาวนาจะมีรายได้เพิ่มเป็น 16,000 บาท/ตัน สำหรับข้าวเปลือกหอมมะลิ ข้าวเปลือกเหนียว
2.ขอให้รัฐบาลสนับสนุนต้นทุนค่าเก็บเกี่ยวและค่าปรับปรุงคุณภาพข้าวไร่ละ 1,200 บาท ไม่เกิน 10 เป็น 20 ไร่ต่อคน
3.ขอให้รัฐบาลส่งเสริมให้ชาวนา เก็บข้าวไว้ในยุ้งฉางของตนเองหรือชุมชน ด้วยการสนับนสนุนมาตรการสินเชื่อชะลอการขายข้าว มอบสินเชื่อในสัดส่วนร้อยละ 90 ของราคาตลาด โดยรัฐบาลจะเป็นผู้ชดเชยดอกเบี้ยให้แก่ชาวนาทดแทน
หวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านจะรับข้อเสนอในสาระสำคัญและเนื้อหาของทีมนโยบายไปพิจารณา