เราเรียนภาษาจีนเพิ่มเติมกับ
สถาบันภาษาของมหาวิทยาลัยดังย่านหัวหมาก ความหวังก็เพื่อสามารถสื่อสารได้ หรือสอบเรียนต่อประเทศจีนได้ แต่สิ่งที่เราเจอ ทำให้ต้องมาทบทวนว่าเราเรียนถูกที่หรือเปล่า
คอร์สของที่นี่แบ่งเป็นระดับ ก็เริ่มเรียนระดับ 1 ไปเรื่อยๆ ตอนแรกเรียนระดับ 1 ก็ดีอาจารย์ผู้ชายสอนสนุก มีให้บทสนทนาเพิ่มเติมที่ใช้ในชีวิตประจำวันได้ แต่ก็มีตอบคำถามไม่ชัดเจนบ้าง
พอขึ้นระดับสองเริ่มต้องเรียนเขียน มีไวยากรณ์ ความไม่ชัดเจนของอาจารย์ผู้สอนก็มีมากขึ้น การตอบคำถามที่กำกวม รวมถึงการเร่งสอนให้จบ 3 บทใน 1 วัน (4 ชั่วโมง พักเบรค 15 นาที)
จนถึงปัจจุบันเรียน ระดับที่ 3 กับอาจารย์คนใหม่เป็นอาจารย์ผู้หญิงซึ่งเราก็ถามคนที่เคยมาก็บอกว่าสอนดี ไปดูในผังองค์กรก็เป็นระดับ ดร. มั่นใจว่าต้องได้ความรู้แน่นขึ้นจึงดีใจที่เปลี่ยนอาจารย์ สถานการณ์ทำให้ต้องเปลี่ยนอาจารย์ เพราะ อาจารย์ผู้ชายมีนร.ไม่ถึง 20 คนที่สนใจเรียนต่อในระดับ 3 ในทางกลับกัน อาจารย์ผู้หญิง ขอเรียกว่า ดร.ป (นามสมมติ) มีนร.ประมาณ 20 กว่าคนที่เรียนกับท่านมาตั้งแต่ ระดับ 1 ซึ่งเราก็กดดันเพราะรู้ว่าคนกลุ่มนี้ฐานความรู้แน่นกว่า เราต้องพยายามมากขึ้น ทุกอย่างเหมือนจะดี จนเริ่มเรียนจริง...
ครั้งที่ 1 (สถาบันภาษาแห่งนี้จะสอนภาษาจีน 36 ชั่วโมง เรียนสัปดาห์ละครั้ง ก็เรียน 9 สัปดาห์) ดร.ป ก็แนะนำลักษณะการเรียนกับท่าน เช่น ต้องมีสมุดจด ห้ามไม่ให้ถ่ายรูปที่ท่านเขียนจากจอโทรทัศน์ และก็แง่คิดที่ดี เช่น ใกล้ปีใหม่ควรมีเป้าหมายปี 2018 และทบทวนเป้าหมายปี 2017 ว่าตอนนี้ทำได้ถึงไหนแล้ว โดยรวมก็พูดคุยกันกว่า 35 นาที + 10 นาที ดร.ป เข้ามาสอนช้า สิ่งที่ทำให้ตะหงิดในใจคือ ท่านถามถึงอาจารย์ผู้ชายว่ารูปแบบการสอนเป็นอย่างไร สีหน้า แววตาท่าน แสดงออกได้ชัดว่าดูถูกรูปแบบการสอนของเขา แต่ที่ดูจะเยอะหน่อย คือ หลังจากที่เราแจ้งว่าปกติอาจารย์ผู้ชายสอนร้องเพลงหลักพักเบรค ดร.ป พูดว่า "老师 (อาจารย์) ได้ยินเสียงเพลงดังออกมาตลอดเลย ก็สงสัยว่าบ้านไม่มีคอมเหรอ" ด้วยสายตารับไม่ได้และไม่พอใจ ไม่รู้นะสำหรับเราคนเป็นอาจารย์ระดับ ดร. ต้องเก็บอาการ แม้ว่าท่านจะเป็นมนุษย์คนหนึ่งก็ตาม แต่ท่านก็คือ ต้นแบบมีนร.ที่อายุ 13 ปี 10 ปี มองท่านอยู่
นอกจากนี้เรา และ พี่อีกคนมีคำถามระหว่างเรียน ท่านก็ตอบนะ แต่ดร.ป ก็เล่าเรื่องนร.ของท่านคนหนึ่งจากรอบอื่นให้ฟัง ว่า ชอบถาม แต่เรียนไม่แน่น ยกมือถามแทบทั้งชั่วโมง พอวันใกล้สอบท่านเดินไปแนะนำ "ฟิตหน่อยนะ เหลือเวลาแค่วันเดียว" วันสอบนร.คนนั้นก็ไม่มาสอบ ท่านเล่าสำทับว่า "老师 เล่าให้ฟังเฉยๆนะ ถามได้ ไม่ใช่ถามไม่ได้"
ครั้งที่ 2 ท่านก็มาสาย 10 นาทีเช่นเดิม เลิกตรงเวลา มีถามถึงการบ้าน รูปแบบการบ้านจะมีคัดตัวอักษรภาษาจีนจากคำท้ายบท และทำแบบฝึกหัดแปลจีนเป็นไทย ซึ่งให้นร.ตรวจคำตอบเองจากเฉลยท้ายหนังสือ และส่งหัวหน้าห้องซึ่งจะเช็คชื่อคนส่งการบ้านแล้วส่งให้อาจารย์ลงคะแนนตอนสรุปผลคะแนน ความเห็นเราเลย ดร.ป เก่งมากใช้นร.ได้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดมาก หัวหน้าห้องเธออายุ 28 ปี แล้ว เรื่องแค่นี้ไม่เกินกำลัง ไว้จะสรุปนะคะว่าทำไมคิดแบบนี้
ครั้งที่ 3 ล่าสุด ท่านมาสาย 20 นาที และเมื่อมาถึงการพูดว่า "老师 ยังไม่ได้กินข้าวขอเวลากินข้าว 10 นาทีนะ" นร.ทุกคนก็ตกลง ส่วนเราก็กำลังช็อคอยู่ ก่อนที่ท่านจะมาชี้แจงเหตุผลระหว่างสอนว่า นร.คนจีนของท่านต้องการคนมาช่วยสื่อสารเรื่องที่พักแถวย่านมหาวิทยาลัย จึงต้องไปช่วยเพราะเจ้าหน้าที่พูดภาษาจีนไม่ได้ "พอดีรถติดเลยมาสาย" แบบนี้ก็ได้ใช่ไหม
... เรามีคำถามท้ายคาบจะถามเรื่องการเขียนคำศัพท์ที่เรียนไป กับการออกเสียงบทสนทนาตามหนังสือ แต่เมื่อหมดเวลา เราเดินไปถาม ดร.ป ที่เก็บของเสร็จแล้ว เราถามว่า "หนูขอถามหน่อยค่ะ" ดร.ป ตอบเราว่า "ไม่ได้ ไม่มีเวลาแล้ว รีบไหม?" เราตอบอะไรเหรอ "ไม่รีบค่ะ" จะให้ตอบอะไรได้มันตื้อ
***เริ่มสอนหลังเวลา 30 นาที แต่พักตรงเวลา
หมายเหตุ : การสอนของ ดร.ป ดีค่ะ มีเทคนิคในการจำ การเชื่อมโยงที่ดี แต่เขียนอ่านยากไปนิดหน่อย ประมาณคนที่เขียนพู่กันจีนชำนาญตัวจะติดหน่อยๆ
รบกวนทุกท่านช่วยแนะนำด้วยค่ะ หรือมีที่อื่นที่แนะนำไหมคะ ในกรุงเทพ ที่เดินทางไม่ยาก มีรถเมล์หรือ ใกล้ BTS ,MRT ค่ะ
ขอบคุณค่ะ
ถ้าเสียเงินมาเรียนภาษาจีน แต่ต้องเจอแบบนี้ ควรทำอย่างไร
คอร์สของที่นี่แบ่งเป็นระดับ ก็เริ่มเรียนระดับ 1 ไปเรื่อยๆ ตอนแรกเรียนระดับ 1 ก็ดีอาจารย์ผู้ชายสอนสนุก มีให้บทสนทนาเพิ่มเติมที่ใช้ในชีวิตประจำวันได้ แต่ก็มีตอบคำถามไม่ชัดเจนบ้าง
พอขึ้นระดับสองเริ่มต้องเรียนเขียน มีไวยากรณ์ ความไม่ชัดเจนของอาจารย์ผู้สอนก็มีมากขึ้น การตอบคำถามที่กำกวม รวมถึงการเร่งสอนให้จบ 3 บทใน 1 วัน (4 ชั่วโมง พักเบรค 15 นาที)
จนถึงปัจจุบันเรียน ระดับที่ 3 กับอาจารย์คนใหม่เป็นอาจารย์ผู้หญิงซึ่งเราก็ถามคนที่เคยมาก็บอกว่าสอนดี ไปดูในผังองค์กรก็เป็นระดับ ดร. มั่นใจว่าต้องได้ความรู้แน่นขึ้นจึงดีใจที่เปลี่ยนอาจารย์ สถานการณ์ทำให้ต้องเปลี่ยนอาจารย์ เพราะ อาจารย์ผู้ชายมีนร.ไม่ถึง 20 คนที่สนใจเรียนต่อในระดับ 3 ในทางกลับกัน อาจารย์ผู้หญิง ขอเรียกว่า ดร.ป (นามสมมติ) มีนร.ประมาณ 20 กว่าคนที่เรียนกับท่านมาตั้งแต่ ระดับ 1 ซึ่งเราก็กดดันเพราะรู้ว่าคนกลุ่มนี้ฐานความรู้แน่นกว่า เราต้องพยายามมากขึ้น ทุกอย่างเหมือนจะดี จนเริ่มเรียนจริง...
ครั้งที่ 1 (สถาบันภาษาแห่งนี้จะสอนภาษาจีน 36 ชั่วโมง เรียนสัปดาห์ละครั้ง ก็เรียน 9 สัปดาห์) ดร.ป ก็แนะนำลักษณะการเรียนกับท่าน เช่น ต้องมีสมุดจด ห้ามไม่ให้ถ่ายรูปที่ท่านเขียนจากจอโทรทัศน์ และก็แง่คิดที่ดี เช่น ใกล้ปีใหม่ควรมีเป้าหมายปี 2018 และทบทวนเป้าหมายปี 2017 ว่าตอนนี้ทำได้ถึงไหนแล้ว โดยรวมก็พูดคุยกันกว่า 35 นาที + 10 นาที ดร.ป เข้ามาสอนช้า สิ่งที่ทำให้ตะหงิดในใจคือ ท่านถามถึงอาจารย์ผู้ชายว่ารูปแบบการสอนเป็นอย่างไร สีหน้า แววตาท่าน แสดงออกได้ชัดว่าดูถูกรูปแบบการสอนของเขา แต่ที่ดูจะเยอะหน่อย คือ หลังจากที่เราแจ้งว่าปกติอาจารย์ผู้ชายสอนร้องเพลงหลักพักเบรค ดร.ป พูดว่า "老师 (อาจารย์) ได้ยินเสียงเพลงดังออกมาตลอดเลย ก็สงสัยว่าบ้านไม่มีคอมเหรอ" ด้วยสายตารับไม่ได้และไม่พอใจ ไม่รู้นะสำหรับเราคนเป็นอาจารย์ระดับ ดร. ต้องเก็บอาการ แม้ว่าท่านจะเป็นมนุษย์คนหนึ่งก็ตาม แต่ท่านก็คือ ต้นแบบมีนร.ที่อายุ 13 ปี 10 ปี มองท่านอยู่
นอกจากนี้เรา และ พี่อีกคนมีคำถามระหว่างเรียน ท่านก็ตอบนะ แต่ดร.ป ก็เล่าเรื่องนร.ของท่านคนหนึ่งจากรอบอื่นให้ฟัง ว่า ชอบถาม แต่เรียนไม่แน่น ยกมือถามแทบทั้งชั่วโมง พอวันใกล้สอบท่านเดินไปแนะนำ "ฟิตหน่อยนะ เหลือเวลาแค่วันเดียว" วันสอบนร.คนนั้นก็ไม่มาสอบ ท่านเล่าสำทับว่า "老师 เล่าให้ฟังเฉยๆนะ ถามได้ ไม่ใช่ถามไม่ได้"
ครั้งที่ 2 ท่านก็มาสาย 10 นาทีเช่นเดิม เลิกตรงเวลา มีถามถึงการบ้าน รูปแบบการบ้านจะมีคัดตัวอักษรภาษาจีนจากคำท้ายบท และทำแบบฝึกหัดแปลจีนเป็นไทย ซึ่งให้นร.ตรวจคำตอบเองจากเฉลยท้ายหนังสือ และส่งหัวหน้าห้องซึ่งจะเช็คชื่อคนส่งการบ้านแล้วส่งให้อาจารย์ลงคะแนนตอนสรุปผลคะแนน ความเห็นเราเลย ดร.ป เก่งมากใช้นร.ได้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดมาก หัวหน้าห้องเธออายุ 28 ปี แล้ว เรื่องแค่นี้ไม่เกินกำลัง ไว้จะสรุปนะคะว่าทำไมคิดแบบนี้
ครั้งที่ 3 ล่าสุด ท่านมาสาย 20 นาที และเมื่อมาถึงการพูดว่า "老师 ยังไม่ได้กินข้าวขอเวลากินข้าว 10 นาทีนะ" นร.ทุกคนก็ตกลง ส่วนเราก็กำลังช็อคอยู่ ก่อนที่ท่านจะมาชี้แจงเหตุผลระหว่างสอนว่า นร.คนจีนของท่านต้องการคนมาช่วยสื่อสารเรื่องที่พักแถวย่านมหาวิทยาลัย จึงต้องไปช่วยเพราะเจ้าหน้าที่พูดภาษาจีนไม่ได้ "พอดีรถติดเลยมาสาย" แบบนี้ก็ได้ใช่ไหม
... เรามีคำถามท้ายคาบจะถามเรื่องการเขียนคำศัพท์ที่เรียนไป กับการออกเสียงบทสนทนาตามหนังสือ แต่เมื่อหมดเวลา เราเดินไปถาม ดร.ป ที่เก็บของเสร็จแล้ว เราถามว่า "หนูขอถามหน่อยค่ะ" ดร.ป ตอบเราว่า "ไม่ได้ ไม่มีเวลาแล้ว รีบไหม?" เราตอบอะไรเหรอ "ไม่รีบค่ะ" จะให้ตอบอะไรได้มันตื้อ
***เริ่มสอนหลังเวลา 30 นาที แต่พักตรงเวลา
หมายเหตุ : การสอนของ ดร.ป ดีค่ะ มีเทคนิคในการจำ การเชื่อมโยงที่ดี แต่เขียนอ่านยากไปนิดหน่อย ประมาณคนที่เขียนพู่กันจีนชำนาญตัวจะติดหน่อยๆ
รบกวนทุกท่านช่วยแนะนำด้วยค่ะ หรือมีที่อื่นที่แนะนำไหมคะ ในกรุงเทพ ที่เดินทางไม่ยาก มีรถเมล์หรือ ใกล้ BTS ,MRT ค่ะ
ขอบคุณค่ะ