รู้อะไรไหมคะ
แรงบันดาลใจที่ทำให้ใครสักคนทำตามฝันได้ ส่วนหนึ่งมาจากชีวิตในวัยเด็ก 😊
อย่างที่เคยบอกอยู่เสมอว่า ตอนเด็กฉันโตมากับป๋า ป๋ามักจะพาไปวิ่งเล่นนู่นนี่นั่นอยู่เสมอ เพราะเป็นลูกผู้หญิงและติดอ้อน...มันจึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของนิสัย แต่ความเข้มแข็งที่ควรได้รับมาจากผู้เป็นพ่อ กลับแทบไม่มีเลย...
และเพราะไม่มีใครรู้...ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น
จึงไม่มีการเตรียมความพร้อมใดๆ สำหรับสิ่งที่เรียกว่า
"การจากลา"
ในวัยเยาว์แม่มักจะห้ามเราซื้อหนังสือตอนไปห้าง เพราะมันจะรกบ้าน แต่พอแม่หันหลังก็จะมีมือคู่หนึ่ง พาลากเข้าไปในร้านหนังสือ แล้วพูดว่า
"ซื้อเลยลูก อยากได้เล่มไหนเอาไปเลย ไม่ต้องบอกน้องอืด(แม่) เดี๋ยวป๋าจัดการเอง"
📍 ตั้งแต่นั้นมาหนังสือจึงเต็มเปี่ยมล้นบ้านไปหมด เพราะมือคู่นั้นที่สนับสนุน เพราะมือคู่นั้นที่ควักเงินจ่ายให้ แม้บางครั้งจะมีเงินติดตัวไม่ถึงร้อย .. แต่ด้วยความกว้างขวางก็หาเงินมาซื้อหนังสือให้ลูกสาวคนนี้จนได้ 📘📘📘📘
📌 ป๋าเป็นผู้ชายที่งอนแม่เป็นเดือนๆ เพียงเพราะแม่เปลี่ยนชื่อลูกสาวคนโปรดจาก "นริศรา" ที่แปลว่าลูกของนริศ ให้เป็น "รวิสรา" ที่แปลว่า ผู้ยิ่งใหญ่ดุจพระอาทิตย์แทน ด้วยเหตุผลที่ว่า น คือกาลกิณีในวันเกิดของลูก
📌ป๋าเป็นคนที่ชอบถามหาแว่นตาทั้งที่อยู่บนหัว ถามหากุญแจรถทั้งที่อยู่ในมือ ถามหากระเป๋าทั้งที่ตัวเองสะพายไว้อยู่กับตัว วันดีคืนดีก็ลุกขึ้นวิ่งรอบบ้าน แล้วนับจังหวะการวิ่งดุจทหารหาญที่ป๋าเคยเป็น บ่อยครั้งที่ป๋าจะตะโกนร้องเพลงชาติในเวลาหกโมงเย็น และปลุกลูกๆทุกคนด้วยเพลงตื่นเถิดชาวไทยในตอนเช้าของทุกวัน
📌 ในตอนที่ป๋ายังอยู่ ทุกๆวันที่ ๕ ธันวาคม ป๋าจะทำเป็นไม่สนใจว่าลูกจะเตรียมอะไรมาไหว้ท่านหรือไม่ ท่านจะไม่พูด แต่จะเดินรอบๆตัวของลูกแทน พร้อมร้องเพลงที่แต่งเองแบบไม่มีชื่อแต่มีคำว่า ไหว้พ่อไหม? จะกราบพ่อหรือเปล่า? วันนี้วันพ่อนะ? ลูกลืมพ่อหรือยัง?
.
.
.
แล้วพอลูกๆเข้าไปกราบท่าน บอกรักท่าน ท่านจะตอบรับแค่ "เออๆ รู้แล้วว่ารัก" แล้วก็ลุกเดินออกไปทางหลังบ้าน มีปีหนึ่งที่ฉันไปแอบดู ก็พบว่าผู้เป็นพ่อที่เข้มแข็งในสายตาของลูก กำลังปาดน้ำตาเงียบๆอยู่ในสวน
ป๋าไม่เคยร้องไห้เสียน้ำตาให้ลูกเห็น ทำตัวเข้มแข็งเป็นกำลังใจให้ลูกเสมอในยามที่อ่อนแอหรือถูกรังแก
.
.
.
มีอยู่ครั้งหนึ่ง ฉันถูกผู้ชายวัยรุ่นแถวบ้านแซว ด้วยความเป็นเด็กเลยไปเล่าให้ผู้เป็นพ่อฟัง สิ่งที่ได้กลับมาคือ พ่อคว้าไม้หน้าสาม พาลูกสาวกระโดดขึ้นรถมอเตอร์ไซต์คันเก่า ตรงดิ่งไปยังแถวหน้าปากซอยด้วยสีหน้าบึ้งตึง
.
.
แต่...
ไม่ทันได้ทำอะไรหรอก เพราะแม่จะวิ่งเข้ามาแล้วบอกแค่ว่า
"เข้าบ้าน! จะหาเรื่องกับเด็กเมื่อวานซืนทำไม พ่อโตแล้วนะ!"
นั่นแหละ จากสีหน้าบึ้งตึงเลยกลายเป็นหัวเราะแห้งๆ อุ้มลูกสาวลงจากรถ แล้วพาไปเล่นที่อื่นแทน
ป๋าเป็นคนโหวกเหวกโวยวาย และป๋าเป็นคนที่ใจดีกับทุกคน ถ้าขอแม่ไม่ได้ให้ขอจากป๋า แล้วฉันก็จะได้รับมาเรื่อยๆ
ในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตท่าน...ท่านยังคงเป็นผู้ให้เสมอเหมือนดังเฉกเช่นที่เป็นมาตลอด
ท่านยังคงมอบ "รอยยิ้มและคำสอน" ให้กับลูกๆทุกคน
พร่ำสอนให้ลูกตั้งใจเรียน
พร่ำสอนให้ลูกรู้จักการเมตตา
พร่ำสอนให้ลูกรู้จักหน้าที่ที่ควรกระทำ
พร่ำสอนให้ลูกทำในสิ่งที่เหมาะสม
..
..
..
และ
บอกให้ลูกดูแลแม่แทนพ่อ ให้รักแม่ให้มากๆ รักแทนในส่วนของท่านด้วย
.
.
แล้วท่านก็จากไป พร้อมกับรอยยิ้มสุดท้ายที่ยังคงเหลือไว้ในความทรงจำ
.
.
.
ฉันยอมรับว่าทุกๆวันที่ ๕ ธันวาคม ของทุกๆปีเป็นวันที่สร้างปมให้กับฉัน เพราะฉันไม่ได้กอดพ่อ ไม่ได้บอกรักพ่อ ไม่ได้ดูแลพ่อเหมือนอย่างที่ลูกๆคนอื่นทำ
.
.
แต่แม้จะผ่านมาเกือบสิบปี พ่อก็ยังไม่ไปไหน พ่อยังอยู่ในทุกๆมุมของบ้าน เฝ้ามองลูกๆด้วยรอยยิ้ม เสียน้ำตาพร้อมกับลูกๆในยามที่ท้อแท้ ยังอยู่ในจิตวิญญาณ อยู่ในทุกความรู้สึก และอยู่ในทุกความทรงจำของพวกเราเสมอ
.
.
.
สำหรับใครที่ครอบครัวยังคงมีพระอรหันต์ของบ้านอยู่ครบ เราดีใจด้วยนะคะ
ดูแลท่านให้ดี รักท่านให้มากๆ อย่าให้ในชีวิตมีคำว่า "ถ้าหากตอนนั้น..."
มามีอิทธิพลกับเรา
..
อย่าอายที่จะแสดงความรัก อย่าอายที่จะกอดหรือจูบพ่อ
.
.
เพราะ...
ยังมีอีกหลายครอบครัวที่เหลือพระอรหันต์ของบ้านแค่คนเดียว
.
.
รักท่านแทนในส่วนของเราด้วยนะคะ ^^
ปล.สำหรับใครที่เป็นเหมือนฉัน เพียงแค่คิดถึงท่าน ท่านก็ยังคงอยู่กับเราเสมอ
รักป๋านะ
จาก..ลูกสาวของนริศ
พ่อของฉันคือพ่อที่ดีที่สุดในโลก :)
อย่างที่เคยบอกอยู่เสมอว่า ตอนเด็กฉันโตมากับป๋า ป๋ามักจะพาไปวิ่งเล่นนู่นนี่นั่นอยู่เสมอ เพราะเป็นลูกผู้หญิงและติดอ้อน...มันจึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของนิสัย แต่ความเข้มแข็งที่ควรได้รับมาจากผู้เป็นพ่อ กลับแทบไม่มีเลย...
และเพราะไม่มีใครรู้...ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น
จึงไม่มีการเตรียมความพร้อมใดๆ สำหรับสิ่งที่เรียกว่า
"การจากลา"
ในวัยเยาว์แม่มักจะห้ามเราซื้อหนังสือตอนไปห้าง เพราะมันจะรกบ้าน แต่พอแม่หันหลังก็จะมีมือคู่หนึ่ง พาลากเข้าไปในร้านหนังสือ แล้วพูดว่า
"ซื้อเลยลูก อยากได้เล่มไหนเอาไปเลย ไม่ต้องบอกน้องอืด(แม่) เดี๋ยวป๋าจัดการเอง"
📍 ตั้งแต่นั้นมาหนังสือจึงเต็มเปี่ยมล้นบ้านไปหมด เพราะมือคู่นั้นที่สนับสนุน เพราะมือคู่นั้นที่ควักเงินจ่ายให้ แม้บางครั้งจะมีเงินติดตัวไม่ถึงร้อย .. แต่ด้วยความกว้างขวางก็หาเงินมาซื้อหนังสือให้ลูกสาวคนนี้จนได้ 📘📘📘📘
📌 ป๋าเป็นผู้ชายที่งอนแม่เป็นเดือนๆ เพียงเพราะแม่เปลี่ยนชื่อลูกสาวคนโปรดจาก "นริศรา" ที่แปลว่าลูกของนริศ ให้เป็น "รวิสรา" ที่แปลว่า ผู้ยิ่งใหญ่ดุจพระอาทิตย์แทน ด้วยเหตุผลที่ว่า น คือกาลกิณีในวันเกิดของลูก
📌ป๋าเป็นคนที่ชอบถามหาแว่นตาทั้งที่อยู่บนหัว ถามหากุญแจรถทั้งที่อยู่ในมือ ถามหากระเป๋าทั้งที่ตัวเองสะพายไว้อยู่กับตัว วันดีคืนดีก็ลุกขึ้นวิ่งรอบบ้าน แล้วนับจังหวะการวิ่งดุจทหารหาญที่ป๋าเคยเป็น บ่อยครั้งที่ป๋าจะตะโกนร้องเพลงชาติในเวลาหกโมงเย็น และปลุกลูกๆทุกคนด้วยเพลงตื่นเถิดชาวไทยในตอนเช้าของทุกวัน
📌 ในตอนที่ป๋ายังอยู่ ทุกๆวันที่ ๕ ธันวาคม ป๋าจะทำเป็นไม่สนใจว่าลูกจะเตรียมอะไรมาไหว้ท่านหรือไม่ ท่านจะไม่พูด แต่จะเดินรอบๆตัวของลูกแทน พร้อมร้องเพลงที่แต่งเองแบบไม่มีชื่อแต่มีคำว่า ไหว้พ่อไหม? จะกราบพ่อหรือเปล่า? วันนี้วันพ่อนะ? ลูกลืมพ่อหรือยัง?
.
.
.
แล้วพอลูกๆเข้าไปกราบท่าน บอกรักท่าน ท่านจะตอบรับแค่ "เออๆ รู้แล้วว่ารัก" แล้วก็ลุกเดินออกไปทางหลังบ้าน มีปีหนึ่งที่ฉันไปแอบดู ก็พบว่าผู้เป็นพ่อที่เข้มแข็งในสายตาของลูก กำลังปาดน้ำตาเงียบๆอยู่ในสวน
ป๋าไม่เคยร้องไห้เสียน้ำตาให้ลูกเห็น ทำตัวเข้มแข็งเป็นกำลังใจให้ลูกเสมอในยามที่อ่อนแอหรือถูกรังแก
.
.
.
มีอยู่ครั้งหนึ่ง ฉันถูกผู้ชายวัยรุ่นแถวบ้านแซว ด้วยความเป็นเด็กเลยไปเล่าให้ผู้เป็นพ่อฟัง สิ่งที่ได้กลับมาคือ พ่อคว้าไม้หน้าสาม พาลูกสาวกระโดดขึ้นรถมอเตอร์ไซต์คันเก่า ตรงดิ่งไปยังแถวหน้าปากซอยด้วยสีหน้าบึ้งตึง
.
.
แต่...
ไม่ทันได้ทำอะไรหรอก เพราะแม่จะวิ่งเข้ามาแล้วบอกแค่ว่า
"เข้าบ้าน! จะหาเรื่องกับเด็กเมื่อวานซืนทำไม พ่อโตแล้วนะ!"
นั่นแหละ จากสีหน้าบึ้งตึงเลยกลายเป็นหัวเราะแห้งๆ อุ้มลูกสาวลงจากรถ แล้วพาไปเล่นที่อื่นแทน
ป๋าเป็นคนโหวกเหวกโวยวาย และป๋าเป็นคนที่ใจดีกับทุกคน ถ้าขอแม่ไม่ได้ให้ขอจากป๋า แล้วฉันก็จะได้รับมาเรื่อยๆ
ในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตท่าน...ท่านยังคงเป็นผู้ให้เสมอเหมือนดังเฉกเช่นที่เป็นมาตลอด
ท่านยังคงมอบ "รอยยิ้มและคำสอน" ให้กับลูกๆทุกคน
พร่ำสอนให้ลูกตั้งใจเรียน
พร่ำสอนให้ลูกรู้จักการเมตตา
พร่ำสอนให้ลูกรู้จักหน้าที่ที่ควรกระทำ
พร่ำสอนให้ลูกทำในสิ่งที่เหมาะสม
..
..
..
และ
บอกให้ลูกดูแลแม่แทนพ่อ ให้รักแม่ให้มากๆ รักแทนในส่วนของท่านด้วย
.
.
แล้วท่านก็จากไป พร้อมกับรอยยิ้มสุดท้ายที่ยังคงเหลือไว้ในความทรงจำ
.
.
.
ฉันยอมรับว่าทุกๆวันที่ ๕ ธันวาคม ของทุกๆปีเป็นวันที่สร้างปมให้กับฉัน เพราะฉันไม่ได้กอดพ่อ ไม่ได้บอกรักพ่อ ไม่ได้ดูแลพ่อเหมือนอย่างที่ลูกๆคนอื่นทำ
.
.
แต่แม้จะผ่านมาเกือบสิบปี พ่อก็ยังไม่ไปไหน พ่อยังอยู่ในทุกๆมุมของบ้าน เฝ้ามองลูกๆด้วยรอยยิ้ม เสียน้ำตาพร้อมกับลูกๆในยามที่ท้อแท้ ยังอยู่ในจิตวิญญาณ อยู่ในทุกความรู้สึก และอยู่ในทุกความทรงจำของพวกเราเสมอ
.
.
.
สำหรับใครที่ครอบครัวยังคงมีพระอรหันต์ของบ้านอยู่ครบ เราดีใจด้วยนะคะ ดูแลท่านให้ดี รักท่านให้มากๆ อย่าให้ในชีวิตมีคำว่า "ถ้าหากตอนนั้น..."
มามีอิทธิพลกับเรา
..
อย่าอายที่จะแสดงความรัก อย่าอายที่จะกอดหรือจูบพ่อ
.
.
เพราะ...
ยังมีอีกหลายครอบครัวที่เหลือพระอรหันต์ของบ้านแค่คนเดียว
.
.
รักท่านแทนในส่วนของเราด้วยนะคะ ^^
ปล.สำหรับใครที่เป็นเหมือนฉัน เพียงแค่คิดถึงท่าน ท่านก็ยังคงอยู่กับเราเสมอ
รักป๋านะ
จาก..ลูกสาวของนริศ