เมื่อพูดถึงมาเฟียหรือแก็งสเตอร์ในยุคเก่าๆ หลายๆ คนต้องนึกภาพของคนที่ใส่สูทที่ตัดมาอย่างเนี้ยบ ผมหวีเรียบแปล้ใส่น้ำมันเป็นอย่างดี และที่ขาดไม่ได้คงเป็นเรื่องของการฆ่าฟันและความรุนแรง สิ่งที่สะท้อนถึงภาพลักษณ์ได้เป็นอย่างดีคงจะเป็นอะไรไม่ได้นอกจากหนังไตรภาค The Godfather ที่นักดูหนังหลายๆ คนยกย่องว่าเป็นหนังแนวอาชญากรรมหรือหนังมาเฟียที่ดีที่สุดเรียกได้ว่าเป็นหนังระดับตำนานที่ทุกคนต้องดูให้ได้ ส่วนหนังที่อยู่ลำดับถัดมาจาก The Godfather ที่จะต้องดูให้ได้ เชื่อได้เลยครับว่าหนังเรื่องนี้จะต้องมีชื่อติดมาในลำดับแรกๆ Goodfellas หรือ คนดีเหยียบฟ้า ผมเคยดูเรื่องนี้ครั้งแรกก็ต้องย้อนกลับไปประมาณสักยี่สิบกว่าปีก่อนซึ่งถูกเอามาฉายใน Movie on 3 ที่ช่อง 3 ชอบมากๆ เรื่องนี้เป็นผลงานของผู้กำกับระดับตำนาน มาร์ติน สกอร์เซซี่ โดยสร้างมาจากหนังสือชื่อ Wiseguy เขียนโดย นิโคลัส พิเลจจี้ นำแสดงโดยนักแสดงชื่อดังค้างฟ้าอย่าง โรเบิร์ต เดอ นีโร ร่วมด้วย เรย์ ลิออตต้า , โจ เปสชี่ และ พอล ซอร์วิโน่
หนังบอกเล่าเรื่องราวชีวิตของ เฮนรี่ ฮิลล์(ลิออตต้า) ผู้มีความใฝ่ฝันอยากจะเป็นมาเฟียหรือ Wiseguy ( เป็นที่มาของชื่อหนังภาษาไทยว่า คนดีเหยียบฟ้า ) ตั้งแต่จำความได้ เขาเฝ้าดูบรรดามาเฟียที่อยู่ในละแวกบ้านทำกิจกรรมต่างๆ ด้วยความชื่นชมที่พวกนั้นมีความเป็นอภิสิทธิ์ชนอยากจะทำอะไรก็ได้และคอยหาโอกาสไปช่วยงานจิปาถะเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นเด็กคอยรับส่งของ หรือคอยบริการขับรถของพวกมาเฟียเพื่อเอาไปจอด ซึ่งทำให้เขาได้รู้จักกับจิมมี่(เดอ นีโร) มาเฟียผู้นิยมการปล้นมากกว่าสิ่งใด และทอมมี่(เปสชี่)เพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันที่มีนิสัยวู่วาม จนวันนึงเขาถูกจับและถูกปล่อยตัวออกมา และเหตุการณ์การนั้นเองก็ทำให้เขาได้กลายเป็นพวกคนดีเหยียบฟ้าได้อย่างสมบูรณ์ เขา ทอมมี่ และจิมมี่ ได้ร่วมกันทำงานให้กับ พอลลี่(ซอร์วิโน่)หัวหน้ามาเฟีย ไม่ว่าจะเป็นการคุมร้านอาหาร การทวงหนี้ และอื่นๆ ซึ่งในบางครั้งที่พวกเขาทำงานเองเช่น การปล้น เมื่อได้มาเท่าไหร่ก็ต้องแบ่งให้พอลลี่ด้วย ชีวิตของเฮนรี่และพวกพ้องก็อยู่กันอย่างสุขสบายจนกระทั่งเขาได้เข้าไปสู่วงการค้ายาเสพติด และนั่นก็ทำให้ชีวิตของเขาเริ่มเปลี่ยนไป
หนังเรื่องนี้จะพาเราเข้าไปพบกับสภาพสังคมของมาเฟียอิตาลีในอเมริกาว่ามีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไร เราจะสามารถเห็นได้ว่าการทำเงินของบรรดามาเฟียมาจากธุรกิจอะไรบ้าง ซึ่งการได้เงินของพวกเขาได้มาอย่างง่ายดาย อีกทั้งการที่เป็นอภิสิทธิ์ชนที่สามารถจะจอดรถที่ไหนก็ได้ หรือแม้กระทั่งการที่ไม่ต้องยืนเข้าคิวเพื่อที่จะรอเข้าไปในภัตตาคารหรูๆ แถมเข้าไปแล้วยังมีคนจัดโต๊ะพิเศษที่จัดเอาไว้ข้างหน้าสุดอีกด้วย ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเด็กๆ ในละแวกนั้นอยากจะเป็นมาเฟียกัน( ผมเองก็เช่นกัน ฮา ) การดำเนินเรื่องของหนังผู้กำกับสามารถลำดับเรื่องได้เป็นอย่างดี เราจะเห็นพัฒนาการของตัวละครแต่ละตัวที่มีความเปลี่ยนแปลงไปตามระยะเวลาในหนัง อีกทั้งในบางฉากก็จะใช้เพลงเป็นสัญลักษณ์ว่าอยู่ในยุคสมัยไหน ไม่ว่าจะเป็นยุค 1950 1960 ที่ใช้เพลงแนว Motown หรือ ยุค 1970 ที่ใช้เพลง Rock ถือว่าจัดเข้ากันได้อย่างลงตัว อีกสิ่งหนึ่งที่ถือเป็นสัญลักษณ์ของหนังมาเฟียก็ต้องเป็นความรุนแรง ซึ่งในหนังเรื่องนี้ก็ถือว่าจัดเต็มให้เราได้เห็นกันจะๆ เต็มๆ ไม่มีตัดฉากราวกับว่าเป็นสิ่งธรรมดาที่เกิดขึ้นเหมือนเรากินข้าว หรือเดินไปจ่ายตลาดยังไงงั้น รวมไปถึงการที่ถ่ายภาพอย่างสโลว์โมชั่นของตอนการลั่นไกปืนที่ลำกล้องจะค่อยๆ เลื่อนพร้อมประกายไฟของปืน และปลอกกระสุนก็จะค่อยๆ ร่วงออกมาจากช่องคัดปลอกแสดงให้เห็นถึงความเลือดเย็นของผู้ลั่นไกได้เป็นอย่างดี
มาพูดถึงการแสดงของนักแสดงกันครับ ในบทของเฮนรี่ ฮิลล์ โดย ลิออตต้า เรื่องนี้เขาเล่นดูหล่อมีมาดสาวเห็นเป็นต้องหลง ในเรื่องนี้ฮิลล์จะเป็นคนที่ใจเย็นและมีสติที่สุด แถมยังมีความฉลาดมีความคิดที่ดีกว่าเพื่อนร่วมแก๊งค์ ส่วนในเรื่องความรุนแรงของอารมณ์เขาก็แสดงออกมาให้เห็นอย่างเต็มที่ ถือได้ว่าการแสดงบทนี้คือหนึ่งในผลงานที่ดีที่สุดของเรย์ ลิออตต้าเลยก็ว่าได้ ส่วนจิมมี่ โดย เดอ นีโร ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าเขาสามารถเข้าถึงบทบาทมาเฟียได้ขนาดไหน เรียกได้ว่าเป็นบทถนัดของเขาเลย ในเรื่องนี้เขาเล่นได้อย่างมีออร่าจับ เล่นได้ดูดี เป็นมาเฟียที่ดูน่าเกรงขามที่ทุกคนต้องเกรงใจ ยิ่งตอนฉากแนะนำตัวละครจิมมี่ ดูแล้วมีความรู้สึกเท่ห์มากๆ แต่พอถึงคราวสติแตก เขาเองก็พร้อมจะเหวี่ยงใส่ทุกคน และพร้อมที่จะเก็บทุกคนที่จะสาวความผิดมาถึงตัวเขาได้ ไม่เว้นแม้กระทั่งเพื่อนตัวเอง ส่วนอีกคนที่ต้องพูดถึงก็คือ เปสชี่ ในบทของทอมมี่ ซึ่งเปสชี่เล่นบทนี้ได้ดีจนได้รับรางวัลออสการ์สาขาดาราสมทบฝ่ายชาย ทอมมี่ในเรื่องนี้จะเป็นมาเฟียตัวเล็กที่มีอารมณ์ขันสนุกสนาน แต่ทว่าเขาเป็นคนขี้โมโห หากใครพูดจาไม่เข้าหูก็จะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่พร้อมจะกระโดดเข้าใส่และกระทืบให้จมคาเท้าเลยก็ว่าได้ แถมเขายังฆ่าคนได้ง่ายดายโดยไม่กระพริบตา ราวกับบี้มดตัวเล็กๆ แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นจุดเด่นของทอมมี่คือการที่เขารักพวกพ้องมาก เขาพร้อมที่จะช่วยเหลือเพื่อนอย่างเฮนรี่เมื่อยามตกทุกข์ได้ยาก ต้องยอมรับเลยว่าเปสชี่เล่นเรื่องนี้ได้เด่นพอสมควรเลย
หนังเรื่องนี้ดีมากๆ ครับ ทำได้สมจริงราวกับสารคดี แถมยังสะท้อนให้เราเห็นอะไรหลายอย่างที่เป็นสัจธรรม ไม่ว่าจะเป็น เมื่อคนเราไปถึงจุดสูงสุดในชีวิต ก็ย่อมมีสิทธิที่จะไปสู่จุดต่ำสุดได้เหมือนกัน หรืออะไรที่ได้มาง่ายๆ ก็สามารถสูญเสียไปง่ายๆ เหมือนกัน รวมไปถึงคนเราสามารถทำได้ทุกวิถีทางเพื่อเอาตัวรอด แม้กระทั่งกำจัดคนรอบข้างก็พร้อมจะทำ และอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญก็คือ ความรุนแรงเป็นบ่อเกิดของหายนะ ให้คะแนน 9 เต็ม 10 ครับ ตัดนิดหน่อยตรงที่ตอนจบมันรวบรัดไปหน่อย ทั้งๆ ที่ระยะเวลาของหนังมันนานพอสมควร น่าจะเสริมเรื่องราวอะไรอีกสักหน่อยมาขยายเพิ่มจะดีมากๆ รวมไปถึงฉากรุนแรงบางฉากที่บางทีผมมองว่ามันอาจจะพร่ำเพรื่อเกินไป เข้าใจครับว่าเป็นหนังมาเฟียแต่พี่ก็ไม่ต้องจัดเต็มขนาดนั้นก็ได้ ขอให้สนุกกับการดูหนัง คอหนังมาเฟียห้ามพลาดเรื่องนี้เป็นอันขาด
การดูหนังก็เปรียบเสมือนกับการเก็บผลไม้ที่อยู่เต็มต้น ที่บางครั้งเราก็อาจจะเก็บผลไม้ได้ไม่หมด แต่ก็เลือกเก็บมาเฉพาะที่เราเก็บได้หรือเลือกเก็บในผลที่เราชื่นชอบ เช่นเดียวกันกับข้อคิดในหนังครับ เรื่องเดียวกันคนดูอาจเก็บข้อคิดจากหนังได้ไม่เหมือนกันขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน ใครเก็บอะไรได้บ้างก็สามารถร่วมแชร์ได้ที่เพจผมครับ หรือถ้าสนใจดูรีวิวหนังเรื่องอื่นเพิ่มเติม ให้คำติชมแนะนำ หรือถ้าอยากให้รีวิวหนังเรื่องไหน มาพูดคุยกันได้ที่
https://www.facebook.com/cineman95/ ขอให้สนุกกับการดูหนัง ขอบคุณครับ
[CR] [Review] GoodFellas (1990) คนดีเหยียบฟ้า
เมื่อพูดถึงมาเฟียหรือแก็งสเตอร์ในยุคเก่าๆ หลายๆ คนต้องนึกภาพของคนที่ใส่สูทที่ตัดมาอย่างเนี้ยบ ผมหวีเรียบแปล้ใส่น้ำมันเป็นอย่างดี และที่ขาดไม่ได้คงเป็นเรื่องของการฆ่าฟันและความรุนแรง สิ่งที่สะท้อนถึงภาพลักษณ์ได้เป็นอย่างดีคงจะเป็นอะไรไม่ได้นอกจากหนังไตรภาค The Godfather ที่นักดูหนังหลายๆ คนยกย่องว่าเป็นหนังแนวอาชญากรรมหรือหนังมาเฟียที่ดีที่สุดเรียกได้ว่าเป็นหนังระดับตำนานที่ทุกคนต้องดูให้ได้ ส่วนหนังที่อยู่ลำดับถัดมาจาก The Godfather ที่จะต้องดูให้ได้ เชื่อได้เลยครับว่าหนังเรื่องนี้จะต้องมีชื่อติดมาในลำดับแรกๆ Goodfellas หรือ คนดีเหยียบฟ้า ผมเคยดูเรื่องนี้ครั้งแรกก็ต้องย้อนกลับไปประมาณสักยี่สิบกว่าปีก่อนซึ่งถูกเอามาฉายใน Movie on 3 ที่ช่อง 3 ชอบมากๆ เรื่องนี้เป็นผลงานของผู้กำกับระดับตำนาน มาร์ติน สกอร์เซซี่ โดยสร้างมาจากหนังสือชื่อ Wiseguy เขียนโดย นิโคลัส พิเลจจี้ นำแสดงโดยนักแสดงชื่อดังค้างฟ้าอย่าง โรเบิร์ต เดอ นีโร ร่วมด้วย เรย์ ลิออตต้า , โจ เปสชี่ และ พอล ซอร์วิโน่
หนังบอกเล่าเรื่องราวชีวิตของ เฮนรี่ ฮิลล์(ลิออตต้า) ผู้มีความใฝ่ฝันอยากจะเป็นมาเฟียหรือ Wiseguy ( เป็นที่มาของชื่อหนังภาษาไทยว่า คนดีเหยียบฟ้า ) ตั้งแต่จำความได้ เขาเฝ้าดูบรรดามาเฟียที่อยู่ในละแวกบ้านทำกิจกรรมต่างๆ ด้วยความชื่นชมที่พวกนั้นมีความเป็นอภิสิทธิ์ชนอยากจะทำอะไรก็ได้และคอยหาโอกาสไปช่วยงานจิปาถะเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นเด็กคอยรับส่งของ หรือคอยบริการขับรถของพวกมาเฟียเพื่อเอาไปจอด ซึ่งทำให้เขาได้รู้จักกับจิมมี่(เดอ นีโร) มาเฟียผู้นิยมการปล้นมากกว่าสิ่งใด และทอมมี่(เปสชี่)เพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันที่มีนิสัยวู่วาม จนวันนึงเขาถูกจับและถูกปล่อยตัวออกมา และเหตุการณ์การนั้นเองก็ทำให้เขาได้กลายเป็นพวกคนดีเหยียบฟ้าได้อย่างสมบูรณ์ เขา ทอมมี่ และจิมมี่ ได้ร่วมกันทำงานให้กับ พอลลี่(ซอร์วิโน่)หัวหน้ามาเฟีย ไม่ว่าจะเป็นการคุมร้านอาหาร การทวงหนี้ และอื่นๆ ซึ่งในบางครั้งที่พวกเขาทำงานเองเช่น การปล้น เมื่อได้มาเท่าไหร่ก็ต้องแบ่งให้พอลลี่ด้วย ชีวิตของเฮนรี่และพวกพ้องก็อยู่กันอย่างสุขสบายจนกระทั่งเขาได้เข้าไปสู่วงการค้ายาเสพติด และนั่นก็ทำให้ชีวิตของเขาเริ่มเปลี่ยนไป
หนังเรื่องนี้จะพาเราเข้าไปพบกับสภาพสังคมของมาเฟียอิตาลีในอเมริกาว่ามีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไร เราจะสามารถเห็นได้ว่าการทำเงินของบรรดามาเฟียมาจากธุรกิจอะไรบ้าง ซึ่งการได้เงินของพวกเขาได้มาอย่างง่ายดาย อีกทั้งการที่เป็นอภิสิทธิ์ชนที่สามารถจะจอดรถที่ไหนก็ได้ หรือแม้กระทั่งการที่ไม่ต้องยืนเข้าคิวเพื่อที่จะรอเข้าไปในภัตตาคารหรูๆ แถมเข้าไปแล้วยังมีคนจัดโต๊ะพิเศษที่จัดเอาไว้ข้างหน้าสุดอีกด้วย ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเด็กๆ ในละแวกนั้นอยากจะเป็นมาเฟียกัน( ผมเองก็เช่นกัน ฮา ) การดำเนินเรื่องของหนังผู้กำกับสามารถลำดับเรื่องได้เป็นอย่างดี เราจะเห็นพัฒนาการของตัวละครแต่ละตัวที่มีความเปลี่ยนแปลงไปตามระยะเวลาในหนัง อีกทั้งในบางฉากก็จะใช้เพลงเป็นสัญลักษณ์ว่าอยู่ในยุคสมัยไหน ไม่ว่าจะเป็นยุค 1950 1960 ที่ใช้เพลงแนว Motown หรือ ยุค 1970 ที่ใช้เพลง Rock ถือว่าจัดเข้ากันได้อย่างลงตัว อีกสิ่งหนึ่งที่ถือเป็นสัญลักษณ์ของหนังมาเฟียก็ต้องเป็นความรุนแรง ซึ่งในหนังเรื่องนี้ก็ถือว่าจัดเต็มให้เราได้เห็นกันจะๆ เต็มๆ ไม่มีตัดฉากราวกับว่าเป็นสิ่งธรรมดาที่เกิดขึ้นเหมือนเรากินข้าว หรือเดินไปจ่ายตลาดยังไงงั้น รวมไปถึงการที่ถ่ายภาพอย่างสโลว์โมชั่นของตอนการลั่นไกปืนที่ลำกล้องจะค่อยๆ เลื่อนพร้อมประกายไฟของปืน และปลอกกระสุนก็จะค่อยๆ ร่วงออกมาจากช่องคัดปลอกแสดงให้เห็นถึงความเลือดเย็นของผู้ลั่นไกได้เป็นอย่างดี
มาพูดถึงการแสดงของนักแสดงกันครับ ในบทของเฮนรี่ ฮิลล์ โดย ลิออตต้า เรื่องนี้เขาเล่นดูหล่อมีมาดสาวเห็นเป็นต้องหลง ในเรื่องนี้ฮิลล์จะเป็นคนที่ใจเย็นและมีสติที่สุด แถมยังมีความฉลาดมีความคิดที่ดีกว่าเพื่อนร่วมแก๊งค์ ส่วนในเรื่องความรุนแรงของอารมณ์เขาก็แสดงออกมาให้เห็นอย่างเต็มที่ ถือได้ว่าการแสดงบทนี้คือหนึ่งในผลงานที่ดีที่สุดของเรย์ ลิออตต้าเลยก็ว่าได้ ส่วนจิมมี่ โดย เดอ นีโร ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าเขาสามารถเข้าถึงบทบาทมาเฟียได้ขนาดไหน เรียกได้ว่าเป็นบทถนัดของเขาเลย ในเรื่องนี้เขาเล่นได้อย่างมีออร่าจับ เล่นได้ดูดี เป็นมาเฟียที่ดูน่าเกรงขามที่ทุกคนต้องเกรงใจ ยิ่งตอนฉากแนะนำตัวละครจิมมี่ ดูแล้วมีความรู้สึกเท่ห์มากๆ แต่พอถึงคราวสติแตก เขาเองก็พร้อมจะเหวี่ยงใส่ทุกคน และพร้อมที่จะเก็บทุกคนที่จะสาวความผิดมาถึงตัวเขาได้ ไม่เว้นแม้กระทั่งเพื่อนตัวเอง ส่วนอีกคนที่ต้องพูดถึงก็คือ เปสชี่ ในบทของทอมมี่ ซึ่งเปสชี่เล่นบทนี้ได้ดีจนได้รับรางวัลออสการ์สาขาดาราสมทบฝ่ายชาย ทอมมี่ในเรื่องนี้จะเป็นมาเฟียตัวเล็กที่มีอารมณ์ขันสนุกสนาน แต่ทว่าเขาเป็นคนขี้โมโห หากใครพูดจาไม่เข้าหูก็จะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่พร้อมจะกระโดดเข้าใส่และกระทืบให้จมคาเท้าเลยก็ว่าได้ แถมเขายังฆ่าคนได้ง่ายดายโดยไม่กระพริบตา ราวกับบี้มดตัวเล็กๆ แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นจุดเด่นของทอมมี่คือการที่เขารักพวกพ้องมาก เขาพร้อมที่จะช่วยเหลือเพื่อนอย่างเฮนรี่เมื่อยามตกทุกข์ได้ยาก ต้องยอมรับเลยว่าเปสชี่เล่นเรื่องนี้ได้เด่นพอสมควรเลย
หนังเรื่องนี้ดีมากๆ ครับ ทำได้สมจริงราวกับสารคดี แถมยังสะท้อนให้เราเห็นอะไรหลายอย่างที่เป็นสัจธรรม ไม่ว่าจะเป็น เมื่อคนเราไปถึงจุดสูงสุดในชีวิต ก็ย่อมมีสิทธิที่จะไปสู่จุดต่ำสุดได้เหมือนกัน หรืออะไรที่ได้มาง่ายๆ ก็สามารถสูญเสียไปง่ายๆ เหมือนกัน รวมไปถึงคนเราสามารถทำได้ทุกวิถีทางเพื่อเอาตัวรอด แม้กระทั่งกำจัดคนรอบข้างก็พร้อมจะทำ และอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญก็คือ ความรุนแรงเป็นบ่อเกิดของหายนะ ให้คะแนน 9 เต็ม 10 ครับ ตัดนิดหน่อยตรงที่ตอนจบมันรวบรัดไปหน่อย ทั้งๆ ที่ระยะเวลาของหนังมันนานพอสมควร น่าจะเสริมเรื่องราวอะไรอีกสักหน่อยมาขยายเพิ่มจะดีมากๆ รวมไปถึงฉากรุนแรงบางฉากที่บางทีผมมองว่ามันอาจจะพร่ำเพรื่อเกินไป เข้าใจครับว่าเป็นหนังมาเฟียแต่พี่ก็ไม่ต้องจัดเต็มขนาดนั้นก็ได้ ขอให้สนุกกับการดูหนัง คอหนังมาเฟียห้ามพลาดเรื่องนี้เป็นอันขาด
การดูหนังก็เปรียบเสมือนกับการเก็บผลไม้ที่อยู่เต็มต้น ที่บางครั้งเราก็อาจจะเก็บผลไม้ได้ไม่หมด แต่ก็เลือกเก็บมาเฉพาะที่เราเก็บได้หรือเลือกเก็บในผลที่เราชื่นชอบ เช่นเดียวกันกับข้อคิดในหนังครับ เรื่องเดียวกันคนดูอาจเก็บข้อคิดจากหนังได้ไม่เหมือนกันขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน ใครเก็บอะไรได้บ้างก็สามารถร่วมแชร์ได้ที่เพจผมครับ หรือถ้าสนใจดูรีวิวหนังเรื่องอื่นเพิ่มเติม ให้คำติชมแนะนำ หรือถ้าอยากให้รีวิวหนังเรื่องไหน มาพูดคุยกันได้ที่ https://www.facebook.com/cineman95/ ขอให้สนุกกับการดูหนัง ขอบคุณครับ