จากนั้นก็นั่งรถมายังมหาลัย มหาลัยที่เราจะไปเรียนกันนั้นก็คือมหาลัย Harbin institute of Technology(HIT) หรือที่คนฮาร์บินเค้าจะเรียกสั้นๆว่า ฮาร์กงต้า นั่นเองค่ะเมื่อมาถึงมหาลัยพี่เอ็มก็พาพวกเราเอากระเป๋าไปเก็บเข้าห้องพักจากนั้นก็พาพวกเราไปหาของกินหน้ามหาลัย
[CR] เรียนภาษาจีนซัมเมอร์ที่เมืองหนาว ปิดเทอมทั้งทีพักความร้อนไปสัมผัสความหนาวช่วงใบไม้เปลี่ยนสีที่ "มอสโกแห่งตะวันออก"
บางคนอาจจะยังลังเลยังตัดสินใจไม่ได้ว่าตอนนี้คุณเรียนภาษาจีนไปเพื่ออะไร แล้วถ้าเรียนแล้วจะนำไปใช้อย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุด แต่สำหรับเหมยนะคะเหมย ได้ตั้งเป้าหมายกับตัวเองว่า เหมยชอบเรียนภาษาจีน เหมยก็เรี่มหลงรักในภาษาจีน อยากฝึกพูดภาษาจีนให้คนจีนฟังเข้าใจ และจะนำภาษาจีนไปใช้ในการทำงาน และอยากมีโอกาสเดินทางไปประเทศจีน สักครั้งตอนนี้เหมยก็เรียนอยู่ในระดับชั้น ม.5 เหมยก็เป็นเด็กต่างจังหวัดคนนึง ที่ตั้งใจเรียนภาษาจีนในห้องเรียนมาโดยตลอด แต่บางครั้งก็ไม่ได้มีโอกาสใช้ภาษาจีนบ่อยๆได้ใช้แค่ในห้องเรียน จึงทำให้เหมยอยากมีโอกาสได้ฝึกทักษะภาษาจีนเพิ่มขึ้น เหมยก็พยายามหาข้อมูลทุนเรียนภาษาจีนมาโดยตลอด แต่ก็เนอะโอกาสของเด็กต่างจังหวัด มักจะน้อยกว่าเสมอ แต่นั้นมันก็ไม่ทำให้เหมยละความพยายามที่จะล้มเลิกความตั้งใจที่จะไปประเทศจีน จนวันหนึ่งได้เจอเพจโครงการ Study in Harbin เรียนภาษาจีนกลางที่ฮาร์บิน รวมค่าโครงการทั้งหมดประมาณ สามหมื่นกว่า พอเหมยเจอโครงการนี้ปุ๊ป ตอนแรกไม่คิดอะไรเยอะแต่คิดว่าทำไมค่ารวมโครงการถูกจังจะโดนหลอกไหมเนี่ย เหมยก็เลยลองทักไปถามรายละเอียดกับเพจโครงการนี้ดู จนได้คุยกับพี่เอ็มคนที่ดูแลโครงการนี้อยู่ พี่เอ็มก็จะให้รายละเอียดของโปรแกรมและค่าใช้จ่ายอย่างละเอียดมาให้ ยิ่งพอคุยกันมารู้ว่าพี่เค้าเป็นคนตรังด้วยกันอีกก็รู้สึกมั่นใจไปประมาณหนึ่งละว่าจะไม่โดนหลอกใช่ไหม จึงไปหาข้อมูลดูรีวิวของคนที่ไปมาก่อน จึงลองไปคุยกับแม่ดูว่าจะให้ไปไหมในราคาประมาณนี้ พอแม่บอกได้ให้ไปดีใจสุดๆไปเลย พออีกวันนึงพี่เอ็มได้โทรมาชี้แจงรายละเอียดให้แม่ฟังแม่ก็ยิ่งโอเครไปใหญ่เลยอนุมัติให้ไป เหมยจึงเลือกที่จะเดินทางไปเรียนช่วงเดือนตุลาคม เป็นระยะเวลาหนึ่งเดือนซึ่งตอนนั้นก็มีเวลาเหลืออีกประมาณ สามเดือนกว่าๆที่จะเตรียมตัวไปก็ตื่นเต้นมากพยายาม หาข้อมูลเมืองฮาร์บินและหาข้อมูลการเดินทางไปต่างประเทศ พอได้ทำเรื่องสมัครเรียนกับพี่เอ็มเสร็จ พี่เอ็มก็จะพาเหมยเข้ากรุ๊ปเพื่อนๆคนอื่นๆที่จะไปด้วยกันในช่วงเดือนตุลาคมด้วยกันเหมยก็ได้ทำความรู้จักกับเพื่อนๆคนอื่นๆ หลังจากนั้นพี่เอ็มก็จะดูแลเรื่องการทำวีซ่าและตั๋วเครื่องบินให้ ซึ่งพี่เอ็มจะตอบทุกคำถามและปัญหาต่างๆที่เหมยอยากรู้ให้พร้อมทั้งให้คำแนะนำกลับมาด้วย ยิ่งทำให้เด็กต่างจังหวัดคนนี้ที่ไม่มีความรู้เรื่องการเดินทางต่างประเทศมาก่อนให้มีความรู้ขึ้นมา หลังจากนั้นก็มีเพื่อนคนอื่นที่จะเดินทางไปด้วยกันเพิ่มมากขึ้นก็ดีใจมากที่จะมีเพื่อนๆไปด้วยกันหลายๆคน
และเมื่อถึงเวลาเดินทางของเราเหมยตื่นเต้นสุดๆไปเลยค่ะ
ในความคิดของตัวเองจะไปได้ไหมว่ะ จะน่ากลัวไหมนะ แต่โชคดีมากเลยคะ ที่การเดินทางครั้งนี้มีพี่สาวคนสวย ของในกรุ๊ป พี่เค้าชื่อพี่ดรีมพี่เค้าน่ารักมาก มาช่วยจัดการการเดินทางให้กับเหมยและเพื่อนๆ มาส่งพวกหนูๆถึงสนามบินพร้อมพาเช็คอิน เช็ครายชื่อ ให้คำแนะนำเพิ่มเติมเมื่อเปลี่ยนเครื่องเพราะพี่เค้ามีความชำนาญในการเดินทางไปต่างประเทศพี่เค้าเดินทางเกือบจะทั่วเอเชียละ แต่ที่น่าเสียดายคือพี่เค้าไม่ได้ไปกับพวกเราด้วยนะสิ เพราะพี่เค้าติดธุระสำคัญ เมื่อถึงเวลาที่เรามากันพร้อมๆหน้ากันที่สนามบินตอนแรกคือเหมยไปคนเดียวจากใต้ เป็นเด็กใต้คนเดียวเลยก็ว่าได้ เพราะเพื่อนคนอื่นในกรุ๊ปเค้าเป็นเด็กกรุงเทพกันหมดเลย ตอนนั้นก็แอบเศร้านิดหน่อย แต่พอสักพักเหมยได้เจอ เพื่อนและน้องๆที่อายุน้อยกว่าเหมยเค้าก็น่ารักกับเหมยมากชวนเหมยคุยและเหมยก็ชวนเค้าคุยเหมือนกันเราจึงเข้ากันได้555 พ่อแม่เพื่อนๆคนอื่นก็น่ารักมากบอกว่าทำความรู้จักกับเพื่อนๆไว้นะลูก จะได้ช่วยเหลือกันเพราะพวกเราจะต้องเดินทางกันไปเองพ่อแม่ของแต่ละคนก็จะเป็นห่วงมากกกนี่ก็เป็นรูปของพวกเราในกรุ๊ปในกรุ๊ปของเรามีผู้ชายสองคนผู้หญิงสิบคนจ้า 555 เริดไปอีก
พอเสร็จจาการเช็คอินแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะเข้าไปในเกต ก็ยิ่งโชคดีไปใหญ่มีแม่ของเพื่อนในกรุ๊ปที่ทำงานในสนามบินพาพวกเราเข้าไปส่งถึงหน้าเกต ใช้เวลานั่งรอเครื่องไม่นานก็ถึงเวลาที่จะไปขึ้นเครื่อง
สายการบินที่พวกเราจะเลือกเดินในครั้งนี้คือสายการบินChina Southen Airlines
นี่ก็เป็นอาหารมื้อแรกของสายการบินรสชาติก็กินได้55
และเมื่อนั่งเครื่องมาได้ประมาณ 4ชั่วโมงก็เดินทางมาถึงสนามบินกวางโจวทุกคนก็เตรียมกรอกเอกสารคนเข้าเมืองและหาที่เช็คอินขึ้นเครื่องต่อไปยังฮาร์บินก็ต้องรีบวิ่งกันเลยละจะเดินแบบช้าไม่ได้เลยจร้าไม่งั้นตกเครื่อง ก็ยังมีเซลฟี่น้า55555
และใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงเครื่องบินก็พาพวกเราลงมายังสนามบินไท้ปิ้ง ความรู้สึกตอนนั้นถึงแล้วหรอ5555 ฮาร์บินที่รอคอยมานานแสนนาน เราจะได้เจอกันแล้วใช่ไหม พอมาถึงปุ๊ปก็โทรวีแชทหาพี่เอ็มเลยทันที พี่เอ็มมารับพวกหนูด้วยน้าพวกหนูถึงแล้ว5555 แต่พอลงมารอรับกระเป๋าก็เจอพี่เอ็มกับพี่ๆทีมงานยืนรอรับพวกเราอยู่รู้สึกอุ่นใจสุดๆไปเลยละเมื่อออกมาด้านนอกเพื่อไปขึ้นรถของมหาลัยที่มารอรับอยู่ สัมผัสได้ถึงความหนาวเหน็บของฮาร์บินสะท้านกันเลยที่เดียวพี่เอ็มก็พาพวกเราไปถ่ายรูปกับป้ายหน้าสนามบิน
จากนั้นก็นั่งรถมายังมหาลัย มหาลัยที่เราจะไปเรียนกันนั้นก็คือมหาลัย Harbin institute of Technology(HIT) หรือที่คนฮาร์บินเค้าจะเรียกสั้นๆว่า ฮาร์กงต้า นั่นเองค่ะเมื่อมาถึงมหาลัยพี่เอ็มก็พาพวกเราเอากระเป๋าไปเก็บเข้าห้องพักจากนั้นก็พาพวกเราไปหาของกินหน้ามหาลัย
วันที่ 5 ตุลาคม ณ ฮาร์บิน
ตื่นเช้ามารับลมหนาวก็ได้เวลาไปเดินเล่นรอบๆมหาลัยกันแล้วค่ะ
จากนั้นพี่เอ็มก็นัดพวกเรามาเจอที่หอ 13 เพื่อชี้แจงค่าเรียน ค่าหอ ค่าน้ำค่าไฟ โดยในตอนนั้นพี่เอ็มมีภาระต้องไปรับน้องๆ อีกหนึ่งกรุ๊ปที่เดินทางกำลังจะมาถึงเลยให้พี่นิวพี่ทีมงาน Study in Harbin มาช่วยพาพวกเราไปแนะนำการใช้ชีวิตในมหาลัย พี่นิวก็จะสอนว่าต้องทำอย่างไรต้องพูดว่าอะไร จากนั้นก็พาไปแนะนำการใช้โรงอาหารกินข้าวซึ่งมหาลัยนี้ มีโรงอาหารใหญ่หลายโรง ทั้งโรงที่ใช้เงินซื้อและโรงที่ใช้บัตรซื้อเนื่องจากเรายังไม่ได้บัตรจากโรงอาหารก็เลยไปกินข้าวโรงอาหารที่ใช้เงินซื้อซึ่งก็เป็นอาหารมื้อแรกของพวกเรา
และนี่คือภาพบรรยากาศโรงอาหารค่ะ
จากนั้นพี่นิวก็พาพวกเราไปสอนการเติมเงินใส่บัตรโรงอาหารเพราะที่โรงอาหารนี้จะไม่ใช้เงินซื้อข้าวเพราะว่าเงินมันสกปรกเมื่อมาถึงเลยเซลฟี่หน้าโรงอาหารกันซะหน่อย
เป็นร้านขายผลไม้ระหว่างทางเลยเก็บภาพบรรยากาศมาฝากผู้อ่านทุกคนค่ะ
รูปภาพอาจจะเยอะไปหน่อย555555อย่าเพิ่งเบื่อกันนะคะเมื่อเราเริ่มสนิทกับเพื่อนมากขี้นพวกเราเลยไปเที่ยวด้วยกันบ่อยมากก
นี่เป็นเพียงแค่วันเดียวที่ได้ไปเที่ยวในฮาร์บินแต่กลับรู้สึกดีสุดๆ ฮาร์บินเป็นเมืองที่สะอาดผู้คนอยู่กันแบบเรียบง่าย หรือเพราะเราจะหลงรักฮาร์บินเข้าแล้วซะแล้วละ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น