บ้านสวนป่วนรัก [องครักษ์พิทักษ์คุณชาย]
โรแมนติกคอมเมดี้ แนวความหลากหลายทางเพศ
พิธันดร
คุณพีทคุย
ฉบับนี้ เอ๊ยบทนี้ มาช้านิดนึงครับ พอดี๊ว่าพรุ่งนี้คุณพีทจะไปต่างจังหวัด แล้วเก็บบ้านไม่เสร็จ แหะๆ เลยตาลีตาเหลือกเก็บบ้านอยู่หลายวัน วันนี้เสร็จแล้ว เย้
และหลังจากบทนี้ คุณพีทต้องเว้นไปประมาณหนึ่งสัปดาห์นะครับ กลับมาแล้วจะลงต่อกระดื๊บๆ ตามปกติ
ตอนเขียนก็ว่ามันเยอะๆ นะ ทำไมตอนจัดหน้ามาแปะ มันดูสั้นๆ ไงมิรุ... ^ ^"
ขอบคุณเพื่อนๆ ที่มาเยี่ยม มาอ่าน มากด มาคุยนะครับ ขอบคุณเพิ่มเติม คุณดาว, อาจารย์จี, คุณ turtle cheesecake, คุณ tedta, คุณนะ, คุณหนิง, คุณคีตมินทร์, คุณนลินมณี และเพื่อนที่แอบกดบวกให้ด้วยครับ
สารบัญ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
บทที่ 1 ประตูเหล็กสีเทา
บทที่ 2 บทสนทนาในห้องมืด
บทที่ 3 คำสั่งแรก
บทที่ 4 ภารกิจผู้ติดตาม
บทที่ 5 การเดินทางของจุดเริ่มต้น
พนาคาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อย หันไปเห็นเจ้านายคนใหม่มองตรงมาเลิกคิ้ว
“เริ่มจะใช้ได้ล่ะ”
พนากลอกตางง เจ้านายยิ้มมุมปากโน้มตัวเข้ามาใกล้ ปลายนิ้วเอื้อมมาไล้แนวหนวดบางๆ เหนือริมฝีปากของเขา
“เข้มกว่าในรูปแล้ว ค่อยสมเป็นองครักษ์พิทักษ์ผมหน่อย”
อ้อ... พนาเผลอทำปากกลมแล้วรีบหุบปากพยักหน้า ในอีเมลนัดหมายสัมภาษณ์งาน นอกจากจะสั่งให้เตรียมของใช้ส่วนตัวสำหรับเดินทางแล้ว ยังสั่งให้งดโกนหนวดโกนเคราล่วงหน้าอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์ด้วย
คือผู้ชายบ้านนี้ทุกคนต้องไว้หนวดว่างั้น
“ไว้ผมจะสอนเล็ม ใช้เครื่องเดียวกันกับผมนั่นล่ะ ไม่รังเกียจกันนะ”
เจ้านายคงหมายถึงเครื่องเล็มหนวดเคราแบบใช้ไฟฟ้าคล้ายปัตตะเลี่ยนตัดผมแต่อันเล็กกว่า พนารีบพยักหน้ารับ แล้วนึกได้เปลี่ยนเป็นสั่นหัวดิก
“ไม่ครับ ขอบคุณครับ”
โยธิศยิ้มตาพราว
“บอกแล้วไง ทำตัวตามสบาย ปกติผมไม่กัด แต่ถ้าจะกัดก็จะบอกก่อน ยังไม่ต้องรีบเกร็ง”
พนากะพริบตาปริบ
ยังไงกันนะผู้ชายคนนี้ เอ๊ยเจ้านายคนนี้
คนถูกนินทาหันกลับไปสนใจพวงมาลัยและแผงควบคุม ติดเครื่องเคลื่อนตัวออกจากโรงรถไปจ่อรอประตูรั้วที่เลื่อนเปิดออก แล้วหันมาพยักพเยิด
“หลับไปก่อน เก็บแรงไว้ อยู่นู่นคุณคงเจอหนัก”
พนาแอบหรี่ตามองตอบ
นี่เตือนหรือขู่ครับเจ้านาย?
แวะพักเข้าห้องน้ำกลางทางเพียงครั้งเดียว ซึ่งเจ้านายก็ปลุกเขางัวเงียลากตามไปด้วย พนาตื่นอีกทีตอนบ่ายมากแล้ว แดดยังไม่รอน แต่ก็ไม่แรงเสียทีเดียว สองข้างทางเห็นเป็นลูกคลื่นดูรู้ว่าอยู่บนเขา ถนนลาดยางเส้นเล็กขนาบด้วยแนวต้นไม้เป็นระยะ พนาถดตัวชิดพนักเก้าอี้ ยืดอกเหยียดแขนบิดคอแก้เมื่อย
“ใกล้ถึงแล้ว” โยธิศเหลือบมองแวบเดียวแล้วเอื้อมมือเปิดช่องเก็บของเหนือเข่าพนา หยิบซองใส่กระดาษเย็นออกมาตบปุลงบนตักเขา พนาสะดุ้ง โยธิศพูดต่อไม่สนใจ “ปกติผมไม่ชอบใช้ของครั้งเดียวทิ้ง แต่ถ้าจำเป็นก็อนุโลมบ้าง เช็ดหน้าเช็ดตาเสีย คิโมนบอกแล้วใช่ไหมว่าอยู่กับผมคุณต้องดูดีตลอดเวลา”
พนารับคำแข็งขันแล้วจัดการตัวเองตามคำสั่ง เจ้านายเขาท่าจะดูหนังประเภทคุณชายมาเฟียมากไป พนาเหลือบมองคนด้านข้าง เสื้อสีดำสนิท คอปิด ทรงตรง แขนกระบอก คล้ายเจ้าพ่อในหนังแนวอิทธิพลเถื่อนซึ่งเขาก็ไม่เคยสนใจดู ใบหน้าขาวคมตีกรอบด้วยหนวดเคราเข้ม ตอนนี้มีแว่นกันแดดดำปี๋ปิดไปเกือบครึ่งหน้าอีก ดูไปแล้วไม่น่าจะต้องมีองครักษ์พิทักษ์คุณชายเลยสักนิด
เขายังน่ากลัวน้อยกว่าเจ้านายตั้งเยอะ
พับกระดาษเย็นใส่คืนในซอง เอี้ยวตัวไปหย่อนลงถังขยะใบเล็กข้างหลังซึ่งเขาสังเกตเห็นเมื่อตอนจอดพัก พอหันกลับมาปิดช่องเก็บของคืนตามเดิม รถก็ชะลอตัวเลี้ยวลงทางดิน กระจกหน้าต่างไฟฟ้าถูกกดเลื่อนลงทั้งสองข้าง ลมเย็นชื้นกระพือเข้ามาปะทะหน้าเขาเป็นจังหวะ พนายิ้มออกมา
“ต้นไม้เยอะจังเลยครับ”
“เข้าเขตบ้านสวนแล้ว ที่นี่เขาตั้งใจปลูกเป็นสวนป่า บ้านสวนป่าใบบุญ”
พนาไม่ได้ตอบเพราะกำลังตื่นตาตื่นใจ เขาชอบต้นไม้ ในนี้แน่นครึ้มยิ่งกว่าข้างถนนลาดยางที่เพิ่งผ่านมาเสียอีก แดดยังกล้า แต่ลมที่พัดเข้ามานั้นหอบอุ้มไอชุ่มมาจากพื้นฉ่ำใต้ร่มไม้ กลิ่นหอมของดินชื้นและต้นไม้ใบหญ้าทำให้เขานึกไปถึงตอนขึ้นเขาลงห้วยเที่ยวกับเพื่อนสมัยเรียน แปลกที่เขาห่างไกลบรรยากาศแบบนี้มาหลายปีแล้ว แต่ความรู้สึกเมื่อสมัยนั้นกลับพลุ่งขึ้นมากรุ่นอวลอยู่ในอกโดยไม่ได้ตั้งใจ
“ถ้าชอบจะอยู่นานก็ได้นะ หรือ...” โยธิศทอดเสียง พนาหันไปทั้งยังยิ้ม “...หรือถ้าชอบมาก จะนอนเสียแถวนี้เลยก็บอก จะได้จอดให้”
พนาหุบยิ้มฉับ เปลี่ยนเป็นเคี้ยวฟันกรอด
“ขอบคุณครับเจ้านาย ผมเป็นผู้ติดตาม ถ้าเจ้านายอยากนอนในป่านี่ผมก็จะนอนเป็นเพื่อนครับ”
โยธิศหัวเราะเสียงดัง หันมายักคิ้วล้อ
“อย่าเรียกผมว่าเจ้านายต่อหน้าคนอื่นนะ เรียกโยธิศ ไหนลองซิ”
“ครับคุณโยธิศ”
โยธิศนิ่วหน้าทั้งยังมองทาง จุปากจึ๊กจั๊ก
“โยธิศ ไม่ใช่คุณโยธิศ”
“ผมเป็นผู้ติดตาม จะเรียกชื่อคุณโยธิศเฉยๆ ได้ยังไงกันครับ”
“เอาน่า ไหนลองซิ”
“นี่เป็นคำสั่งรึเปล่าครับ”
โยธิศหัวเราะ คราวนี้หันมามองเต็มตา(ผ่านแว่นกันแดด)
“เออใช้ได้ เวลาคุ้มกันผมน่ะ ให้ได้อย่างนี้นะ”
พนาจ้องตอบอยู่ชั่วครู่จนอีกฝ่ายละสายตากลับไปมองทางตามเดิม
เอ่อ... หมายถึงจะให้กวนบาทาชาวบ้านเขาแบบนี้เหรอครับเจ้านาย?
“อ้อ แล้วก็อีกอย่าง” คุณเจ้านายพูดต่อเสียงรื่นรมย์ “ถ้าอยากเรียกเจ้านายจริงๆ เอาไว้เวลาอยู่ในห้องกันสองคน เข้าใจนะ”
ยังไม่ทันที่พนาจะอ้าปาก อีกฝ่ายก็รีบสำทับ
“อันนี้เป็นคำสั่ง”
พนาหลุดหัวเราะพรืด แอบทำปากพะงาบตอบแบบไม่มีเสียง
ครับเจ้านาย!
(“เห็นนะ”)
(“อุ๊บ!”)
เพียงไม่นานก็ถึงที่หมาย โยธิศเลี้ยวรถเข้าลานใหญ่ล้อมรอบด้วยแนวต้นไม้โปร่ง เกิดร่มเงาที่มีดวงแสงพราวพร้อยอยู่บนพื้นดินเรียบแน่น ตรงหน้าเป็นเรือนไม้ยกพื้นสูงเห็นระเบียงกว้างขวาง พอรถจอด พนาก็ก้มลงกดปุ่มปลดเข็มขัดนิรภัย
...ไม่ออก...
กดซ้ำหลายครั้ง จะดึงแรงก็ไม่กล้า กลัวทำรถเจ้านายพัง
เอาล่ะสินายพนา เริ่มงานวันแรกก็จะอวดโง่แล้วเหรอเนี่ย
เจ้านายลงจากรถไปเงียบๆ ไม่สนใจเขา พนายิ่งร้อนรนกดใหญ่ ประตูข้างตัวเปิดออก ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นสบตา(กับแว่นดำของ)เจ้านาย ยิ้มแหย เจ้านายทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้ก้มตัวลงเอื้อม พนาชักมือออกทันฉิวเฉียด กลิ่นหอมอ่อนชื่นใจกำจายจากเสื้อฝ้ายสีดำสนิทตรงหน้า
“ขอโทษทีองครักษ์ เข็มขัดในรถตั้งไว้ให้ปลดเองไม่ได้ ผมไม่ได้แก้ก่อนออกจากบ้าน”
พนามองร่างสูงใหญ่ก้มๆ เงยๆ ใกล้จนไหล่ของอีกฝ่ายแทบจะป่ายโดนหน้าอกเขา กลิ่นหอมอ่อนจากคนตรงหน้าดูกลมกลืนเข้ากันกับบรรยากาศบ้านสวนป่าแบบนี้ชะมัด พนายิ้มออกมา แล้วกลับขมวดคิ้ว
อะไรนะ... ‘ผมไม่ได้แก้’ ไม่ใช่ ‘ผมลืมแก้’ ชายหนุ่มหรี่ตา ถ้าจับได้ว่าจงใจแกล้งล่ะก็...
เสียงเข็มขัดปลดสลักดังกริ๊ก โยธิศหันมายิ้ม แว่นกันแดดแทบจะกระแทกสันจมูกพนา แต่ฝ่ายนั้นทำท่าเหมือนไม่รู้เรื่องรู้ราวด้วย
“ถ้าคุณลงจากรถไม่ได้ก็คุ้มกันผมไม่ได้ ลำบากแย่เลยนะ”
ใครลำบากก็ไม่รู้เหมือนกัน พนารอจนอีกฝ่ายถอยห่างออกไปสามก้าวแล้วถึงค่อยลุกตาม ชายหนุ่มปิดประตูรถ สูดหายใจกลิ่นหอมฉ่ำชื้นในอากาศ สัมผัสดวงแดดอุ่นผ่าวบนแขน หมุนตัวมองทิวไม้สูงรอบๆ แล้วก็กลับอารมณ์ดีขึ้นมาอีกครั้ง หันไปยิ้มให้คุณเจ้านายตัวดี
กำลังอ้าปากจะตอบยอกย้อน แต่ร่างตระหง่านที่ยืนยิ้มมองตรงมาทำให้เขาชะงักไป โยธิศปลดแว่นกันแดดออกเสียบกระเป๋าเสื้อ ใบหน้าขาวคมคายประดับด้วยหนวดเคราคมกริบสีดำสนิทนั่น...
...เทพกรีก... ชัดๆ...
พนาระบายลมหายใจ เพิ่งรู้สึกว่ามือตัวเองสั่นเล็กน้อย รีบไขว้ซ่อนไว้ข้างหลัง ยืดตัวเต็มความสูง เลิกคิ้วสบตาตอบเจ้านาย
หล่อลากปานนี้ กันชนงานหนักแน่พนาเอ๊ย
ข่มใจให้เข้มแข็ง ออกก้าวไปหา เสียงฝีเท้าจากบันไดระเบียงเรือนไม้เรียกให้เขาหยุดหันไปมอง สตรีร่างสูงสง่าในชุดซิ่นกรอมเท้าแขนสามส่วนเดินตรงเข้ามา ผมของเธอเกล้าไว้ข้างหลัง ใบหน้าเนียนซึ้งอย่างหญิงไทยแท้ยิ้มละมุน
...งาม...
พนาเหลียวไปเห็นโยธิศยิ้มอบอุ่นอย่างที่เขายังไม่เคยได้เห็น เจ้านายหนุ่มก้าวตรงเข้าไป พนาเผลอสูดลมหายใจเข้าลึก รู้สึกได้ถึงบรรยากาศอ่อนหวานที่อวลพร่างอยู่ในลานกว้างหน้าเรือนไม้
หญิงสาวและชายหนุ่มหยุดยืนอยู่ตรงหน้ากันและกัน
[จบบทครับ]
บ้านสวนป่วนรัก [องครักษ์พิทักษ์คุณชาย] บทที่ 5 การเดินทางของจุดเริ่มต้น
โรแมนติกคอมเมดี้ แนวความหลากหลายทางเพศ
พิธันดร
ฉบับนี้ เอ๊ยบทนี้ มาช้านิดนึงครับ พอดี๊ว่าพรุ่งนี้คุณพีทจะไปต่างจังหวัด แล้วเก็บบ้านไม่เสร็จ แหะๆ เลยตาลีตาเหลือกเก็บบ้านอยู่หลายวัน วันนี้เสร็จแล้ว เย้
และหลังจากบทนี้ คุณพีทต้องเว้นไปประมาณหนึ่งสัปดาห์นะครับ กลับมาแล้วจะลงต่อกระดื๊บๆ ตามปกติ
ตอนเขียนก็ว่ามันเยอะๆ นะ ทำไมตอนจัดหน้ามาแปะ มันดูสั้นๆ ไงมิรุ... ^ ^"
ขอบคุณเพื่อนๆ ที่มาเยี่ยม มาอ่าน มากด มาคุยนะครับ ขอบคุณเพิ่มเติม คุณดาว, อาจารย์จี, คุณ turtle cheesecake, คุณ tedta, คุณนะ, คุณหนิง, คุณคีตมินทร์, คุณนลินมณี และเพื่อนที่แอบกดบวกให้ด้วยครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
พนาคาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อย หันไปเห็นเจ้านายคนใหม่มองตรงมาเลิกคิ้ว
“เริ่มจะใช้ได้ล่ะ”
พนากลอกตางง เจ้านายยิ้มมุมปากโน้มตัวเข้ามาใกล้ ปลายนิ้วเอื้อมมาไล้แนวหนวดบางๆ เหนือริมฝีปากของเขา
“เข้มกว่าในรูปแล้ว ค่อยสมเป็นองครักษ์พิทักษ์ผมหน่อย”
อ้อ... พนาเผลอทำปากกลมแล้วรีบหุบปากพยักหน้า ในอีเมลนัดหมายสัมภาษณ์งาน นอกจากจะสั่งให้เตรียมของใช้ส่วนตัวสำหรับเดินทางแล้ว ยังสั่งให้งดโกนหนวดโกนเคราล่วงหน้าอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์ด้วย
คือผู้ชายบ้านนี้ทุกคนต้องไว้หนวดว่างั้น
“ไว้ผมจะสอนเล็ม ใช้เครื่องเดียวกันกับผมนั่นล่ะ ไม่รังเกียจกันนะ”
เจ้านายคงหมายถึงเครื่องเล็มหนวดเคราแบบใช้ไฟฟ้าคล้ายปัตตะเลี่ยนตัดผมแต่อันเล็กกว่า พนารีบพยักหน้ารับ แล้วนึกได้เปลี่ยนเป็นสั่นหัวดิก
“ไม่ครับ ขอบคุณครับ”
โยธิศยิ้มตาพราว
“บอกแล้วไง ทำตัวตามสบาย ปกติผมไม่กัด แต่ถ้าจะกัดก็จะบอกก่อน ยังไม่ต้องรีบเกร็ง”
พนากะพริบตาปริบ
ยังไงกันนะผู้ชายคนนี้ เอ๊ยเจ้านายคนนี้
คนถูกนินทาหันกลับไปสนใจพวงมาลัยและแผงควบคุม ติดเครื่องเคลื่อนตัวออกจากโรงรถไปจ่อรอประตูรั้วที่เลื่อนเปิดออก แล้วหันมาพยักพเยิด
“หลับไปก่อน เก็บแรงไว้ อยู่นู่นคุณคงเจอหนัก”
พนาแอบหรี่ตามองตอบ
นี่เตือนหรือขู่ครับเจ้านาย?
แวะพักเข้าห้องน้ำกลางทางเพียงครั้งเดียว ซึ่งเจ้านายก็ปลุกเขางัวเงียลากตามไปด้วย พนาตื่นอีกทีตอนบ่ายมากแล้ว แดดยังไม่รอน แต่ก็ไม่แรงเสียทีเดียว สองข้างทางเห็นเป็นลูกคลื่นดูรู้ว่าอยู่บนเขา ถนนลาดยางเส้นเล็กขนาบด้วยแนวต้นไม้เป็นระยะ พนาถดตัวชิดพนักเก้าอี้ ยืดอกเหยียดแขนบิดคอแก้เมื่อย
“ใกล้ถึงแล้ว” โยธิศเหลือบมองแวบเดียวแล้วเอื้อมมือเปิดช่องเก็บของเหนือเข่าพนา หยิบซองใส่กระดาษเย็นออกมาตบปุลงบนตักเขา พนาสะดุ้ง โยธิศพูดต่อไม่สนใจ “ปกติผมไม่ชอบใช้ของครั้งเดียวทิ้ง แต่ถ้าจำเป็นก็อนุโลมบ้าง เช็ดหน้าเช็ดตาเสีย คิโมนบอกแล้วใช่ไหมว่าอยู่กับผมคุณต้องดูดีตลอดเวลา”
พนารับคำแข็งขันแล้วจัดการตัวเองตามคำสั่ง เจ้านายเขาท่าจะดูหนังประเภทคุณชายมาเฟียมากไป พนาเหลือบมองคนด้านข้าง เสื้อสีดำสนิท คอปิด ทรงตรง แขนกระบอก คล้ายเจ้าพ่อในหนังแนวอิทธิพลเถื่อนซึ่งเขาก็ไม่เคยสนใจดู ใบหน้าขาวคมตีกรอบด้วยหนวดเคราเข้ม ตอนนี้มีแว่นกันแดดดำปี๋ปิดไปเกือบครึ่งหน้าอีก ดูไปแล้วไม่น่าจะต้องมีองครักษ์พิทักษ์คุณชายเลยสักนิด
เขายังน่ากลัวน้อยกว่าเจ้านายตั้งเยอะ
พับกระดาษเย็นใส่คืนในซอง เอี้ยวตัวไปหย่อนลงถังขยะใบเล็กข้างหลังซึ่งเขาสังเกตเห็นเมื่อตอนจอดพัก พอหันกลับมาปิดช่องเก็บของคืนตามเดิม รถก็ชะลอตัวเลี้ยวลงทางดิน กระจกหน้าต่างไฟฟ้าถูกกดเลื่อนลงทั้งสองข้าง ลมเย็นชื้นกระพือเข้ามาปะทะหน้าเขาเป็นจังหวะ พนายิ้มออกมา
“ต้นไม้เยอะจังเลยครับ”
“เข้าเขตบ้านสวนแล้ว ที่นี่เขาตั้งใจปลูกเป็นสวนป่า บ้านสวนป่าใบบุญ”
พนาไม่ได้ตอบเพราะกำลังตื่นตาตื่นใจ เขาชอบต้นไม้ ในนี้แน่นครึ้มยิ่งกว่าข้างถนนลาดยางที่เพิ่งผ่านมาเสียอีก แดดยังกล้า แต่ลมที่พัดเข้ามานั้นหอบอุ้มไอชุ่มมาจากพื้นฉ่ำใต้ร่มไม้ กลิ่นหอมของดินชื้นและต้นไม้ใบหญ้าทำให้เขานึกไปถึงตอนขึ้นเขาลงห้วยเที่ยวกับเพื่อนสมัยเรียน แปลกที่เขาห่างไกลบรรยากาศแบบนี้มาหลายปีแล้ว แต่ความรู้สึกเมื่อสมัยนั้นกลับพลุ่งขึ้นมากรุ่นอวลอยู่ในอกโดยไม่ได้ตั้งใจ
“ถ้าชอบจะอยู่นานก็ได้นะ หรือ...” โยธิศทอดเสียง พนาหันไปทั้งยังยิ้ม “...หรือถ้าชอบมาก จะนอนเสียแถวนี้เลยก็บอก จะได้จอดให้”
พนาหุบยิ้มฉับ เปลี่ยนเป็นเคี้ยวฟันกรอด
“ขอบคุณครับเจ้านาย ผมเป็นผู้ติดตาม ถ้าเจ้านายอยากนอนในป่านี่ผมก็จะนอนเป็นเพื่อนครับ”
โยธิศหัวเราะเสียงดัง หันมายักคิ้วล้อ
“อย่าเรียกผมว่าเจ้านายต่อหน้าคนอื่นนะ เรียกโยธิศ ไหนลองซิ”
“ครับคุณโยธิศ”
โยธิศนิ่วหน้าทั้งยังมองทาง จุปากจึ๊กจั๊ก
“โยธิศ ไม่ใช่คุณโยธิศ”
“ผมเป็นผู้ติดตาม จะเรียกชื่อคุณโยธิศเฉยๆ ได้ยังไงกันครับ”
“เอาน่า ไหนลองซิ”
“นี่เป็นคำสั่งรึเปล่าครับ”
โยธิศหัวเราะ คราวนี้หันมามองเต็มตา(ผ่านแว่นกันแดด)
“เออใช้ได้ เวลาคุ้มกันผมน่ะ ให้ได้อย่างนี้นะ”
พนาจ้องตอบอยู่ชั่วครู่จนอีกฝ่ายละสายตากลับไปมองทางตามเดิม
เอ่อ... หมายถึงจะให้กวนบาทาชาวบ้านเขาแบบนี้เหรอครับเจ้านาย?
“อ้อ แล้วก็อีกอย่าง” คุณเจ้านายพูดต่อเสียงรื่นรมย์ “ถ้าอยากเรียกเจ้านายจริงๆ เอาไว้เวลาอยู่ในห้องกันสองคน เข้าใจนะ”
ยังไม่ทันที่พนาจะอ้าปาก อีกฝ่ายก็รีบสำทับ
“อันนี้เป็นคำสั่ง”
พนาหลุดหัวเราะพรืด แอบทำปากพะงาบตอบแบบไม่มีเสียง
ครับเจ้านาย!
(“เห็นนะ”)
(“อุ๊บ!”)
เพียงไม่นานก็ถึงที่หมาย โยธิศเลี้ยวรถเข้าลานใหญ่ล้อมรอบด้วยแนวต้นไม้โปร่ง เกิดร่มเงาที่มีดวงแสงพราวพร้อยอยู่บนพื้นดินเรียบแน่น ตรงหน้าเป็นเรือนไม้ยกพื้นสูงเห็นระเบียงกว้างขวาง พอรถจอด พนาก็ก้มลงกดปุ่มปลดเข็มขัดนิรภัย
...ไม่ออก...
กดซ้ำหลายครั้ง จะดึงแรงก็ไม่กล้า กลัวทำรถเจ้านายพัง
เอาล่ะสินายพนา เริ่มงานวันแรกก็จะอวดโง่แล้วเหรอเนี่ย
เจ้านายลงจากรถไปเงียบๆ ไม่สนใจเขา พนายิ่งร้อนรนกดใหญ่ ประตูข้างตัวเปิดออก ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นสบตา(กับแว่นดำของ)เจ้านาย ยิ้มแหย เจ้านายทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้ก้มตัวลงเอื้อม พนาชักมือออกทันฉิวเฉียด กลิ่นหอมอ่อนชื่นใจกำจายจากเสื้อฝ้ายสีดำสนิทตรงหน้า
“ขอโทษทีองครักษ์ เข็มขัดในรถตั้งไว้ให้ปลดเองไม่ได้ ผมไม่ได้แก้ก่อนออกจากบ้าน”
พนามองร่างสูงใหญ่ก้มๆ เงยๆ ใกล้จนไหล่ของอีกฝ่ายแทบจะป่ายโดนหน้าอกเขา กลิ่นหอมอ่อนจากคนตรงหน้าดูกลมกลืนเข้ากันกับบรรยากาศบ้านสวนป่าแบบนี้ชะมัด พนายิ้มออกมา แล้วกลับขมวดคิ้ว
อะไรนะ... ‘ผมไม่ได้แก้’ ไม่ใช่ ‘ผมลืมแก้’ ชายหนุ่มหรี่ตา ถ้าจับได้ว่าจงใจแกล้งล่ะก็...
เสียงเข็มขัดปลดสลักดังกริ๊ก โยธิศหันมายิ้ม แว่นกันแดดแทบจะกระแทกสันจมูกพนา แต่ฝ่ายนั้นทำท่าเหมือนไม่รู้เรื่องรู้ราวด้วย
“ถ้าคุณลงจากรถไม่ได้ก็คุ้มกันผมไม่ได้ ลำบากแย่เลยนะ”
ใครลำบากก็ไม่รู้เหมือนกัน พนารอจนอีกฝ่ายถอยห่างออกไปสามก้าวแล้วถึงค่อยลุกตาม ชายหนุ่มปิดประตูรถ สูดหายใจกลิ่นหอมฉ่ำชื้นในอากาศ สัมผัสดวงแดดอุ่นผ่าวบนแขน หมุนตัวมองทิวไม้สูงรอบๆ แล้วก็กลับอารมณ์ดีขึ้นมาอีกครั้ง หันไปยิ้มให้คุณเจ้านายตัวดี
กำลังอ้าปากจะตอบยอกย้อน แต่ร่างตระหง่านที่ยืนยิ้มมองตรงมาทำให้เขาชะงักไป โยธิศปลดแว่นกันแดดออกเสียบกระเป๋าเสื้อ ใบหน้าขาวคมคายประดับด้วยหนวดเคราคมกริบสีดำสนิทนั่น...
...เทพกรีก... ชัดๆ...
พนาระบายลมหายใจ เพิ่งรู้สึกว่ามือตัวเองสั่นเล็กน้อย รีบไขว้ซ่อนไว้ข้างหลัง ยืดตัวเต็มความสูง เลิกคิ้วสบตาตอบเจ้านาย
หล่อลากปานนี้ กันชนงานหนักแน่พนาเอ๊ย
ข่มใจให้เข้มแข็ง ออกก้าวไปหา เสียงฝีเท้าจากบันไดระเบียงเรือนไม้เรียกให้เขาหยุดหันไปมอง สตรีร่างสูงสง่าในชุดซิ่นกรอมเท้าแขนสามส่วนเดินตรงเข้ามา ผมของเธอเกล้าไว้ข้างหลัง ใบหน้าเนียนซึ้งอย่างหญิงไทยแท้ยิ้มละมุน
...งาม...
พนาเหลียวไปเห็นโยธิศยิ้มอบอุ่นอย่างที่เขายังไม่เคยได้เห็น เจ้านายหนุ่มก้าวตรงเข้าไป พนาเผลอสูดลมหายใจเข้าลึก รู้สึกได้ถึงบรรยากาศอ่อนหวานที่อวลพร่างอยู่ในลานกว้างหน้าเรือนไม้
หญิงสาวและชายหนุ่มหยุดยืนอยู่ตรงหน้ากันและกัน