ผู้เขียนเรียนจบปริญญาโททางด้าน
“การบริหารงานวัฒนธรรม “ จากธรรมศาสตร์ครับ
จุดมุ่งหมายของการเรียนสาขานี้ คือ การตีโจทย์ให้แตกว่า
“ทำอย่างไรให้วัฒนธรรมไทย ขายได้” โดยไม่บิดพริ้วจากของเดิม แต่สร้างสรรค์เพิ่มเติมสิ่งใหม่ๆ เข้าไป
ตอนเรียน เราก็ได้ศึกษาเคสมากมาย โดยเฉพาะจากต่างประเทศ (ตอนนี้มีเกาหลีที่ดังมาก ทั้งกระแสแดจังกึม เคป๊อบ เที่ยวเกาหลี)
เราก็อดมาคิดต่อไม่ได้ว่า
“ของไทย” จะมีมั้ย ใครจะเริ่ม ใครจะทำ ทำแล้วจะดีมั้ย เสียงตอบรับและรายได้จะเป็นไปอย่างที่คาดหวังหรือเปล่า
ผ่านไปเกือบ 10 ปี ตอนนี้ผู้เขียนได้คำตอบแล้วครับ
วันนี้
กานต์เดินทาง https://www.facebook.com/pg/kantjourney/ จะมาเล่าเรื่อง
คานโชว์ (KAAN SHOW) ที่พัทยาครับ
•อะไรคือ KAAN SHOW?•
คำจำกัดความของ KAAN SHOW คือ A Spectacular Cinematic Live Experience หมายถึงประสบการณ์รับชมการแสดงสดที่ผสมผสานเทคนิคระดับโลก เข้ากับภาพยนตร์และการแสดงสดบนเวที KAAN SHOW จึงเป็นการผสมผสานความเป็นการแสดงสดแบบ Live Performance ที่มีทั้งการแสดง, บทที่แข็งแรงจากรากฐานวรรณคดีไทย, โปรดักชั่นที่อลังการ, คอมพิวเตอร์กราฟฟิค 3 มิติ, ระบบแสงสีเสียงแพรวพราว และเทคนิคแบบภาพยนตร์ เลยทำให้ทุกองค์ประกอบดูสมจริงกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับเนื้อเรื่องและนักแสดง
•รวมพลคนคิด คนทำ•
.
KAAN SHOW เรียกว่า เป็นการรวมตัวกันคนคนระดับหัวกะทิในวงการแสดงบ้านเราครับ เริ่มจากดูทีมงานด้านบทจาก GDH นำโดย คุณยงยุทธ ทองกองทุน และ คุณปวีณ ภูริจิตปัญญา ผู้กำกับชื่อดังจาก บริษัทสนุกดีทวีสุข จึงมิได้แปลกใจว่าทำไมในแต่ละองค์ของการแสดงจึงกลมกล่อมมาก
งานภาพนั้นที่ได้รับการออกแบบคอมพิวเตอร์กราฟฟิคสุดสมจริงโดยคุณวีรภัทร ชินะนาวิน จากบริษัท RIFF Studio ซึ่งผลิตอนิเมชั่นและงานซีจีระดับแถวหน้าของไทยมาแล้วมากมาย ทั้งยังเคยร่วมงานกับค่ายระดับโลกอย่าง Pixar Animation Studio มาแล้วด้วย และยังประสายการทำงานเข้ากับเจ้าพ่องานเทคนิคพิเศษ คุณสุเทพ จับสี แห่ง BaanRig Studio ผู้เชี่ยวชาญด้านรอกและสลิงตลอดจนสเปเชียลเอฟเฟ็กต์ต่างๆ ในหนังและโชว์การแสดง ต่างๆ อันดับหนึ่งของไทยด้วยครับ
KAAN SHOW ถือได้ว่าเป็นการรวมตัวของทีมนักเต้นมือรางวัลระดับเอเชียและระดับโลกชาวไทยรวมกว่า 600 คน ซึ่งมีความสามารถในการแสดงและการเต้นในหลากหลายแนว ทั้ง บีบอย, ป๊อปปิ้ง, ฟรีรันนิ่ง ร่วมด้วยศาสตร์ชั้นสูงอย่าง โขน, บัลเลต์ และศิลปะการต่อสู้ประยุกต์ด้วย ซึ่งทุกคนต่างทุ่มเทในการเตรียมงานและฝึกฝนอย่างหนัก โดยใช้เวลากว่า 3 ปี กว่าจะออกมาเป็นโชว์ดีๆ แบบนี้ได้ แถมยังได้คุณศักดิ์สิทธิ์ พิศาลสุพงศ์ และ คุณพิสิฐ จงนรังสิน แห่ง Tube Gallery มาออกแบบชุดให้กับนักแสดงด้วย สวยงามและสามารถดึงอัตลักษณ์ของไทยร่วมสมัยออกมาได้ดีเลยทีเดียวครับ
อีกส่วนงานสำคัญที่เสริมให้
KAAN SHOW ครบองค์ประกอบ คือเพลงครับ เพลงและซาวด์ที่ช่วยทำหน้าที่เสริมบรรยากาศให้เสมือนจริงและเร้าอารมณ์คนดูเป็นฝีมือของ คุณชาติชาย พงษ์ประภาพันธ์ นักแต่งเพลงสกอร์ เจ้าของรางวัลมากมาย ใครที่เคยชื่องานประกาศผลรางวัลเกี่ยวกับภาพยนตร์ คงคุ้นชื่อนี้ไม่น้อยเลยล่ะครับ เพราะกวาดรางวัลมาแล้วแทบทุกสถาบัน
ไฮไลท์อีกอย่างคือตัว
"โรงละครลอยฟ้า" ที่สามารถจุคนดูได้ถึง 1,400 ที่นั่ง ออกแบบโดยคุณประภากร วทานยกุล และ ดร.ณรงค์วิทย์ อารีมิตร จากบริษัทสถาปนิกชื่อดัง A49 นั่นเอง ดังนั้น ใครที่ไปชมก็จะต้องถ่ายภาพท่ายกโรงละครลอยได้ กลายเป็น Signature ไปโดยปริยาย ทั้งหมดนี้ลงทุนไปเกือบ 1,000 ล้านบาท ภายใต้การสนับสนุนของ สิงห์ คอร์เปอเรชั่น ผ่านการบริหารของ บริษัท ปัญจลักษณ์พาสุข จำกัด
•โรงละครลอยได้แห่งแรกของไทย•
อ่านไม่ผิดหรอกครับ โรงละครนี้ลอยได้จริงๆ เป็น
"The World’s First Levitating Theatre” มีชื่อเต็มๆ ว่า
“ดีลักษณ์ ซีเนมาติก เธียเตอร์” โรงละครอยู่ไม่ได้ไกลจากตัวเมืองมากนัก ตั้งอยู่ถนนเทพประสิทธิ์ ขับผ่านก็จะต้องมองเห็นแน่นอนเพราะโรงละครใหญ่และเด่นมาก ด้านหน้าจะเป็นลานกว้างๆ ด้านหลังคือโรงละครทรงสี่เหลี่ยมสีทอง ถ้าเห็นสิงห์อยู่ข้างหน้าทางเข้า ก็เลี้ยวรถไปเทียบท่าได้เลยครับ
ซ้ายมือจะมีร้าน
Greyhound cafe อยากให้ไปก่อนเวลาถ้าใครอยากจะถ่ายรูปท่ายกโรงละคร จากนั้นก็มานั่งทานขนม ทานข้าวที่นี่ได้ครับ ใกล้ๆ กันก็มีร้านค้าให้เลือกชมเลือกหาพอประมาณ
สั่งขนมหวานมาทานเล่นก่อนเวลาครับ ที่นี่ทั้งคาวหวาน ไทย เทศ ครบครันครับ
ส่วนด้านในสุดก่อนถึงโรงละครจะเป็นร้านขายของที่ระลึกของ
KAAN SHOW ครับ
ส่วนตัวของ “KAAN เดินทาง” เป็นพิเศษ เพราะชื่อคล้ายกัน อิอิ
ตุ๊กตา "กบิลปักษา" ตัวเองของเรื่องรอต้อนรับอยู่ด้านหน้าร้านขายของที่ระลึกครับ
ของที่ระลึกล้วนแล้วแต่น่าเก็บสะสมอย่างยิ่ง จะซื้อก่อนเข้าดูโชว์ หรือว่าดูจบแล้วค่อยออกมาซื้อก็ทันครับ
ที่นี่ยังมีของที่ระลึกสำหรับแฟนของค่ายหนังอารมณ์ดี
GDH อีกด้วย เป็นสาขาย่อยของ
GDH 559 SHOP
เสื้อยืดผ้าดีมาก แนะนำให้ซื้อเก็บครับ เพราะสวยทั้งเสื้อและแพ็กเกจจิ้ง
ที่หน้าโรงจะมีตู้ขายบัตรชมการแสดงอัตโนมัติด้วยค่ะ ถ้ายังไม่มีบัตรก็กดซื้อบัตรได้ที่ตู้นี้ หรือถ้าสะดวก็จองมาจากบ้านเลยก็ดีครับ แล้วมารับตั๋วที่นี่
ดูวิธีการจองได้ตามลิงก์นี้
http://kaanshow.com/th/ticket/type/
ส่วนใครจองตั๋วมาแล้วจากบ้าน ก็นิมนต์เข้ามาด้านในได้เลยครับ อยากบอกว่า ออกแบบได้สวยมากครับ ถ้าประตูเปิดแล้วรีบเข้ามาเลยดีกว่า จะได้ถ่ายรูปตอนคนยังไม่เยอะมาก ถือว่าออกแบบได้เรียบหรูมากครับ โปร่งโล่งด้วยเพดานสูง
ด้านในยังมีร้านขายของที่ระลึกและมี Snack Bar จาก
Greyhound Cafe ลูกชิ้นอร่อยมาก
ที่เสาจะมีบอกประตูทางเข้าครับ แบ่งโซนเรียบร้อยทำให้ไม่งงครับ ตัวโรงละครจะมีทั้งหมด 3 ชั้น แบ่งโซนไว้ชัดเจนคือ A ฝั่งซ้าย B ฝั่งขวา อยู่ชั้น 2 , C D ชั้น 3 ฝั่งซ้าย และ E F ฝั่งขวา ถึงเวลาก็แสกนบัตร Check-in แล้วเข้าโรงละครได้เลย แนะนำทำธุระส่วนตัวก่อนให้เรียบร้อยจะได้ไม่สะดุดอารมณ์ระหว่างชมการแสดงครับ
พร้อมกันหรือยังครับ
ถ้าพร้อมแล้ว ... เราไปชมการแสดงด้านในโรงละครด้วยกันนะครับ
ฝากเพจ "กานต์เดินทาง"
https://www.facebook.com/kantjourney/ เพจของชายวัยเฉียด 40 ลาออกจากงาน มาแบกเป้ สะพายกล้อง ท่องเที่ยว ถ่ายภาพ เล่าเรื่องระหว่างเดินทาง” ไว้ในอ้อมใจด้วยนะครับ
[SR] "กานต์เดินทาง" ไปดู "คานโชว์ | KANT JOURNEY x KAAN SHOW |
จุดมุ่งหมายของการเรียนสาขานี้ คือ การตีโจทย์ให้แตกว่า “ทำอย่างไรให้วัฒนธรรมไทย ขายได้” โดยไม่บิดพริ้วจากของเดิม แต่สร้างสรรค์เพิ่มเติมสิ่งใหม่ๆ เข้าไป
ตอนเรียน เราก็ได้ศึกษาเคสมากมาย โดยเฉพาะจากต่างประเทศ (ตอนนี้มีเกาหลีที่ดังมาก ทั้งกระแสแดจังกึม เคป๊อบ เที่ยวเกาหลี)
เราก็อดมาคิดต่อไม่ได้ว่า “ของไทย” จะมีมั้ย ใครจะเริ่ม ใครจะทำ ทำแล้วจะดีมั้ย เสียงตอบรับและรายได้จะเป็นไปอย่างที่คาดหวังหรือเปล่า
ผ่านไปเกือบ 10 ปี ตอนนี้ผู้เขียนได้คำตอบแล้วครับ
วันนี้ กานต์เดินทาง https://www.facebook.com/pg/kantjourney/ จะมาเล่าเรื่อง คานโชว์ (KAAN SHOW) ที่พัทยาครับ
•อะไรคือ KAAN SHOW?•
คำจำกัดความของ KAAN SHOW คือ A Spectacular Cinematic Live Experience หมายถึงประสบการณ์รับชมการแสดงสดที่ผสมผสานเทคนิคระดับโลก เข้ากับภาพยนตร์และการแสดงสดบนเวที KAAN SHOW จึงเป็นการผสมผสานความเป็นการแสดงสดแบบ Live Performance ที่มีทั้งการแสดง, บทที่แข็งแรงจากรากฐานวรรณคดีไทย, โปรดักชั่นที่อลังการ, คอมพิวเตอร์กราฟฟิค 3 มิติ, ระบบแสงสีเสียงแพรวพราว และเทคนิคแบบภาพยนตร์ เลยทำให้ทุกองค์ประกอบดูสมจริงกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับเนื้อเรื่องและนักแสดง
•รวมพลคนคิด คนทำ•
.
KAAN SHOW เรียกว่า เป็นการรวมตัวกันคนคนระดับหัวกะทิในวงการแสดงบ้านเราครับ เริ่มจากดูทีมงานด้านบทจาก GDH นำโดย คุณยงยุทธ ทองกองทุน และ คุณปวีณ ภูริจิตปัญญา ผู้กำกับชื่อดังจาก บริษัทสนุกดีทวีสุข จึงมิได้แปลกใจว่าทำไมในแต่ละองค์ของการแสดงจึงกลมกล่อมมาก
งานภาพนั้นที่ได้รับการออกแบบคอมพิวเตอร์กราฟฟิคสุดสมจริงโดยคุณวีรภัทร ชินะนาวิน จากบริษัท RIFF Studio ซึ่งผลิตอนิเมชั่นและงานซีจีระดับแถวหน้าของไทยมาแล้วมากมาย ทั้งยังเคยร่วมงานกับค่ายระดับโลกอย่าง Pixar Animation Studio มาแล้วด้วย และยังประสายการทำงานเข้ากับเจ้าพ่องานเทคนิคพิเศษ คุณสุเทพ จับสี แห่ง BaanRig Studio ผู้เชี่ยวชาญด้านรอกและสลิงตลอดจนสเปเชียลเอฟเฟ็กต์ต่างๆ ในหนังและโชว์การแสดง ต่างๆ อันดับหนึ่งของไทยด้วยครับ
KAAN SHOW ถือได้ว่าเป็นการรวมตัวของทีมนักเต้นมือรางวัลระดับเอเชียและระดับโลกชาวไทยรวมกว่า 600 คน ซึ่งมีความสามารถในการแสดงและการเต้นในหลากหลายแนว ทั้ง บีบอย, ป๊อปปิ้ง, ฟรีรันนิ่ง ร่วมด้วยศาสตร์ชั้นสูงอย่าง โขน, บัลเลต์ และศิลปะการต่อสู้ประยุกต์ด้วย ซึ่งทุกคนต่างทุ่มเทในการเตรียมงานและฝึกฝนอย่างหนัก โดยใช้เวลากว่า 3 ปี กว่าจะออกมาเป็นโชว์ดีๆ แบบนี้ได้ แถมยังได้คุณศักดิ์สิทธิ์ พิศาลสุพงศ์ และ คุณพิสิฐ จงนรังสิน แห่ง Tube Gallery มาออกแบบชุดให้กับนักแสดงด้วย สวยงามและสามารถดึงอัตลักษณ์ของไทยร่วมสมัยออกมาได้ดีเลยทีเดียวครับ
อีกส่วนงานสำคัญที่เสริมให้ KAAN SHOW ครบองค์ประกอบ คือเพลงครับ เพลงและซาวด์ที่ช่วยทำหน้าที่เสริมบรรยากาศให้เสมือนจริงและเร้าอารมณ์คนดูเป็นฝีมือของ คุณชาติชาย พงษ์ประภาพันธ์ นักแต่งเพลงสกอร์ เจ้าของรางวัลมากมาย ใครที่เคยชื่องานประกาศผลรางวัลเกี่ยวกับภาพยนตร์ คงคุ้นชื่อนี้ไม่น้อยเลยล่ะครับ เพราะกวาดรางวัลมาแล้วแทบทุกสถาบัน
ไฮไลท์อีกอย่างคือตัว "โรงละครลอยฟ้า" ที่สามารถจุคนดูได้ถึง 1,400 ที่นั่ง ออกแบบโดยคุณประภากร วทานยกุล และ ดร.ณรงค์วิทย์ อารีมิตร จากบริษัทสถาปนิกชื่อดัง A49 นั่นเอง ดังนั้น ใครที่ไปชมก็จะต้องถ่ายภาพท่ายกโรงละครลอยได้ กลายเป็น Signature ไปโดยปริยาย ทั้งหมดนี้ลงทุนไปเกือบ 1,000 ล้านบาท ภายใต้การสนับสนุนของ สิงห์ คอร์เปอเรชั่น ผ่านการบริหารของ บริษัท ปัญจลักษณ์พาสุข จำกัด
•โรงละครลอยได้แห่งแรกของไทย•
อ่านไม่ผิดหรอกครับ โรงละครนี้ลอยได้จริงๆ เป็น "The World’s First Levitating Theatre” มีชื่อเต็มๆ ว่า “ดีลักษณ์ ซีเนมาติก เธียเตอร์” โรงละครอยู่ไม่ได้ไกลจากตัวเมืองมากนัก ตั้งอยู่ถนนเทพประสิทธิ์ ขับผ่านก็จะต้องมองเห็นแน่นอนเพราะโรงละครใหญ่และเด่นมาก ด้านหน้าจะเป็นลานกว้างๆ ด้านหลังคือโรงละครทรงสี่เหลี่ยมสีทอง ถ้าเห็นสิงห์อยู่ข้างหน้าทางเข้า ก็เลี้ยวรถไปเทียบท่าได้เลยครับ
ซ้ายมือจะมีร้าน Greyhound cafe อยากให้ไปก่อนเวลาถ้าใครอยากจะถ่ายรูปท่ายกโรงละคร จากนั้นก็มานั่งทานขนม ทานข้าวที่นี่ได้ครับ ใกล้ๆ กันก็มีร้านค้าให้เลือกชมเลือกหาพอประมาณ
สั่งขนมหวานมาทานเล่นก่อนเวลาครับ ที่นี่ทั้งคาวหวาน ไทย เทศ ครบครันครับ
ส่วนด้านในสุดก่อนถึงโรงละครจะเป็นร้านขายของที่ระลึกของ KAAN SHOW ครับ
ส่วนตัวของ “KAAN เดินทาง” เป็นพิเศษ เพราะชื่อคล้ายกัน อิอิ
ตุ๊กตา "กบิลปักษา" ตัวเองของเรื่องรอต้อนรับอยู่ด้านหน้าร้านขายของที่ระลึกครับ
ของที่ระลึกล้วนแล้วแต่น่าเก็บสะสมอย่างยิ่ง จะซื้อก่อนเข้าดูโชว์ หรือว่าดูจบแล้วค่อยออกมาซื้อก็ทันครับ
ที่นี่ยังมีของที่ระลึกสำหรับแฟนของค่ายหนังอารมณ์ดี GDH อีกด้วย เป็นสาขาย่อยของ GDH 559 SHOP
เสื้อยืดผ้าดีมาก แนะนำให้ซื้อเก็บครับ เพราะสวยทั้งเสื้อและแพ็กเกจจิ้ง
ที่หน้าโรงจะมีตู้ขายบัตรชมการแสดงอัตโนมัติด้วยค่ะ ถ้ายังไม่มีบัตรก็กดซื้อบัตรได้ที่ตู้นี้ หรือถ้าสะดวก็จองมาจากบ้านเลยก็ดีครับ แล้วมารับตั๋วที่นี่
ดูวิธีการจองได้ตามลิงก์นี้ http://kaanshow.com/th/ticket/type/
ส่วนใครจองตั๋วมาแล้วจากบ้าน ก็นิมนต์เข้ามาด้านในได้เลยครับ อยากบอกว่า ออกแบบได้สวยมากครับ ถ้าประตูเปิดแล้วรีบเข้ามาเลยดีกว่า จะได้ถ่ายรูปตอนคนยังไม่เยอะมาก ถือว่าออกแบบได้เรียบหรูมากครับ โปร่งโล่งด้วยเพดานสูง
ด้านในยังมีร้านขายของที่ระลึกและมี Snack Bar จาก Greyhound Cafe ลูกชิ้นอร่อยมาก
ที่เสาจะมีบอกประตูทางเข้าครับ แบ่งโซนเรียบร้อยทำให้ไม่งงครับ ตัวโรงละครจะมีทั้งหมด 3 ชั้น แบ่งโซนไว้ชัดเจนคือ A ฝั่งซ้าย B ฝั่งขวา อยู่ชั้น 2 , C D ชั้น 3 ฝั่งซ้าย และ E F ฝั่งขวา ถึงเวลาก็แสกนบัตร Check-in แล้วเข้าโรงละครได้เลย แนะนำทำธุระส่วนตัวก่อนให้เรียบร้อยจะได้ไม่สะดุดอารมณ์ระหว่างชมการแสดงครับ
พร้อมกันหรือยังครับ
ถ้าพร้อมแล้ว ... เราไปชมการแสดงด้านในโรงละครด้วยกันนะครับ
ฝากเพจ "กานต์เดินทาง" https://www.facebook.com/kantjourney/ เพจของชายวัยเฉียด 40 ลาออกจากงาน มาแบกเป้ สะพายกล้อง ท่องเที่ยว ถ่ายภาพ เล่าเรื่องระหว่างเดินทาง” ไว้ในอ้อมใจด้วยนะครับ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น