สวัสดีค่ะ จขกท. เพิ่งได้รับวีซ่าท่องเที่ยวอเมริกาแบบ 10 ปีมาหมาดๆ จึงอยากมาแชร์ข้อมูลเผื่อเพื่อนๆ ที่กำลังจะทำเรื่องขอนะคะ
โปรไฟล์เรา ดังนี้ค่ะ
- ผู้หญิง อายุสามสิบเศษ ยังโสด เดินทางคนเดียว (กลุ่มเสี่ยงแบบเน้นตัวแดงๆ เลยค่ะ 555+)
- สื่อสารภาษาอังกฤษได้บ้าง ในระดับพูด-ฟังรู้เรื่อง
- มนุษย์เงินเดือน ทำงานบริษัทเอกชนในเครือของบริษัทใหญ่ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เงินเดือนไม่ได้หรูหราอะไร
- พาสปอร์ต ปัจจุบันเล่มที่ 4 แล้ว มีเชงเก้น 1 ครั้ง ที่หรูสุด (ซื้อทัวร์ไปกับครอบครัวเมื่อ 5 ปีที่แล้ว) นอกนั้นก็มี อินเดีย มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ลาว สิงคโปร์ จีน อย่างละนิดละหน่อย
- ไม่มีเพื่อนสนิทหรือญาติที่อเมริกาให้อ้างอิง เหตุผลที่เข้ามาคือการเดินทางท่องเที่ยวล้วนๆ
ด้วยโปรไฟล์แบบนี้ จขกท. จึงค่อนข้างกังวล เพราะมีโอกาสไม่ผ่านค่อนข้างมาก และทำให้เตรียมตัวมาอย่างดีเลยค่ะ
การเตรียมตัวไปสัมภาษณ์[\b]
จขกท. ขอข้ามขั้นตอนการกรอกใบ DS-160 และการนัดสัมภาษณ์ไปก่อนนะคะ หากมีเวลาจะมาลงรายละเอียดในกระทู้ต่อไปค่ะ
1. เดินทางไปสถานทูตสหรัฐอเมริกา โดย BTS ลงสถานีเพลินจิต Exit 5 เดินออกทางซ้ายมือ เข้าถนนวิทยุ จากนั้นเดินไปเรื่อยๆ 15-20 นาที หรือถ้ารีบจะนั่งวิน 20 บาทไปก็ได้ค่ะ
2. เวลานัดหมาย ของเรานัดเวลา 7.45 น. ไปถึงก่อนเวลาประมาณ 15 นาที และเสร็จธุระทั้งหมดในเวลาประมาณ 8.20 น. เนื่องจากคนยังไม่ค่อยเยอะ
3. การแต่งกาย แต่งให้ดูสุภาพ และเรามั่นใจ เห็นมีแต่งทั้งกระโปรง ชุดแส็ค กางเกงยีนส์ เสื้อยืด รองเท้ามีทั้งผ้าใบ ส้นสูง หรืออีแตะ
4. สัมภาระส่วนตัว โทรศัพท์ 1 เครื่องเท่านั้น ห้ามสายชาร์จ พาวเวอร์แบงค์ ไอแพด กล้อง ฯลฯ กระเป๋าถือใบเล็ก แค่พอใส่ของ ห้ามเอาเป้และกระเป๋าสะพายขนาดใหญ่เข้า ติดปากกาไป 1 ด้ามเผื่อจดเลขพัสดุ EMS และบัตรประจำตัวประชาชนสำหรับแนบเพื่อฝากโทรศัพท์มือถือค่ะ
5. ซ้อมสคริปท์การตอบคำถามเป็นภาษาอังกฤษ มั่นใจว่าต้องเจอแน่นอน
ขั้นตอนการสัมภาษณ์เมื่อมาถึงสถานทูต
1. ยื่นใบนัดและใบยืนยัน DS-160 พร้อมพาสปอร์ตเล่มปัจจุบันให้เจ้าหน้าที่ที่อยู่หน้าทางเข้าเพื่อตรวจสอบคิวนัด จากนั้นเจ้าหน้าที่จะเขียนเลขคิวด้วยปากกาสีและให้บัตรแข็งมาแผ่นนึง ให้เราถือเดินเข้าไปในตัวตึก
2. ก่อนจะผ่านตัวตึก จะต้องผ่านพี่ๆ รปภ. ก่อน เพื่อตรวจว่าเอาสัมภาระมาเยอะเกินหรือไม่ ถ้าเยอะเกิน จะต้องเดินย้อนไปทางบีทีเอสเพื่อฝากสัมภาระก่อนค่ะ (มีค่าฝาก แต่ไม่ทราบว่าเท่าไร น่าจะร้อยกว่าบาท)
3. หากไม่มีของต้องฝาก พี่รปภ. จะปล่อยให้เข้าตึก พร้อมบอกให้ปิดเครื่องโทรศัพท์และนำบัตรประชาชนมาแนบเพื่อฝากโทรศัพท์คนละ 1 เครื่อง ซึ่งจะได้หมายเลขที่ฝากมาคล้องไว้กับข้อมือ
4. ตรวจสอบอาวุธโดยการสแกน เหมือนเวลาเข้าสนามบิน เมื่อผ่านแล้วจะให้เดินออกไปยังจุดรอด้านหลังที่มีคนนั่งรอเยอะๆ
5. เจ้าหน้าที่จะมาเรียกคิวตามเวลาที่จอง เพื่อให้เราไปติดต่อช่องรับซองใสใส่เอกสารและหมายเลข EMS สำหรับส่งพาสปอร์ตคืน *เราจะต้องจดเลขนี้ไว้เพื่อติดตามเอกสารด้วยนะคะ
6. เดินต่อไปยังช่องสัมภาษณ์เบื้องต้นกับพี่เจ้าหน้าที่คนไทย คำถามคร่าวๆ เช่น ไปกี่วัน ไปไหนบ้าง เคยได้วีซ่าไหม เคยเปลี่ยนชื่อไหม และทวนเบอร์ติดต่อเพื่อความถูกต้องก่อนจะให้สแกนนิ้วมือ
** จุดนี้บังเอิญเป็นความโชคดีของเรา ที่พี่เจ้าหน้าที่เหลือบเห็นแผนการเดินทางของเราที่เอาออกมาไว้ท่อง แล้วนึกว่าเราเดินทางกับทัวร์ พี่เขาจึงบอกให้เอาใส่ซองใสรวมกับเอกสารเสนอท่านกงสุลไปด้วยค่ะ
7. ไปต่อคิวเพื่อสัมภาษณ์กับท่านกงสุลที่มีอยู่ 3-4 ช่อง ซึ่งระหว่างต่อคิวนั้น ก็จะได้ยินคำถามของคนอื่นที่กำลังถูกสัมภาษณ์อยู่ และทยอยเห็นทั้งคนที่ผ่านและไม่ผ่านเดินออกไปจากห้องเรื่อยๆ ... วิธีแก้เครียดคือการคุยและการให้กำลังใจกับคิวก่อนหน้าและคิวหลังเราค่ะ และจากนั้นไม่นาน ก็ถึงคิวของเราที่ต้องก้าวเข้าไป ...
ท่านกงสุลที่สัมภาษณ์เราเป็นฝรั่งผู้ชาย มีเคราเฟิ้ม แต่แววตาใจดี รับไหว้เราและรับเอกสารในซองใสไปเปิดดู มองคร่าวๆ แล้วก็ยื่นแผนการเดินทางคืนมา จากนั้นก็เริ่มถามคำถามเป็นภาษาอังกฤษแบบฟังง่ายๆ แต่เสียงเบา ต้องตั้งใจฟัง มีดังนี้
ท่านกงสุล: ไปทำอะไรครับ
เรา: ไปเที่ยวค่ะ เดินทางแบบแบ็คแพค
ท่านกงสุล: มีใครเดินทางกับคุณบ้าง
เรา: ไปคนเดียวค่ะ (แล้วสบตาท่านกงสุลและยิ้มให้ด้วยความมั่นใจ)
ท่านกงสุล: ไปไหนบ้างครับ
เรา: ไป New York, Boston, Philadelphia และถ้าอากาศดี ก็จะไป Niagara Falls ด้วยค่ะ
ท่านกงสุล: ทำงานเกี่ยวกับอะไรครับ
เรา: ทำงานบริษัทเอกชน เกี่ยวกับ.... (ตอบให้ตรงกับที่กรอกใน DS-160)
ท่านกงสุล: ทำงานมานานเท่าไรแล้ว
เรา: ประมาณ x ปี x เดือนค่ะ (ระบุไว้ใน DS-160 แล้ว ตอบให้ตรงกัน)
ท่านกงสุล: ขอดูพาสปอร์ตเล่มเก่าหน่อยได้ไหม
เรา: นี่ค่ะ ... ยื่นพาสเก่าให้ทั้งสามเล่ม
ท่านกงสุลเปิดดูทุกเล่ม แล้วหยุดพิจารณาที่หน้าวีซ่าเชงเก้นนานเป็นพิเศษ ส่งพาสปอร์ตเล่มเก่าคืนมาให้เรา จากนั้นก็คีย์ข้อมูลก๊อกแก๊ก แล้วหันมาบอกเราที่กำลังยืนแบบแทบจะลืมหายใจให้สแกนนิ้วมือข้างซ้าย แล้วต่อด้วยประโยคว่า “Okay, have a nice trip” พลางยิ้มน้อยๆ ให้เรา
เรา: ขอบคุณค่ะ ยิ้มหน้าบาน พร้อมกับยกมือไหว้ แล้วรีบเดินออกมา กลัวท่านกงสุลเปลี่ยนใจ 555+
การเตรียมเอกสาร[\b]
เอกสารที่ต้องเตรียมไป มีอะไรบ้าง จะแบ่งเป็นกลุ่มๆ ดังนี้นะคะ
1. เอกสารที่สำคัญ ห้ามลืมนำไป
- ใบนัดหมาย (สถานทูตเก็บไว้)
- ใบยืนยันการกรอกข้อมูล DS-160 (สถานทูตเก็บไว้)
- รูปถ่าย 2 นิ้ว 1 รูป (ไม่เรียกดู หากรูปที่อัพโหลดเข้าระบบโอเคแล้ว)
- พาสปอร์ตเล่มปัจจุบัน (สถานทูตเก็บไว้เพื่อติดวีซ่า ก่อนส่งกลับทางไปรษณีย์)
- พาสปอร์ตเล่มเก่า ทุกเล่ม เพื่อดูประวัติการเดินทาง
2. เอกสารเกี่ยวกับการทำงาน เพื่อดูว่าเรามีงานประจำ มีรายได้ ไม่จำเป็นต้องโดดวีซ่าไปอยู่บ้านเขา เช่น
- เอกสารรับรองการทำงาน ภาษาอังกฤษ ระบุวันที่เข้าทำงาน ตำแหน่งงาน และเงินเดือน (ไม่ได้ระบุวันที่อนุญาตให้ลา)
- หน้า Homepage เว็บไซต์ของบริษัท แสดงลักษณะธุรกิจ รวมถึงรายการสินค้าที่ผลิต
- รูปภาพของตัวเราขณะทำกิจกรรมของบริษัท และรูปที่ถ่ายกับป้ายบริษัท เพื่อให้มั่นใจว่าเราทำงานที่นี่จริง (จัดรวมกันลงในกระดาษ A4 แล้วปรินต์ออกมา)
- สลิปเงินเดือนล่าสุด ที่ออกโดยบริษัท
- บัตรพนักงาน นามบัตร
3. เอกสารทางการเงินและสินทรัพย์ เพื่อให้มั่นใจว่ามีเงินใช้จ่าย นำเงินเข้าประเทศเขา ไม่ใช่ไปขนเงินจากบ้านเขาแบบผิดกฎหมาย
- สมุดบัญชีธนาคาร เราเตรียมสมุดบัญชีที่รับเงินเดือน สมุดบัญชีที่รับเงินปันผล และพิมพ์รายการเดินบัญชีของ ME By TMB ซึ่งเป็นบัญชีเงินออม ยอดรวม 4xx,xxx บาท
- พอร์ตหุ้น, กองทุน, ประกันชีวิต รายการจ่ายบัตรเครดิตวงเงินแสนกว่าก็เอาไปเผื่อเขาขอดู
4. หลักฐานเกี่ยวกับครอบครัว
- ทะเบียนบ้านตัวจริง และสำเนาโฉนดที่ดิน (เห็นเขาเตรียมไปกันก็เลยเอาไปมั่ง)
- ภาพถ่ายครอบครัว หลายๆ ภาพ เราเอามาลงคอมแล้วจัดให้อยู่ในขนาดกระดาษ A4 แผ่นเดียวแล้วปรินต์ออกมา
- ทะเบียนสมรส (สำหรับผู้ที่แต่งงานแล้ว)
5. รายละเอียดการเดินทาง
- แผนการเดินทางในอเมริกาของเรา เราพิมพ์ตารางออกมาค่ะ และแนบฉบับร่างที่มีลายมือเขียนรกๆ ไว้ด้วยเพื่อแสดงให้เห็นว่าเราวางแผนเองเด้อ
- รูปภาพการเดินทางต่างประเทศที่ผ่านมาของเรา หลายๆ ทริป จัดรวมไว้ในกระดาษ A4 เน้นรูปลุยๆ ปีนเขา เดินป่า ดำน้ำ แบกเป้ใหญ่ๆ เพื่อแสดงให้ท่านกงสุลมั่นใจว่าเราเดินทางแบบนี้ประจำและดูแลตัวเองได้
ซึ่งเอกสารในกลุ่มข้อ 2-5 นี้ ท่านกงไม่ได้ขอดูสักฉบับเลยค่ะ 555+
อ้อ ... แถมอีกอย่าง ... เราระบุให้ส่งพาสปอร์ตกลับคืนเรามายังสถานที่ทำงานค่ะ โดยส่วนตัวคือสะดวกรับที่นี่ และยังเป็นการยืนยันสถานะการทำงานของเราที่ชัดเจนอีกอย่างนึงด้วยค่ะ
หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ไม่มากก็น้อยนะคะ และต้องขออภัยด้วยค่ะ ที่มีแต่ตัวอักษร ไม่มีรูปประกอบเลย (พิมพ์จากโทรศัพท์ค่า)
ขอบคุณค่า
แชร์การเตรียมข้อมูลและสัมภาษณ์วีซ่าอเมริกา ... ผู้หญิงเดินทางคนเดียวค่ะ
โปรไฟล์เรา ดังนี้ค่ะ
- ผู้หญิง อายุสามสิบเศษ ยังโสด เดินทางคนเดียว (กลุ่มเสี่ยงแบบเน้นตัวแดงๆ เลยค่ะ 555+)
- สื่อสารภาษาอังกฤษได้บ้าง ในระดับพูด-ฟังรู้เรื่อง
- มนุษย์เงินเดือน ทำงานบริษัทเอกชนในเครือของบริษัทใหญ่ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เงินเดือนไม่ได้หรูหราอะไร
- พาสปอร์ต ปัจจุบันเล่มที่ 4 แล้ว มีเชงเก้น 1 ครั้ง ที่หรูสุด (ซื้อทัวร์ไปกับครอบครัวเมื่อ 5 ปีที่แล้ว) นอกนั้นก็มี อินเดีย มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ลาว สิงคโปร์ จีน อย่างละนิดละหน่อย
- ไม่มีเพื่อนสนิทหรือญาติที่อเมริกาให้อ้างอิง เหตุผลที่เข้ามาคือการเดินทางท่องเที่ยวล้วนๆ
ด้วยโปรไฟล์แบบนี้ จขกท. จึงค่อนข้างกังวล เพราะมีโอกาสไม่ผ่านค่อนข้างมาก และทำให้เตรียมตัวมาอย่างดีเลยค่ะ
การเตรียมตัวไปสัมภาษณ์[\b]
จขกท. ขอข้ามขั้นตอนการกรอกใบ DS-160 และการนัดสัมภาษณ์ไปก่อนนะคะ หากมีเวลาจะมาลงรายละเอียดในกระทู้ต่อไปค่ะ
1. เดินทางไปสถานทูตสหรัฐอเมริกา โดย BTS ลงสถานีเพลินจิต Exit 5 เดินออกทางซ้ายมือ เข้าถนนวิทยุ จากนั้นเดินไปเรื่อยๆ 15-20 นาที หรือถ้ารีบจะนั่งวิน 20 บาทไปก็ได้ค่ะ
2. เวลานัดหมาย ของเรานัดเวลา 7.45 น. ไปถึงก่อนเวลาประมาณ 15 นาที และเสร็จธุระทั้งหมดในเวลาประมาณ 8.20 น. เนื่องจากคนยังไม่ค่อยเยอะ
3. การแต่งกาย แต่งให้ดูสุภาพ และเรามั่นใจ เห็นมีแต่งทั้งกระโปรง ชุดแส็ค กางเกงยีนส์ เสื้อยืด รองเท้ามีทั้งผ้าใบ ส้นสูง หรืออีแตะ
4. สัมภาระส่วนตัว โทรศัพท์ 1 เครื่องเท่านั้น ห้ามสายชาร์จ พาวเวอร์แบงค์ ไอแพด กล้อง ฯลฯ กระเป๋าถือใบเล็ก แค่พอใส่ของ ห้ามเอาเป้และกระเป๋าสะพายขนาดใหญ่เข้า ติดปากกาไป 1 ด้ามเผื่อจดเลขพัสดุ EMS และบัตรประจำตัวประชาชนสำหรับแนบเพื่อฝากโทรศัพท์มือถือค่ะ
5. ซ้อมสคริปท์การตอบคำถามเป็นภาษาอังกฤษ มั่นใจว่าต้องเจอแน่นอน
ขั้นตอนการสัมภาษณ์เมื่อมาถึงสถานทูต
1. ยื่นใบนัดและใบยืนยัน DS-160 พร้อมพาสปอร์ตเล่มปัจจุบันให้เจ้าหน้าที่ที่อยู่หน้าทางเข้าเพื่อตรวจสอบคิวนัด จากนั้นเจ้าหน้าที่จะเขียนเลขคิวด้วยปากกาสีและให้บัตรแข็งมาแผ่นนึง ให้เราถือเดินเข้าไปในตัวตึก
2. ก่อนจะผ่านตัวตึก จะต้องผ่านพี่ๆ รปภ. ก่อน เพื่อตรวจว่าเอาสัมภาระมาเยอะเกินหรือไม่ ถ้าเยอะเกิน จะต้องเดินย้อนไปทางบีทีเอสเพื่อฝากสัมภาระก่อนค่ะ (มีค่าฝาก แต่ไม่ทราบว่าเท่าไร น่าจะร้อยกว่าบาท)
3. หากไม่มีของต้องฝาก พี่รปภ. จะปล่อยให้เข้าตึก พร้อมบอกให้ปิดเครื่องโทรศัพท์และนำบัตรประชาชนมาแนบเพื่อฝากโทรศัพท์คนละ 1 เครื่อง ซึ่งจะได้หมายเลขที่ฝากมาคล้องไว้กับข้อมือ
4. ตรวจสอบอาวุธโดยการสแกน เหมือนเวลาเข้าสนามบิน เมื่อผ่านแล้วจะให้เดินออกไปยังจุดรอด้านหลังที่มีคนนั่งรอเยอะๆ
5. เจ้าหน้าที่จะมาเรียกคิวตามเวลาที่จอง เพื่อให้เราไปติดต่อช่องรับซองใสใส่เอกสารและหมายเลข EMS สำหรับส่งพาสปอร์ตคืน *เราจะต้องจดเลขนี้ไว้เพื่อติดตามเอกสารด้วยนะคะ
6. เดินต่อไปยังช่องสัมภาษณ์เบื้องต้นกับพี่เจ้าหน้าที่คนไทย คำถามคร่าวๆ เช่น ไปกี่วัน ไปไหนบ้าง เคยได้วีซ่าไหม เคยเปลี่ยนชื่อไหม และทวนเบอร์ติดต่อเพื่อความถูกต้องก่อนจะให้สแกนนิ้วมือ
** จุดนี้บังเอิญเป็นความโชคดีของเรา ที่พี่เจ้าหน้าที่เหลือบเห็นแผนการเดินทางของเราที่เอาออกมาไว้ท่อง แล้วนึกว่าเราเดินทางกับทัวร์ พี่เขาจึงบอกให้เอาใส่ซองใสรวมกับเอกสารเสนอท่านกงสุลไปด้วยค่ะ
7. ไปต่อคิวเพื่อสัมภาษณ์กับท่านกงสุลที่มีอยู่ 3-4 ช่อง ซึ่งระหว่างต่อคิวนั้น ก็จะได้ยินคำถามของคนอื่นที่กำลังถูกสัมภาษณ์อยู่ และทยอยเห็นทั้งคนที่ผ่านและไม่ผ่านเดินออกไปจากห้องเรื่อยๆ ... วิธีแก้เครียดคือการคุยและการให้กำลังใจกับคิวก่อนหน้าและคิวหลังเราค่ะ และจากนั้นไม่นาน ก็ถึงคิวของเราที่ต้องก้าวเข้าไป ...
ท่านกงสุลที่สัมภาษณ์เราเป็นฝรั่งผู้ชาย มีเคราเฟิ้ม แต่แววตาใจดี รับไหว้เราและรับเอกสารในซองใสไปเปิดดู มองคร่าวๆ แล้วก็ยื่นแผนการเดินทางคืนมา จากนั้นก็เริ่มถามคำถามเป็นภาษาอังกฤษแบบฟังง่ายๆ แต่เสียงเบา ต้องตั้งใจฟัง มีดังนี้
ท่านกงสุล: ไปทำอะไรครับ
เรา: ไปเที่ยวค่ะ เดินทางแบบแบ็คแพค
ท่านกงสุล: มีใครเดินทางกับคุณบ้าง
เรา: ไปคนเดียวค่ะ (แล้วสบตาท่านกงสุลและยิ้มให้ด้วยความมั่นใจ)
ท่านกงสุล: ไปไหนบ้างครับ
เรา: ไป New York, Boston, Philadelphia และถ้าอากาศดี ก็จะไป Niagara Falls ด้วยค่ะ
ท่านกงสุล: ทำงานเกี่ยวกับอะไรครับ
เรา: ทำงานบริษัทเอกชน เกี่ยวกับ.... (ตอบให้ตรงกับที่กรอกใน DS-160)
ท่านกงสุล: ทำงานมานานเท่าไรแล้ว
เรา: ประมาณ x ปี x เดือนค่ะ (ระบุไว้ใน DS-160 แล้ว ตอบให้ตรงกัน)
ท่านกงสุล: ขอดูพาสปอร์ตเล่มเก่าหน่อยได้ไหม
เรา: นี่ค่ะ ... ยื่นพาสเก่าให้ทั้งสามเล่ม
ท่านกงสุลเปิดดูทุกเล่ม แล้วหยุดพิจารณาที่หน้าวีซ่าเชงเก้นนานเป็นพิเศษ ส่งพาสปอร์ตเล่มเก่าคืนมาให้เรา จากนั้นก็คีย์ข้อมูลก๊อกแก๊ก แล้วหันมาบอกเราที่กำลังยืนแบบแทบจะลืมหายใจให้สแกนนิ้วมือข้างซ้าย แล้วต่อด้วยประโยคว่า “Okay, have a nice trip” พลางยิ้มน้อยๆ ให้เรา
เรา: ขอบคุณค่ะ ยิ้มหน้าบาน พร้อมกับยกมือไหว้ แล้วรีบเดินออกมา กลัวท่านกงสุลเปลี่ยนใจ 555+
การเตรียมเอกสาร[\b]
เอกสารที่ต้องเตรียมไป มีอะไรบ้าง จะแบ่งเป็นกลุ่มๆ ดังนี้นะคะ
1. เอกสารที่สำคัญ ห้ามลืมนำไป
- ใบนัดหมาย (สถานทูตเก็บไว้)
- ใบยืนยันการกรอกข้อมูล DS-160 (สถานทูตเก็บไว้)
- รูปถ่าย 2 นิ้ว 1 รูป (ไม่เรียกดู หากรูปที่อัพโหลดเข้าระบบโอเคแล้ว)
- พาสปอร์ตเล่มปัจจุบัน (สถานทูตเก็บไว้เพื่อติดวีซ่า ก่อนส่งกลับทางไปรษณีย์)
- พาสปอร์ตเล่มเก่า ทุกเล่ม เพื่อดูประวัติการเดินทาง
2. เอกสารเกี่ยวกับการทำงาน เพื่อดูว่าเรามีงานประจำ มีรายได้ ไม่จำเป็นต้องโดดวีซ่าไปอยู่บ้านเขา เช่น
- เอกสารรับรองการทำงาน ภาษาอังกฤษ ระบุวันที่เข้าทำงาน ตำแหน่งงาน และเงินเดือน (ไม่ได้ระบุวันที่อนุญาตให้ลา)
- หน้า Homepage เว็บไซต์ของบริษัท แสดงลักษณะธุรกิจ รวมถึงรายการสินค้าที่ผลิต
- รูปภาพของตัวเราขณะทำกิจกรรมของบริษัท และรูปที่ถ่ายกับป้ายบริษัท เพื่อให้มั่นใจว่าเราทำงานที่นี่จริง (จัดรวมกันลงในกระดาษ A4 แล้วปรินต์ออกมา)
- สลิปเงินเดือนล่าสุด ที่ออกโดยบริษัท
- บัตรพนักงาน นามบัตร
3. เอกสารทางการเงินและสินทรัพย์ เพื่อให้มั่นใจว่ามีเงินใช้จ่าย นำเงินเข้าประเทศเขา ไม่ใช่ไปขนเงินจากบ้านเขาแบบผิดกฎหมาย
- สมุดบัญชีธนาคาร เราเตรียมสมุดบัญชีที่รับเงินเดือน สมุดบัญชีที่รับเงินปันผล และพิมพ์รายการเดินบัญชีของ ME By TMB ซึ่งเป็นบัญชีเงินออม ยอดรวม 4xx,xxx บาท
- พอร์ตหุ้น, กองทุน, ประกันชีวิต รายการจ่ายบัตรเครดิตวงเงินแสนกว่าก็เอาไปเผื่อเขาขอดู
4. หลักฐานเกี่ยวกับครอบครัว
- ทะเบียนบ้านตัวจริง และสำเนาโฉนดที่ดิน (เห็นเขาเตรียมไปกันก็เลยเอาไปมั่ง)
- ภาพถ่ายครอบครัว หลายๆ ภาพ เราเอามาลงคอมแล้วจัดให้อยู่ในขนาดกระดาษ A4 แผ่นเดียวแล้วปรินต์ออกมา
- ทะเบียนสมรส (สำหรับผู้ที่แต่งงานแล้ว)
5. รายละเอียดการเดินทาง
- แผนการเดินทางในอเมริกาของเรา เราพิมพ์ตารางออกมาค่ะ และแนบฉบับร่างที่มีลายมือเขียนรกๆ ไว้ด้วยเพื่อแสดงให้เห็นว่าเราวางแผนเองเด้อ
- รูปภาพการเดินทางต่างประเทศที่ผ่านมาของเรา หลายๆ ทริป จัดรวมไว้ในกระดาษ A4 เน้นรูปลุยๆ ปีนเขา เดินป่า ดำน้ำ แบกเป้ใหญ่ๆ เพื่อแสดงให้ท่านกงสุลมั่นใจว่าเราเดินทางแบบนี้ประจำและดูแลตัวเองได้
ซึ่งเอกสารในกลุ่มข้อ 2-5 นี้ ท่านกงไม่ได้ขอดูสักฉบับเลยค่ะ 555+
อ้อ ... แถมอีกอย่าง ... เราระบุให้ส่งพาสปอร์ตกลับคืนเรามายังสถานที่ทำงานค่ะ โดยส่วนตัวคือสะดวกรับที่นี่ และยังเป็นการยืนยันสถานะการทำงานของเราที่ชัดเจนอีกอย่างนึงด้วยค่ะ
หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ไม่มากก็น้อยนะคะ และต้องขออภัยด้วยค่ะ ที่มีแต่ตัวอักษร ไม่มีรูปประกอบเลย (พิมพ์จากโทรศัพท์ค่า)
ขอบคุณค่า