รีวิวนี้เป็น EP สุดท้ายจากซีรีส์ รีวิว การเตรียมงานแต่งของสาวไซส์L
ขออภัยด้วยสำหรับคอมเมนต์ที่อยากให้เขียนยาวๆ ในกระทู้เดียว เนื่องจาก จขกท. เป็นมือใหม่มากๆ ในเรื่องการรีวิว เลยร่างใน File Word ไว้ก่อน แล้วมันดูยาวมากๆ เลยคิดว่าแยกเป็น 3 EP ดีกว่า อีกทั้งไม่ได้เขียนทีเดียวยาวจนจบ (ค่อยๆ เขียน ค่อยๆ เรียบเรียง เพราะกลัวเขียนไม่เข้าใจ) หากผิดพลาดประการใดขออภัยไว้ล่วงหน้าด้วยค่ะ
เพื่อความสะดวกของเพื่อนๆ ในการค้นหาข้อมูล เลยขอรวบรวม Link ของทั้ง EP1 และ EP2 ไว้ที่นี่เลยค่ะ
EP1 : รีวิว การเตรียมงานแต่งของสาวไซส์L (EP1 ทลายพุงแบบทันใจภายใน 2 เดือน)
https://ppantip.com/topic/37095382
EP2 : รีวิว การเตรียมงานแต่งของสาวไซส์L (EP2 ว่าด้วยเรื่อง เสื้อผ้า หน้าผม )
https://ppantip.com/topic/37113808
วัตถุประสงค์ของ Review นี้คือ อยากเป็นผู้ให้บ้าง หลังจากที่หาข้อมูลใน Pantip มานานหลายปี ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาที่เป็นช่วงเตรียมงาน ทำให้รู้เลยว่ามันยุ่งจริงๆ กระทู้นี้ เลยอยากจะแบ่งปันอีกรูปแบบของการจัดงานที่เน้นความสะดวกสบาย และชิว เผื่อเป็นทางเลือกให้กับบ่าวสาวคู่อื่นๆ ค่ะ
ก่อนที่จะเข้าสู่เนื้อหา เราขอเกริ่นให้เข้าใจตรงกันก่อนว่า Review นี้เน้นความสะดวกสบาย ง่ายๆ ในการจัดงาน แต่ไม่ได้เน้นความประหยัดนะคะ มีหลายส่วนที่เราประหยัดเหมือนกัน แต่ก็มีอีกหลายส่วนที่เรายอมจ่าย เพื่อให้งานตรงกับความต้องการของเรามากที่สุด ซึ่งเพื่อนๆ อาจเลือกเพียงบ่างส่วนมาปรับใช้ตามความต้องการของคู่ตัวเองได้ค่ะ
ถ้าพร้อมแล้ว ก็ไปกันเลยค่ะ!
เคยได้ยินมาว่าเจ้าบ่าวเจ้าสาวหลายๆ คู่ต้องตื่นตั้งแต่ตี3 มาแต่งหน้าทำผม กว่าจะรับแขกเสร็จช่วงบ่ายไปเปลี่ยนชุด เปลี่ยนผมอีกทรงนึงเพื่อมาต่องานเย็น บางงานมี After Party ก็ลากยาวต่อไปอีกถึงเที่ยงคืน แค่ฟังก็แทบจะสลบ เราเลยคุยกับสามีว่า งานเราจัดช่วงบ่ายกันดีกว่า โชคดีที่ผู้ใหญ่ของทั้งสองครอบครัวเป็นคนง่ายๆ สบายๆ ตามใจบ่าวสาวทั้งหมด หลังจากนั้นเลยโทรถามทางวัดว่าสามารถประกอบพิธีสงฆ์ช่วงบ่ายได้ไหม ปรากฏว่าได้ เรากับสามีก็เลยลุยกันเลย
นี่คือกำหนดการของงานแต่เรา ใครที่สนใจก็ Copy ได้เลยจ้า
13:30 พิธีสงฆ์
14:00 พิธีแห่ขันหมาก
14:30 พิธีสู่ขอ และนับสินสอด
15:00 พิธีหมั้น
15:30 พิธีหลั่งน้ำพระพุทธมนต์
16:00 พิธีส่งตัว
16:30 เปลี่ยนเสื้อผ้า เติมหน้าเติมปาก
18:00 งานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสเย็น
สถานที่
สำหรับสถานที่ เราเลือกจัดที่เดียวกันเลย ทั้งงานหมั้น และงานเลี้ยงฉลอง แขกจะได้ไม่ต้องเดินทางไปมา และเลือกจัดในโรงแรม เพราะหลายเหตุผล ดังนี้
1. ช่วงเดือนที่เราแต่ง เป็นช่วงหน้าฝน ถ้าแต่ง Out door อาจจะเสี่ยงไปหน่อย
2. อยากได้สถานที่ติดแอร์ เพราะมีทั้งเด็กเล็กๆ และผู้ใหญ่เยอะ ต้องการให้ท่านสบายๆ
3. ทั้งเจ้าบ่าวเจ้าสาว เป็นคนชอบปาร์ตี้มาก เลยอยากมี After Party แบบจัดเต็ม ในสถานที่ที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัว และไม่รบกวนชาวบ้านที่ต้องการหลับนอน พอปาร์ตี้เสร็จก็พร้อมเดินขึ้นห้องนอนได้เลย ไม่ต้องเดินทางอีก
4. เราไม่ใช้ Organizer เลยต้องการความสะดวกสบายในการจัดเตรียมงาน ดังนั้นจึงพยายามเลือกที่มีบริการจบในตัว ซึ่งถ้าจัดในโรงแรมเค้าก็จะเตรียมให้แทบจะทั้งหมด
หาไปหามา เลยมาจบที่โรงแรม Best Western Plus Wanda Grand เพราะอยู่ใกล้บ้านสามี จึงสะดวกในการเตรียมงาน และประกอบกับเป็นโรงแรมใหม่ สภาพด้านในก็เลยยังสวยอยู่ (แถมมีโปรชิงโชครถยนต์ด้วย สาธุ ขอให้ได้เถอะ 555)
คืนก่อนวันงานมีหลายอย่างที่เตรียมไม่ทัน ก็เลยเกณฑ์เพื่อนๆ มาช่วยงานกันเต็มบ้าน ทั้งพี่ๆ และลูกเล็กเด็กแดง กว่าจะเสร็จก็ปาไปเที่ยงคืน เสร็จแล้วก็ขับรถไปนอนที่โรงแรม (ซึ่งเป็นห้องฟรีที่ได้จากใน Package) ตอนนั้นคิดในใจว่า โชคดีนะที่จัดบ่าย ถ้าจัดเช้านี่สงสัยจะไม่ได้นอน 555
ข้อดีของการจัดงานที่โรงแรมคือเค้าจะเตรียมทุกอย่างให้เราหมดเลย ตามภาพที่เห็น ทั้งอุปกรณ์ในพิธีสงฆ์ พิธีหมั้น เวที ฉากหลัง ดอกไม้ ธูปเทียน และชากาแฟ รวมถึงขนมเลี้ยงแขก ซึ่งทุกอย่างนี้ รวมอยู่ใน Package หมดแล้ว เราไม่แต่งอะไรเพิ่มเลย เพราะไม่อยากเสียตังเพิ่ม ออกแนวงก ฮ่าๆๆ (สิ่งที่เตรียมเพิ่มเองคือขันหมาก และซองพระ)
กำหนดการที่เราเซตไว้คือเริ่มงาน 13:30 น. เลยนัดช่างแต่หน้า 9 โมง ก็มีเวลากินข้าวเช้านิดหน่อย กว่าจะแต่งหน้าเสร็จปาไปเที่ยง ตอนแรกกะว่าหลังแต่งหน้าเสร็จจะลงมาถ่ายรูปชิวๆ ก่อนแขกมา เพราะงานเริ่ม 13:30 แต่ที่ไหนได้ พอลงมาหน้างานแขกมารอกันเต็มงานแล้ว
• ข้อผิดพลาด คือ ควรเผื่อเวลาลงมาตรวจตราหน้างาน และถ่ายรูปมากกว่านี้ เช่นจากเดิมนัดช่างแต่งหน้า 9 โมง อาจจะขยับเป็น 8 โมง เป็นต้น
พอพระมาถึงก็เริ่มพิธีสงฆ์ ข้อดีของการจัดงานหมั้นตอนบ่ายก็คือ เราไม่ต้องเตรียมอาหารเพลพระ เตรียมแค่สังฆทาน และปัจจัย ซึ่งเราว่าสะดวกมากๆ และใช้เวลาเพียง 30 นาที (ในรูปนั่นคือเจ้าบ่าวนะคะ ไม่ใช่พราหมณ์ 55555)
จากนั้นก็เริ่มพิธีแห่ขันหมาก ซึ่งทางฝ่ายเจ้าบ่าวมีผู้ใหญ่เยอะ เลยเตรียมการบอกเด็กไว้เลยว่า ขอให้กั้นประตูแค่ 3 ด่านพอเป็นพิธีเพื่อให้ผู้ใหญ่ผ่านเข้าไปนั่งในห้อง ถ้าเล่นกันมากไปผู้ใหญ่อาจจะเดินไม่ไหว ซึ่งญาติๆ เราก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี แต่เจ้าบ่าวหารู้ไม่ว่า ตอนเดินออกมารับตัวเจ้าสาว เจอประตูกั้นรอบ 2 อีกเป็นสิบๆ ด่าน!!! ญาติเจ้าสาวเล่นจนซองหมดกันเลยทีเดียว 555
• ข้อดี : ได้รับคำชมจากญาติผู้ใหญ่มาว่าไม่เหนื่อยมากไป หากบ่าวสาวคู่ไหนที่มีญาติผู้ใหญ่เยอะ ใช้วิธีนี้ก็ได้ค่ะ
• ข้อผิดพลาด : เนื่องจากเพื่อนเจ้าสาวแกล้งเจ้าบ่าวมากไป ทำให้กำหนดการล่าช้ากว่ากำหนด
ออกันตั้งแต่หน้าประตู
ขาตั้งกล้องก็ยังเอามากั้น 555
ชะเง้อรอเมื่อไหร่จะมาถึงฮะ -_-
เพื่อนเจ้าบ่าวสายเอสิค
ขันหมากและนายพิธี
เราเลือกใช้บริการของบ้านต้นคูณ (เห็นหลายๆ คนในนี้ใช้กัน) โดยเช่าทั้งขันหมาก และจ้างนายพิธีด้วย ตรงนี้เราว่าสำคัญ เพราะนายพิธีที่มีประสบการณ์จะช่วยให้งานราบรื่นขึ้นมาก (ขอบคุณพี่กอล์ฟมา ณ โอกาสนี้ พี่เค้าใจดีและเชี่ยวชาญจริงๆ)
ส่วนประเภทของพานขันหมาก เราเลือกเป็นใบตองผ้า เพราะราคาถูก ถ่ายรูปออกมาก็หน้าตาเหมือนๆ กับใบตองสดเลย (ขันหมากใบตองสดจะแพงกว่า)
พิธีหมั้นและรดน้ำสังฆ์
เนื่องจากฉากหลังเป็นผ้าม่านสีขาว เราเลยให้ทางโรงแรมเตรียมเป็นโซฟาสีทองวางไว้กลางเวที ถ่ายรูปออกมาจะได้ดูสวย และให้เค้าเซตเวทีสูงนิดหน่อย เนื่องจากแขกเรามีทั้งหมด 80 คน กลัวว่าคนที่นั่งอยู่ด้านหลังจะมองไม่เห็น
• ข้อผิดพลาด : เวลาทำพิธี ต้องมีผู้ใหญ่เดินขึ้นเดินลงเวทีหลายท่าน พื้นเวทีแบบยกสูงทำให้เดินลำบาก สำหรับว่าที่บ่าวสาวคู่ไหนที่มีญาติผู้ใหญ่ที่อาวุโสเยอะๆ แนะนำว่าให้เซตเวทีเตี้ยๆ ดีกว่าค่ะ
งานเลี้ยงเย็น
เพื่อความประหยัดเราใช้การตกแต่งที่โรงแรมให้มาทั้งหมด ทั้งซุ้มถ่ายภาพ ซุ้มเค้ก และจุดโชว์ภาพ Pre wedding จอฉาย VDO ดอกไม้ตกแต่งในงาน (ซึ่งทางโรงแรมให้มาแบบจัดเต็มอยู่แล้ว ประหยัดไปได้เยอะ)
จุดลงทะเบียน เราเอามาแค่ของชำร่วย นอกนั้นเป็นของโรงแรมทั้งหมด สะดวกดีค่ะ
ของชำร่วย เราเลือกเป็นสบู่ออแกนิคสีฟ้า เข้ากับธีมสี (พยายามเลือกของที่คนรับเอาไปใช้ได้จริงๆ)
จากที่ไปเดินสำรวจมา 2 ที่ คือ ตลาดนัดจตุจักร และ JJ Mall ปรากฏว่าราคาเท่ากันเด๊ะ แต่ JJ Mall จะมีแอร์ และหาที่จอดรถสะดวกกว่า ถ้าเพื่อนๆ หาของชำร่วย ก็ไปที่ JJ Mall ก็ได้ค่ะ
ตอนเดินเข้างาน เราให้โรงแรมเค้าปูพรมแดงเข้ามากลางห้องเลย เพราะอยากให้เพื่อนๆ ได้เห็นชัดๆ ตอนบ่าวสาวเตินเข้างาน ผลตอบรับดีมากๆ เพราะมีหน้าม้าปรบมือ ส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดตลอดทาง เราว่าทำให้งานดูคึกคักดี
วงดนตรี
เราแบ่งเป็น 2 ช่วง
- ช่วงเบรคแรก เป็นเพลงเบาๆ กีตาร์ตัวเดียว คนร้องเป็นพี่ที่รู้จักกัน ชื่อพี่นัย เสียงทุ้ม นุ่มลึก โรแมนติก คนเดียวเอาอยู่ (ใครสนใจหลังไมค์ได้ค่ะ)
- ช่วง After party ใช้วงชื่อว่า The Raven Doll เล่นสนุกมากกกก มันส์มากกก สนุกจนเพื่อนแซวว่า แต่งอีกเหอะ ยังสนุกอยู่เลย 555 แต่มีเพลงนึงที่เค้าเล่นเพลงวงตัวเองแถมบอกว่าขอถ่าย VDO เพื่อจะเอาไปใช้ใน MV วงเค้า เราอึ้งไปนิดนึง แต่ฉอตนั้นก็เลยต้องเลยตามเลย แบบว่า… ก็ได้วะ 555 (ตอนนั้นเราได้ยินเสียงแขกข้างล่างพูดว่า แล้วกูจะร้องเป็นไหมวะเนี่ย 555) แต่นอกนั้นก็ดีหมด เสียงทรงพลังมาก Entertain คนเก่งมากๆ
อันนี้โฉมหน้านักร้อง
อันนี้ฉอตที่นักร้องนำขอให้ทุกคนเอามือถือมาเปิดแฟลช เพื่อจะเก็บภาพไปใช้ใน MV เค้า รูปออกมาก็สวยดี
ส่วนที่เราให้ความสำคัญมากๆ คือ อาหาร
- เราเลือกเป็นบุฟเฟต์ เพราะกลุ่มเพื่อนๆ ของเจ้าบ่าวรู้จักกันแทบทุกโต๊ะ แถมยังสนิทกับญาติๆ ด้วย เลยตั้งใจให้เค้าสามารถเดินไปเดินมา ไปนั่งโต๊ะนู้น ชนแก้วกับโต๊ะนี้ได้
- เราเลือกเป็นแบบที่มีรายการอาหารเยอะสุด เพื่อให้ทุกคนสามารถทานได้ บางคนทานแต่ผัก บางคนไม่ทานหมู บางคนไม่ทานเนื้อ
- อาหารต้องเพียงพอ
- อาหารต้องอร่อย ซึ่งผลตอบรับดีมากๆ มีคนเดินมาชมกับแม่สามีว่า อาหารดีมาก อร่อยมาก
Tips
- อาหารแบบบุฟเฟต์ มีข้อดีคือการนับหัว ไม่ได้นับเป็นโต๊ะ ดังนั้น จึงสามารถประหยัดได้มากกว่า
- งานเราเน้น After Party พิธีการต่างๆ บนเวทีจึงสั้นและกระชับที่สุด ดังนั้นแขกจึงกลับเร็ว ทำให้อาหารเหลือเยอะ ดังนั้น หากเพื่อนๆ เน้น After Party แบบเรา อาจจะต้องคำนวนอาหารดีๆ ค่ะ ไม่งั้นเหลือแล้วเสียดาย
สรุปข้อดีของการจัดงานหมั้นบ่าย เลี้ยงเย็น
1. ได้รับคำชมจากเพื่อนเจ้าบ่าว เพื่อนเจ้าสาว ว่าสะดวกดี ไม่ต้องตื่นเช้า
2. ประหยัดค่าเลี้ยงข้าวกลางวัน อาจจะเตรียมเป็นชากาแฟ ขนมเบรคก็พอ
3. ไม่ต้องยุ่งยากเตรียมกับข้าวพระสงฆ์ ใช้เป็นการถวายสังฆทาน และถวายปัจจัยแทน
4. ประหยัดเวลา ญาติๆ ไม่ต้องเดินทางไปๆ มา คือร่วมงานบ่าย แล้วต่องานเย็นเลย
5. ประหยัดค่าช่างแต่งหน้าลงไปอีกหน่อยนึง
สรุปข้อเสียของการจัดงานหมั้นบ่าย เลี้ยงเย็น
1. ถ้าพิธีล่าช้ากว่ากำหนด เจ้าสาวจะมีเวลาเติมหน้าเติมปากน้อย อย่างของเรานี่ไม่ได้ส่งตัวเลย เพราะไม่ทัน
2. ไม่มีเวลาอ้อยอิ่งถ่ายรูปมากนัก เสร็จพิธีบ่ายแล้วก็ต้องรีบวิ่งข
แชร์ประสบการณ์ จัดงานแต่งแบบ “หมั้นบ่าย-เลี้ยงเย็น” ประหยัด ชิวๆ ตาไม่โหล ฟินเวอร์!!!
ขออภัยด้วยสำหรับคอมเมนต์ที่อยากให้เขียนยาวๆ ในกระทู้เดียว เนื่องจาก จขกท. เป็นมือใหม่มากๆ ในเรื่องการรีวิว เลยร่างใน File Word ไว้ก่อน แล้วมันดูยาวมากๆ เลยคิดว่าแยกเป็น 3 EP ดีกว่า อีกทั้งไม่ได้เขียนทีเดียวยาวจนจบ (ค่อยๆ เขียน ค่อยๆ เรียบเรียง เพราะกลัวเขียนไม่เข้าใจ) หากผิดพลาดประการใดขออภัยไว้ล่วงหน้าด้วยค่ะ
เพื่อความสะดวกของเพื่อนๆ ในการค้นหาข้อมูล เลยขอรวบรวม Link ของทั้ง EP1 และ EP2 ไว้ที่นี่เลยค่ะ
EP1 : รีวิว การเตรียมงานแต่งของสาวไซส์L (EP1 ทลายพุงแบบทันใจภายใน 2 เดือน)
https://ppantip.com/topic/37095382
EP2 : รีวิว การเตรียมงานแต่งของสาวไซส์L (EP2 ว่าด้วยเรื่อง เสื้อผ้า หน้าผม )
https://ppantip.com/topic/37113808
วัตถุประสงค์ของ Review นี้คือ อยากเป็นผู้ให้บ้าง หลังจากที่หาข้อมูลใน Pantip มานานหลายปี ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาที่เป็นช่วงเตรียมงาน ทำให้รู้เลยว่ามันยุ่งจริงๆ กระทู้นี้ เลยอยากจะแบ่งปันอีกรูปแบบของการจัดงานที่เน้นความสะดวกสบาย และชิว เผื่อเป็นทางเลือกให้กับบ่าวสาวคู่อื่นๆ ค่ะ
ก่อนที่จะเข้าสู่เนื้อหา เราขอเกริ่นให้เข้าใจตรงกันก่อนว่า Review นี้เน้นความสะดวกสบาย ง่ายๆ ในการจัดงาน แต่ไม่ได้เน้นความประหยัดนะคะ มีหลายส่วนที่เราประหยัดเหมือนกัน แต่ก็มีอีกหลายส่วนที่เรายอมจ่าย เพื่อให้งานตรงกับความต้องการของเรามากที่สุด ซึ่งเพื่อนๆ อาจเลือกเพียงบ่างส่วนมาปรับใช้ตามความต้องการของคู่ตัวเองได้ค่ะ
ถ้าพร้อมแล้ว ก็ไปกันเลยค่ะ!
เคยได้ยินมาว่าเจ้าบ่าวเจ้าสาวหลายๆ คู่ต้องตื่นตั้งแต่ตี3 มาแต่งหน้าทำผม กว่าจะรับแขกเสร็จช่วงบ่ายไปเปลี่ยนชุด เปลี่ยนผมอีกทรงนึงเพื่อมาต่องานเย็น บางงานมี After Party ก็ลากยาวต่อไปอีกถึงเที่ยงคืน แค่ฟังก็แทบจะสลบ เราเลยคุยกับสามีว่า งานเราจัดช่วงบ่ายกันดีกว่า โชคดีที่ผู้ใหญ่ของทั้งสองครอบครัวเป็นคนง่ายๆ สบายๆ ตามใจบ่าวสาวทั้งหมด หลังจากนั้นเลยโทรถามทางวัดว่าสามารถประกอบพิธีสงฆ์ช่วงบ่ายได้ไหม ปรากฏว่าได้ เรากับสามีก็เลยลุยกันเลย
นี่คือกำหนดการของงานแต่เรา ใครที่สนใจก็ Copy ได้เลยจ้า
13:30 พิธีสงฆ์
14:00 พิธีแห่ขันหมาก
14:30 พิธีสู่ขอ และนับสินสอด
15:00 พิธีหมั้น
15:30 พิธีหลั่งน้ำพระพุทธมนต์
16:00 พิธีส่งตัว
16:30 เปลี่ยนเสื้อผ้า เติมหน้าเติมปาก
18:00 งานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสเย็น
สถานที่
สำหรับสถานที่ เราเลือกจัดที่เดียวกันเลย ทั้งงานหมั้น และงานเลี้ยงฉลอง แขกจะได้ไม่ต้องเดินทางไปมา และเลือกจัดในโรงแรม เพราะหลายเหตุผล ดังนี้
1. ช่วงเดือนที่เราแต่ง เป็นช่วงหน้าฝน ถ้าแต่ง Out door อาจจะเสี่ยงไปหน่อย
2. อยากได้สถานที่ติดแอร์ เพราะมีทั้งเด็กเล็กๆ และผู้ใหญ่เยอะ ต้องการให้ท่านสบายๆ
3. ทั้งเจ้าบ่าวเจ้าสาว เป็นคนชอบปาร์ตี้มาก เลยอยากมี After Party แบบจัดเต็ม ในสถานที่ที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัว และไม่รบกวนชาวบ้านที่ต้องการหลับนอน พอปาร์ตี้เสร็จก็พร้อมเดินขึ้นห้องนอนได้เลย ไม่ต้องเดินทางอีก
4. เราไม่ใช้ Organizer เลยต้องการความสะดวกสบายในการจัดเตรียมงาน ดังนั้นจึงพยายามเลือกที่มีบริการจบในตัว ซึ่งถ้าจัดในโรงแรมเค้าก็จะเตรียมให้แทบจะทั้งหมด
หาไปหามา เลยมาจบที่โรงแรม Best Western Plus Wanda Grand เพราะอยู่ใกล้บ้านสามี จึงสะดวกในการเตรียมงาน และประกอบกับเป็นโรงแรมใหม่ สภาพด้านในก็เลยยังสวยอยู่ (แถมมีโปรชิงโชครถยนต์ด้วย สาธุ ขอให้ได้เถอะ 555)
คืนก่อนวันงานมีหลายอย่างที่เตรียมไม่ทัน ก็เลยเกณฑ์เพื่อนๆ มาช่วยงานกันเต็มบ้าน ทั้งพี่ๆ และลูกเล็กเด็กแดง กว่าจะเสร็จก็ปาไปเที่ยงคืน เสร็จแล้วก็ขับรถไปนอนที่โรงแรม (ซึ่งเป็นห้องฟรีที่ได้จากใน Package) ตอนนั้นคิดในใจว่า โชคดีนะที่จัดบ่าย ถ้าจัดเช้านี่สงสัยจะไม่ได้นอน 555
ข้อดีของการจัดงานที่โรงแรมคือเค้าจะเตรียมทุกอย่างให้เราหมดเลย ตามภาพที่เห็น ทั้งอุปกรณ์ในพิธีสงฆ์ พิธีหมั้น เวที ฉากหลัง ดอกไม้ ธูปเทียน และชากาแฟ รวมถึงขนมเลี้ยงแขก ซึ่งทุกอย่างนี้ รวมอยู่ใน Package หมดแล้ว เราไม่แต่งอะไรเพิ่มเลย เพราะไม่อยากเสียตังเพิ่ม ออกแนวงก ฮ่าๆๆ (สิ่งที่เตรียมเพิ่มเองคือขันหมาก และซองพระ)
กำหนดการที่เราเซตไว้คือเริ่มงาน 13:30 น. เลยนัดช่างแต่หน้า 9 โมง ก็มีเวลากินข้าวเช้านิดหน่อย กว่าจะแต่งหน้าเสร็จปาไปเที่ยง ตอนแรกกะว่าหลังแต่งหน้าเสร็จจะลงมาถ่ายรูปชิวๆ ก่อนแขกมา เพราะงานเริ่ม 13:30 แต่ที่ไหนได้ พอลงมาหน้างานแขกมารอกันเต็มงานแล้ว
• ข้อผิดพลาด คือ ควรเผื่อเวลาลงมาตรวจตราหน้างาน และถ่ายรูปมากกว่านี้ เช่นจากเดิมนัดช่างแต่งหน้า 9 โมง อาจจะขยับเป็น 8 โมง เป็นต้น
พอพระมาถึงก็เริ่มพิธีสงฆ์ ข้อดีของการจัดงานหมั้นตอนบ่ายก็คือ เราไม่ต้องเตรียมอาหารเพลพระ เตรียมแค่สังฆทาน และปัจจัย ซึ่งเราว่าสะดวกมากๆ และใช้เวลาเพียง 30 นาที (ในรูปนั่นคือเจ้าบ่าวนะคะ ไม่ใช่พราหมณ์ 55555)
จากนั้นก็เริ่มพิธีแห่ขันหมาก ซึ่งทางฝ่ายเจ้าบ่าวมีผู้ใหญ่เยอะ เลยเตรียมการบอกเด็กไว้เลยว่า ขอให้กั้นประตูแค่ 3 ด่านพอเป็นพิธีเพื่อให้ผู้ใหญ่ผ่านเข้าไปนั่งในห้อง ถ้าเล่นกันมากไปผู้ใหญ่อาจจะเดินไม่ไหว ซึ่งญาติๆ เราก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี แต่เจ้าบ่าวหารู้ไม่ว่า ตอนเดินออกมารับตัวเจ้าสาว เจอประตูกั้นรอบ 2 อีกเป็นสิบๆ ด่าน!!! ญาติเจ้าสาวเล่นจนซองหมดกันเลยทีเดียว 555
• ข้อดี : ได้รับคำชมจากญาติผู้ใหญ่มาว่าไม่เหนื่อยมากไป หากบ่าวสาวคู่ไหนที่มีญาติผู้ใหญ่เยอะ ใช้วิธีนี้ก็ได้ค่ะ
• ข้อผิดพลาด : เนื่องจากเพื่อนเจ้าสาวแกล้งเจ้าบ่าวมากไป ทำให้กำหนดการล่าช้ากว่ากำหนด
ออกันตั้งแต่หน้าประตู
ขาตั้งกล้องก็ยังเอามากั้น 555
ชะเง้อรอเมื่อไหร่จะมาถึงฮะ -_-
เพื่อนเจ้าบ่าวสายเอสิค
ขันหมากและนายพิธี
เราเลือกใช้บริการของบ้านต้นคูณ (เห็นหลายๆ คนในนี้ใช้กัน) โดยเช่าทั้งขันหมาก และจ้างนายพิธีด้วย ตรงนี้เราว่าสำคัญ เพราะนายพิธีที่มีประสบการณ์จะช่วยให้งานราบรื่นขึ้นมาก (ขอบคุณพี่กอล์ฟมา ณ โอกาสนี้ พี่เค้าใจดีและเชี่ยวชาญจริงๆ)
ส่วนประเภทของพานขันหมาก เราเลือกเป็นใบตองผ้า เพราะราคาถูก ถ่ายรูปออกมาก็หน้าตาเหมือนๆ กับใบตองสดเลย (ขันหมากใบตองสดจะแพงกว่า)
พิธีหมั้นและรดน้ำสังฆ์
เนื่องจากฉากหลังเป็นผ้าม่านสีขาว เราเลยให้ทางโรงแรมเตรียมเป็นโซฟาสีทองวางไว้กลางเวที ถ่ายรูปออกมาจะได้ดูสวย และให้เค้าเซตเวทีสูงนิดหน่อย เนื่องจากแขกเรามีทั้งหมด 80 คน กลัวว่าคนที่นั่งอยู่ด้านหลังจะมองไม่เห็น
• ข้อผิดพลาด : เวลาทำพิธี ต้องมีผู้ใหญ่เดินขึ้นเดินลงเวทีหลายท่าน พื้นเวทีแบบยกสูงทำให้เดินลำบาก สำหรับว่าที่บ่าวสาวคู่ไหนที่มีญาติผู้ใหญ่ที่อาวุโสเยอะๆ แนะนำว่าให้เซตเวทีเตี้ยๆ ดีกว่าค่ะ
งานเลี้ยงเย็น
เพื่อความประหยัดเราใช้การตกแต่งที่โรงแรมให้มาทั้งหมด ทั้งซุ้มถ่ายภาพ ซุ้มเค้ก และจุดโชว์ภาพ Pre wedding จอฉาย VDO ดอกไม้ตกแต่งในงาน (ซึ่งทางโรงแรมให้มาแบบจัดเต็มอยู่แล้ว ประหยัดไปได้เยอะ)
จุดลงทะเบียน เราเอามาแค่ของชำร่วย นอกนั้นเป็นของโรงแรมทั้งหมด สะดวกดีค่ะ
ของชำร่วย เราเลือกเป็นสบู่ออแกนิคสีฟ้า เข้ากับธีมสี (พยายามเลือกของที่คนรับเอาไปใช้ได้จริงๆ)
จากที่ไปเดินสำรวจมา 2 ที่ คือ ตลาดนัดจตุจักร และ JJ Mall ปรากฏว่าราคาเท่ากันเด๊ะ แต่ JJ Mall จะมีแอร์ และหาที่จอดรถสะดวกกว่า ถ้าเพื่อนๆ หาของชำร่วย ก็ไปที่ JJ Mall ก็ได้ค่ะ
ตอนเดินเข้างาน เราให้โรงแรมเค้าปูพรมแดงเข้ามากลางห้องเลย เพราะอยากให้เพื่อนๆ ได้เห็นชัดๆ ตอนบ่าวสาวเตินเข้างาน ผลตอบรับดีมากๆ เพราะมีหน้าม้าปรบมือ ส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดตลอดทาง เราว่าทำให้งานดูคึกคักดี
วงดนตรี
เราแบ่งเป็น 2 ช่วง
- ช่วงเบรคแรก เป็นเพลงเบาๆ กีตาร์ตัวเดียว คนร้องเป็นพี่ที่รู้จักกัน ชื่อพี่นัย เสียงทุ้ม นุ่มลึก โรแมนติก คนเดียวเอาอยู่ (ใครสนใจหลังไมค์ได้ค่ะ)
- ช่วง After party ใช้วงชื่อว่า The Raven Doll เล่นสนุกมากกกก มันส์มากกก สนุกจนเพื่อนแซวว่า แต่งอีกเหอะ ยังสนุกอยู่เลย 555 แต่มีเพลงนึงที่เค้าเล่นเพลงวงตัวเองแถมบอกว่าขอถ่าย VDO เพื่อจะเอาไปใช้ใน MV วงเค้า เราอึ้งไปนิดนึง แต่ฉอตนั้นก็เลยต้องเลยตามเลย แบบว่า… ก็ได้วะ 555 (ตอนนั้นเราได้ยินเสียงแขกข้างล่างพูดว่า แล้วกูจะร้องเป็นไหมวะเนี่ย 555) แต่นอกนั้นก็ดีหมด เสียงทรงพลังมาก Entertain คนเก่งมากๆ
อันนี้โฉมหน้านักร้อง
อันนี้ฉอตที่นักร้องนำขอให้ทุกคนเอามือถือมาเปิดแฟลช เพื่อจะเก็บภาพไปใช้ใน MV เค้า รูปออกมาก็สวยดี
ส่วนที่เราให้ความสำคัญมากๆ คือ อาหาร
- เราเลือกเป็นบุฟเฟต์ เพราะกลุ่มเพื่อนๆ ของเจ้าบ่าวรู้จักกันแทบทุกโต๊ะ แถมยังสนิทกับญาติๆ ด้วย เลยตั้งใจให้เค้าสามารถเดินไปเดินมา ไปนั่งโต๊ะนู้น ชนแก้วกับโต๊ะนี้ได้
- เราเลือกเป็นแบบที่มีรายการอาหารเยอะสุด เพื่อให้ทุกคนสามารถทานได้ บางคนทานแต่ผัก บางคนไม่ทานหมู บางคนไม่ทานเนื้อ
- อาหารต้องเพียงพอ
- อาหารต้องอร่อย ซึ่งผลตอบรับดีมากๆ มีคนเดินมาชมกับแม่สามีว่า อาหารดีมาก อร่อยมาก
Tips
- อาหารแบบบุฟเฟต์ มีข้อดีคือการนับหัว ไม่ได้นับเป็นโต๊ะ ดังนั้น จึงสามารถประหยัดได้มากกว่า
- งานเราเน้น After Party พิธีการต่างๆ บนเวทีจึงสั้นและกระชับที่สุด ดังนั้นแขกจึงกลับเร็ว ทำให้อาหารเหลือเยอะ ดังนั้น หากเพื่อนๆ เน้น After Party แบบเรา อาจจะต้องคำนวนอาหารดีๆ ค่ะ ไม่งั้นเหลือแล้วเสียดาย
สรุปข้อดีของการจัดงานหมั้นบ่าย เลี้ยงเย็น
1. ได้รับคำชมจากเพื่อนเจ้าบ่าว เพื่อนเจ้าสาว ว่าสะดวกดี ไม่ต้องตื่นเช้า
2. ประหยัดค่าเลี้ยงข้าวกลางวัน อาจจะเตรียมเป็นชากาแฟ ขนมเบรคก็พอ
3. ไม่ต้องยุ่งยากเตรียมกับข้าวพระสงฆ์ ใช้เป็นการถวายสังฆทาน และถวายปัจจัยแทน
4. ประหยัดเวลา ญาติๆ ไม่ต้องเดินทางไปๆ มา คือร่วมงานบ่าย แล้วต่องานเย็นเลย
5. ประหยัดค่าช่างแต่งหน้าลงไปอีกหน่อยนึง
สรุปข้อเสียของการจัดงานหมั้นบ่าย เลี้ยงเย็น
1. ถ้าพิธีล่าช้ากว่ากำหนด เจ้าสาวจะมีเวลาเติมหน้าเติมปากน้อย อย่างของเรานี่ไม่ได้ส่งตัวเลย เพราะไม่ทัน
2. ไม่มีเวลาอ้อยอิ่งถ่ายรูปมากนัก เสร็จพิธีบ่ายแล้วก็ต้องรีบวิ่งข