เคยไหมครับที่คาดหวังกับหนังสักเรื่อง แล้วผลที่ได้คือเกินที่หวัง
AJIN เป็นเรื่องที่ทำให้ผมรู้สึกแบบนั้น
ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัย การที่ใครสักคนเลือกการ์ตูนสักเรื่องมาทำเป็นหนัง โดยใช้คนจริงๆ แสดง มักต้องประสบพบเจอกับอาถรรพ์ความแป้ก เสียงก่นด่า รวมถึงอรรถรสที่บางครั้งก็ไม่ได้เสี้ยวของงานต้นฉบับ
แม้ว่าผู้สร้งหลายรายจะยังคงเลือกทำหนังไลฟ์แอ็คชั่น อาจจะเพราะด้วยช่วยลดทอนเวลาในการรังสรรค์ภาพรวมของหนังสักเรื่อง ทว่าความคาดหวังของผู้ชมกลับแปรผกผัน บางคน(อาจจะหลายคน)เลือกเบือนหน้าหนี มองบน ตั้งแต่แรกประกาศ ยิ่งถ้าเรื่องนั้นทำมาจากการ์ตูนชั้นยอดด้วยแล้ว ยิ่งไม่ต้องห่วง เสียงคำสบประมาทอื้ออึงแน่นอน
AJIN ก็เป็นหนึ่งในหนังไลฟ์แอ็คชั่นอีกเรื่องที่โดนค่อนขอดไม่น้อย โดยเฉพาะด้านแคสติ้งตัวละครบางตัว หลายคนถึงกับสาปแช่ง แต่เชื่อไหมครับ ถ้าหากลองละวางอคติที่มี แล้วตีตั๋วเข้าไปดูด้วยใจที่เปิดกว้าง
AJIN จะมอบสุดยอดความบันเทิงให้ได้อย่างแน่นอน
AJIN เป็นเหมือนวัตถุดิบชั้นเลิศที่ปรุงยาก ถ้าเชฟ (ทีมสร้างหนัง) กลุ่มนั้นไม่มีกึ๋นพอ ฝีมือไม่ถึงขั้น นี่จะต้องเป็นไลฟ์แอ็คชั่นอีกเรื่องที่ถูกเหยียบจนจมดิน
ทว่า
AJIN นั้นโชคดีที่ได้อยู่ในมือของกลุ่มผู้สร้างขั้นเทพ กลุ่มคนที่เข้าใจในแก่นของต้นฉบับ ทำให้ผลงานที่ได้กลายเป็นอาหารรสเลิศ ที่ไม่ว่าจะนำมาเชยชมกี่ครั้ง ก็ยังทรงคุณค่าไม่เปลี่ยน
สำหรับคอหนังญี่ปุ่นหลายคน คงจะยกให้
Rurouni Kenshin ไตรภาค เป็นไลฟ์แอ็คชั่นขึ้นหิ้งที่คงไม่มีเรื่องไหนมาโค่นได้ง่ายๆ
แน่นอนว่า ผมก็ไม่ได้บอกว่า
AJIN ทำแบบนั้นได้ แต่ในเมื่อได้ทีมจาก
Rurouni Kenshin มาทำ แล้วผมจะบอกว่า
AJIN ก็สามารถขึ้นไปอยู่บนหิ้งได้อย่างสง่างาม ก็คงจะไม่เกินเลยไปมากนัก
ตลอดการรับชม สิ่งที่ได้พบคือความละเอียด ความใส่ใจในทุกองค์ประกอบของทีมผู้สร้าง
ความสวยงามของคิวบู๊ที่ได้รับการออกแบบมาเป็นอย่างดี ไม่หลอกตา ขณะเดียวกันก็ไม่ทิ้งลายเซ็นแบบหนังญี่ปุ่น ที่ในความบู๊ก็ต้องมีความเท่ ทว่ามันกลับลงตัวและไม่ประดักประเดิด มิหนำซ้ำ กลับยิ่งช่วยชูฉากบู๊นั้นๆ ให้งดงามยิ่งขึ้นไปอีก
จริงๆ อยากจะบอกว่าฉากบู๊ด้วยปืนมันระห่ำ มันเรียลน้องๆ จอห์น วิค เลยนะครับ
รวมถึงยังใช่ประโยชน์จากความเป็นอมตะของอาจินได้เป็นประโยชน์อย่างมาก ทำให้ฉากบู๊ทุกฉากล้วนเต็มไปด้วยความรุนแรง บ้าระห่ำ และไปได้สุดทาง รับรองว่าจะต้องโดนใจคอหนังแอ็คชั่น แฟนหนังที่มีฉากต่อสู้สุดดิบเถื่อนแน่นอน (แต่ไม่ถึงกับชวนอี๋ชวนแหวะนะครับ)
AJIN ดำเนินเรื่องโดยแบกความหนักเอาไว้ทั้งเรื่อง แต่ผู้สร้างก็ฉลาด โดยการใส่ความตลกร้าย ความฮาหน้าตายของพระเอก (ซาโต้ ทาเครุ) มาช่วยผ่อนคลายอารมณ์ของคนดูได้เป็นอย่างดี มีการจิกกัดหนังเรื่องอื่นพอเป็นกระสัย แต่พอถึงจุดที่ต้องดึงขึ้นมาสู่ความดราม่าอีกระลอก หนังก็เอาได้อยู่หมัด มีการเลือกใช้วิธีการก่อวินาศกรรมที่เคยเกิดขึ้นจริงในโลก และสร้างความสะเทือนขวัญมาจนถึงตอนนี้ และนั่นก็ยิ่งตอกย้ำเข้าไปอีกว่า ความมั่นคงปลอดภัยที่มีอยู่ในตอนนี้ มันช่างเปราะบางเสียเหลือเกิน
ถ้าใครที่ได้ดู
Shin Godzilla คงจะคุ้นเคยกับฉากการทำงานของภาครัฐได้เป็นอย่างดี อีกทั้ง
AJIN ยังอยู่ภายใต้การกุมบังเหียนของ TOHO เช่นเดียวกับราชาแห่งสัตว์ประหลาดด้วยแล้ว ทำให้ฉากที่เป็นของภาครัฐ ออกมาดูสมจริง แม้ว่าสำหรับ
AJIN จะแตะส่วนนี้เพียงผิวเผิน ไม่ลึกซึ้งเท่า
Shin Godzilla แต่ก็ยังคงเสน่ห์และไม่รู้สึกว่าน่าเบื่อ
รวมถึงบางช่วงบางตอน ก็มีการใช้มุมกล้องในลักษณะแบบฟาวด์ฟุตเตจ หรือการทำให้เหมือนนักข่าวสัมภาษณ์นักวิชาการ สัมภาษณ์ประชาชน หรือมีบล็อกเกอร์มาคุย มันยิ่งช่วยลดทอนความรู้สึกว่านี่เป็นแค่หนัง แต่กลับยิ่งเพิ่มรู้สึกว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ณ มุมใดมุมหนึ่งของโลก
รวมถึงการตัดสลับระหว่างฉากผ่อนคลายๆ กับฉากอันแสนจะวินาศสันตโรที่สุดจะคอนทราสต์กันนั้น ก็เป็นอีกความดีงามของเรื่องนี้ครับ (เหรียญไม่ได้มีด้านเดียวนี่เนอะ มุมนึงดีมากๆ อีกมุมอาจหดหู่สุดๆ ก็ได้)
การต่อสู้ของทั้งฝ่ายอาจินและมนุษย์ล้วนตั้งอยู่บนพื้นฐานของเหตุผลทั้งสิ้น การฆ่าล้างผลาญที่เห็นตลอดทั้งเรื่องนั้น ด้วยปูมหลังของตัวละคร ทำให้ถ้าจะตอบโต้ถึงขนาดนี้ก็ไม่แปลก
รวมถึงหนังไม่ได้พยายามยัดเยียดความคิดว่าฝ่ายใดดี ฝ่ายใดไม่ดี ทุกฝ่ายล้วนมีสีเทา แต่ให้คนดูใช้เหตุผลและวิจารณญาณส่วนบุคคลในการมีปฏิสัมพันธ์กับตัวละครแต่ละตัว ซึ่งในความโหดร้ายรุนแรงที่ปกคลุมอยู่ตลอดทั้งเรื่องย่อมทำให้ภาพรวมของหนังเต็มไปด้วยความหม่นหมอง แต่ก็มีช่วงให้ได้พักหายใจไปกับความโอบอ้อมอารีที่ทั้งสองเผ่าพันธุ์ต่างมีให้กันและกัน และนี่น่าจะเป็นช่วงที่เนิบที่สุดของหนัง แต่กลับไม่รู้สึกเบื่อเลยสักนิด
แน่นอนครับว่าทั้งฝ่ายมนุษย์และอาจิน มีความสามารถในระดับที่สูสีกัน ได้เปรียบเสียเปรียบกันฝ่ายละด้านสองด้าน เลยส่งผลให้การต่อสู้แต่ละครั้งดูสมจริง ดูมีเหตุมีผล และลุ้นระทึกทั้งเรื่อง อาจินที่ว่าเป็นอมตะก็เพลี้ยงพล้ำได้ถ้าประมาท หรือฝ่ายมนุษย์ที่มีทรัพยากรเหลือเฟือกว่าก็มีสิทธิ์ตาย ถ้าไม่หาทางหนีทีไล่เอาไว้ให้ดี
อีกอย่าง ใช่ว่าเรื่องนี้จะมีดีแค่การจับอาวุธมาประหัตประหารกัน แต่ด้านการวางแผน การซ้อนกล ของทั้งฝ่ายรัฐบาลและอาจินก็ทำออกมาได้อย่างมีกึ๋นขั้นสุด ใครที่คิดถึงการหักเหลี่ยมเฉือนคมเทพๆ แบบ
DEATH NOTE แล้วล่ะก็ รับรองว่า
AJIN จะไม่ทำให้ผิดหวัง
ด้านงานภาพ โดยเฉพาะ CG ที่หนังญี่ปุ่นกี่เรื่องๆ ก็โดนตำหนิมาโดยตลอด ใน
AJIN นี้ ทำออกมาได้สวยงามครับ แม้ว่าบางฉาก บางจุดจะดูลอยๆ แต่ก็เรียกไม่ได้ว่าเผางาน ซาวด์ประกอบก็อลังการดี ซึ่งส่วนที่ทำให้ผมถูกใจเป็นพิเศษก็คือตอนต่อสู้จะเลือกใช้ซาวด์อีดีเอ็มมาประกอบ ทำให้เพิ่มความล้ำของฉากแอ็คชั่นได้อีกโข สมแล้วที่ได้เข้าฉายในระบบไอแมกซ์ที่ญี่ปุ่น
(บ้านเรา ก็ภาวนาให้กระแสดี จนขอแบ่งพื้นที่โรงไอแมกซ์มาได้บ้างนะ)
รวมถึงเพลงประกอบสุดมันอย่าง
BLACK MEMORY - THE ORAL CIGARETTES ก็ช่วยเพิ่มความหนักแน่นและสรุปเนื้อหาของหนังได้อย่างยอดเยี่ยม
นักแสดงที่มารับบทนี่ก็แทบจะเรียกได้ว่ารวมตัวเทพเอาไว้ทั้งนั้น ซาโต้ ทาเครุ พระเอกที่ทำสาวกรี๊ดหนุ่มหลง มารับบทหนึ่งในตัวละครนำ ก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างดีเยี่ยม สีหน้าแววตา การแสดงท่าทาง แอ็คชั่นต่างๆ ความฉลาดและไหวพริบปฏิภาณ ล้วนเปล่งออร่าออกมาทั้งสิ้น สมแล้วครับเป็นดาราระดับเอลิสต์ของญี่ปุ่น
คือดูแล้วเชื่อสนิทใจจริงๆ ว่านากาอิ เป็นพระเอกสายเทพ มีการวางแผน มีการหาทางป้องกัน มแผนสองแผนสาม ประเมินสถานการณ์ได้อย่างเฉียบคม แล้วเฉือดนิ่มๆ เฉียบมากครับ
อีกคนที่โดนด่าตั้งแต่แคสติ้ง ก็คืออายาโนะ โก ที่มารับบทซาโต้ เพราะว่าตามต้นฉบับตัวละครตัวนี้อายุรุ่นราวคราวลุงแล้ว แต่ในหนังยังอยู่ที่ประมาณสามสิบนิดๆ เท่านั้นเอง แฟนๆ อาจินดั้งเดิมก็เลยไม่ค่อยพอใจกันเท่าไหร่ แต่ลองเปิดใจเข้าไปดูเถอะครับ ด้วยฝีมือการแสดง ที่ถ่ายทอดความเด็ดขาด ฆ่าเป็นฆ่า มีความจิตๆ ตลกร้ายอยู่ในตัว คือดูแล้วรู้ว่าผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะ บวกกับความเท่แล้ว ถ้าถึงขนาดทำให้ชอบเลยไม่ได้ ก็คงทำให้เกลียดไม่ลง
นักแสดงสมทบคนอื่นๆ ก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างดีเยี่ยมไม่แพ้กัน ทุกคนมีส่วนสำคัญในการกำหนดทิศทางของเนื้อเรื่องไม่มากก็น้อยเลยทีเดียวล่ะ แม้แต่ตัว 'อาจิน' เองที่เป็นเพียงแค่ตัวละครซีจี ก็มีเสน่ห์ เท่ และน่ารักมากๆ (จะมีสักกี่ชาติในโลกที่ขับความมุ้งมิ้งให้ออกมาจากตัวละครรูปลักษณ์โหดๆ ได้แบบญี่ปุ่น)
เพราะฉะนั้น ผมก็เลยมีอารมณ์ร่วมและผูกพันกับเกือบทุกตัวละครในเรื่องเลยทีเดียว
แต่เรื่องที่น่าเสียดายนิดๆ ก็พอมีเหมือนกัน นั่นคืออย่างที่บอกไปบางปมก็ยังไม่ได้แก้ บางจังหวะก็ขยี้ได้ไม่สุด แต่ด้วยสโคปเวลาและการจบแบบปลายเปิดเอาไว้ ก็เลยคิดว่าน่าจะไปเฉลยไปขยี้กันต่อในภาคที่สอง และค่อนข้างเชื่อมั่นว่ามี เพราะฟี้ดแบ็คที่ญี่ปุ่นก็บวกแรงมากเช่นกัน
ถ้าจะบอกว่า
AJIN เป็นหนังแอ็คชั่นญี่ปุ่นที่ดีที่สุดแล้ว ก็คงบอกอย่างนั้นไม่ได้ แต่ที่บอกได้เลยคือ
AJIN เป็นหนังที่เต็มไปด้วยความพิถีพิถัน ความใส่ใจ และความรักที่ทีมผู้สร้าง นักแสดง และผู้เกี่ยวข้องทุกคนมีต่อเรื่องนี้
จังส่งผลให้
AJIN เป็นหนังที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ในทุกๆ องค์ประกอบที่มอบความบันเทิง เปิดแง่มุมให้คนดูได้ขบคิดต่อ มีประเด็นให้หยิบยกนำมาพูดถึงหรือเล่าต่อหลังดูจบมากมายก่ายกอง และกล้าพูดได้เต็มปากเต็มคำว่า
AJIN เป็นหนึ่งในหนังญี่ปุ่นระดับมาสเตอร์พีซ ที่ต่อไปในอนาคตเลือกกลับมาดูซ้ำ ก็ยังคงสนุกและมันได้ไม่เปลี่ยนแปลง แต่เหนือสิ่งอื่นใด ถ้าอยากสัมผัสความบันเทิงขั้นสุด ต้องดูในโรงภาพยนตร์เท่านั้น
นอกจากนั้น หนังยังจงใจเซอร์วิสแฟนคลับทั้งสาวน้อยสาวใหญ่เอาไว้อีกด้วย ใครที่ไปดูก็ระวังเลือดหมดหลอดกันเอาไว้ให้ดีล่ะครับ
จากทั้งหมดทั้งมวลที่เวิ่นเว้อมาเสียยืดยาว แค่อยากจะบอกว่า
AJIN คือหนึ่งในงานระดับมาสเตอร์พีซจากแดนอาทิตย์อุทัย เป็นหนังแอ็คชั่นที่ผมรักที่สุดของปีนี้ และพร้อมยกขึ้นไปวางไว้บนหิ้งอย่างไม่มีเงื่อนไข
ไปดูเถอะครับ รับรองออกจากโรงมาพร้อมความคุ้มค่าแน่นอน
มีฉาก early credit ด้วยนะครับ
by jio
[CR] [จิโอะ เวิ่นเว้อ] Ajin ฅนไม่รู้จักตาย - หนึ่งในมาสเตอร์พีซของหนังแอ็คชั่นจากแดนอาทิตย์อุทัย -
AJIN เป็นเรื่องที่ทำให้ผมรู้สึกแบบนั้น
ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัย การที่ใครสักคนเลือกการ์ตูนสักเรื่องมาทำเป็นหนัง โดยใช้คนจริงๆ แสดง มักต้องประสบพบเจอกับอาถรรพ์ความแป้ก เสียงก่นด่า รวมถึงอรรถรสที่บางครั้งก็ไม่ได้เสี้ยวของงานต้นฉบับ
แม้ว่าผู้สร้งหลายรายจะยังคงเลือกทำหนังไลฟ์แอ็คชั่น อาจจะเพราะด้วยช่วยลดทอนเวลาในการรังสรรค์ภาพรวมของหนังสักเรื่อง ทว่าความคาดหวังของผู้ชมกลับแปรผกผัน บางคน(อาจจะหลายคน)เลือกเบือนหน้าหนี มองบน ตั้งแต่แรกประกาศ ยิ่งถ้าเรื่องนั้นทำมาจากการ์ตูนชั้นยอดด้วยแล้ว ยิ่งไม่ต้องห่วง เสียงคำสบประมาทอื้ออึงแน่นอน
AJIN ก็เป็นหนึ่งในหนังไลฟ์แอ็คชั่นอีกเรื่องที่โดนค่อนขอดไม่น้อย โดยเฉพาะด้านแคสติ้งตัวละครบางตัว หลายคนถึงกับสาปแช่ง แต่เชื่อไหมครับ ถ้าหากลองละวางอคติที่มี แล้วตีตั๋วเข้าไปดูด้วยใจที่เปิดกว้าง AJIN จะมอบสุดยอดความบันเทิงให้ได้อย่างแน่นอน
AJIN เป็นเหมือนวัตถุดิบชั้นเลิศที่ปรุงยาก ถ้าเชฟ (ทีมสร้างหนัง) กลุ่มนั้นไม่มีกึ๋นพอ ฝีมือไม่ถึงขั้น นี่จะต้องเป็นไลฟ์แอ็คชั่นอีกเรื่องที่ถูกเหยียบจนจมดิน
ทว่า AJIN นั้นโชคดีที่ได้อยู่ในมือของกลุ่มผู้สร้างขั้นเทพ กลุ่มคนที่เข้าใจในแก่นของต้นฉบับ ทำให้ผลงานที่ได้กลายเป็นอาหารรสเลิศ ที่ไม่ว่าจะนำมาเชยชมกี่ครั้ง ก็ยังทรงคุณค่าไม่เปลี่ยน
สำหรับคอหนังญี่ปุ่นหลายคน คงจะยกให้ Rurouni Kenshin ไตรภาค เป็นไลฟ์แอ็คชั่นขึ้นหิ้งที่คงไม่มีเรื่องไหนมาโค่นได้ง่ายๆ
แน่นอนว่า ผมก็ไม่ได้บอกว่า AJIN ทำแบบนั้นได้ แต่ในเมื่อได้ทีมจาก Rurouni Kenshin มาทำ แล้วผมจะบอกว่า AJIN ก็สามารถขึ้นไปอยู่บนหิ้งได้อย่างสง่างาม ก็คงจะไม่เกินเลยไปมากนัก
ตลอดการรับชม สิ่งที่ได้พบคือความละเอียด ความใส่ใจในทุกองค์ประกอบของทีมผู้สร้าง
ความสวยงามของคิวบู๊ที่ได้รับการออกแบบมาเป็นอย่างดี ไม่หลอกตา ขณะเดียวกันก็ไม่ทิ้งลายเซ็นแบบหนังญี่ปุ่น ที่ในความบู๊ก็ต้องมีความเท่ ทว่ามันกลับลงตัวและไม่ประดักประเดิด มิหนำซ้ำ กลับยิ่งช่วยชูฉากบู๊นั้นๆ ให้งดงามยิ่งขึ้นไปอีก
จริงๆ อยากจะบอกว่าฉากบู๊ด้วยปืนมันระห่ำ มันเรียลน้องๆ จอห์น วิค เลยนะครับ
รวมถึงยังใช่ประโยชน์จากความเป็นอมตะของอาจินได้เป็นประโยชน์อย่างมาก ทำให้ฉากบู๊ทุกฉากล้วนเต็มไปด้วยความรุนแรง บ้าระห่ำ และไปได้สุดทาง รับรองว่าจะต้องโดนใจคอหนังแอ็คชั่น แฟนหนังที่มีฉากต่อสู้สุดดิบเถื่อนแน่นอน (แต่ไม่ถึงกับชวนอี๋ชวนแหวะนะครับ)
AJIN ดำเนินเรื่องโดยแบกความหนักเอาไว้ทั้งเรื่อง แต่ผู้สร้างก็ฉลาด โดยการใส่ความตลกร้าย ความฮาหน้าตายของพระเอก (ซาโต้ ทาเครุ) มาช่วยผ่อนคลายอารมณ์ของคนดูได้เป็นอย่างดี มีการจิกกัดหนังเรื่องอื่นพอเป็นกระสัย แต่พอถึงจุดที่ต้องดึงขึ้นมาสู่ความดราม่าอีกระลอก หนังก็เอาได้อยู่หมัด มีการเลือกใช้วิธีการก่อวินาศกรรมที่เคยเกิดขึ้นจริงในโลก และสร้างความสะเทือนขวัญมาจนถึงตอนนี้ และนั่นก็ยิ่งตอกย้ำเข้าไปอีกว่า ความมั่นคงปลอดภัยที่มีอยู่ในตอนนี้ มันช่างเปราะบางเสียเหลือเกิน
ถ้าใครที่ได้ดู Shin Godzilla คงจะคุ้นเคยกับฉากการทำงานของภาครัฐได้เป็นอย่างดี อีกทั้ง AJIN ยังอยู่ภายใต้การกุมบังเหียนของ TOHO เช่นเดียวกับราชาแห่งสัตว์ประหลาดด้วยแล้ว ทำให้ฉากที่เป็นของภาครัฐ ออกมาดูสมจริง แม้ว่าสำหรับ AJIN จะแตะส่วนนี้เพียงผิวเผิน ไม่ลึกซึ้งเท่า Shin Godzilla แต่ก็ยังคงเสน่ห์และไม่รู้สึกว่าน่าเบื่อ
รวมถึงบางช่วงบางตอน ก็มีการใช้มุมกล้องในลักษณะแบบฟาวด์ฟุตเตจ หรือการทำให้เหมือนนักข่าวสัมภาษณ์นักวิชาการ สัมภาษณ์ประชาชน หรือมีบล็อกเกอร์มาคุย มันยิ่งช่วยลดทอนความรู้สึกว่านี่เป็นแค่หนัง แต่กลับยิ่งเพิ่มรู้สึกว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ณ มุมใดมุมหนึ่งของโลก
รวมถึงการตัดสลับระหว่างฉากผ่อนคลายๆ กับฉากอันแสนจะวินาศสันตโรที่สุดจะคอนทราสต์กันนั้น ก็เป็นอีกความดีงามของเรื่องนี้ครับ (เหรียญไม่ได้มีด้านเดียวนี่เนอะ มุมนึงดีมากๆ อีกมุมอาจหดหู่สุดๆ ก็ได้)
การต่อสู้ของทั้งฝ่ายอาจินและมนุษย์ล้วนตั้งอยู่บนพื้นฐานของเหตุผลทั้งสิ้น การฆ่าล้างผลาญที่เห็นตลอดทั้งเรื่องนั้น ด้วยปูมหลังของตัวละคร ทำให้ถ้าจะตอบโต้ถึงขนาดนี้ก็ไม่แปลก
รวมถึงหนังไม่ได้พยายามยัดเยียดความคิดว่าฝ่ายใดดี ฝ่ายใดไม่ดี ทุกฝ่ายล้วนมีสีเทา แต่ให้คนดูใช้เหตุผลและวิจารณญาณส่วนบุคคลในการมีปฏิสัมพันธ์กับตัวละครแต่ละตัว ซึ่งในความโหดร้ายรุนแรงที่ปกคลุมอยู่ตลอดทั้งเรื่องย่อมทำให้ภาพรวมของหนังเต็มไปด้วยความหม่นหมอง แต่ก็มีช่วงให้ได้พักหายใจไปกับความโอบอ้อมอารีที่ทั้งสองเผ่าพันธุ์ต่างมีให้กันและกัน และนี่น่าจะเป็นช่วงที่เนิบที่สุดของหนัง แต่กลับไม่รู้สึกเบื่อเลยสักนิด
แน่นอนครับว่าทั้งฝ่ายมนุษย์และอาจิน มีความสามารถในระดับที่สูสีกัน ได้เปรียบเสียเปรียบกันฝ่ายละด้านสองด้าน เลยส่งผลให้การต่อสู้แต่ละครั้งดูสมจริง ดูมีเหตุมีผล และลุ้นระทึกทั้งเรื่อง อาจินที่ว่าเป็นอมตะก็เพลี้ยงพล้ำได้ถ้าประมาท หรือฝ่ายมนุษย์ที่มีทรัพยากรเหลือเฟือกว่าก็มีสิทธิ์ตาย ถ้าไม่หาทางหนีทีไล่เอาไว้ให้ดี
อีกอย่าง ใช่ว่าเรื่องนี้จะมีดีแค่การจับอาวุธมาประหัตประหารกัน แต่ด้านการวางแผน การซ้อนกล ของทั้งฝ่ายรัฐบาลและอาจินก็ทำออกมาได้อย่างมีกึ๋นขั้นสุด ใครที่คิดถึงการหักเหลี่ยมเฉือนคมเทพๆ แบบ DEATH NOTE แล้วล่ะก็ รับรองว่า AJIN จะไม่ทำให้ผิดหวัง
ด้านงานภาพ โดยเฉพาะ CG ที่หนังญี่ปุ่นกี่เรื่องๆ ก็โดนตำหนิมาโดยตลอด ใน AJIN นี้ ทำออกมาได้สวยงามครับ แม้ว่าบางฉาก บางจุดจะดูลอยๆ แต่ก็เรียกไม่ได้ว่าเผางาน ซาวด์ประกอบก็อลังการดี ซึ่งส่วนที่ทำให้ผมถูกใจเป็นพิเศษก็คือตอนต่อสู้จะเลือกใช้ซาวด์อีดีเอ็มมาประกอบ ทำให้เพิ่มความล้ำของฉากแอ็คชั่นได้อีกโข สมแล้วที่ได้เข้าฉายในระบบไอแมกซ์ที่ญี่ปุ่น
(บ้านเรา ก็ภาวนาให้กระแสดี จนขอแบ่งพื้นที่โรงไอแมกซ์มาได้บ้างนะ)
รวมถึงเพลงประกอบสุดมันอย่าง BLACK MEMORY - THE ORAL CIGARETTES ก็ช่วยเพิ่มความหนักแน่นและสรุปเนื้อหาของหนังได้อย่างยอดเยี่ยม
นักแสดงที่มารับบทนี่ก็แทบจะเรียกได้ว่ารวมตัวเทพเอาไว้ทั้งนั้น ซาโต้ ทาเครุ พระเอกที่ทำสาวกรี๊ดหนุ่มหลง มารับบทหนึ่งในตัวละครนำ ก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างดีเยี่ยม สีหน้าแววตา การแสดงท่าทาง แอ็คชั่นต่างๆ ความฉลาดและไหวพริบปฏิภาณ ล้วนเปล่งออร่าออกมาทั้งสิ้น สมแล้วครับเป็นดาราระดับเอลิสต์ของญี่ปุ่น
คือดูแล้วเชื่อสนิทใจจริงๆ ว่านากาอิ เป็นพระเอกสายเทพ มีการวางแผน มีการหาทางป้องกัน มแผนสองแผนสาม ประเมินสถานการณ์ได้อย่างเฉียบคม แล้วเฉือดนิ่มๆ เฉียบมากครับ
อีกคนที่โดนด่าตั้งแต่แคสติ้ง ก็คืออายาโนะ โก ที่มารับบทซาโต้ เพราะว่าตามต้นฉบับตัวละครตัวนี้อายุรุ่นราวคราวลุงแล้ว แต่ในหนังยังอยู่ที่ประมาณสามสิบนิดๆ เท่านั้นเอง แฟนๆ อาจินดั้งเดิมก็เลยไม่ค่อยพอใจกันเท่าไหร่ แต่ลองเปิดใจเข้าไปดูเถอะครับ ด้วยฝีมือการแสดง ที่ถ่ายทอดความเด็ดขาด ฆ่าเป็นฆ่า มีความจิตๆ ตลกร้ายอยู่ในตัว คือดูแล้วรู้ว่าผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะ บวกกับความเท่แล้ว ถ้าถึงขนาดทำให้ชอบเลยไม่ได้ ก็คงทำให้เกลียดไม่ลง
นักแสดงสมทบคนอื่นๆ ก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างดีเยี่ยมไม่แพ้กัน ทุกคนมีส่วนสำคัญในการกำหนดทิศทางของเนื้อเรื่องไม่มากก็น้อยเลยทีเดียวล่ะ แม้แต่ตัว 'อาจิน' เองที่เป็นเพียงแค่ตัวละครซีจี ก็มีเสน่ห์ เท่ และน่ารักมากๆ (จะมีสักกี่ชาติในโลกที่ขับความมุ้งมิ้งให้ออกมาจากตัวละครรูปลักษณ์โหดๆ ได้แบบญี่ปุ่น)
เพราะฉะนั้น ผมก็เลยมีอารมณ์ร่วมและผูกพันกับเกือบทุกตัวละครในเรื่องเลยทีเดียว
แต่เรื่องที่น่าเสียดายนิดๆ ก็พอมีเหมือนกัน นั่นคืออย่างที่บอกไปบางปมก็ยังไม่ได้แก้ บางจังหวะก็ขยี้ได้ไม่สุด แต่ด้วยสโคปเวลาและการจบแบบปลายเปิดเอาไว้ ก็เลยคิดว่าน่าจะไปเฉลยไปขยี้กันต่อในภาคที่สอง และค่อนข้างเชื่อมั่นว่ามี เพราะฟี้ดแบ็คที่ญี่ปุ่นก็บวกแรงมากเช่นกัน
ถ้าจะบอกว่า AJIN เป็นหนังแอ็คชั่นญี่ปุ่นที่ดีที่สุดแล้ว ก็คงบอกอย่างนั้นไม่ได้ แต่ที่บอกได้เลยคือ AJIN เป็นหนังที่เต็มไปด้วยความพิถีพิถัน ความใส่ใจ และความรักที่ทีมผู้สร้าง นักแสดง และผู้เกี่ยวข้องทุกคนมีต่อเรื่องนี้
จังส่งผลให้ AJIN เป็นหนังที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ในทุกๆ องค์ประกอบที่มอบความบันเทิง เปิดแง่มุมให้คนดูได้ขบคิดต่อ มีประเด็นให้หยิบยกนำมาพูดถึงหรือเล่าต่อหลังดูจบมากมายก่ายกอง และกล้าพูดได้เต็มปากเต็มคำว่า AJIN เป็นหนึ่งในหนังญี่ปุ่นระดับมาสเตอร์พีซ ที่ต่อไปในอนาคตเลือกกลับมาดูซ้ำ ก็ยังคงสนุกและมันได้ไม่เปลี่ยนแปลง แต่เหนือสิ่งอื่นใด ถ้าอยากสัมผัสความบันเทิงขั้นสุด ต้องดูในโรงภาพยนตร์เท่านั้น
นอกจากนั้น หนังยังจงใจเซอร์วิสแฟนคลับทั้งสาวน้อยสาวใหญ่เอาไว้อีกด้วย ใครที่ไปดูก็ระวังเลือดหมดหลอดกันเอาไว้ให้ดีล่ะครับ
จากทั้งหมดทั้งมวลที่เวิ่นเว้อมาเสียยืดยาว แค่อยากจะบอกว่า AJIN คือหนึ่งในงานระดับมาสเตอร์พีซจากแดนอาทิตย์อุทัย เป็นหนังแอ็คชั่นที่ผมรักที่สุดของปีนี้ และพร้อมยกขึ้นไปวางไว้บนหิ้งอย่างไม่มีเงื่อนไข
ไปดูเถอะครับ รับรองออกจากโรงมาพร้อมความคุ้มค่าแน่นอน
มีฉาก early credit ด้วยนะครับ