คุณป้าชาวตรัง แฉแหลก ผู้บริหารท้องถิ่นใช้อำนาจข่มขู่-ยึดครองที่ดิน ทั้งที่ศาลตัดสินแล้ว
https://www.matichon.co.th/news/744370
สาวใหญ่แฉแหลก! ผู้บริหารท้องถิ่นกร่าง ใช้อำนาจอิทธิพล ข่มขู่ยึดครองที่ดินชาวบ้าน อ้างเป็นที่ของดิน อบต. เรื่องร้อนถึงอำเภอฯ เรียกไกล่เกลี่ย จะเอาที่ให้ได้ แถมให้ จนท.นำกระดาษเปล่า มาข่มขู่ให้เซ็น จึงหันมาร้องสื่อมวลชน ขอหน่วยงาน ให้ความเป็นธรรมและเข้าตรวจสอบ กลัวชีวิตไม่มีความปลอดภัย
ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดตรัง ได้รับการร้องเรียนจาก น.ส.ชูทอง สามทอง อายุ 54 ปี ชาว อ.หาดสำราญ จ.ตรัง เข้าร้องเรียนต่อสื่อมวลชนว่า จากกรณีผู้บริหารท้องถิ่นรายหนึ่งได้ทำการนำรถบรรทุกดินไปถมที่ของตนเองเพื่อใช้เป็นถนนไปสู่ท่าเรือชุมชนที่กำลังมีการปรับปรุงใหม่ ได้ถมดินล้ำไปในที่ดินของตนทำให้เสาคอนกรีตและรั้วลวดหนามล้มลงกับพื้นเป็นแนวยาว กว่า 50 เมตร กว้าง 1 เมตรที่เป็นที่ดินของตนเอง
ภายหลังจากเกิดเรื่องจึงเดินทางไปพร้อมกับน้องชายคือ นายรักคุณากร สามทอง และญาติๆ ไปทำการซ่อมแซมเสารั้วให้กลับสู่สภาพเดิมในขณะที่ทำการขุดหลุมเพื่อวางเสารั้วใหม่อยู่นั้น ได้มีผู้บริหารท้องถิ่นรายหนึ่งพร้อมลูกชาย กำนันและเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าไปด่าทอ ว่ากล่าวข่มขู่ต่างๆนาๆ พร้อม กล่าวว่า ที่ดินดังกล่าวทางอบต.ได้ซื้อไว้แล้ว เพื่อทำเป็นถนนหากใครมายืนยันว่าเป็นเจ้าของจะดำเนินคดีทางกฎหมายให้ถึงที่สุดและจะทำการปิดกั้นเส้นทางไม่ให้เข้าออก ไม่ให้เดิน เป็นที่ดินตาบอด แต่ตนเองยืนยันว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของตนและยังไม่มีการซื้อขายแต่อย่างใด
หลังจากนั้น (วันที่ 9 พ.ย.60) ที่ผ่านมาตนเองได้เดินทางไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อ ร.ต.อ.ธีรทัศน์ ธรรมรัตน์ รอง.สว.(สอบสวน.) สภ.หาดสำราญ อ.หาดสำราญ ไว้เป็นหลักฐาน แต่ไม่ติดใจเอาความและดำเนินคดีแต่อย่างใด เพียงแต่แจ้งว่า หากเกิดเหตุอันใดต่อตนเองและครอบครัวทำให้เกิดอันตรายแก่ชีวิตและทรัพย์สิน อาจเกิดมาจาก ผู้บริหารท้องถิ่นรคนดังกล่าว รวมทั้งพวกเนื่องจากตนและครอบครัวไม่เคยมีความบาดหมางกับใครและไม่มีศัตรูมากก่อน
น.ส.
ชูทอง สามทอง กล่าวอีกว่าภายหลังจากเกิดเหตุได้ไปร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรม จ.ตรังแล้วเช่นกัน ปรากฏว่าเมื่อวันที่ (24 พ.ย.) ที่ผ่านมา ทาง อ.หาดสำราญได้เรียกตนเองไปพบเพื่อเจรจาไกล่เกลี่ยในเรื่องที่เกิดขึ้น แต่การเจรจาต้องการที่จะเอาพื้นที่ของตนเองเป็นถนน เพื่อใช้เป็นเส้นทางเข้าออกของท่าเรือใหม่แต่ตนไม่ยินยอม เพราะก่อนหน้านี้ ตนได้ไปร้องต่อศาล จ.ตรังศาลจึงออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ที่ดิน มาทำการขึ้นรังวัดชี้แนวเขตปรากฏว่าที่ดังกล่าวไม่ใช้ที่ดินสาธารณะตามที่มีการแอบอ้าง แต่ศาลได้ตัดสินให้ที่ดินดังกล่าวเป็นของตนเองถูกต้องตามกฎหมาย จากหลักฐานคือการถือครองที่ดินตามโฉนด
น.ส.
ชูทอง กล่าวต่ออีกว่าเรื่องดังกล่าวทาง ผู้บริหารท้องถิ่นคนนั้น ได้ทำการมาข่มขู่แบบนี้หลายครั้งแล้วหากมาพูดคุยหรือขอซื้อกันดีๆ ตนก็ให้ไปนานแล้ว และพร้อมที่จะให้ความร่วมมือทุกอย่าง แต่เมื่อมาใช้อำนาจทางการเมืองอำนาจในหน้าที่ รวมทั้งอิทธิพลมาข่มขู่ จึงไม่ให้ที่ไปเพราะการกระทำของผู้นำไม่สามารถใช้อำนาจข่มขู่หรือทำอะไรตามอำเภอใจต่อประชาชนได้ แต่ทางการจะเข้ามาหาผลประโยชน์ โดยอ้างถึงจะสร้างความเจริญให้กับท้องถิ่นหากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสงสัยว่าเป็นความจริงหรือไม่ขอให้ตั้งคณะกรรมการลงมาตรวจสอบ โครงการต่างๆที่ทางรองนายกคนดังกล่าวปฏิบัติมาจะได้รู้ว่าข้อจริงเท็จจริงเป็นอย่างไร ที่สำคัญทางอำเภอ หลังจากเรียกตนเองไปไกล่เกลี่ยแต่ไม่เป็นผลกลับนำกระดาษเปล่าๆ มาให้ตนเองเซ็น แต่ตนไม่ยินยอมเซ็น เพราะไม่ทราบว่าจะเซ็นไปทำไมโดยที่ไม่มีข้อความหรือการบอกเล่าอะไรแม้แต่น้อย
“ไม่ทราบว่าบ้านเมืองนี้ข้าราชการเป็นอยู่อย่างไรคนของรัฐ รวมทั้งนักการเมืองท้องถิ่น มารังแกประชาชนและแสดงการกระทำแบบนี้ต่อประชาชนจึงอยากวิงวอนให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเข้ามาตรวจสอบโครงการต่างๆรวมทั้งให้ความเป็นธรรมกับตนด้วย เพราะเกรงกลัวว่าจะเกิดอันตรายแก่ตนและครอบครัว” น.ส.
ชูทองกล่าวทิ้งท้าย.
JJNY : ปฏิรูปดี๊ดี..ซี้จุกสูญ คุณป้าชาวตรัง แฉผู้บริหารท้องถิ่นใช้อำนาจข่มขู่/ชาวบ้านกว่า 60 รายแจ้งความนายทุนคิดดอกโหดฯ
https://www.matichon.co.th/news/744370
สาวใหญ่แฉแหลก! ผู้บริหารท้องถิ่นกร่าง ใช้อำนาจอิทธิพล ข่มขู่ยึดครองที่ดินชาวบ้าน อ้างเป็นที่ของดิน อบต. เรื่องร้อนถึงอำเภอฯ เรียกไกล่เกลี่ย จะเอาที่ให้ได้ แถมให้ จนท.นำกระดาษเปล่า มาข่มขู่ให้เซ็น จึงหันมาร้องสื่อมวลชน ขอหน่วยงาน ให้ความเป็นธรรมและเข้าตรวจสอบ กลัวชีวิตไม่มีความปลอดภัย
ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดตรัง ได้รับการร้องเรียนจาก น.ส.ชูทอง สามทอง อายุ 54 ปี ชาว อ.หาดสำราญ จ.ตรัง เข้าร้องเรียนต่อสื่อมวลชนว่า จากกรณีผู้บริหารท้องถิ่นรายหนึ่งได้ทำการนำรถบรรทุกดินไปถมที่ของตนเองเพื่อใช้เป็นถนนไปสู่ท่าเรือชุมชนที่กำลังมีการปรับปรุงใหม่ ได้ถมดินล้ำไปในที่ดินของตนทำให้เสาคอนกรีตและรั้วลวดหนามล้มลงกับพื้นเป็นแนวยาว กว่า 50 เมตร กว้าง 1 เมตรที่เป็นที่ดินของตนเอง
ภายหลังจากเกิดเรื่องจึงเดินทางไปพร้อมกับน้องชายคือ นายรักคุณากร สามทอง และญาติๆ ไปทำการซ่อมแซมเสารั้วให้กลับสู่สภาพเดิมในขณะที่ทำการขุดหลุมเพื่อวางเสารั้วใหม่อยู่นั้น ได้มีผู้บริหารท้องถิ่นรายหนึ่งพร้อมลูกชาย กำนันและเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าไปด่าทอ ว่ากล่าวข่มขู่ต่างๆนาๆ พร้อม กล่าวว่า ที่ดินดังกล่าวทางอบต.ได้ซื้อไว้แล้ว เพื่อทำเป็นถนนหากใครมายืนยันว่าเป็นเจ้าของจะดำเนินคดีทางกฎหมายให้ถึงที่สุดและจะทำการปิดกั้นเส้นทางไม่ให้เข้าออก ไม่ให้เดิน เป็นที่ดินตาบอด แต่ตนเองยืนยันว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของตนและยังไม่มีการซื้อขายแต่อย่างใด
หลังจากนั้น (วันที่ 9 พ.ย.60) ที่ผ่านมาตนเองได้เดินทางไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อ ร.ต.อ.ธีรทัศน์ ธรรมรัตน์ รอง.สว.(สอบสวน.) สภ.หาดสำราญ อ.หาดสำราญ ไว้เป็นหลักฐาน แต่ไม่ติดใจเอาความและดำเนินคดีแต่อย่างใด เพียงแต่แจ้งว่า หากเกิดเหตุอันใดต่อตนเองและครอบครัวทำให้เกิดอันตรายแก่ชีวิตและทรัพย์สิน อาจเกิดมาจาก ผู้บริหารท้องถิ่นรคนดังกล่าว รวมทั้งพวกเนื่องจากตนและครอบครัวไม่เคยมีความบาดหมางกับใครและไม่มีศัตรูมากก่อน
น.ส.ชูทอง สามทอง กล่าวอีกว่าภายหลังจากเกิดเหตุได้ไปร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรม จ.ตรังแล้วเช่นกัน ปรากฏว่าเมื่อวันที่ (24 พ.ย.) ที่ผ่านมา ทาง อ.หาดสำราญได้เรียกตนเองไปพบเพื่อเจรจาไกล่เกลี่ยในเรื่องที่เกิดขึ้น แต่การเจรจาต้องการที่จะเอาพื้นที่ของตนเองเป็นถนน เพื่อใช้เป็นเส้นทางเข้าออกของท่าเรือใหม่แต่ตนไม่ยินยอม เพราะก่อนหน้านี้ ตนได้ไปร้องต่อศาล จ.ตรังศาลจึงออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ที่ดิน มาทำการขึ้นรังวัดชี้แนวเขตปรากฏว่าที่ดังกล่าวไม่ใช้ที่ดินสาธารณะตามที่มีการแอบอ้าง แต่ศาลได้ตัดสินให้ที่ดินดังกล่าวเป็นของตนเองถูกต้องตามกฎหมาย จากหลักฐานคือการถือครองที่ดินตามโฉนด
น.ส.ชูทอง กล่าวต่ออีกว่าเรื่องดังกล่าวทาง ผู้บริหารท้องถิ่นคนนั้น ได้ทำการมาข่มขู่แบบนี้หลายครั้งแล้วหากมาพูดคุยหรือขอซื้อกันดีๆ ตนก็ให้ไปนานแล้ว และพร้อมที่จะให้ความร่วมมือทุกอย่าง แต่เมื่อมาใช้อำนาจทางการเมืองอำนาจในหน้าที่ รวมทั้งอิทธิพลมาข่มขู่ จึงไม่ให้ที่ไปเพราะการกระทำของผู้นำไม่สามารถใช้อำนาจข่มขู่หรือทำอะไรตามอำเภอใจต่อประชาชนได้ แต่ทางการจะเข้ามาหาผลประโยชน์ โดยอ้างถึงจะสร้างความเจริญให้กับท้องถิ่นหากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสงสัยว่าเป็นความจริงหรือไม่ขอให้ตั้งคณะกรรมการลงมาตรวจสอบ โครงการต่างๆที่ทางรองนายกคนดังกล่าวปฏิบัติมาจะได้รู้ว่าข้อจริงเท็จจริงเป็นอย่างไร ที่สำคัญทางอำเภอ หลังจากเรียกตนเองไปไกล่เกลี่ยแต่ไม่เป็นผลกลับนำกระดาษเปล่าๆ มาให้ตนเองเซ็น แต่ตนไม่ยินยอมเซ็น เพราะไม่ทราบว่าจะเซ็นไปทำไมโดยที่ไม่มีข้อความหรือการบอกเล่าอะไรแม้แต่น้อย
“ไม่ทราบว่าบ้านเมืองนี้ข้าราชการเป็นอยู่อย่างไรคนของรัฐ รวมทั้งนักการเมืองท้องถิ่น มารังแกประชาชนและแสดงการกระทำแบบนี้ต่อประชาชนจึงอยากวิงวอนให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเข้ามาตรวจสอบโครงการต่างๆรวมทั้งให้ความเป็นธรรมกับตนด้วย เพราะเกรงกลัวว่าจะเกิดอันตรายแก่ตนและครอบครัว” น.ส.ชูทองกล่าวทิ้งท้าย.