ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมบูรณ์ ทองวารี ส.อบจ.ตรัง เขต 4 อ.กันตัง ได้รับแจ้งจากชาวบ้านบนเกาะมุก หมู่ 2 ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง ว่ามีนักท่องเที่ยว ทราบชื่อ น.ส.อังคนา อายุ 30 ปี ชาว จ.สุโขทัย ซึ่งเป็นภรรยาของนักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย เดินทางมาท่องเที่ยวบนเกาะมุก ถูกฝูงสุนัขประมาณ 5-6 ตัว รุมกัดทั่วร่างกาย ได้รับบาดเจ็บเป็นแผลฉีกขาด ก่อนนำตัวรักษาเบื้องต้นที่ รพ.สต.บ้านเกาะมุก และนำตัวนั่งเรือข้ามฝั่งมาส่งรักษาต่อที่ รพ.กันตัง ซึ่งนักท่องเที่ยวมีอาการเจ็บปวดเป็นอย่างมาก ร้องไห้ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงโรงพยาบาล
น.ส.อังคนา เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า ตนเองเดินทางมาเที่ยวที่เกาะมุกกับแฟนหนุ่มซึ่งเป็นชาวรัสเซีย ตั้งแต่วันเสาร์ ที่ 30 พ.ย. ซึ่งในวันที่ 3 ธ.ค. ช่วงเวลาประมาณ 16.00 น. หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จ แฟนนั่งทำงานอยู่ที่ห้องพัก ส่วนตนออกมาเดินเล่นแถวชายหาดใกล้กับรีสอร์ตได้ประมาณ 1 ชั่วโมง ขณะกำลังจะเดินกลับ มีสุนัข 1 ตัว วิ่งเข้ามาเห่าใส่ ตนก็พยายามไล่ แต่เหมือนสุนัขเห่าเรียกตัวอื่นๆมาอีก จนมีสุนัขประมาณ 5-6 ตัว วิ่งเข้ามาหาตนและรุมกัด ตนพยายามส่งเสียงร้องเพื่อให้คนมาช่วย และพยายามใช้กระเป๋าที่สะพายอยู่เหวี่ยงใส่ฝูงสุนัขแต่ก็ไม่ทัน ซึ่งหลังจากนั้นมีชาวบ้านเข้ามาช่วยเหลือ และให้ตนขี่หลังออกไปจากชายหาด
ตนถูกสุนัขกัดเป็นแผลทั่วร่างกายประมาณ 10 กว่าแผล ทั้งซีกซ้าย แขน ขา นิ้ว สะโพก เจ็บปวดแผลเป็นอย่างมาก ตนไม่รู้ว่าเป็นสุนัขที่เลี้ยงหรือสุนัขจร ตอนที่เดินเที่ยวในชุมชนหรือหมู่บ้าน ก็เห็นว่าสุนัขเฟรนลี่หมดเลย เพราะตนก็เป็นคนที่รักสุนัขอยู่แล้ว แต่เพิ่งจะมาเจอสุนัขที่แถบชายหาดว่าดุมาก ในฐานะนักท่องเที่ยวก็มองว่าควบคุมไม่ได้ หากมีการเข้ามาจัดการกับเหล่าสุนัขพวกนี้น่าจะดีขึ้น เพราะตนซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวเดินเล่นชายหาด ก็ไม่เห็นว่ามีสุนัขอยู่ก่อน แต่เมื่อเดินกลับ จู่ๆ ก็มีสุนัขเข้ามารุมกัด
ด้าน นายสมบูรณ์ ทองวารี ส.อบจ.ตรัง เขต 4 อ.กันตัง กล่าวว่า ที่ผ่านมา เกิดเหตุสุนัขไล่และรุมกัดนักท่องเที่ยวเกิดขึ้นบ่อยมาก บางครั้งทางผู้ประกอบการและชาวบ้านก็ไปช่วยเหลือไว้ได้ทัน ซึ่งสุนัขจรจัดบนเกาะมุก เป็นปัญหาเรื้อรังมาไม่ต่ำกว่า 4-5 ปีแล้ว สร้างความเดือดร้อนและทำร้ายนักท่องเที่ยว รวมทั้งจะกัดรองเท้า ซึ่งไม่สามารถวางไว้หน้าห้องพักรีสอร์ตได้ ส่วนบนเกาะลิบงก็มีปัญหาเรื่องสุนัขเยอะเช่นเดียวกัน แต่บนเกาะลิบงส่วนใหญ่จะได้รับความเดือดร้อนในเรื่องของทรัพย์สินที่เป็นสัตว์เลี้ยงของชาวบ้าน เช่น สุนัขจะชอบไปไล่กัดฝูงแพะของชาวบ้านจนเสียชีวิตหมดคอก
ส่วนสุนัขที่มีจำนวนมากบนเกาะมุกนั้น เริ่มต้นมาจากมีการนำสุนัขมาเลี้ยง จนมีการขายที่ ขายบ้านบนเกาะ ย้ายมาอาศัยบนฝั่ง แต่กลับปล่อยสุนัขเอาไว้ ไม่ได้นำกลับไปด้วย ทำให้สุนัขบ้านกลายเป็นสุนัขจรจัด จนมีการขยายพันธุ์ขึ้นเป็นจำนวนมาก และบางตัวมีนิสัยดุร้าย และส่วนใหญ่จะอยู่กันเป็นฝูง หากมี 1 ตัววิ่งเข้ามาใส่ อีกหลายตัวก็จะวิ่งเข้ามาเช่นกัน ซึ่งตนมองว่าส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยว จ.ตรัง เป็นอย่างมาก เรื่องนี้ตนไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้นำปัญหานี้ไปพูดคุยในสภา อบจ.ตรัง แล้ว พร้อมทั้งประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ปศุสัตว์จังหวัด ปศุสัตว์อำเภอ ให้ลงไปดูแล ซึ่งปศุสัตว์ก็ได้ลงไปแล้ว แต่ติดตรงปัญหางบประมาณในการจัดซื้อยาคุมกำเนิด ซึ่งมีการแจ้งมาว่า ทางจังหวัดให้มาในจำนวน 200 ตัวต่อ 1 ปี ซึ่งไม่มีงบประมาณเพียงพอ
ส่วนการแก้ปัญหา ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ไม่รู้จะนำหรือจับสุนัขเหล่านี้ไปไว้ที่ไหน แต่ตนและคนอื่นๆ ได้มีการพูดคุยกัน มองว่าหากจะแก้ไขแผนระยะสั้นคือนำสุนัขไปไว้ที่เกาะหยงหลำ ซึ่งเป็นเกาะปิด มีน้ำล้อมรอบ ไม่มีบ้านเรือน เป็นพื้นที่อุทยานฯ ซึ่งเป็นแผนระยะสั้นที่ดีที่สุด
ด้าน นางพัชรินทร์ อายุ 55 ปี ผู้ประกอบการรีสอร์ต กล่าวว่า หากน้ำทะเลลด ลูกค้า นักท่องเที่ยว และชาวบ้านมักจะออกไปหาหอย หาปลา และเดินเล่นบริเวณชายหาดในทุกๆวัน ซึ่งก็ถูกฝูงสุนัขมาไล่ และบางครั้งก็รุมกัดแทบจะทุกวัน วันก่อนมีเด็กผู้หญิงวัย 8-9 ขวบ ถูกรุมกัด ชาวบ้านก็ไปช่วยเหลือ เมื่อวานก็มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ถูกสุนัขรุมกัด ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแทบจะทุกวัน ทั้งชาวบ้านและนักท่องเที่ยว เป็นเหมือนกันแทบจะทั่วเกาะ ไม่ใช่แค่หาดที่เกิดเหตุ สุนัขที่มีอยู่บริเวณชายหาดมีอยู่ประมาณ 20 กว่าตัว แต่รวมทั่วทั้งเกาะแล้วมีมากหลายร้อยตัว
ปัญหานี้เกิดขึ้นมานานหลายปีแล้ว มีการร้องเรียนไปหน่วยงานต่างๆ หลายครั้ง เช่น ศูนย์ดำรงธรรม ก็ไม่ได้เกิดประโยชน์ จึงอยากให้ย้ายสุนัขจรจัดทั้งหมดออกจากเกาะเร็วที่สุด เพราะช่วงนี้เป็นช่วงไฮซีซั่น มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวจำนวนมาก
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่นี่
ฝูงสุนัขจรจัด รุมกัดนักท่องเที่ยวบนหาดเกาะมุก เป็นแผลทั่วร่างนับ 10 แผล
สุนัขจรจัด รุมกัดนักท่องเที่ยวบนหาดเกาะมุก เป็นแผลทั่วร่างนับ 10 แผล
น.ส.อังคนา เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า ตนเองเดินทางมาเที่ยวที่เกาะมุกกับแฟนหนุ่มซึ่งเป็นชาวรัสเซีย ตั้งแต่วันเสาร์ ที่ 30 พ.ย. ซึ่งในวันที่ 3 ธ.ค. ช่วงเวลาประมาณ 16.00 น. หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จ แฟนนั่งทำงานอยู่ที่ห้องพัก ส่วนตนออกมาเดินเล่นแถวชายหาดใกล้กับรีสอร์ตได้ประมาณ 1 ชั่วโมง ขณะกำลังจะเดินกลับ มีสุนัข 1 ตัว วิ่งเข้ามาเห่าใส่ ตนก็พยายามไล่ แต่เหมือนสุนัขเห่าเรียกตัวอื่นๆมาอีก จนมีสุนัขประมาณ 5-6 ตัว วิ่งเข้ามาหาตนและรุมกัด ตนพยายามส่งเสียงร้องเพื่อให้คนมาช่วย และพยายามใช้กระเป๋าที่สะพายอยู่เหวี่ยงใส่ฝูงสุนัขแต่ก็ไม่ทัน ซึ่งหลังจากนั้นมีชาวบ้านเข้ามาช่วยเหลือ และให้ตนขี่หลังออกไปจากชายหาด
ตนถูกสุนัขกัดเป็นแผลทั่วร่างกายประมาณ 10 กว่าแผล ทั้งซีกซ้าย แขน ขา นิ้ว สะโพก เจ็บปวดแผลเป็นอย่างมาก ตนไม่รู้ว่าเป็นสุนัขที่เลี้ยงหรือสุนัขจร ตอนที่เดินเที่ยวในชุมชนหรือหมู่บ้าน ก็เห็นว่าสุนัขเฟรนลี่หมดเลย เพราะตนก็เป็นคนที่รักสุนัขอยู่แล้ว แต่เพิ่งจะมาเจอสุนัขที่แถบชายหาดว่าดุมาก ในฐานะนักท่องเที่ยวก็มองว่าควบคุมไม่ได้ หากมีการเข้ามาจัดการกับเหล่าสุนัขพวกนี้น่าจะดีขึ้น เพราะตนซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวเดินเล่นชายหาด ก็ไม่เห็นว่ามีสุนัขอยู่ก่อน แต่เมื่อเดินกลับ จู่ๆ ก็มีสุนัขเข้ามารุมกัด
ด้าน นายสมบูรณ์ ทองวารี ส.อบจ.ตรัง เขต 4 อ.กันตัง กล่าวว่า ที่ผ่านมา เกิดเหตุสุนัขไล่และรุมกัดนักท่องเที่ยวเกิดขึ้นบ่อยมาก บางครั้งทางผู้ประกอบการและชาวบ้านก็ไปช่วยเหลือไว้ได้ทัน ซึ่งสุนัขจรจัดบนเกาะมุก เป็นปัญหาเรื้อรังมาไม่ต่ำกว่า 4-5 ปีแล้ว สร้างความเดือดร้อนและทำร้ายนักท่องเที่ยว รวมทั้งจะกัดรองเท้า ซึ่งไม่สามารถวางไว้หน้าห้องพักรีสอร์ตได้ ส่วนบนเกาะลิบงก็มีปัญหาเรื่องสุนัขเยอะเช่นเดียวกัน แต่บนเกาะลิบงส่วนใหญ่จะได้รับความเดือดร้อนในเรื่องของทรัพย์สินที่เป็นสัตว์เลี้ยงของชาวบ้าน เช่น สุนัขจะชอบไปไล่กัดฝูงแพะของชาวบ้านจนเสียชีวิตหมดคอก
ส่วนสุนัขที่มีจำนวนมากบนเกาะมุกนั้น เริ่มต้นมาจากมีการนำสุนัขมาเลี้ยง จนมีการขายที่ ขายบ้านบนเกาะ ย้ายมาอาศัยบนฝั่ง แต่กลับปล่อยสุนัขเอาไว้ ไม่ได้นำกลับไปด้วย ทำให้สุนัขบ้านกลายเป็นสุนัขจรจัด จนมีการขยายพันธุ์ขึ้นเป็นจำนวนมาก และบางตัวมีนิสัยดุร้าย และส่วนใหญ่จะอยู่กันเป็นฝูง หากมี 1 ตัววิ่งเข้ามาใส่ อีกหลายตัวก็จะวิ่งเข้ามาเช่นกัน ซึ่งตนมองว่าส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยว จ.ตรัง เป็นอย่างมาก เรื่องนี้ตนไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้นำปัญหานี้ไปพูดคุยในสภา อบจ.ตรัง แล้ว พร้อมทั้งประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ปศุสัตว์จังหวัด ปศุสัตว์อำเภอ ให้ลงไปดูแล ซึ่งปศุสัตว์ก็ได้ลงไปแล้ว แต่ติดตรงปัญหางบประมาณในการจัดซื้อยาคุมกำเนิด ซึ่งมีการแจ้งมาว่า ทางจังหวัดให้มาในจำนวน 200 ตัวต่อ 1 ปี ซึ่งไม่มีงบประมาณเพียงพอ
ส่วนการแก้ปัญหา ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ไม่รู้จะนำหรือจับสุนัขเหล่านี้ไปไว้ที่ไหน แต่ตนและคนอื่นๆ ได้มีการพูดคุยกัน มองว่าหากจะแก้ไขแผนระยะสั้นคือนำสุนัขไปไว้ที่เกาะหยงหลำ ซึ่งเป็นเกาะปิด มีน้ำล้อมรอบ ไม่มีบ้านเรือน เป็นพื้นที่อุทยานฯ ซึ่งเป็นแผนระยะสั้นที่ดีที่สุด
ด้าน นางพัชรินทร์ อายุ 55 ปี ผู้ประกอบการรีสอร์ต กล่าวว่า หากน้ำทะเลลด ลูกค้า นักท่องเที่ยว และชาวบ้านมักจะออกไปหาหอย หาปลา และเดินเล่นบริเวณชายหาดในทุกๆวัน ซึ่งก็ถูกฝูงสุนัขมาไล่ และบางครั้งก็รุมกัดแทบจะทุกวัน วันก่อนมีเด็กผู้หญิงวัย 8-9 ขวบ ถูกรุมกัด ชาวบ้านก็ไปช่วยเหลือ เมื่อวานก็มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ถูกสุนัขรุมกัด ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแทบจะทุกวัน ทั้งชาวบ้านและนักท่องเที่ยว เป็นเหมือนกันแทบจะทั่วเกาะ ไม่ใช่แค่หาดที่เกิดเหตุ สุนัขที่มีอยู่บริเวณชายหาดมีอยู่ประมาณ 20 กว่าตัว แต่รวมทั่วทั้งเกาะแล้วมีมากหลายร้อยตัว
ปัญหานี้เกิดขึ้นมานานหลายปีแล้ว มีการร้องเรียนไปหน่วยงานต่างๆ หลายครั้ง เช่น ศูนย์ดำรงธรรม ก็ไม่ได้เกิดประโยชน์ จึงอยากให้ย้ายสุนัขจรจัดทั้งหมดออกจากเกาะเร็วที่สุด เพราะช่วงนี้เป็นช่วงไฮซีซั่น มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวจำนวนมาก
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่นี่ฝูงสุนัขจรจัด รุมกัดนักท่องเที่ยวบนหาดเกาะมุก เป็นแผลทั่วร่างนับ 10 แผล