เนื่องในโอกาสครบรอบ 10 ปีของภาพยนตร์ไทยที่ผมรักที่สุดเรื่องนึง
"รักแห่งสยาม"
และยังรู้สึกว่า สมัย 10 ปีที่แล้ว ผมก็เป็นคนหนึ่งที่อินจัดกับหนังเรื่องนี้ box set มีแน่นอน วงออกัสก็ตามำปกรี๊ดหลายหน และเชื่อว่า หลายๆคนยังคิดถึงหนังเรื่องนี้ และหลายๆคนก็โตมาด้วยกันจากหนังเรื่องนี้ด้วย
ทีแรกว่าจะโพสในเฟซบุ๊คอย่างเดียว แต่เพื่อนยุให้ลองมาแบ่งปันในพันทิปด้วย
ดังนั้น อันนี้คือ โพสแรก (และน่าจะเป็นโพสเดียว) ของผมในพันทิปนะครับ ผิดถูกยังไงขออภัยด้วย
ขอบคุณ ผกก. มะเดี่ยว นักแสดงและทีมงานทุกคนและสหมงคลฟิล์มที่สร้างเรื่องนี้ขึ้นมาให้พวกเราได้เสพย์งานแบบนี้ครับ
เรื่องราวต่อจากนี้ คือ จินตนาการของผมหากไม่สมควรอย่างไรขออภัยด้วยครับ
#################
ความจริงในคำร้อง
ท่วงทำนองในความรัก (ตอนที่1)
มิวคงได้เรียนรู้ เติบโตขึ้น ท่ามกลางกระแสของโซเชียล แม้มิวจะอยู่โดยไม่มีอาม่าเป็นเพื่อนแล้วก็ตาม มิวยังมีดนตรีและเพื่อนๆในวงออกัสให้รู้จักกับคำว่าชีวิต ถึงช่วงเข้ามหาลัยแรกๆจะต้องเหนื่อยกัยการเรียนไปด้วยและทำวงดนตรีไปด้วยก็ตาม มิวของอาม่าทำมันได้ดีอย่างที่มิวต้องการ เพราะมันคือแรงปรารถนาของมิวเอง
ในด้านส่วนตัว แม้มิวจะดูเฮฮาปาร์ตี้เวลาอยู่บนเวทีคอนเสิร์ต แต่พอถึงห้อง (ที่ตอนหลังทางบ้านของมิวอนุญาตให้ซื้อคอนโดใกล้ๆที่เรียน) มิวก็ได้แค่เล่นเกมส์กับแต่งเพลงของมิว ระบายความรู้สึกโดดเดี่ยวออกมาเป็นระยะ ทุกครั้งที่มิวมีความรู้สึกต้องการใครสักคน ... เงาใครบางคนในความทรงจำจะปรากฏขึ้นมาเสมอ
มิวเห็นเฟซบุ๊คของโต้งผ่านแวบๆขึ้นมาจากเพื่อนของเพื่อนอีกที เมื่อเข้าไปคลิกดูก็พบว่าน่าจะใช่โต้งตัวจริงแหละ (มั้ง) ไม่งั้นคงไม่มีรูปน้าสุนีย์อยู่ในนั้น ที่สำคัญคือ โต้งขึ้นสถานะ in relationship
ตัวอักษรไม่กี่ตัวนี้ทำให้มิวลังเลว่าควรกดแอดเฟรนไปรึไม่ นานแล้วที่เคยแลกเบอร์กันไว้ แต่มิวเองไม่เคยคิดจะกดเรียกเบอร์นั้นออกไป อย่างมากที่สุด คือ มิวได้แต่ส่งข้อความ Merry X'mas ไปให้โต้งทุกปีโดยที่มิวเองก็ไม่รู้ว่า โต้งเปลี่ยนเบอร์ไปรึยังด้วยซ้ำ วันคริสมาสต์ที่มิวได้เจอกับโต้งเป็นครั้งสุดท้าย
ข้อมูลจากในเฟสทำให้มิวรู้ว่า โต้งเรียนจบจากวิศวกรรมภาคอินเตอร์จากมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง รูปร่างโต้งที่ผ่านไปสิบปีทำให้โต้งน่าจะเป็นที่ดึงดูดของใครหลายคน และหากมีคนมาบอกว่าโต้งเป็นเชียร์ลีดเดอร์ของมหาวิทยาลัยนั้น มิวก็คงไม่แปลกใจอะไร
สิ่งที่ทำให้มิวไม่สามารถกดปิดหน้าต่างในเฟสบุ๊คนั้นได้คือ สายตาและรอยยิ้มของโต้งที่ไม่เคยเปลี่ยนไป โต้งยังเหมือนกับโต้งคนเดิมเมื่อ 10 ปีที่แล้วที่มิวรู้จัก
เวลามันผ่านมานานมากแล้วจริงๆสินะ..
แม้ตัวมิวเองจะโตขึ้น ได้ทำงานทางดนตรีทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังกับบริษัทยักษ์ใหญ่ ได้พบปะผู้คนมากมาย แต่ทำไมเมื่อพบเจอรอยยิ้มนั้น
มิวอยากพิมพ์ไปถามโต้งเหลือเกินว่า
"สบายดีไหมโต้ง จำเราได้ไหม"
มิวได้แต่คิดอยู่ในใจโดยที่มือสองข้างไม่ขยับไปตาม เหมือนหมดแรงขึ้นมาดื้อๆ ที่สายตาสบกับรอยยิ้มของโต้งในรูปเล็กๆบนจอ
ความทรงจำในหัวเมื่อช่วงที่เริ่มทำวงออกัสใหม่ๆก็เริ่มพรั่งพรูขึ้นมาอย่างยากที่จะต้านทาน รวมทั้งเรื่องของพี่จูนที่หายหน้าไปอย่างไม่มีใครรู้สาเหตุ
ภาพเหล่านั้นเหมือนมันเพิ่งจะเกิดขึ้นไม่นานมานี้ มิวได้แต่ยิ้มบนหน้าจอคอมพิวเตอร์เครื่องโต แต่ไม่ทันรู้ตัวว่า แป้นพิมพ์ที่วางนั้นเปื้อนหยาดน้ำตาที่แอบไหลออกมาโดยไม่ทันตั้งตัว
"ขอบคุณนะโต้ง"
มิวละสายตาเพื่อเอื้อมมือหยิบกระดาษชำระมาซับน้ำที่ไหลจากตาตนเองมาเปื้อนโต๊ะให้สะอาด โดยไม่ทันรู้ตัวว่าขณะที่เช็ดคราบน้ำตาอยู่นั้น ลูกศรบนหน้าจออยู่บนปุ่มแอดเฟรนและมิวได้เผลอกดมันลงไป ..
"เฮ้ย" มิวสะดุ้งเงยมองหน้าจอคอมเมื่อได้ยินเสียงตอบรับเป็นเพื่อนจากโต้ง และมีข้อความทักเข้ามาในกล่องข้อความ
"นั่นมิวตัวจริงใช่ไหม?"....
(ต่อภาค 2)
ความจริงในคำร้อง ท่วงทำนองในความรัก
"รักแห่งสยาม"
และยังรู้สึกว่า สมัย 10 ปีที่แล้ว ผมก็เป็นคนหนึ่งที่อินจัดกับหนังเรื่องนี้ box set มีแน่นอน วงออกัสก็ตามำปกรี๊ดหลายหน และเชื่อว่า หลายๆคนยังคิดถึงหนังเรื่องนี้ และหลายๆคนก็โตมาด้วยกันจากหนังเรื่องนี้ด้วย
ทีแรกว่าจะโพสในเฟซบุ๊คอย่างเดียว แต่เพื่อนยุให้ลองมาแบ่งปันในพันทิปด้วย
ดังนั้น อันนี้คือ โพสแรก (และน่าจะเป็นโพสเดียว) ของผมในพันทิปนะครับ ผิดถูกยังไงขออภัยด้วย
ขอบคุณ ผกก. มะเดี่ยว นักแสดงและทีมงานทุกคนและสหมงคลฟิล์มที่สร้างเรื่องนี้ขึ้นมาให้พวกเราได้เสพย์งานแบบนี้ครับ
เรื่องราวต่อจากนี้ คือ จินตนาการของผมหากไม่สมควรอย่างไรขออภัยด้วยครับ
#################
ความจริงในคำร้อง
ท่วงทำนองในความรัก (ตอนที่1)
มิวคงได้เรียนรู้ เติบโตขึ้น ท่ามกลางกระแสของโซเชียล แม้มิวจะอยู่โดยไม่มีอาม่าเป็นเพื่อนแล้วก็ตาม มิวยังมีดนตรีและเพื่อนๆในวงออกัสให้รู้จักกับคำว่าชีวิต ถึงช่วงเข้ามหาลัยแรกๆจะต้องเหนื่อยกัยการเรียนไปด้วยและทำวงดนตรีไปด้วยก็ตาม มิวของอาม่าทำมันได้ดีอย่างที่มิวต้องการ เพราะมันคือแรงปรารถนาของมิวเอง
ในด้านส่วนตัว แม้มิวจะดูเฮฮาปาร์ตี้เวลาอยู่บนเวทีคอนเสิร์ต แต่พอถึงห้อง (ที่ตอนหลังทางบ้านของมิวอนุญาตให้ซื้อคอนโดใกล้ๆที่เรียน) มิวก็ได้แค่เล่นเกมส์กับแต่งเพลงของมิว ระบายความรู้สึกโดดเดี่ยวออกมาเป็นระยะ ทุกครั้งที่มิวมีความรู้สึกต้องการใครสักคน ... เงาใครบางคนในความทรงจำจะปรากฏขึ้นมาเสมอ
มิวเห็นเฟซบุ๊คของโต้งผ่านแวบๆขึ้นมาจากเพื่อนของเพื่อนอีกที เมื่อเข้าไปคลิกดูก็พบว่าน่าจะใช่โต้งตัวจริงแหละ (มั้ง) ไม่งั้นคงไม่มีรูปน้าสุนีย์อยู่ในนั้น ที่สำคัญคือ โต้งขึ้นสถานะ in relationship
ตัวอักษรไม่กี่ตัวนี้ทำให้มิวลังเลว่าควรกดแอดเฟรนไปรึไม่ นานแล้วที่เคยแลกเบอร์กันไว้ แต่มิวเองไม่เคยคิดจะกดเรียกเบอร์นั้นออกไป อย่างมากที่สุด คือ มิวได้แต่ส่งข้อความ Merry X'mas ไปให้โต้งทุกปีโดยที่มิวเองก็ไม่รู้ว่า โต้งเปลี่ยนเบอร์ไปรึยังด้วยซ้ำ วันคริสมาสต์ที่มิวได้เจอกับโต้งเป็นครั้งสุดท้าย
ข้อมูลจากในเฟสทำให้มิวรู้ว่า โต้งเรียนจบจากวิศวกรรมภาคอินเตอร์จากมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง รูปร่างโต้งที่ผ่านไปสิบปีทำให้โต้งน่าจะเป็นที่ดึงดูดของใครหลายคน และหากมีคนมาบอกว่าโต้งเป็นเชียร์ลีดเดอร์ของมหาวิทยาลัยนั้น มิวก็คงไม่แปลกใจอะไร
สิ่งที่ทำให้มิวไม่สามารถกดปิดหน้าต่างในเฟสบุ๊คนั้นได้คือ สายตาและรอยยิ้มของโต้งที่ไม่เคยเปลี่ยนไป โต้งยังเหมือนกับโต้งคนเดิมเมื่อ 10 ปีที่แล้วที่มิวรู้จัก
เวลามันผ่านมานานมากแล้วจริงๆสินะ..
แม้ตัวมิวเองจะโตขึ้น ได้ทำงานทางดนตรีทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังกับบริษัทยักษ์ใหญ่ ได้พบปะผู้คนมากมาย แต่ทำไมเมื่อพบเจอรอยยิ้มนั้น
มิวอยากพิมพ์ไปถามโต้งเหลือเกินว่า
"สบายดีไหมโต้ง จำเราได้ไหม"
มิวได้แต่คิดอยู่ในใจโดยที่มือสองข้างไม่ขยับไปตาม เหมือนหมดแรงขึ้นมาดื้อๆ ที่สายตาสบกับรอยยิ้มของโต้งในรูปเล็กๆบนจอ
ความทรงจำในหัวเมื่อช่วงที่เริ่มทำวงออกัสใหม่ๆก็เริ่มพรั่งพรูขึ้นมาอย่างยากที่จะต้านทาน รวมทั้งเรื่องของพี่จูนที่หายหน้าไปอย่างไม่มีใครรู้สาเหตุ
ภาพเหล่านั้นเหมือนมันเพิ่งจะเกิดขึ้นไม่นานมานี้ มิวได้แต่ยิ้มบนหน้าจอคอมพิวเตอร์เครื่องโต แต่ไม่ทันรู้ตัวว่า แป้นพิมพ์ที่วางนั้นเปื้อนหยาดน้ำตาที่แอบไหลออกมาโดยไม่ทันตั้งตัว
"ขอบคุณนะโต้ง"
มิวละสายตาเพื่อเอื้อมมือหยิบกระดาษชำระมาซับน้ำที่ไหลจากตาตนเองมาเปื้อนโต๊ะให้สะอาด โดยไม่ทันรู้ตัวว่าขณะที่เช็ดคราบน้ำตาอยู่นั้น ลูกศรบนหน้าจออยู่บนปุ่มแอดเฟรนและมิวได้เผลอกดมันลงไป ..
"เฮ้ย" มิวสะดุ้งเงยมองหน้าจอคอมเมื่อได้ยินเสียงตอบรับเป็นเพื่อนจากโต้ง และมีข้อความทักเข้ามาในกล่องข้อความ
"นั่นมิวตัวจริงใช่ไหม?"....
(ต่อภาค 2)