ตอนนี้ในกลุ่มผู้รับเหมาด้วยกันที่รู้จัก ต่างร่วมใจกันสรรเสริญรัฐบาลเป็นเสียงเดียวกันไม่ว่าจะสีเสื้อไหน นั่นคือ การให้งานต่ำกว่า 5แสน ตกลงจ้างได้

นั่นเพราะมันไม่มีงานเกินกว่า 5 แสนให้ทำ

นั่นเพราะระบบการจัดซื้อจัดจ้างใหม่ หรือ E-bidding ที่ส่วนราชการ ผู้รับเหมาต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่ไหวแน่นอน ยกเว้นหน่วยงานเดียว

ทั้งหน่วยงานส่วนกลาง ทหาร ตำรวจ ท้องถิ่น ก็บ่นครับ เพราะนอกจากงบไม่ค่อยมี ที่มีราคาก้ไม่ค่อยดี ยังมาเจอพิษ ระบบใหม่อีก ทำให้เสียราคา เพราะพวกต่างถิ่น หน้าใหม่ ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวมาทำ ซึ่ง การทิ้งงานมีเพิ่มขึ้น แล้วคนใหม่ไปทำต่อก็ไม่ได้ เพราะราคาที่คนแรกฟันมา มันขาดทุนตั้งแต่ในมุ้ง

แน่นอนว่าระบบใหม่มันจัดการการฮั้วประมูลได้ แต่การคอรัปชั่นก็สูงขึ้น เพราะ งานตกลงจ้าง นั่นแหละ

ส่วนตัวเจอมากับตัว ผมยื่นประมูลไปงานหนึ่งแต่ไม่ได้ เพราะผู้ชนะเสนอราคา เท่ากับราคาต้นทุนผม ที่ยังไม่รวมภาษี รวมกำไรเลย ซึ่งไปๆมาๆได้ข่าวว่างานนี้ ผู้รับเหมาทิ้งงานไปแล้ว ยังไม่พอ รื้อของเดิมเสร็จแล้วทิ้งไปเลย และก็ไม่มีใครมาทำต่อเพราะราคามันต่ำเกินไป

และหลายๆปัญหาที่เพื่อในวงการเจอคือ พวก ต่างถิ่น มาฟันงาน ในระดับที่เรียกว่าพวกผมทำไม่ได้แน่นอน ซึ่งตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะหมู่หรือจ่า เพราะฟันงานระดับที่เรียกว่าต่ำกว่างบไป 50%

และทางปัญหาของหน่วยราชการก็คือ เขาขอไม่ได้ ที่ว่าขอไม่ใช่ขอเงินนะครับ แต่คือขอแถม ส่วนมากจะเป็นกลุ่มท้องถิ่น ที่ต้องเอาใจชาวบ้าน อย่างเมื่อก่อน ทำศาลาเอกประสงค์ พวกที่รู้ๆจักกันก็หลีกทางให้ หรือบางที่งานแตกก็ฟันกัน แต่ไม่เยอะขนาด ก็ยังพอเหลือกำไร ที่จะแถมพวก พัดลม เก้าอี้ให้ได้ แต่ปัจจุบัน ใครเป็นใครไม่รู้ ฟันงานกันก็ในระดับที่เรียกว่า มันจะทำได้รึเปล่า

ขอบอกตรงนี้ว่า ระยะสั้น รัฐบาลประหยัดงบ อันนี้ไม่เถียง แต่ระยะยาว เศรษฐกิจพัง โดยเฉพาะบริษัทท้องถิ่น หรือหน้าใหม่ ที่จะสู้พวกยักษ์ใหญ่ ทุนหนาไม่ได้ เพราะในตอนนี้เพื่อนฝูงในระดับไหน ต่างก็ไม่มีงาน อย่างคนรู้จักกัน รับงานที 10-20ล้าน แต่ตอนนี้งานระดับ7-8แสนยังลงมาประมูล เพราะมันไม่มีงาน

เลยอยากทราบความเห็นว่า ในอนาคต งานในวงเงินสอบราคาเดิม (5แสน-2ล้าน) จะกลับมาเป็นสอบราคามั้ยครับ เพราะไม่อย่างนั้น รายย่อยตายแน่ เพราะ รายใหญ่ หรือต่างถิ่นมาแข่งได้