นับตั้งแต่กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2560 ทำให้ต้องมีการรื้อฟื้นคดีต่าง ๆ ที่ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเคยตกเป็นจำเลยในศาลขึ้นมาดำเนินคดีต่อได้ทันที หรือที่เรียกว่าพิจารณาคดี “ลับหลังจำเลย” ซึ่งก่อนหน้านี้ทำไม่ได้เพราะจำเลยหลบหนีศาลจึงต้องจำหน่ายคดีออกไปชั่วคราว โดยเฉพาะคดีของทักษิณ ชินวัตร จากนี้ไปก็จะต้องเดินหน้าไปตามกระบวนการยุติธรรมหลังจากที่ต้องหยุดชะงักมาหลายปี
จากการแถลงของโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด วันชาติ สันติกุญชร ระบุว่า พนักงานอัยการได้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองให้ดำเนินกระบวนพิจารณาคดีต่อไป โดยไม่ต้องกระทำต่อหน้า นายทักษิณ ชินวัตร จำเลยแล้ว ซึ่งคดีนี้เป็นคดีหมายเลขดำที่ อม. 9/2551 ที่ นายทักษิณ ชินวัตร ถูกฟ้องในข้อหาเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นหุ้นส่วน หรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วน หรือบริษัทที่รับสัมปทานหรือเข้าเป็นคู่สัญญาฯ หรือ ออกกฎหมายแปลงค่าสัมปทานกิจการโทรคมนาคม และมือถือ เป็นภาษีสรรพสามิต แล้วยังมีคดีหมายเลขดำที่ อม.3/2555 ที่นายทักษิณกับพวก 27 คนตกเป็นจำเลย ข้อหาเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใดเข้ามีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์ตนเองหรือผู้อื่น ร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตหรือโดยมิชอบ กรณีร่วมทุจริตการปล่อยกู้ของธนาคารกรุงไทยกับกลุ่มกฤษดามหานครด้วย
ซึ่งคดีหลังนี้ ดูตามรูปการณ์แล้ว ถือว่า”รอดยาก” เพราะก่อนหน้านี้ก็มีคนระดับอดีตผู้บริหารของทั้งธนาคารกรุงไทย และ กลุ่มกฤษดามหานคร ต้องเข้าไปใช้กรรมในคุกกันหลายคนแล้ว แต่คนอย่างทักษิณ มีหรือจะยอมติดคุก เมื่อรู้ว่าจวนตัวก็ต้องรีบเผ่นหนีไปก่อนใครเพื่อน เมื่อ”ลูกพี่”อย่างทักษิณ ที่ต้องได้รับผลกระทบไปเต็ม ๆ จากการที่อัยการได้ยื่นคำร้องต่อศาลไปแล้ว คนที่เป็น”ลูกน้อง”อย่างวัฒนา เมืองสุข มีหรือจะอยู่เฉยได้ ถือเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องออกมาแสดงบทบาทปกป้อง”ลูกพี่” ถึงขนาด”ออกตัวแรง”วาดฝันไปถึงอนาคตในภายภาคหน้าว่า หากได้กลับมามีอำนาจ ก็จะยกเลิกกฎหมายแบบนี้ทันที ด้วยท่าทีขึงขังแบบนี้ จะไม่ให้เข้าตาลูกพี่ได้อย่างไร อย่างน้อย ๆ ในพรรคเพื่อไทยก็ต้องมีตำแหน่งเท่ ๆ ให้นั่งกันบ้างล่ะ นั่นก็เป็นเรื่องในบ้านของพรรคเพื่อไทย ไม่ขอก้าวล่วง แต่สำหรับทักษิณแล้ว ยังมองไม่เห็นทางใด ๆที่จะกลับมาเรืองอำนาจได้อีก เพราะเอาแค่ว่า หนีให้รอดจากเงื้อมมือกฎหมายในคดีต่าง ๆ ที่ก่อกรรมไว้กับประเทศก็ดูจะหนักหนาสาหัสแล้ว ยังไม่นับเรื่องของน้องสาว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ป่านนี้ไม่รู้ไปรักษาโรค”น้ำในหู”ไม่เท่ากันอยู่ที่ไหน รวมทั้งลูกโอ๊ค พานทองแท้ อีกคน ที่ต้องขอเตือนไว้ว่า ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว หากจะหนีก็หนีตลอดชีวิตนั่นแหละ
ทีมข่าว ลึกทันใจ รายงาน
ชีวิด ดี้ดี สี่จุดศูนย์ อัยการรื้อ 2 คดี ทักษิณต้องหนีทั้งชีวิต!!
นับตั้งแต่กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2560 ทำให้ต้องมีการรื้อฟื้นคดีต่าง ๆ ที่ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเคยตกเป็นจำเลยในศาลขึ้นมาดำเนินคดีต่อได้ทันที หรือที่เรียกว่าพิจารณาคดี “ลับหลังจำเลย” ซึ่งก่อนหน้านี้ทำไม่ได้เพราะจำเลยหลบหนีศาลจึงต้องจำหน่ายคดีออกไปชั่วคราว โดยเฉพาะคดีของทักษิณ ชินวัตร จากนี้ไปก็จะต้องเดินหน้าไปตามกระบวนการยุติธรรมหลังจากที่ต้องหยุดชะงักมาหลายปี
จากการแถลงของโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด วันชาติ สันติกุญชร ระบุว่า พนักงานอัยการได้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองให้ดำเนินกระบวนพิจารณาคดีต่อไป โดยไม่ต้องกระทำต่อหน้า นายทักษิณ ชินวัตร จำเลยแล้ว ซึ่งคดีนี้เป็นคดีหมายเลขดำที่ อม. 9/2551 ที่ นายทักษิณ ชินวัตร ถูกฟ้องในข้อหาเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นหุ้นส่วน หรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วน หรือบริษัทที่รับสัมปทานหรือเข้าเป็นคู่สัญญาฯ หรือ ออกกฎหมายแปลงค่าสัมปทานกิจการโทรคมนาคม และมือถือ เป็นภาษีสรรพสามิต แล้วยังมีคดีหมายเลขดำที่ อม.3/2555 ที่นายทักษิณกับพวก 27 คนตกเป็นจำเลย ข้อหาเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใดเข้ามีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์ตนเองหรือผู้อื่น ร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตหรือโดยมิชอบ กรณีร่วมทุจริตการปล่อยกู้ของธนาคารกรุงไทยกับกลุ่มกฤษดามหานครด้วย
ซึ่งคดีหลังนี้ ดูตามรูปการณ์แล้ว ถือว่า”รอดยาก” เพราะก่อนหน้านี้ก็มีคนระดับอดีตผู้บริหารของทั้งธนาคารกรุงไทย และ กลุ่มกฤษดามหานคร ต้องเข้าไปใช้กรรมในคุกกันหลายคนแล้ว แต่คนอย่างทักษิณ มีหรือจะยอมติดคุก เมื่อรู้ว่าจวนตัวก็ต้องรีบเผ่นหนีไปก่อนใครเพื่อน เมื่อ”ลูกพี่”อย่างทักษิณ ที่ต้องได้รับผลกระทบไปเต็ม ๆ จากการที่อัยการได้ยื่นคำร้องต่อศาลไปแล้ว คนที่เป็น”ลูกน้อง”อย่างวัฒนา เมืองสุข มีหรือจะอยู่เฉยได้ ถือเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องออกมาแสดงบทบาทปกป้อง”ลูกพี่” ถึงขนาด”ออกตัวแรง”วาดฝันไปถึงอนาคตในภายภาคหน้าว่า หากได้กลับมามีอำนาจ ก็จะยกเลิกกฎหมายแบบนี้ทันที ด้วยท่าทีขึงขังแบบนี้ จะไม่ให้เข้าตาลูกพี่ได้อย่างไร อย่างน้อย ๆ ในพรรคเพื่อไทยก็ต้องมีตำแหน่งเท่ ๆ ให้นั่งกันบ้างล่ะ นั่นก็เป็นเรื่องในบ้านของพรรคเพื่อไทย ไม่ขอก้าวล่วง แต่สำหรับทักษิณแล้ว ยังมองไม่เห็นทางใด ๆที่จะกลับมาเรืองอำนาจได้อีก เพราะเอาแค่ว่า หนีให้รอดจากเงื้อมมือกฎหมายในคดีต่าง ๆ ที่ก่อกรรมไว้กับประเทศก็ดูจะหนักหนาสาหัสแล้ว ยังไม่นับเรื่องของน้องสาว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ป่านนี้ไม่รู้ไปรักษาโรค”น้ำในหู”ไม่เท่ากันอยู่ที่ไหน รวมทั้งลูกโอ๊ค พานทองแท้ อีกคน ที่ต้องขอเตือนไว้ว่า ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว หากจะหนีก็หนีตลอดชีวิตนั่นแหละ
ทีมข่าว ลึกทันใจ รายงาน