สวัสดีค่ะ เราอยากเข้ามาแชร์ประสบการณ์การยุติการตั้งครรภ์ด้วยการผ่าคลอด สัปดาห์ที่ 20-21 ค่ะ เนื่องจาก ไตของน้องไม่ทำงาน
เราฝากครรภ์ที่ รพ.จุฬาฯ มาฝากครรภ์ตั้งแต่ทราบว่ามีน้อง ได้ตรวจเลือดและร่างกายต่างๆตามขั้นตอนของ รพ. พบว่า ร่างกายของพ่อกับแม่ปกติดี และได้มีการตรวจความเสี่ยงดาวน์ซินโดรม แบบ OSCAR พร้อมทั้งมีการอัตราซาวน์ตรวจสอบอวัยวะภายในของน้องในสัปดาห์ที่ 12 พบว่าน้องแข็งแรงปกติดี
ในสัปดาห์ที่ 18 ได้มาพบคุณหมอตามนัด ครั้งนี้คุณหมอได้อัตราซาวน์ เพื่อตรวจสอบน้ำคร่ำ พบว่าน้ำคร่ำมีปริมาณน้อย คุณหมอได้นัดให้เข้ามาอัตราซาวน์ตรวจสอบอวัยวะภายในอีกรอบภายในอาทิตย์นั้น ผลการอัตราซาวน์ พบว่า น้องไม่มีไต น้ำคร่ำมีน้อย ปอดเริ่มมีขนาดเล็กลง และเท้าเริ่มเปลี่ยนรูป อาจอยู่ในท้องแม่ได้ เพราะมีสายสะดือได้รับอาหารจากแม่ แต่ถ้าออกมาแล้วก็อาจจะอยู่ได้ไม่กี่วัน (ปกติแล้วร่างกายของเด็กน้อยในช่วยไตรมาส 2 จะเร่ิมมีการฉี่และดื่มกินน้ำคร่ำภายในท้องแม่ค่ะ หากน้องไม่มีไต จะไม่สามารถบริหารน้ำคร่ำเองได้ และส่งผลทำให้พื้นที่ที่อยู่ของทารกเล็กลงเรื่อยๆ) ทั้งนี้ คุณหมอจะสรุปในที่ประชุมแพทย์วันจันทร์หน้าอีกที
หลังจากคุยกับคุณหมอ เราและสามี ช็อคไปเลยค่ะ มันเป็นอะไรที่เร็วมาก จขกท เพิ่งหายแพ้ท้องตอนสัปดาห์ที่ 16 แล้วก็ต้องมาเจอการยุติการตั้งครรภ์ในอีกไม่กี่สัปดาห์ เราพยายามหาข้อมูลสาเหตุและวิธีการรักษาเท่าที่สามารถทำได้ และได้นัดไปขอ second opinion กับคุณหมอที่ศิริราช ซึ่งคุณหมอก็ให้ความเห็นเช่นเดียวกันกับที่จุฬาค่ะ เราสองคนเครียดมาก ไม่คิดว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นกับตัวเอง แต่สิ่งที่ทำได้ในตอนนั้น คือ ต้องยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นและเดินหน้าต่อไป ไม่เคยคิดว่าจะต้องเจออะไรแบบนี้ในชีวิต
ในสัปดาห์ที่ 19 วันจันทร์ เรามีนัดกับที่ รพ อีกครั้ง ช่วงเช้า คุณหมอได้อัตราซาวน์อีกรอบ ผลสรุป คือ ไม่เจอไตเช่นเดิม แต่ในช่วงบ่าย ในที่ประชุมแพทย์ มีคุณหมอท่านหนึ่งชี้ให้เห็นว่า น้องมีไต แต่อยู่บริเวณเชิงกราน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น จากข้อสรุปของที่ประชุม เนื่องจากภายในไตของน้องมีซีสต์เยอะมาก ทำให้ไตไม่ทำงานค่ะ ในที่ประชุมสรุปให้มีการยุติการตั้งครรภ์ เราและสามีได้เตรียมใจกับเรื่องดังกล่าวมาแล้ว และพร้อมที่จะยุติการตั้งครรภ์ในวันนั้นเลย แต่การยุติการตั้งครรภ์ที่จุฬา ต้องผ่านที่ประชุมแพทย์ ต้องให้คุณหมอที่ฝากครรภ์ทำรายละเอียดแจ้งสังคมสงเคราะห์และต้องให้หัวหน้าสังคมสงเคราะห์อนุมัติอีกรอบ ดังนั้น ทางรพ. จึงนัดมายุติการตั้งครรภ์ในสัปดาห์ถัดไป (ตามกฎหมายแล้ว เราสามารถยุติการตั้งครรภ์ได้ก่อนสัปดาห์ที่ 24 ค่ะ)
ขั้นตอนการยุติการตั้งครรภ์
ในสัปดาห์ที่ 20 เราได้นัดกับคุณหมอที่ฝากครรภ์ เพื่อทำเรื่องแอดมิดในการยุติการตั้งครรภ์ จขกท ได้รับทราบสาเหตุที่น้ำคร่ำมีน้อยอีกรอบ และทำเรื่องจองห้องพักกับทาง รพ. ค่ะ เนื่องจาก จขกท ต้องการห้องพิเศษ แต่ว่าห้องไม่ว่าง เลยต้องนอนห้องรวมก่อนค่ะ คิดในใจว่าคืนนี้ฝนตก หวังว่าคงไม่ร้อน พอช่วงห้าโมงเย็น ถึงได้คิวไปยังห้องพิเศษค่ะ แอบดีใจ เพราะว่าคิวรอห้องพิเศษค่อนช้างยาว
หลังจากย้ายไปห้องพิเศษ คุณหมอได้เริ่มเหน็บยาเม็ดแรก ตอน 6 โมง หลังจากเหน็บยาเม็ดแรก คืนนั้นปวดทั้งคืน แทบไม่ได้นอน พลิกซ้าย ขวา แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เราหาข้อมูลในเน็ตมา ว่าอาการมันจะต้องปวดแบบนี้ แถมมีอาการปวดหลังเพิ่มขึ้นด้วย เพราะฉะนั้น คืนนั้นเราจึงนอนทนปวดโดยไม่ได้ขอยาพยาบาล เพราะคิดว่าต้องมีเลเวลปวดโหดกว่านี้แน่นอน
ในวันรุ่งขึ้น คุณหมอมาเหน็บเม็ดที่ 2 ให้ตอนเช้ามืด เรากำลังสะลึมสะลือ แต่ก็เจ็บจนตื่น ตาสว่าง พอประมาณ 9 โมง มีก้อนเลือดออกจำนวนมาก เราแจ้งพยาบาลทันทีและคิดในใจว่า จบแล้วสินะ พยาบาลได้ย้ายเราไปยังห้องคลอด และแจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่า น้องกำลังจะออก ให้เตรียมห้องไว้ได้เลย ปรากฎว่า ปากมดลูกยังไม่เปิด เราต้องนอนให้น้ำเกลือต่อ โดยมีคุณหมอมาตรวจสอบและมาช่วยขยายปากมดลูกเป็นระยะๆ ระหว่างนั้นก็มีเลือดออกจำนวนมากมาตลอด ซักพัเราถูกย้ายไปยังห้องพักภายในห้องคลอด และมีคุณหมอมาจับท้องตรวจสอบท้องแข็งตลอดคืน คุณหมอได้ทะยอยเหน็บ เม็ดที่ 3-5 ให้
วันพุธตอนเช้า คุณหมอเข้ามาตรวจปากมดลูกและช่วยขยายปากมดลูกอีก ซักพักเลือดทะลักมาจำนวนมากซึ่งเล่นเอา เราตัวซีดมาก ทางคุณหมอได้ย้ายไปยังห้องเตรียมคลอดซึ่งจะมีหมอและพยาบาลอยู่ใกล้ๆตลอดเวลาค่ะ คุณหมอได้ให้เลือดและยาเร่งคลอด พร้อมฉีดยาแก้ปวดให้ เพื่อช่วยให้ปากมดลูกขยาย ตอนที่ได้ยาเร่งคลอดนั้น คือ ทรมานมาก ยิ่งกว่าปวดท้องเมนส์เป็นร้อยเป็นพันเท่า แถมมีอาการปวดร้าวที่หลังเข้ามาด้วย ปวดท้องทุก 1-2 นาที เรานอนดูเวลา นอนดูขวดยา ว่าเมื่อไหร่จะหมด เกิดมาก็เพิ่งปวดขนาดนี้ประกอบการเสียเลือดจำนวนมากทำให้หมดแรง คุณหมอหลายท่านแวะเวียนเข้ามาดูแล บางคนทักว่าหน้าซีด ตาเขียว บางคนก็มาจับท้องดูอาการ หลังจากนอนดูเวลาผ่านไป 4 ชั่วโมงและยาหมดไปครึ่งขวด เราคิดว่าถ้ายาหมดขวดอาจจะไม่ไหว จึงบอกคุณหมอว่าให้ผ่าคลอดแทน เพราะทนไม่ไหวแล้ว หลังจากนั้นคุณหมอได้หยุดยาเร่งคลอด หลังจากหยุดยาไป อาการปวดท้องค่อยๆห่างขึ้น แต่ยังคงความทรมานอยู่ ซึ่ง เราก็ยังคงหมดแรง นอนให้เลือดอยู่ตลอดทั้งคืน
วันพฤหัสตอนเช้า คุณหมอที่ฝากครรภ์เข้ามาแต่เช้า คุณหมอยังอยากให้ออกแบบธรรมชาติ เพราะข้อดีเยอะกว่า แต่เราบอกคุณหมอไปว่าไม่ไหวแล้ว ในครรภ์ถัดไป ก็ขอผ่าคลอดแน่นอน คุณหมอบอกว่า ด้วยน้ำคร่ำมีน้อยประกอบกับภาวะรกเกาะต่ำ ทำให้มีเลือดออกเยอะและทำให้ไม่สามารถคลอดน้องได้แบบธรรมชาติ คุณหมอใช้เวลาผ่าคลอดไม่นาน โดยการดมยาสลบตอนช่วงเที่ยงกว่า เรารู้สึกตัวอีกทีตอนบ่ายสามโมง ความรู้สึกแรกคือ แสบบริเวณท้อง แต่ก็ยังทนไหว ดีกว่าได้ยาเร่งคลอดเยอะ
วิธีปฏิบัติตัวหลังผ่าคลอด
หลังจากผ่าคลอด คุณพยาบาลแนะนำให้พยายามพลิกตัว ซ้าย ขวา ในวันที่ออกจากห้องผ่าตัดเลย ซึ่ง เราก็พยายามพลิกตามคำแนะนำ ในวันที่สองหลังผ่าตัด พยาบาลแนะนำว่าให้ใส่เสื้อใน เพราะเด๋วหน้าอกจะคัด เพราะมีน้ำนมออกมา ซึ่งก็จริงอย่างที่พยาบาลแนะนำค่ะ ในวันนี้หากถอดสายน้ำเกลือและสายปัสสาวะแล้ว ควรนั่งและพยายามเดินหลังตรงค่ะ คุณหมอแนะนำว่าอย่านอนติดเตียง วันนี้จะเจ็บหน่อย ทั้งแผลภายนอกและภายในแต่ก็ต้องอดทนค่ะ เพราะจะทำให้วันถัดไปร่างกายเราปรับตัวได้ดีขึ้นคะ
การพักรักษาร่างกายหลังผ่าคลอด
หลังจากผ่าตัด 4 วัน เราออกจาก รพ. มาพักที่บ้าน หลังจากแผลดีขึ้นพอกลับถึงบ้านก็อาการภาวะซึมเศร้าหลังคลอดก็ตามมาค่ะ เรามีความรู้สึกเศร้าตอนเห็นชุดคลุมท้อง อาจเพราะว่าเราต้องยุติการตั้งครรภ์เลยทำให้เศร้าไปอีกแบบ จริงๆแล้วเราทำใจได้แล้วและจิตใจค่อนข้างแข็งแรง แต่ก็ไม่วายมีภาวะเศร้าอยู่บ้าง เราโชคดีที่อยู่กับ พ่อแม่ของตัวเอง ทำให้มีคนดูแลใกล้ชิดเพิ่มขึ้นนอกจากสามีค่ะ เราคิดว่าภาวะซึมเศร้าตรงนี้ คือ ต้องการให้คนรอบข้างดูแลเอาใจใส่ค่ะ มันจะทำให้เรารู้สึกดีขึ้นและผ่านมันไปได้คะ
หลังจากผ่าตัด ตอนนี้ร่างกายต้องการการพักฟื้นประมาณ 2 อาทิตย์ เพื่อให้สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ไม่ควรยกของหนัก และอย่าเพิ่งทำอะไรโลดโผนในช่วง 6 เดือนแรกนะคะ เราค่อนข้างกังวลกับอวัยวะภายในที่เราไม่เห็นค่ะ เลยคิดว่าอาจจะเริ่มกลับมาออกกำลังอีกทีหลังจากนี้ 4-5 เดือน เพื่อให้อวัยวะภายในแข็งแรงก่อนค่ะ
อยากฝากถึงพ่อแม่ที่เจอสถานการณ์เดียวกันนะคะ มันอาจยากมากในการยุติการตั้งครรภ์แต่เราจะต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกของเราค่ะ
แชร์ประสบการณ์ การยุติการตั้งครรภ์ แบบผ่าคลอด (Week 20)
เราฝากครรภ์ที่ รพ.จุฬาฯ มาฝากครรภ์ตั้งแต่ทราบว่ามีน้อง ได้ตรวจเลือดและร่างกายต่างๆตามขั้นตอนของ รพ. พบว่า ร่างกายของพ่อกับแม่ปกติดี และได้มีการตรวจความเสี่ยงดาวน์ซินโดรม แบบ OSCAR พร้อมทั้งมีการอัตราซาวน์ตรวจสอบอวัยวะภายในของน้องในสัปดาห์ที่ 12 พบว่าน้องแข็งแรงปกติดี
ในสัปดาห์ที่ 18 ได้มาพบคุณหมอตามนัด ครั้งนี้คุณหมอได้อัตราซาวน์ เพื่อตรวจสอบน้ำคร่ำ พบว่าน้ำคร่ำมีปริมาณน้อย คุณหมอได้นัดให้เข้ามาอัตราซาวน์ตรวจสอบอวัยวะภายในอีกรอบภายในอาทิตย์นั้น ผลการอัตราซาวน์ พบว่า น้องไม่มีไต น้ำคร่ำมีน้อย ปอดเริ่มมีขนาดเล็กลง และเท้าเริ่มเปลี่ยนรูป อาจอยู่ในท้องแม่ได้ เพราะมีสายสะดือได้รับอาหารจากแม่ แต่ถ้าออกมาแล้วก็อาจจะอยู่ได้ไม่กี่วัน (ปกติแล้วร่างกายของเด็กน้อยในช่วยไตรมาส 2 จะเร่ิมมีการฉี่และดื่มกินน้ำคร่ำภายในท้องแม่ค่ะ หากน้องไม่มีไต จะไม่สามารถบริหารน้ำคร่ำเองได้ และส่งผลทำให้พื้นที่ที่อยู่ของทารกเล็กลงเรื่อยๆ) ทั้งนี้ คุณหมอจะสรุปในที่ประชุมแพทย์วันจันทร์หน้าอีกที
หลังจากคุยกับคุณหมอ เราและสามี ช็อคไปเลยค่ะ มันเป็นอะไรที่เร็วมาก จขกท เพิ่งหายแพ้ท้องตอนสัปดาห์ที่ 16 แล้วก็ต้องมาเจอการยุติการตั้งครรภ์ในอีกไม่กี่สัปดาห์ เราพยายามหาข้อมูลสาเหตุและวิธีการรักษาเท่าที่สามารถทำได้ และได้นัดไปขอ second opinion กับคุณหมอที่ศิริราช ซึ่งคุณหมอก็ให้ความเห็นเช่นเดียวกันกับที่จุฬาค่ะ เราสองคนเครียดมาก ไม่คิดว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นกับตัวเอง แต่สิ่งที่ทำได้ในตอนนั้น คือ ต้องยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นและเดินหน้าต่อไป ไม่เคยคิดว่าจะต้องเจออะไรแบบนี้ในชีวิต
ในสัปดาห์ที่ 19 วันจันทร์ เรามีนัดกับที่ รพ อีกครั้ง ช่วงเช้า คุณหมอได้อัตราซาวน์อีกรอบ ผลสรุป คือ ไม่เจอไตเช่นเดิม แต่ในช่วงบ่าย ในที่ประชุมแพทย์ มีคุณหมอท่านหนึ่งชี้ให้เห็นว่า น้องมีไต แต่อยู่บริเวณเชิงกราน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น จากข้อสรุปของที่ประชุม เนื่องจากภายในไตของน้องมีซีสต์เยอะมาก ทำให้ไตไม่ทำงานค่ะ ในที่ประชุมสรุปให้มีการยุติการตั้งครรภ์ เราและสามีได้เตรียมใจกับเรื่องดังกล่าวมาแล้ว และพร้อมที่จะยุติการตั้งครรภ์ในวันนั้นเลย แต่การยุติการตั้งครรภ์ที่จุฬา ต้องผ่านที่ประชุมแพทย์ ต้องให้คุณหมอที่ฝากครรภ์ทำรายละเอียดแจ้งสังคมสงเคราะห์และต้องให้หัวหน้าสังคมสงเคราะห์อนุมัติอีกรอบ ดังนั้น ทางรพ. จึงนัดมายุติการตั้งครรภ์ในสัปดาห์ถัดไป (ตามกฎหมายแล้ว เราสามารถยุติการตั้งครรภ์ได้ก่อนสัปดาห์ที่ 24 ค่ะ)
ขั้นตอนการยุติการตั้งครรภ์
ในสัปดาห์ที่ 20 เราได้นัดกับคุณหมอที่ฝากครรภ์ เพื่อทำเรื่องแอดมิดในการยุติการตั้งครรภ์ จขกท ได้รับทราบสาเหตุที่น้ำคร่ำมีน้อยอีกรอบ และทำเรื่องจองห้องพักกับทาง รพ. ค่ะ เนื่องจาก จขกท ต้องการห้องพิเศษ แต่ว่าห้องไม่ว่าง เลยต้องนอนห้องรวมก่อนค่ะ คิดในใจว่าคืนนี้ฝนตก หวังว่าคงไม่ร้อน พอช่วงห้าโมงเย็น ถึงได้คิวไปยังห้องพิเศษค่ะ แอบดีใจ เพราะว่าคิวรอห้องพิเศษค่อนช้างยาว
หลังจากย้ายไปห้องพิเศษ คุณหมอได้เริ่มเหน็บยาเม็ดแรก ตอน 6 โมง หลังจากเหน็บยาเม็ดแรก คืนนั้นปวดทั้งคืน แทบไม่ได้นอน พลิกซ้าย ขวา แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เราหาข้อมูลในเน็ตมา ว่าอาการมันจะต้องปวดแบบนี้ แถมมีอาการปวดหลังเพิ่มขึ้นด้วย เพราะฉะนั้น คืนนั้นเราจึงนอนทนปวดโดยไม่ได้ขอยาพยาบาล เพราะคิดว่าต้องมีเลเวลปวดโหดกว่านี้แน่นอน
ในวันรุ่งขึ้น คุณหมอมาเหน็บเม็ดที่ 2 ให้ตอนเช้ามืด เรากำลังสะลึมสะลือ แต่ก็เจ็บจนตื่น ตาสว่าง พอประมาณ 9 โมง มีก้อนเลือดออกจำนวนมาก เราแจ้งพยาบาลทันทีและคิดในใจว่า จบแล้วสินะ พยาบาลได้ย้ายเราไปยังห้องคลอด และแจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่า น้องกำลังจะออก ให้เตรียมห้องไว้ได้เลย ปรากฎว่า ปากมดลูกยังไม่เปิด เราต้องนอนให้น้ำเกลือต่อ โดยมีคุณหมอมาตรวจสอบและมาช่วยขยายปากมดลูกเป็นระยะๆ ระหว่างนั้นก็มีเลือดออกจำนวนมากมาตลอด ซักพัเราถูกย้ายไปยังห้องพักภายในห้องคลอด และมีคุณหมอมาจับท้องตรวจสอบท้องแข็งตลอดคืน คุณหมอได้ทะยอยเหน็บ เม็ดที่ 3-5 ให้
วันพุธตอนเช้า คุณหมอเข้ามาตรวจปากมดลูกและช่วยขยายปากมดลูกอีก ซักพักเลือดทะลักมาจำนวนมากซึ่งเล่นเอา เราตัวซีดมาก ทางคุณหมอได้ย้ายไปยังห้องเตรียมคลอดซึ่งจะมีหมอและพยาบาลอยู่ใกล้ๆตลอดเวลาค่ะ คุณหมอได้ให้เลือดและยาเร่งคลอด พร้อมฉีดยาแก้ปวดให้ เพื่อช่วยให้ปากมดลูกขยาย ตอนที่ได้ยาเร่งคลอดนั้น คือ ทรมานมาก ยิ่งกว่าปวดท้องเมนส์เป็นร้อยเป็นพันเท่า แถมมีอาการปวดร้าวที่หลังเข้ามาด้วย ปวดท้องทุก 1-2 นาที เรานอนดูเวลา นอนดูขวดยา ว่าเมื่อไหร่จะหมด เกิดมาก็เพิ่งปวดขนาดนี้ประกอบการเสียเลือดจำนวนมากทำให้หมดแรง คุณหมอหลายท่านแวะเวียนเข้ามาดูแล บางคนทักว่าหน้าซีด ตาเขียว บางคนก็มาจับท้องดูอาการ หลังจากนอนดูเวลาผ่านไป 4 ชั่วโมงและยาหมดไปครึ่งขวด เราคิดว่าถ้ายาหมดขวดอาจจะไม่ไหว จึงบอกคุณหมอว่าให้ผ่าคลอดแทน เพราะทนไม่ไหวแล้ว หลังจากนั้นคุณหมอได้หยุดยาเร่งคลอด หลังจากหยุดยาไป อาการปวดท้องค่อยๆห่างขึ้น แต่ยังคงความทรมานอยู่ ซึ่ง เราก็ยังคงหมดแรง นอนให้เลือดอยู่ตลอดทั้งคืน
วันพฤหัสตอนเช้า คุณหมอที่ฝากครรภ์เข้ามาแต่เช้า คุณหมอยังอยากให้ออกแบบธรรมชาติ เพราะข้อดีเยอะกว่า แต่เราบอกคุณหมอไปว่าไม่ไหวแล้ว ในครรภ์ถัดไป ก็ขอผ่าคลอดแน่นอน คุณหมอบอกว่า ด้วยน้ำคร่ำมีน้อยประกอบกับภาวะรกเกาะต่ำ ทำให้มีเลือดออกเยอะและทำให้ไม่สามารถคลอดน้องได้แบบธรรมชาติ คุณหมอใช้เวลาผ่าคลอดไม่นาน โดยการดมยาสลบตอนช่วงเที่ยงกว่า เรารู้สึกตัวอีกทีตอนบ่ายสามโมง ความรู้สึกแรกคือ แสบบริเวณท้อง แต่ก็ยังทนไหว ดีกว่าได้ยาเร่งคลอดเยอะ
วิธีปฏิบัติตัวหลังผ่าคลอด
หลังจากผ่าคลอด คุณพยาบาลแนะนำให้พยายามพลิกตัว ซ้าย ขวา ในวันที่ออกจากห้องผ่าตัดเลย ซึ่ง เราก็พยายามพลิกตามคำแนะนำ ในวันที่สองหลังผ่าตัด พยาบาลแนะนำว่าให้ใส่เสื้อใน เพราะเด๋วหน้าอกจะคัด เพราะมีน้ำนมออกมา ซึ่งก็จริงอย่างที่พยาบาลแนะนำค่ะ ในวันนี้หากถอดสายน้ำเกลือและสายปัสสาวะแล้ว ควรนั่งและพยายามเดินหลังตรงค่ะ คุณหมอแนะนำว่าอย่านอนติดเตียง วันนี้จะเจ็บหน่อย ทั้งแผลภายนอกและภายในแต่ก็ต้องอดทนค่ะ เพราะจะทำให้วันถัดไปร่างกายเราปรับตัวได้ดีขึ้นคะ
การพักรักษาร่างกายหลังผ่าคลอด
หลังจากผ่าตัด 4 วัน เราออกจาก รพ. มาพักที่บ้าน หลังจากแผลดีขึ้นพอกลับถึงบ้านก็อาการภาวะซึมเศร้าหลังคลอดก็ตามมาค่ะ เรามีความรู้สึกเศร้าตอนเห็นชุดคลุมท้อง อาจเพราะว่าเราต้องยุติการตั้งครรภ์เลยทำให้เศร้าไปอีกแบบ จริงๆแล้วเราทำใจได้แล้วและจิตใจค่อนข้างแข็งแรง แต่ก็ไม่วายมีภาวะเศร้าอยู่บ้าง เราโชคดีที่อยู่กับ พ่อแม่ของตัวเอง ทำให้มีคนดูแลใกล้ชิดเพิ่มขึ้นนอกจากสามีค่ะ เราคิดว่าภาวะซึมเศร้าตรงนี้ คือ ต้องการให้คนรอบข้างดูแลเอาใจใส่ค่ะ มันจะทำให้เรารู้สึกดีขึ้นและผ่านมันไปได้คะ
หลังจากผ่าตัด ตอนนี้ร่างกายต้องการการพักฟื้นประมาณ 2 อาทิตย์ เพื่อให้สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ไม่ควรยกของหนัก และอย่าเพิ่งทำอะไรโลดโผนในช่วง 6 เดือนแรกนะคะ เราค่อนข้างกังวลกับอวัยวะภายในที่เราไม่เห็นค่ะ เลยคิดว่าอาจจะเริ่มกลับมาออกกำลังอีกทีหลังจากนี้ 4-5 เดือน เพื่อให้อวัยวะภายในแข็งแรงก่อนค่ะ
อยากฝากถึงพ่อแม่ที่เจอสถานการณ์เดียวกันนะคะ มันอาจยากมากในการยุติการตั้งครรภ์แต่เราจะต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกของเราค่ะ