ใครๆ ก็ไปญี่ปุ่น ตัวเราและพี่สาวก็ไปกันมา 2 ครั้ง แต่การจะพาแม่ไปด้วยคิดอยู่หลายรอบ เพราะท่านอายุเยอะ 80 ปี แต่ก็เดินได้แบบช้าๆ ตอนแรกก็คิดว่าจะพาไปทัวร์ แต่เมื่อรวมทั้งครอบครัว 7 คน ก็แพงเอาเรื่องอยู่ แถมยังไม่ได้เที่ยวแบบที่ตัวเองชอบทั้งหมด เวลาจำกัดอีกต่างหาก
    จึงได้ข้อสรุปว่า ไปกันเองนี่แหละ! เที่ยววันละที่ สองที่พอ เที่ยวที่ไหนไม่ทันก็ตัดทิ้ง (เพราะไปกับทัวร์ก็ไม่ทันอยู่ดี ไปมา 2 ครั้ง 2 ประเทศ พาลงที่เที่ยวถ่ายรูปให้เวลาจำกัด กว่าแม่เราจะเดินถึง ถ่ายรูป ยังไม่ทั่ว คนอื่นเสร็จ เตรียมขึ้นรถอีกแล้ว T_T)
    การเดินทางเราพาแม่ไปทุกรูปแบบค่ะ รถไฟ รถบัส รถแท็กซี่ เรือ เดิน ตอนแรกพี่สาวคนโตบอกจะเอารถเข็นไป เดี๋ยวแม่เดินไม่ไหว (กรี๊ด!!! เลยค่ะ (ในใจ)) อธิบายพี่ไปว่าไม่ได้ เพราะการไปเที่ยว Tohoku เน้นเที่ยวชนบท บันไดเลื่อนอาจจะไม่ค่อยมี ลิฟต์ก็อาจหาลำบาก ต้องคอยเดินหาลิฟต์ เข็นกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ๆ อีก ตายกันพอดี
    เราพี่น้องเลยต้องลดจำนวนกระเป๋าค่ะ 3 คน 2 ใบ size 24 นิ้ว เพื่อที่อีกคนจะได้คอยจูงแม่เดิน อีกคนก็เข็นไปค่ะ กระเป๋า 2 ใบ และให้แม่ออกกำลังกายทุกวันตอนเย็นเดินอย่างน้อย 3 พันก้าว/วัน เข้าเดือนที่ 2 ก็เพิ่มจำนวนเป็น 4 – 5 พันก้าว/วัน และสูงสุด 7 พันก้าว/วัน ก่อนเดินทาง (ผลดี! ไปตรวจสุขภาพไขมันลดค่ะ ทั้งๆ ที่กินยาเท่าเดิมตามหมอสั่ง)
    
** หาเที่ยวรถไฟ ตารางเวลา http://www.hyperdia.com
** การเดินทางส่วนมากจะนั่งซินคังเซ็น ต้องระบุที่นั่ง (เพราะนั่งนาน) ที่สถานีเราสามารถไปจองตั๋วล่วงหน้าได้ก่อน 3 วันเดินทาง จองง่ายมากเลยค่ะ
** การเดินทางบางครั้งก็นั่งแท็กซี่ค่ะ ต่างจังหวัด รถไม่ติดค่ารถไม่แพง
** การหาโรงแรมใช้ google map มองเห็นทำเลชัดเจน แถมระบุเวลาเดินให้เราด้วย รู้ว่าที่ไหนไกล ใกล้สถานีแค่ไหน
** ที่ฝากกระเป๋า 26 นิ้วสบายๆ ค่ะ หาไม่ยาก ส่วนมากพอผ่านที่ตรวจตั๋วรถไฟก็จะเจอที่ฝากกระเป๋าเลย

แผนการเดินทางทั้ง 5 วัน
วันที่ 1
00.45 – 09.50 น. เดินทางจากกรุงเทพฯ นาริตะ (แผนเที่ยวตอนแรกว่าจะไป Fukushima ทะเลสาบ 5 สี ใกล้ๆ โตเกียวแล้วบินกลับนาริตะ แต่เวลาไม่พอ จึงต้องตัดทิ้ง ทำให้เสียเวลาเดินทางในวันแรกไป 1 วัน เพราะจองตั๋วไปแล้ว)
10.00 – 15.00 น. ต่อรถไฟจากสนามบินไปลง Ueno ต่อไป Morioka เข้าพัก Morioka City Hotel
16.00 – 19.00 น. เดินเล่นหาร้านอาหารกินแถวที่พักโรงแรม เข้านอน

วันที่ 2
06.00 – 07.58 น. นั่งรถไฟจาก Morioka ไปหมู่บ้านซามูไร Kakunodate เป็นเมืองเก่าที่ไม่เคยเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติเลย บ้านที่น่าสนใจมีคือ Aoyagi House และ Ishiguro-ke หลังที่สองเป็นตระกูลที่มีตำแหน่งสูงสุดของเมือง
15.00 น. เดินทางกลับ Morioka เที่ยววัดพระอรหันต์ 500 องค์ นั่งแท็กซี่ 1,080 yen/เที่ยว (วัดปิด 16.00 น.ค่าเข้า 300 yen)
**จริงๆ ควรเที่ยววัดก่อน เพราะเดินทางง่าย การเดินทางไปหมู่บ้านซามูไรเสียเวลาตรงหาเช่าชุดกิโมโนค่ะ เคยอ่านรีวิวบอกหาง่าย แต่ไปจริงๆ แล้วหาไม่เจอเลยค่ะ เพราะร้านเช่าชุดจะรวมอยู่ในร้านขายของทั่วไป แถมเอาหุ่นที่ใส่กิโมโนไว้ด้านในอีก มองไม่เห็นเลยค่ะ ต้องถามคนญี่ปุ่นไม่รู้กี่คน

วันที่ 3
09.30 น. ถึงลำธาร Geibikei ล่องเรือ 1600 yen ใช้เวลาล่องเรือประมาณ 1.30 น. (มีเวลาเดินบนหน้าผาปาหินแค่ 25 นาที) ถ้าอยากเที่ยวชิวๆ ต้องเหมา
11.35 น. ขึ้นรถไฟกลับไปเที่ยววัดทอง Chusonji ลงสถานี Hiraizumi ต่อรถบัสหน้าร้านราเมงเจ้าอร่อย (ดาราญี่ปุ่นมากินหลายคน) ค่ารถ 140 yen
17.27 – 19.15 ขึ้นรถไฟชินคังเซ็นไปนอนที่ Toyoko INN Yamagata-eki Nishi-gushi
** โรงแรมในเครือ Toyoko INN ดีมากเลยค่ะ ราคาไม่แพง ใกล้สถานีรถไฟ มีอาหารเช้าอร่อยๆ คนญี่ปุ่นเข้าพักเพียบ บางเมืองต้องเป็นสมาชิกเท่านั้นนะคะถึงจะจองห้องพักได้ล่วงหน้า)

วันที่ 4
09.00 – 11.30 น. เที่ยววัด Yamadera วัดนิกายเทนได อายุ 1,000 ปี (มีที่ฝากกระเป๋าหาง่ายมาก ลงบันไดมาเจอเลยค่ะ ที่ฝากกระเป๋ามี 2 ที่ อยู่ด้านในกับด้านห้องน้ำสถานี ฝากใหญ่ 26 นิ้วได้สบาย)
13.57 – 15.15 น. Yamadera – Oshida ไป Ginsan Onsen มีรถบัสของที่พักมารับเวลา 15.45 น. พัก Takimikan (รถบัสที่พักพาไปถ่ายรูปในตัวเมืองออนเซ็นแค่ 30 นาที)

วันที่ 5
10.00 น. รถบัสที่พักมาส่งสถานี Oshida (มีเวลาเดินเล่นไปถ่ายสวนดอกไม้ที่คนญี่ปุ่นปลูกไว้ค่ะ ดอกไม้สวยๆ ทั้งนั้น)
11.00 – 15.00 น. ถึงโตเกียวพัก Sakura Hotel Nippori
18.00 – 21.00 น. กินข้าว ชอปปิ้งห้าง Don.quijote

วันที่ 6 เดินทางกลับ ถ้าอยากไปซื้อของฝากสนามบินเผื่อเวลาด้วยนะคะ เพราะใช้เวลาต่อแถวตรวจคนออกนอกเมืองเกือบ 1 ชั่วโมง และต้องไปต่อคิวจ่ายเงินซื้อของฝากอย่างน้อย 30 นาที