วันนี้ (20 พ.ย.) นายปรเมธี วิมลศิริ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือจีดีพี ไตรมาสที่ 3 ปี 60 ว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 3 ขยายตัว 4.3% เป็นการขยายตัวสูงสุดในรอบ 18 ไตรมาส หรือเป็นเวลากว่า 4 ปีครึ่ง เป็นผลมาจากเครื่องยนต์เศรษฐกิจทุกตัวติดเครื่องเป็นที่เรียบร้อย โดยเฉพาะการส่งออกในไตรมาสนี้มีมูลค่าการส่งออกขยายตัวสูงสุดในรอบ 19 ไตรมาส ถึง 12.5% เช่นเดียวกับภารบริโภคภาคเอกชน การใช้จ่ายภาครัฐ และการลงทุนรวม
ทั้งนี้ในส่วนของการขยายตัวเศรษฐกิจในไตรมาส 3 ที่ปรับตัวดีขึ้น ทำให้สศช.ต้องปรับตัวเลขเศรษฐกิจไทยทั้งปีเพิ่มขึ้น จากเดิมคาดว่า จะขยายตัว 3.5 – 4% เป็นขยายตัว 3.9% ส่วนปีหน้าเศรษฐกิจไทยยังคงขยายตัวดี โดยคาดว่า จะขยายตัวประมาณ 3.6-4.6% มีค่ากลาง 4.1% ถือเป็นการขยายตัวแตะ 4% เป็นครั้งแรกหลังจากไม่เคยเห็นมานาน
อ่านต่อที่ :
https://www.dailynews.co.th/economic/611141
นายปรเมธี วิมลศิริ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ แถลงตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 4/2559 และภาพรวมการขยายตัวทางเศรษฐกิจของปี 2559 และแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจปี 2560 ว่า ในไตรมาส 4 ปี 2559 จีดีพี ขยายตัว 3.0% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
ส่งผลให้ภาพรวมปี 2559 จีดีพีทั้งปีขยายตัวได้ 3.2% ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปี 2558 ที่ขยายตัว 2.9% และปี 2557 ที่ขยายตัวได้ 0.9% ขณะที่แนวโน้มการขยายตัวของจีดีพีในปี 2560 คงคาดการณ์ว่าจะขยายตัวได้ 3.0-4.0% หรือเฉลี่ยที่ 3.5% รวมทั้งปี 2559 จีดีพี อยู่ที่ 14,360.6 ล้านล้านบาท (406.9 พันล้านดอลลาร์สรอ.) รายได้ต่อหัวเฉลี่ยของ คนไทยอยู่ที่ 212,892.3 บาทต่อคนต่อปี (6,032.7 ดอลลาร์สรอ. ต่อหัวต่อปี) เพิ่มขึ้นจาก 203,356.1 บาทต่อคนต่อปี (5,937.0 ดอลลาร์ สรอ. ต่อหัวต่อปี) ในปี 2558 หรือเพิ่มขึ้น 9,536 บาทต่อปี
สำหรับเศรษฐกิจไทยไตรมาส 4/2559 ที่ขยายตัวได้ 3.0% มีแรงสนับสนุนจาก การส่งออกที่ขยายตัวได้ 3.6% ทำให้ทั้งปี 2559 การส่งออกทรงตัวที่ 0.0% ปรับตัวดีขึ้นจากปี 2558 ที่ลดลง 5.6% และยังได้รับแรงสนับสนุนจากการใช้จ่ายภาคครัวเรือน ที่ขยายตัวได้ 2.5% ผลจากการฐานรายได้ภาคเกษตรเริ่มปรับตัวดีขึ้น และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ โดยทั้งปี 2559 การใช้จ่ายภาคครัวเรือนขยายตัวได้ 3.1% ปรับตัวดีขึ้นจากปี 2558 ที่ขยายตัวได้ 2.2% และสูงกว่าค่าเฉลี่ยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
ส่วนการลงทุนโดยรวมในไตรมาส 4 ขยายตัวได้ 1.8% ส่งผลให้ทั้งปี 2559 การลงทุนโดยรวมขยายตัวได้ 2.8% เป็นการลงทุนภาครัฐขยายตัวได้ 9.9% และการลงทุนภาคเอกชนขยายตัวได้ 0.4% แสดงให้เห็นว่าตัวเลขเริ่มกลับมาเป็นบวกเมื่อเทียบกับปี 2558 ที่ติดลบ 2.2%
สำหรับแนวโน้มของเศรษฐกิจในปี 2560 ที่คาดว่าจะขยายตัวได้ 3.0-4.0% นั้น มีปัจจัยสนับสนุนจาก แนวโน้มการกลับมาขยายตัวของภาคการส่งออก ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้การผลิตภาคอุตสาหกรรมและการลงทุนภาคเอกชนขยายตัวเร่งขึ้น โดยสศช. ปรับตัวเลขคาดการณ์มูลค่าการส่งออกในปี 2560 ขึ้น จากเดิมเมื่อวันที่ 21 พ.ย. 2559 ที่คาดว่ามูลค่าการส่งออกทั้งปี 2560 จะขยายตัวได้ 2.4% ปรับขึ้นเป็น 2.9% เป็นการขยายตัวครั้งแรกในรอบ 3 ปี และการฟื้นตัวและขยายตัวเร่งขึ้นของการผลิตภาคเกษตร จะช่วยเป็นปัจจัยสนับสนุน ให้ฐานรายได้และการใช้จ่ายของครัวเรือนในภาคเกษตรปรับตัวดีขึ้น ขณะที่การลงทุนภาครัฐก็ยังอยู่ในเกณฑ์สูง นอกจากนี้ ปี 2560 ยังมีการจัดทำงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมวงเงิน 190,000 ล้านบาท ซึ่งจะมีผลสนับสนุนเศรษฐกิจเช่นกัน ขณะที่แรงขับเคลื่อนจากการท่องเที่ยวก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี
“เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4 เริ่มเห็นสัญญาณการขยายตัวของการส่งออกที่กลับมาเป็นบวก โดยเพิ่มขึ้นทั้งด้านราคาและปริมาณ สัญญาณที่ดีขึ้นของการส่งออกในช่วงปลายปี 2559 จะส่งผลไปถึงการขยายตัวขึ้นของเศรษฐกิจโลกและการส่งออกในปี 2560 ด้วย ซึ่งคาดว่าในปี 2560 จะมีการส่งออกและภาคเกษตรเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจไทย รวมทั้งเศรษฐกิจไทยจะเติบโตบนฐานที่กว้างขึ้น เครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจจุดติดเกือบทุกเครื่อง จากเดิมเศรษฐกิจเติบโตจากการลงทุนภาครัฐและการท่องเที่ยวเป็นหลัก”
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงจีดีพีปี 2559 ที่ขยายตัว 3.2% ว่า เป็นที่น่าพอใจ เพราะถือว่าเกิดขึ้นในช่วงเศรษฐกิจโลกไม่ดี อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้รัฐจะต้องทำงานเต็มที่ เพื่อประคองเศรษฐกิจให้เติบโตตามเป้าหมาย ซึ่งหวังว่าปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 3.5%-4% และน่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะเมื่อรัฐบาลได้ผลักดันโครงการต่างๆ ออกมา และเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มที่ดีขึ้น
ด้านนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง กล่าวว่า จากตัวเลขจีดีพีดังกล่าว มั่นใจว่าการลงทุนในปีนี้จะเติบโตดี โดยจะมีปัจจัยในการผลักดันเศรษฐกิจ 2 เรื่อง 1.การลงทุนภาครัฐ 2.เอกชนเชื่อมั่น ซึ่งตรงนี้เอกชนเริ่มลงทุน ในส่วนของรัฐก็ไม่ประมาท และได้ตั้งงบลงทุนไว้สูง โดยไม่หยุดในเรื่องการลงทุน โดยทั้ง 2 ปัจจัยนี้จะช่วยผลักดันให้ทุกอย่างดีขึ้น จะเห็นได้ว่าทุกอย่างเริ่มฟื้นตัวและขยับตัว
https://www.khaosod.co.th/economics/news_226434
ในที่สุดประเทศไทนก็มีวันนี้ค่ะ....
~มาลาริน~**✌ดี้ดีค่ะ..สศช.รับศก.ไทยไตรมาสที่ 3 ขยายตัว4.3% ขยายตัวสูงสุดในรอบ 4 ปีครึ่ง หลังเครื่องยนต์เศรษฐกิจติดทุกตัว
วันนี้ (20 พ.ย.) นายปรเมธี วิมลศิริ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือจีดีพี ไตรมาสที่ 3 ปี 60 ว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 3 ขยายตัว 4.3% เป็นการขยายตัวสูงสุดในรอบ 18 ไตรมาส หรือเป็นเวลากว่า 4 ปีครึ่ง เป็นผลมาจากเครื่องยนต์เศรษฐกิจทุกตัวติดเครื่องเป็นที่เรียบร้อย โดยเฉพาะการส่งออกในไตรมาสนี้มีมูลค่าการส่งออกขยายตัวสูงสุดในรอบ 19 ไตรมาส ถึง 12.5% เช่นเดียวกับภารบริโภคภาคเอกชน การใช้จ่ายภาครัฐ และการลงทุนรวม
ทั้งนี้ในส่วนของการขยายตัวเศรษฐกิจในไตรมาส 3 ที่ปรับตัวดีขึ้น ทำให้สศช.ต้องปรับตัวเลขเศรษฐกิจไทยทั้งปีเพิ่มขึ้น จากเดิมคาดว่า จะขยายตัว 3.5 – 4% เป็นขยายตัว 3.9% ส่วนปีหน้าเศรษฐกิจไทยยังคงขยายตัวดี โดยคาดว่า จะขยายตัวประมาณ 3.6-4.6% มีค่ากลาง 4.1% ถือเป็นการขยายตัวแตะ 4% เป็นครั้งแรกหลังจากไม่เคยเห็นมานาน
อ่านต่อที่ : https://www.dailynews.co.th/economic/611141
นายปรเมธี วิมลศิริ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ แถลงตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 4/2559 และภาพรวมการขยายตัวทางเศรษฐกิจของปี 2559 และแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจปี 2560 ว่า ในไตรมาส 4 ปี 2559 จีดีพี ขยายตัว 3.0% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
ส่งผลให้ภาพรวมปี 2559 จีดีพีทั้งปีขยายตัวได้ 3.2% ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปี 2558 ที่ขยายตัว 2.9% และปี 2557 ที่ขยายตัวได้ 0.9% ขณะที่แนวโน้มการขยายตัวของจีดีพีในปี 2560 คงคาดการณ์ว่าจะขยายตัวได้ 3.0-4.0% หรือเฉลี่ยที่ 3.5% รวมทั้งปี 2559 จีดีพี อยู่ที่ 14,360.6 ล้านล้านบาท (406.9 พันล้านดอลลาร์สรอ.) รายได้ต่อหัวเฉลี่ยของ คนไทยอยู่ที่ 212,892.3 บาทต่อคนต่อปี (6,032.7 ดอลลาร์สรอ. ต่อหัวต่อปี) เพิ่มขึ้นจาก 203,356.1 บาทต่อคนต่อปี (5,937.0 ดอลลาร์ สรอ. ต่อหัวต่อปี) ในปี 2558 หรือเพิ่มขึ้น 9,536 บาทต่อปี
สำหรับเศรษฐกิจไทยไตรมาส 4/2559 ที่ขยายตัวได้ 3.0% มีแรงสนับสนุนจาก การส่งออกที่ขยายตัวได้ 3.6% ทำให้ทั้งปี 2559 การส่งออกทรงตัวที่ 0.0% ปรับตัวดีขึ้นจากปี 2558 ที่ลดลง 5.6% และยังได้รับแรงสนับสนุนจากการใช้จ่ายภาคครัวเรือน ที่ขยายตัวได้ 2.5% ผลจากการฐานรายได้ภาคเกษตรเริ่มปรับตัวดีขึ้น และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ โดยทั้งปี 2559 การใช้จ่ายภาคครัวเรือนขยายตัวได้ 3.1% ปรับตัวดีขึ้นจากปี 2558 ที่ขยายตัวได้ 2.2% และสูงกว่าค่าเฉลี่ยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
ส่วนการลงทุนโดยรวมในไตรมาส 4 ขยายตัวได้ 1.8% ส่งผลให้ทั้งปี 2559 การลงทุนโดยรวมขยายตัวได้ 2.8% เป็นการลงทุนภาครัฐขยายตัวได้ 9.9% และการลงทุนภาคเอกชนขยายตัวได้ 0.4% แสดงให้เห็นว่าตัวเลขเริ่มกลับมาเป็นบวกเมื่อเทียบกับปี 2558 ที่ติดลบ 2.2%
สำหรับแนวโน้มของเศรษฐกิจในปี 2560 ที่คาดว่าจะขยายตัวได้ 3.0-4.0% นั้น มีปัจจัยสนับสนุนจาก แนวโน้มการกลับมาขยายตัวของภาคการส่งออก ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้การผลิตภาคอุตสาหกรรมและการลงทุนภาคเอกชนขยายตัวเร่งขึ้น โดยสศช. ปรับตัวเลขคาดการณ์มูลค่าการส่งออกในปี 2560 ขึ้น จากเดิมเมื่อวันที่ 21 พ.ย. 2559 ที่คาดว่ามูลค่าการส่งออกทั้งปี 2560 จะขยายตัวได้ 2.4% ปรับขึ้นเป็น 2.9% เป็นการขยายตัวครั้งแรกในรอบ 3 ปี และการฟื้นตัวและขยายตัวเร่งขึ้นของการผลิตภาคเกษตร จะช่วยเป็นปัจจัยสนับสนุน ให้ฐานรายได้และการใช้จ่ายของครัวเรือนในภาคเกษตรปรับตัวดีขึ้น ขณะที่การลงทุนภาครัฐก็ยังอยู่ในเกณฑ์สูง นอกจากนี้ ปี 2560 ยังมีการจัดทำงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมวงเงิน 190,000 ล้านบาท ซึ่งจะมีผลสนับสนุนเศรษฐกิจเช่นกัน ขณะที่แรงขับเคลื่อนจากการท่องเที่ยวก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี
“เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4 เริ่มเห็นสัญญาณการขยายตัวของการส่งออกที่กลับมาเป็นบวก โดยเพิ่มขึ้นทั้งด้านราคาและปริมาณ สัญญาณที่ดีขึ้นของการส่งออกในช่วงปลายปี 2559 จะส่งผลไปถึงการขยายตัวขึ้นของเศรษฐกิจโลกและการส่งออกในปี 2560 ด้วย ซึ่งคาดว่าในปี 2560 จะมีการส่งออกและภาคเกษตรเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจไทย รวมทั้งเศรษฐกิจไทยจะเติบโตบนฐานที่กว้างขึ้น เครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจจุดติดเกือบทุกเครื่อง จากเดิมเศรษฐกิจเติบโตจากการลงทุนภาครัฐและการท่องเที่ยวเป็นหลัก”
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงจีดีพีปี 2559 ที่ขยายตัว 3.2% ว่า เป็นที่น่าพอใจ เพราะถือว่าเกิดขึ้นในช่วงเศรษฐกิจโลกไม่ดี อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้รัฐจะต้องทำงานเต็มที่ เพื่อประคองเศรษฐกิจให้เติบโตตามเป้าหมาย ซึ่งหวังว่าปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 3.5%-4% และน่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะเมื่อรัฐบาลได้ผลักดันโครงการต่างๆ ออกมา และเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มที่ดีขึ้น
ด้านนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง กล่าวว่า จากตัวเลขจีดีพีดังกล่าว มั่นใจว่าการลงทุนในปีนี้จะเติบโตดี โดยจะมีปัจจัยในการผลักดันเศรษฐกิจ 2 เรื่อง 1.การลงทุนภาครัฐ 2.เอกชนเชื่อมั่น ซึ่งตรงนี้เอกชนเริ่มลงทุน ในส่วนของรัฐก็ไม่ประมาท และได้ตั้งงบลงทุนไว้สูง โดยไม่หยุดในเรื่องการลงทุน โดยทั้ง 2 ปัจจัยนี้จะช่วยผลักดันให้ทุกอย่างดีขึ้น จะเห็นได้ว่าทุกอย่างเริ่มฟื้นตัวและขยับตัว
https://www.khaosod.co.th/economics/news_226434
ในที่สุดประเทศไทนก็มีวันนี้ค่ะ....