ผมได้ติดตามโครงการ "วิ่งคนละก้าว" ของพี่ตูน (ขออนุญาตเรียกพี่ตูนเหมือนคนส่วนใหญ่ ถึงแม้ผมจะอายุมากกว่า) และติดตามดูไลฟ์สดการวิ่งของพี่ตูนทุกวัน มีความรู้สึกอยากจะขอร้องให้ทุกคนช่วยกัน ร่วมมือกัน ให้โครงการนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีโดยพี่ตูนไม่บาดเจ็บรุนแรง
ทุกคนก็รู้ดีว่าการวิ่งระยะทาง 2,191 กม. ระยะเวลา 55 วันนั้น มันหฤโหดขนาดไหน อย่าว่าแต่พี่ตูนเลย แม้กระทั่งนักกีฬาที่ฝึกซ้อมมาอย่างดีก็เหอะ ไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลย .. ยิ่งได้มาดูการไลฟ์สดแล้วยิ่งรู้สึกสงสารพี่ตูนมาก ไหนจะวิ่งเหนื่อยแล้ว ยังต้องรับเงินระหว่างทางที่มาในรูปแบบต่างๆ ทั้งพวงมาลัย กระปุกออมสิน และอื่นๆ .. ต้องเซลฟี่กับคนจำนวนมาก .. ต้องเซ็นกีตาร์ รูปภาพ .. โดนคนวิ่งตัดหน้า เหยียบตีน ดึงแขน(โดนเล็บจิก) เหนี่ยวคอ เพียงเพื่อให้ได้รูปของตัวเองกับพี่ตูนเอาไปลงโซเชี่ยล
ระยะทางเซ็ตละ 10-12 กม. จริงๆ แล้วพี่ตูนใช้เวลาวิ่งแค่ประมาณชั่วโมงเดียว แต่ต้องหยุดวิ่งและก้มหัวครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อให้คนคล้องพวงมาลัย ต้องหยุดให้คนเซลฟี่ ต้องหยุดเซ็นกีต้าร์ครั้งแล้วครั้งเล่า แทนที่วิ่งวันนึง 5 เซ็ต น่าจะใช้เวลา 9-10 ชม.(รวมเวลาพักแต่ละเซ็ต) กลายเป็นว่าต้องใช้เวลายาวนานถึง 15-16 ชม. ทำให้เหลือเวลาว่างเพื่อทำกายภาพบำบัดน้อยลง และได้นอนพักผ่อนแค่วันละ 3-4 ชม. .. แล้วร่างกายใครที่ไหนจะไปรับไหว
ยิ่งนานวัน กระแสพี่ตูนกับโครงการนี้ยิ่งแรงขึ้นทุกวัน .. ระหว่างทางมีคนคอยรอบริจาคและเซลฟี่กับพี่ตูนเยอะขึ้นๆ .. หน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนก็จัดงานเตรียมต้อนรับพี่ตูนอย่างยิ่งใหญ่ในเส้นทางที่พี่ตูนจะวิ่งผ่านไป .. แต่คิดบ้างมั้ยว่าเหล่านี้ ใช้เวลาพี่ตูนที่มีเวลาวิ่งแค่ 55 วัน และต้องทำระยะทางให้ได้ 2,191 กม.ตามที่ตั้งใจไว้ .. คิดบ้างมั้ยว่ามันจะทำให้พี่ตูนมีเวลาพักผ่อนน้อยลง และใช้ร่างกายมากขึ้น
เข้าใจนะครับ ว่าคนอยากจะบริจาคเงินให้พี่ตูนกับมือ อยากจะเซลฟี่กับพี่ตูนเพราะคงจะไม่มีโอกาสได้เจออีกแล้วในชีวิตนี้ อยากได้สัมผัสคนที่เค้ารัก .. ซึ่งก็เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ครับ .. แต่..จริงๆเราช่วยกันทำให้มันดีกว่านี้ได้ครับ ช่วยกันทำให้พี่ตูนบรรลุเป้าหมายได้ โดยที่ไม่ไปเป็นภาระหรือขัดขวางและทำให้พี่ตูนต้องเหนื่อยมากขึ้น
เราสามารถช่วยกันได้โดย :
1. บริจาคเงินผ่านทางช่องทางต่างๆที่มีอยู่มากมาย แทนที่จะต้องยื่นให้พี่ตูนตอนวิ่งผ่าน ทำให้สามารถถ่ายภาพพี่ตูนได้ง่ายขึ้น และจับจังหวะเซลฟี่ได้ดีขึ้นโดยไม่ต้องกังวลกับการยื่นเงินบริจาค แต่ถ้าหากอยากจะยื่นเงินให้พี่ตูนกับมือจริงๆ ให้ใส่ซองจะดีกว่าการทำเป็นพวงมาลัยคล้องคอ เพราะนอกจากจะทำให้ธนบัตรเสียหาย ตรวจนับยากขึ้น และอาจจะบาดคอพี่ตูนด้วย
2. ยืนรอเรียงเป็นแถว ไม่ไปกีดขวางทางวิ่ง ไม่กีดขวางทางจราจร ทำให้ทุกคนได้ภาพที่ดีขึ้น ไม่ใช่ไปรุมทึ้งพี่ตูน ทำให้คนอยู่รอบนอกไม่ได้ภาพ และยังเสี่ยงต่อการทำให้พี่ตูนหรือตัวคุณเองหรือเด็กเล็กบาดเจ็บอีกด้วย
3. กีตาร์ รูปภาพ และอื่นๆที่จะให้พี่ตูนเซ็น มันจำเป็นมากมั้ย .. ถ้าอยากได้ลายเซ็นจริงๆ เอามาให้เซ็นที่จุดเช็คพอยน์จะได้มั้ย
4. หน่วยงานต่างๆ ที่คอยต้อนรับพี่ตูน แสดงความชื่นชมพี่ตูน ขอให้จัดแบบเรียบง่ายในเส้นทางที่พี่ตูนวิ่งผ่านไปจะได้หรือไม่ .. ถ้าจัดเป็นเวทียิ่งใหญ่ ทำให้พี่ตูนต้องหยุด ขึ้นเวทีไปพูดแสดงความขอบคุณ .. สิ่งเหล่านี้ใช้เวลาไม่น้อย และเบียดเบียนเวลาพักผ่อนโดยไม่จำเป็น .. รอให้จบโครงการแล้วเอากระเช้าดอกไม้มาแสดงความยินดี แสดงความชื่นชม แสดงความขอบคุณกับพี่ตูนจะได้หรือไม่ อยากจะทำ PR ให้ยิ่งใหญ่ยังไงก็ทำไปได้เลย
บางคนบอกว่า วิ่งไม่ทัน 55 วัน ก็ยืดระยะเวลาออกไปสิ .. แต่จริงๆมันกระทบเยอะนะครับ ทั้งงานของพี่ตูนเองที่ยอมทิ้งงานที่สร้างรายได้ให้กับตัวเอง มาเสียสละเวลาเพื่อสังคมแบบนี้ และยังหมอต่างๆที่ต้องลางานมาดูแลพี่ตูนอีก..
เรื่องเหล่านี้ที่ผมกล่าวไป มีหลายคนพูดถึงกันบ้างแล้ว แต่อยากรณรงค์เพื่อให้ช่วยกันทำสิ่งเล็กน้อย เพื่อให้พี่ตูนและทีมงานทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ให้สำเร็จนะครับ..
เสียงเล็กๆ เพื่อพี่ตูน (ถึงแม้จะรู้ว่ามันไม่มีประโยชน์)
ทุกคนก็รู้ดีว่าการวิ่งระยะทาง 2,191 กม. ระยะเวลา 55 วันนั้น มันหฤโหดขนาดไหน อย่าว่าแต่พี่ตูนเลย แม้กระทั่งนักกีฬาที่ฝึกซ้อมมาอย่างดีก็เหอะ ไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลย .. ยิ่งได้มาดูการไลฟ์สดแล้วยิ่งรู้สึกสงสารพี่ตูนมาก ไหนจะวิ่งเหนื่อยแล้ว ยังต้องรับเงินระหว่างทางที่มาในรูปแบบต่างๆ ทั้งพวงมาลัย กระปุกออมสิน และอื่นๆ .. ต้องเซลฟี่กับคนจำนวนมาก .. ต้องเซ็นกีตาร์ รูปภาพ .. โดนคนวิ่งตัดหน้า เหยียบตีน ดึงแขน(โดนเล็บจิก) เหนี่ยวคอ เพียงเพื่อให้ได้รูปของตัวเองกับพี่ตูนเอาไปลงโซเชี่ยล
ระยะทางเซ็ตละ 10-12 กม. จริงๆ แล้วพี่ตูนใช้เวลาวิ่งแค่ประมาณชั่วโมงเดียว แต่ต้องหยุดวิ่งและก้มหัวครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อให้คนคล้องพวงมาลัย ต้องหยุดให้คนเซลฟี่ ต้องหยุดเซ็นกีต้าร์ครั้งแล้วครั้งเล่า แทนที่วิ่งวันนึง 5 เซ็ต น่าจะใช้เวลา 9-10 ชม.(รวมเวลาพักแต่ละเซ็ต) กลายเป็นว่าต้องใช้เวลายาวนานถึง 15-16 ชม. ทำให้เหลือเวลาว่างเพื่อทำกายภาพบำบัดน้อยลง และได้นอนพักผ่อนแค่วันละ 3-4 ชม. .. แล้วร่างกายใครที่ไหนจะไปรับไหว
ยิ่งนานวัน กระแสพี่ตูนกับโครงการนี้ยิ่งแรงขึ้นทุกวัน .. ระหว่างทางมีคนคอยรอบริจาคและเซลฟี่กับพี่ตูนเยอะขึ้นๆ .. หน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนก็จัดงานเตรียมต้อนรับพี่ตูนอย่างยิ่งใหญ่ในเส้นทางที่พี่ตูนจะวิ่งผ่านไป .. แต่คิดบ้างมั้ยว่าเหล่านี้ ใช้เวลาพี่ตูนที่มีเวลาวิ่งแค่ 55 วัน และต้องทำระยะทางให้ได้ 2,191 กม.ตามที่ตั้งใจไว้ .. คิดบ้างมั้ยว่ามันจะทำให้พี่ตูนมีเวลาพักผ่อนน้อยลง และใช้ร่างกายมากขึ้น
เข้าใจนะครับ ว่าคนอยากจะบริจาคเงินให้พี่ตูนกับมือ อยากจะเซลฟี่กับพี่ตูนเพราะคงจะไม่มีโอกาสได้เจออีกแล้วในชีวิตนี้ อยากได้สัมผัสคนที่เค้ารัก .. ซึ่งก็เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ครับ .. แต่..จริงๆเราช่วยกันทำให้มันดีกว่านี้ได้ครับ ช่วยกันทำให้พี่ตูนบรรลุเป้าหมายได้ โดยที่ไม่ไปเป็นภาระหรือขัดขวางและทำให้พี่ตูนต้องเหนื่อยมากขึ้น
เราสามารถช่วยกันได้โดย :
1. บริจาคเงินผ่านทางช่องทางต่างๆที่มีอยู่มากมาย แทนที่จะต้องยื่นให้พี่ตูนตอนวิ่งผ่าน ทำให้สามารถถ่ายภาพพี่ตูนได้ง่ายขึ้น และจับจังหวะเซลฟี่ได้ดีขึ้นโดยไม่ต้องกังวลกับการยื่นเงินบริจาค แต่ถ้าหากอยากจะยื่นเงินให้พี่ตูนกับมือจริงๆ ให้ใส่ซองจะดีกว่าการทำเป็นพวงมาลัยคล้องคอ เพราะนอกจากจะทำให้ธนบัตรเสียหาย ตรวจนับยากขึ้น และอาจจะบาดคอพี่ตูนด้วย
2. ยืนรอเรียงเป็นแถว ไม่ไปกีดขวางทางวิ่ง ไม่กีดขวางทางจราจร ทำให้ทุกคนได้ภาพที่ดีขึ้น ไม่ใช่ไปรุมทึ้งพี่ตูน ทำให้คนอยู่รอบนอกไม่ได้ภาพ และยังเสี่ยงต่อการทำให้พี่ตูนหรือตัวคุณเองหรือเด็กเล็กบาดเจ็บอีกด้วย
3. กีตาร์ รูปภาพ และอื่นๆที่จะให้พี่ตูนเซ็น มันจำเป็นมากมั้ย .. ถ้าอยากได้ลายเซ็นจริงๆ เอามาให้เซ็นที่จุดเช็คพอยน์จะได้มั้ย
4. หน่วยงานต่างๆ ที่คอยต้อนรับพี่ตูน แสดงความชื่นชมพี่ตูน ขอให้จัดแบบเรียบง่ายในเส้นทางที่พี่ตูนวิ่งผ่านไปจะได้หรือไม่ .. ถ้าจัดเป็นเวทียิ่งใหญ่ ทำให้พี่ตูนต้องหยุด ขึ้นเวทีไปพูดแสดงความขอบคุณ .. สิ่งเหล่านี้ใช้เวลาไม่น้อย และเบียดเบียนเวลาพักผ่อนโดยไม่จำเป็น .. รอให้จบโครงการแล้วเอากระเช้าดอกไม้มาแสดงความยินดี แสดงความชื่นชม แสดงความขอบคุณกับพี่ตูนจะได้หรือไม่ อยากจะทำ PR ให้ยิ่งใหญ่ยังไงก็ทำไปได้เลย
บางคนบอกว่า วิ่งไม่ทัน 55 วัน ก็ยืดระยะเวลาออกไปสิ .. แต่จริงๆมันกระทบเยอะนะครับ ทั้งงานของพี่ตูนเองที่ยอมทิ้งงานที่สร้างรายได้ให้กับตัวเอง มาเสียสละเวลาเพื่อสังคมแบบนี้ และยังหมอต่างๆที่ต้องลางานมาดูแลพี่ตูนอีก..
เรื่องเหล่านี้ที่ผมกล่าวไป มีหลายคนพูดถึงกันบ้างแล้ว แต่อยากรณรงค์เพื่อให้ช่วยกันทำสิ่งเล็กน้อย เพื่อให้พี่ตูนและทีมงานทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ให้สำเร็จนะครับ..